More Related Content
Similar to Nervous system
Similar to Nervous system (20)
More from Bios Logos (20)
Nervous system
- 7. ระบบประสาทของพลานาเรีย
-
-
มีปมประสาท 2 ปม อยูทีส่วนหัว เรียกว่า
่
ปม
ประสาทสมอง (cerebral ganglion) ทําหน้าทีเปน
็
สมอง
มี eyespot ทางด้านล่างของสมอง
มีเส้นประสาทด้านข้าง (Lateral nerve cords) และ
เส้นประสาทตามขวาง (Transverse nerve cords) มี
ลักษณะคล้ายขันบันได (ladder type)
- 12. ระบบประสาทของอาร์โทรพอด
มีสมองเกิดจากปมประสาท 2 ปม รวมกัน มีเส้นประสาทแยกไป
เลียงล ูกตา (optic nerve) 1 ค ู่ และไปเลียงหนวด (antennary
nerve) 1 ค ู่
มีปมประสาทใต้หลอดอาหาร (subesophageal ganglion) และ
เส้นประสาททางด้านท้อง (ventral nerve cord) ยาวตลอด
ความยาวตัว
ปล้องอกมีปมประสาทอก (thoracic ganglion) 3 ปม และปล้อง
ท้องมีปมประสาทท้อง (abdominal ganglion) 6 ปม
- 16. ระบบประสาทของพวกมอลลัสก์
มีปมประสาท
3 ปม ได้แก่
- ปมประสาทสมอง (cerebral ganglion) ทําหน้าที
ควบค ุมอวัยวะตอนบน บริเวณปาก และมัด
กล้ามเนือติดเปลือก
- ปมประสาททีอวัยวะภายใน (visceral ganglion)
ทําหน้าทีควบค ุมอวัยวะภายใน เช่น ระบบย่อย
อาหาร ตับ หัวใจ
- 24. เซลล์ประสาท (Neuron)
ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ
1. ตัวเซลล์ประสาท (cell body)
- มีร ูปร่างแบบรูปไข่ รูปกลมหรือเหลียม
ขนาดไม่แน่นอน
- มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ ภายในมี RER
รวมกันเปนกลมทําให้มองเห็นเปนเม็ดเล็กๆ
็
ุ่
็
เรียกว่า นิสส์บอดี (nissl body) นอกจากนี
ยังพบ ไรโบโซม ไลโซโซม
- 25. 2. ใยประสาท (cell process or nerve fiber)
ใยประสาทประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
2.1 เดนไดรต์ (dendrite) เปนส่วนของตัวเซลล์ทียืน
็
ออกมา ทําหน้าทีรับกระแสประสาทจากภายนอกเข้าสูตว
่ ั
เซลล์ประสาท ภายในมีนิสส์บอดี (nissl body) และ ไมโท
คอนเดรีย
2.2 แอกซอน (axon) เปนส่วนของเซลล์ประสาททียืน
็
ออกมา ทําหน้าทีส่งกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ไปยัง
อวัยวะตอบสนอง
1 เซลล์จะมีแอกซอนเพียง 1 แขนงเท่านัน
- 26. 2. ใยประสาท (nerve
fiber) (ต่อ)
- แอกซอนมักถูกหมด้วยเยือไขมันชนิดลิโพโปรตีน
ุ้
(lipoprotein) เรียกว่า เยือไมอีลิน (myelin sheath)
ซึงเป็ นส่วนหนึงของเซลล์ชวันน์ (Schwann cell)
- บริเวณเยือไมอีลินเป็ นส่วนคอด เรียกว่า โนดออฟ
เรนเวียร์ (node of ranvier)
- แอกซอนทีมีเยือไมอีลินหมจะทําให้การส่งกระแส
ุ้
ประสาทมีลกษณะเป็ นช่วงๆ (saltatory conduction)
ั
- 35. เซลล์ประสาทแบ่งตามจํานวนแขนงทีแยกออกจาก
ตัวเซลล์ประสาท
แบ่งเปน 3 ชนิด คือ
็
1. เซลล์ประสาทขัวเดียว
(unipolar neuron หรือ pseudounipolar
เปนเซลล์ประสาทรับความรสึก
็
ู้
(sensory neuron) ทีมีสวนทียืนแยก
่
จากตัวเซลล์เพียง 1 เส้น พบได้ที
ปมประสาทด้านหลังของไขสันหลัง
(dorsal root ganglion) ปมประสาท
ของประสาทสมองคที 5
ู่
(trigeminal ganglion )
neuron)
- 36. 2. เซลล์ประสาทสองขัว (bipolar neuron )
ส่วนใหญ่เป็ นเซลล์ประสาทรับความรสึก
ู้
(sensory neuron) ทีมีสวนทียืนแยกจาก
่
ตัวเซลล์ 2 ข้าง พบได้ที เซลล์ประสาทบริเวณ
เรตินาในดวงตา เซลล์รบกลินในจมูกและ
ั
เซลล์ของหชนใน
ูั
- 37. 3. เซลล์ประสาทหลายขัว (multipolar
neuron )
เป็ นเซลล์ประสาทส่วนใหญ่ของร่างกาย
มีเดนไดรต์แยกออกจากตัวเซลล์หลายอันแต่
มีแอกซอนเพียงอันเดียว พบได้ที เซลล์ประสาท
สังการของสมองและไขสันหลัง (motor neuron)
และเซลล์เพอร์คินเจ (Purkinje cell) ในซีรเบลลัม
ี
ส่วนใหญ่เป็ นเซลล์ประสาทสังการและเซลล์ประสาท
ประสานงาน (motor and association neuron)
- 39. เซลล์ประสาทแบ่งตามหน้าทีการทํางาน
แบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1. เซลล์ประสาทรับความรสึก (sensory neurons)
ู้
เป็ นเซลล์ประสาทนําเข้า (afferent neuron)
ซึงจะนํากระแสประสาทจากตัวรับความรูสึก
้
(receptors) ในผิวหนังและอวัยวะรับความรูสึกไปยัง
้
สมองและไขสันหลัง
- 40. 2. เซลล์ประสาทสังการ (motor
neurons)
เป็ นเซลล์ประสาทนําออก (efferent neurons)ทีมี
ใยประสาทแอกซอนยาวกว่าเดนไดรต์โดยอาจยาวถึง 1
เมตร มีหน้าทีส่งกระแสประสาทออกจากไขสันหลังไปยัง
หน่วยปฏิบติงาน (effector organs หรือ motor neurons)
ั
ได้แก่ กล้ามเนือแขนขา ทีอยูห่างไกลจากไขสันหลัง
่
- 43. นิวโรเกลียหรือเกลียเซลล์
(neuroglia or glia cell)
ประกอบด้วยเซลล์หลายชนิดได้แก่
1. แอสโตรเกลียหรือแอสโตรไซด์ (astroglia
astrocytes)
เซลล์พวกนีมีร ูปร่างคล้ายดาว
ทําหน้าทีควบค ุมการซึมผ่านเข้าออก
ของสารเคมีต่างๆ จากเส้นเลือดสู่
เนือเยือประสาท (blood–brain barrier)
or
- 45. 4. เซลล์อีเพนไดมอล (ependymal cells)
เป็ นเซลล์ทีคาดทีผนังของช่องว่าง
ในสมอง ทําหน้าทีเกียวกับการสร้างและ
ด ูดซึมนําไขสันหลัง
5. เซลล์ชวันน์ (Schwann cell)
ทําหน้าทีสร้างปลอกหมเยือไมอีลิน
ุ้
ในระบบประสาทรอบนอก
- 53. 1. Resting membrane potenital
- มีการแพร่ของไอออน (K+, Na+) เข้าและออกจากเซลล์ประสาท
ซึงเยือหมเซลล์จะยอมให้ K+ แพร่ได้ง่ายกว่า Na+ ประมาณ
ุ้
50 – 100 เท่า
- เกิดกระบวนการโซเดียมโพแทสเซียมปั ม (Na+- K+ pump)
- ในระยะนีผิวด้านนอกจะมี Na+ มากจึงแสดงเปนประจุบวก
็
ส่วนผิวด้านในมี K+ มากแต่แสดงเปนประจุลบ เนืองจาก
็
ภายใน
เซลล์มีโปรตีนทีแสดงประจุส ุทธิเปนลบ
็
- ความต่างศักย์ไฟฟาระหว่างผิวด้านนอกกับด้านในเท่ากับ -60 ถึง
้
-70 mv
- 54. 2. Depolarization
- มีการเปลียนศักย์ไฟฟาจากค่า resting membrane
้
potential ทีเปนลบ (-70 mV. ใน cell ขนาดใหญ่
็
หรือ -40 ถึง -60 ใน cell ขนาดเล็ก) ให้มีความเปน
็
ลบลดลง (ความเปนบวกเพิมขึน) ซึงเรียกว่า
็
depolarization
-
Na+ รัวเข้ามาภายในเซลล์ ทําให้ผิวด้านในเซลล์มี
ประจุเป็ นบวก และผิวด้านนอกสูญเสีย Na+ ไป จะ
มี
ประจุเป็ นลบ
- 55. 3. Repolarization
เป็ นการเปลียนศักย์ไฟฟาจาก depolarization
้
ให้กลับเข้าสูค่า resting membrane potential
่
ปกติ โดยภายในเวลา 0.2 m.sec. หลังจาก cell
membrane มีการเปลียนแปลง permeability ต่อ
Na+ แล้วนัน Na+ channel ก็จะปิ ด และมีการเปิ ด
ของ K+ channel มากกว่าปกติ K+ จะถูกปล่อย
ออกมานอก cell ทําให้ภายใน cell กลับเข้าสู่
negative potential ตามปกติจึงเรียกว่า
repolarization
- 56. 4. Hyperpolarization
hyperpolarization (หรือเดิมเรียกว่า positive
)
after potential เปนภาวะที membrane potential
็
มีความเปนลบเพิมมากขึนจากระยะพัก ซึงเกิดจาก K+
็
channel ปดอย่างช้าๆ หรือบาง channel ยังคงเปดอยู่ ทํา
ิ
ิ
ให้มีการรัวไหลของ K+ ออกมานอก cell หลังจากช่วง
repolarization
- 62. ไซแนปส์ทีพบโดยทัวไปมี 2 ประเภท คือ
1.
Electrical synapse
- เปนไซแนปส์ทีทําให้แอกชันโพเทนเชียลเดินทางจาก
็
presynaptic cell ไปยัง postsynaptic
cell โดยผ่านทาง gap junction
- ประโยชน์ คือ การส่งกระแสประสาทจะไม่มีการเสียเวลา
ในการส่งผ่านระหว่างเซลล์ ไม่มีการสูญเสียความแรงของ
สัญญาณ
- พบในระบบประสาทส่วนกลางมักเกียวกับกิจกรรมที
อาศัยความพร้อมเพรียงในการทํางาน การเคลือนไหวทีมี
แบบแผนเฉพาะตัว เช่น การบีบตัวของกล้ามเนือหัวใจ การ
เคลือนไหวของลําไส้
- 64. 2. Chemical synapse
บริเวณของ Chemical synapse จะมีช่องว่าง
เรียกว่า synaptic cleft แยก presynaptic cell
ออกจาก postsynaptic
cell
บริเวณปลายแอกซอนจะโปงออก ภายในไซโทพลา
่
ซึมจะมีโครงสร้างเปนถ ุงจํานวนมาก เรียกว่า
็
synaptic vesicles
- 74. เยือหุ้มสมองและไขสั นหลัง (meninges)
มี 3 ชัน คือ
1. เยือหุ้มสมองชันนอก (dura mater)
เป็ นเยือทีหนาและทนทาน ใกล้กบกะโหลกศีรษะมากทีสุ ด
ั
ภายในมีหลอดเลือดขนาดใหญ่ซึงแตกแขนงออกเป็ น
หลอดเลือดฝอยในเยือเพีย เยือดูราอาจถูกล้อมรอบและ
คําจุนไปด้ วยช่ องเลือดดําขนาดใหญ่ (venous channels)
เรียกว่า dural sinuse ทําหน้ าทีขนส่ งเลือดจากสมอง
ไปยังหัวใจ
- 75. 2. เยือหุ้มสมองชันกลาง (arachnoid mater)
ทําหน้ าทีกันการกระทบกระเทือนต่ อระบบประสาทกลาง
เยืออะแร็กนอยด์ มลกษณะบาง ใส เชือว่ านําซึมผ่ านไม่ ได้
ีั
ในบริเวณของสมองจะมีเส้ นใยจํานวนมาก เรียกว่ า
อะแร็กนอยด์ ทราบีคูลาร์ (arachnoid trabeculae) ทีผ่ าน
ชันอะแร็กนอยด์ ไปยังช่ องว่ างใต้ เยืออะแร็กนอยด์
(subarachnoid space) เพือเชือมกับเนือเยือของเยือเพีย
เยืออะแร็กนอยด์ และเยือเพียอาจเรียกรวมกันว่ า
"เลปโตเมนิงซ์ " (leptomeninges)
- 76. 3. เยือเพียหรือเยือหุ้มสมองชันใน (pia mater)
เป็ นเยือทีอยู่ชิดกับสมองและไขสันหลังมากทีสุ ด แนบ
ไปกับกลีบ (gyrus) และร่ อง (sulcus) ของสมอง
ประกอบด้ วยเนือเยือเส้ นใย (fibrous tissue) ทีถูกปกคลุม
ด้ วยแผ่นของเซลล์แบน ๆ นําซึมผ่านไม่ ได้
เยือเพียจะมีหลอดเลือดและหลอดเลือดฝอยที
ทําหน้ าทีเลียงสมอง
- 81. ระบบประสาทของสั ตว์ ทีมีกระดูกสั นหลัง
แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน ตามตําแหน่ งทีอยู่ คือ
1. ระบบประสาทส่ วนกลาง ได้ แก่
สมอง (brain)
ไขสั นหลัง (Spinal cord)
2. ระบบประสาทส่ วนปลาย
เส้ นประสาทสมอง 12 คู่ (cranial nerve = CN)
เส้ นประสาทไขสั นหลัง 31 คู่ (spinal nerve)
ปมประสาท (ganglia)
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
- 82. ระบบประสาทแบ่ งตามหน้ าที แบ่ งได้ 2 ประเภท คือ
ระบบประสาทโซมาติก
ระบบประสาทอัตโนวัติ
ส่ วนประกอบของสมอง
สมองใหญ่ (cerebrum) แบ่ งออกเป็ น 2 ซีก แต่ ละซีกเรียกว่ า
cerebral hemisphere
สมองแต่ ละซีกแบ่ งออกเป็ น 2 ชัน
ชันนอก (cerebral cortex) เรียกอีกชือว่ า gray matter
ชันใน (cerebral medulla) เรียกอีกชือว่ า white matter
- 84. บนสมองมี gyrus มากมาย มี 2 ร่ อง ซึงแบ่ ง
สมองทางด้ านข้ างออกเป็ น 4 lobe มี sulcus อยู่
ระหว่ าง gyrus เมือมองสมองทางด้ านข้ างจะเห็นเป็ น
4 lobe คือ
1. frontal lobe
2. parietal lobe
3. temporal lobe
4. occipital lobe
- 87. 1. ฟรอนทัลโลบ (frontal lobe)
ทําหน้ าทีเกียวกับความจํา ความคิด
และทําให้ เกิดความฉลาดของสิ งมีชีวต
ิ
แต่ ละชนิดเป็ นศูนย์ ควบคุมการทํางาน
ของกล้ ามเนือ
- 88. 2. เทมเพอรัลโลบ (temporal lobe)
ทําหน้ าทีเกียวกับการดมกลิน
การได้ ยน การพูด การเข้ าใจคําพูด
ิ
และความเข้ าใจเกียวกับการอ่ าน
- 89. 3. พาเรียทัลโลบ (parietal lobe)
ทําหน้ าทีเกียวกับการรู้ สึกตัว
การเขียน และศูนย์ ควบคุมการรับรู้
ประสาทสั มผัส (sensory area)
- 96. ออลแฟคทอรี บัลล์ (Olfactory bulb)
เป็ นศูนย์ กลางการรับกลิน เจริญดีใน
ปลา ในสั ตว์ เลียงลูกด้ วยนํานมไม่ เจริญ
เนืองจากศูนย์ กลางการรับกลินอยู่ที
ซีรีบรัม
- 99. สมองส่ วนท้ าย
ประกอบด้ วย 3 ส่ วนคือ
1. ซีรีเบลรัม (cerebellum)
2. พอนส์ (pons)
3. เมดัลลาออบลองกาตา (medulla oblongata)
- 102. 3. เมดัลลาออบลองกาตา (medulla oblongata)
เป็ นศู นย์ ควบคุมการทํางานของระบบ
ประสาทอัตโนวัตต่างๆ เช่ น การเต้ นของหัวใจ
ิ
การหายใจ การหมุนเวียนเลือด ความดันเลือด
การเคลือนไหวของกล้ามเนือลําไส้ และเป็ น
ศู นย์ ปฏิกริยาสะท้ อนกลับบางอย่ าง เช่ น การไอ
ิ
การจาม การอาเจียน การกลืน