More Related Content
Similar to Biology bio11 (20)
Biology bio11
- 1. รายการที่ 11
ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
วิทยากร อ.สมาน แกวไวยุทธ
คณะวิทยาศาสตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
1. การฉีดทอกซอยดของเชื้อบาดทะยักเขาไปในรางกายจะกระตุนใหเกิดภูมิคุมกันชนิดใด และเปนอยางไร
1. ภูมิคุมกันกอเอง เกิดชา หายเร็ว
2. ภูมิคุมกันกอเอง เกิดชา อยูไดนาน
3. ภูมิคุมกันกอเอง เกิดเร็ว อยูไดนาน
4. ภูมิคุมกันรับมา เกิดเร็ว หายเร็ว
2. การยอมทําสี Blood smear ดวยสี Wright's stain โดยใชเลือดของคนที่ติดเชื้อแบคทีเรียมาเปนตัว
อยางภาพเม็ดเลือดชนิดตางๆ ที่ดูจากกลองจุลทรรศนควรมีลักษณะอยางไร
ก.
ข.
1. ก
3. ค
ค.
ง.
2. ข
4. ง
3. อวัยวะชนิดใดที่ไมไดจัดวาเปนอวัยวะน้ําเหลือง (Lymphatic organ)
1. ตอมไทมัส
2. มาม
3. ตอมทอนซิล
4. ตับ
4. เชื้อโรคชนิดใดที่สามารถสรางสารพิษได และสามารถสกัดเอาสารพิษมาทําใหหมดฤทธิ์ลง และนํามาใช
ฉีดปองกันโรคนั้นได
1. เชื้อโรคคอตีบ
2. เชื้อโรคไอกรน
3. เชื้อวัณโรค
4. เชื้อโรคฝดาษ
"ETV ติวเขม"วิชาชีววิทยา : ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
1
- 2. 5. ภูมิคุมกันโรคบาดทะยักของคนในขอใดที่มีประสิทธิภาพ และคงอยูเปนเวลานาน
ก. บุคคลที่หายปวยจากการไดรับเชื้อบาดทะยักทางบาดแผล
ข. บุคคลที่ไดรับการฉีดวัคซีนเชื้อบาดทะยักที่ตายแลว
ค. บุคคลที่ไดรับการฉีดพิษของเชื้อบาดทะยักที่ถูกทําใหหมดฤทธิ์แลว
ง. ทารกเกิดใหมที่แมไดรับการฉีดวัคซีนเชื้อบาดทะยักระหวางตั้งครรภ
จ. ทารกที่ดื่มน้ํานมแมที่ไดรับการฉีดวัคซีนเชื้อบาดทะยัก
ฉ. บุคคลที่ไดรับการฉีดเซรุม (serum) ของมาที่ไดรับการฉีดเชื้อบาดทะยัก
1. ก ข และ ค
2. ก ค และ ง
3. ข จ และ ฉ
4. ค ง และ จ
6. นายแดงมีหมูเลือด A จะพบ Anti-A antibody ในซีรัมของนายแดงตลอดเวลา ถึงนายแดงจะไมเคยได
รับการถายเลือดมากอนก็ตาม สภาวะนี้เปนภูมิคุมกันแบบใด
ก. ภูมิคุมกันที่มีมาแตกําเนิด (Natural immunity)
ข. ภูมิคุมกันแบบกอเอง (Active immunity)
ค. ภูมิคุมกันแบบรับมา (Passive immunity)
2. ข
1. ก
3. ข และ ค
4. ก และ ค
7. การตายของลูกคนที่ 2 เนื่องจากแมและลูกมีเลือดหมู Rh ไมตรงกัน เกิดขึ้นเพราะ
ขอ
1.
2.
3.
4.
แม
มีแอนติบอดี Rh โดยกําเนิด
มีแอนติเจน Rh โดยกําเนิด
มีแอนติบอดี Rh กอเองหลังคลอดลูกคนแรก
มีแอนติเจน Rh โดยกําเนิด
ลูกคนที่ 2
มีแอนติเจน Rh โดยกําเนิด
มีแอนติบอดี Rh โดยกําเนิด
มีแอนติเจน Rh โดยกําเนิด
มีแอนติบอดี Rh กอเองหลังจากลูกไดรับเลือดของแม
8. การหยอดวัคซีนปองกันโรคโปลิโอใหเด็ก จะทําใหเกิดสภาวะสรางภูมิคุมกันแบบใด
ก. ภูมิคุมกันโดยกําเนิด
ข. ภูมิคุมกันจําเพาะ
ค. ภูมิคุมกันกอเอง
ง. ภูมิคุมกันรับมา
1. ก และ ค
2. ก และ ง
3. ข และ ค
4. ข และ ง
"ETV ติวเขม"วิชาชีววิทยา : ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
2
- 3. 9. เมื่อนําเลือดของคนเปนโรคภูมิแพ เชน แพเกสรดอกไม มาตรวจนับจะพบเม็ดเลือดขาวชนิดใดมี
ปริมาณเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
1. นิวโทรฟล
2. อีโอซิโนฟล
3. เบโซฟล
4. โมโนไซต
10. เมื่อรางกายไดรับเชื้อแอนแทรกซทางผิวหนัง รางกายใชเซลลใดและกระบวนการใดในการกําจัดเชื้อ
ดังกลาว
ขอ
เซลล
กระบวนการ
1. ลิมโฟไซตชนิด บี
ฟาโกไซโทซิส
2. ลิมโฟไซตชนิด ที
แอกทีฟทรานสปอรต
3. เซลลเมมเมอรี
พิโนไซโทซิส
4. ฟาโกไซต
ฟาโกไซโทซิส
11. การกําจัดแบคทีเรียโดยเซลลเม็ดเลือดขาวและการกินแบคทีเรียของอะมีบาเปนแบบใด
ขอ
1.
2.
3.
4.
เม็ดเลือดขาว
พิโนไซโทซิส
ฟาโกไซโทซิส
ฟาโกไซโทซิส
พิโนไซโทซิส
อะมีบา
พิโนไซโทซิส
ฟาโกไซโทซิส
พิโนไซโทซิส
ฟาโกไซโทซิส
12. คนที่เคยเปนโรคคางทูมมาตั้งแตเด็ก สวนมากจะมีภูมิคุมกันตอโรคคางทูมไปตลอดชีวิต การเกิด
ภูมิคุมกันตอโรคคางทูมเปนแบบใด
ก. ภูมิคุมกันโดยกําเนิด
ข. ภูมิคุมกันจําเพาะ
ค. ภูมิคุมกันกอเอง
ง. ภูมิคุมกันรับมา
1. ก และ ข
2. ข และ ค
3. ค และ ง
4. ก และ ง
13. การเรียงลําดับอายุของเซลลในขอใดถูกตองที่สุด
ก. เซลลเมมเมอรี
ค. เซลลฟาโกไซต
1. ก > ข > ค
3. ข > ก > ค
"ETV ติวเขม"วิชาชีววิทยา : ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
ข. เซลลเม็ดเลือดแดง
2. ก > ค > ข
4. ข > ค > ก
3
- 4. 14. จากแผนผัง เซลล A, B, C และ D คือพวกใด
ขอ
1.
2.
3.
4.
A
โมโนโซต
นิวโทรฟล
ลิมโฟไซตชนิดที
โมโนไซต
B
เซลลพลาสมา
ลิมโฟไซตชนิดที
นิวโทรฟล
นิวโทรฟล
C
นิวโทรฟล
เซลลพลาสมา
โมโนไซต
เซลลพลาสมา
D
ลิมโฟไซตชนิดที
โมโนไซต
เซลลพลาสมา
ลิมโฟไซตชนิดที
15. เซลลเม็ดเลือดขาวในขอใดมีกลไกกําจัดแอนติเจนเหมือนกัน
ก. Phagocyte
ข. Plasma cell
ค. Killer T-cell
1. ก และ ข
2. ข และ ค
3. ก และ ค
4. ก ข และ ค
16. เซลลเม็ดเลือดขาวในขอใด กําจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เขามาในรางกาย ดวยวิธีการแบบ
ฟาโกไซโทซิส
1.
2.
3.
4.
"ETV ติวเขม"วิชาชีววิทยา : ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
4
- 5. 17. การทํางานของเซลลในขอใดเกี่ยวของกับ Helper T-Cell
ก. B-lymphocyte
ข. Memmory cell
ค. Cytotoxic T-Cell
1. ก และ ข
2. ข และ ค
3. ก และ ค
4. ก ข และ ค
18. ลิมโฟไซตที่ทําหนาที่สรางและหลั่งแอนติบอดีเขาสูกระแสโลหิตจะพบโครงสรางใดเจริญดี
ก. เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรียบ
ข. เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวขรุขระ
ค. กอลจิคอมเพลกซ
ง. ไลโซโซม
1. ก และ ค
2. ข และ ค
4. ข ค และ ง
3. ก ค และ ง
19. สัตวจะมีภูมิคุมกันกอเอง (active immunization) ไดจะตองมีเซลลชนิดใด
1. Neutrophil
2. Memmory cell
3. Monocyte
4. Lymphocyte
20. เม็ดเลือดขาว ชนิดใดมีปริมาณมากที่สุดในรางกายมนุษย
1. Monocyte
2. Lymphocyte
3. Neutrophil
4. Basophil
"ETV ติวเขม"วิชาชีววิทยา : ภูมิคุมกันของรางกาย (ตอนที่ 2)
5