More Related Content
Similar to ระบบประสาทPart1blank (20)
More from Thanyamon Chat. (20)
ระบบประสาทPart1blank
- 2. เซลล์ประสาทและระบบประสาทของคน
มีระบบประสาทที่พัฒนามาก ประกอบด้วย สมอง (brain)
ไขสันหลัง (spinal cord) เส้นประสาทสมอง (cranial nerve) และ
เส้นประสาทไขสันหลัง (spinal nerve) ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่สาคัญ คือ
เซลล์ประสาท (nerve cell หรือ neuron)
ทั่วร่างกายมีเซลล์ประสาทประมาณแสนล้านเซลล์ ประกอบด้วย ตัวเซลล์
(cell body หรือ soma) และส่วนที่เป็นแขนงยื่นออกมาจากตัวเซลล์ เรียก
ใยประสาท (nerve fiber) ตัวเซลล์มีลักษณะค่อนข้างกลมเป็นส่วนของไซโทพลาซึม
และนิวเคลียส ตัวเซลล์มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-25 ไมโครเมตร ภายในมี
ออร์แกเนลล์ที่สาคัญคือ ไมโทคอนเดรีย ร่างแหเอนโดพลาซึมและกอลจิบอดีจานวนมาก
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 2กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 7. Dendrite
-………………………………………………………………..
มายัง cell body (ทาหน้าที่คล้ายเสาอากาศ)
-………………………………….เพื่อให้มีพื้นที่ผิวมากและ
สามารถรับข้อมูลได้มากๆก่อนจะส่งข้อมูลไปยังcell body
-คาสั่งอาจจะส่งหรือไม่ส่งต่อไปยังaxon ขึ้นอยู่
กับความแรงของสัญญาณว่าถึง …………………………..
หรือไม่
-ในเซลล์ประสาทที่ไม่มี dendrite จะรับข้อมูล
โดยตรงทาง …………………………..
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 7กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 8. Cell body
-Cell body …………………………………………………………..
……………………………………………………………………………..
-ประกอบด้วย ………………………….. ต่าง ๆ เหมือนเซลล์ทั่วไป
-…………………………………………………: การเข้ามารวมกลุ่มกัน
ของnerve cell body ในบริเวณ PNS เช่นที่ dorsal root
ganglion
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 8กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 10. - synaptic terminal (axon
ending) : ส่วนปลายของaxon ทาหน้าที่
หลั่ง……………………………………………….
-…………………… : บริเวณที่ synaptic
terminal หรือส่วนปลายของ axon ไป
สัมผัสกับเซลล์เป้าหมา(neuron/effector)
-เซลล์ที่ส่งสัญญาณเรียก …………………….
-เซลล์เป้าหมายเรียก …………………………
(จะมีreceptor ต่อ neurotransmitter)
Synaptic terminal
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 10กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 11. เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง axon และ dendrite
Axon Dendrite
1.นาข้อมูล/สัญญาณ 1.นาข้อมูล/สัญญาณ
2.smooth surface 2.rough surface
3.มี 1 axon/cell 3.
4.ไม่มี ribosome 4.มี ribosome
5. 5.ไม่มี myelin
6.มีการแตกแขนงในตาแหน่งที่ห่างจาก cell
body
6.
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 11กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 12. -Glia : ทาหน้าที่……………………………….มีจานวนมากกว่าเซลล์ประสาท 10-50 เท่า
……………………………………………………………………………………………………………
-………………………………… : glia cell ใน CNS
-………………………………… (ในCNS) และ ……………………………… (ในPNS) :
glial cell ที่เป็น myelin sheath
Supporting cell or glial cells or glia
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 12กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 13. Neuron แบ่งเป็น 3 ชนิด ตามการนาคาสั่ง
1. Sensory neuron ทาหน้าที่……………………………..
………………………………….. (เป็น receptor neuron)
เช่น olfactory nerve cells ……………………………….
……………………………… แล้วแปลคาสั่งจากสิ่งเร้าในรูปแบบ
ต่างๆเป็น electrical signal ส่งไปยังinterneuron หรือ
motor neuron โดยตรง
2.Interneuron ……………………จาก sensory neuron
หรือ interneuron อื่น และรวบรวมข้อมูล แปลผล
………………………………………….ไปยัง motor neuron
3.Motor neuron …………………………………………จาก
interneuron ไปยัง …………………………………………….
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 13กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 14. Membrane potential
-membrane potential : ความต่างศักย์ที่เยื่อเซลล์
เนื่องจากความแตกต่างของอิออนในและนอกเซลล์
(Na+ K+ Cl- และโปรตีน) ปกติมีค่า = -50 ถึง
-100 mV (ปกติประมาณ -70 mV)
-สามารถวัดได้โดยใช้ microelectrode ต่อกับ
voltmeter หรือ oscilloscope
-membrane potential ของเซลล์ประสาทขณะที่
ยังไม่ถูกกระตุ้นเรียก resting potential
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 14กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 15. -Chemically-gated ion channels : เป็นประตูที่เปิด-ปิดเมื่อได้รับการกระตุ้น
จากสารเคมี เช่น neurotransmitter โดย gated ion channel จะจาเพาะต่อ
ion ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น
-Voltage-gated ion channels : เป็นประตูที่เปิด-ปิดจากการกระตุ้นของ
membrane potential
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 15กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 16. การทางานของเซลล์ประสาท
กระแสประสาทเคลื่อนที่ไปในใยประสาทได้ด้วย ………………………………..
(eletrochemical reaction) การกระตุ้นต่าสุดที่ทาให้เกิดการตอบสนองในสภาพ
ปกติมีค่าประมาณ …………………………..จึงจะมีผลทาให้เกิดการนากระแสประสาทขึ้น
จากจุดที่กระตุ้นไปจนถึงปลายของแอกซอน การนากระแสประสาทนี้ เมื่อเกิดแล้วจะเกิด
โดยตลอดในอัตราสม่าเสมอ ไม่สูญหายไป ระหว่างทาง เรียก “………………………..”
คือ ถ้ากระตุ้นด้วยแรงเพียงพอก็จะเกิดการนากระแสความรู้สึกโดยตลอด ………………..
……………………………………………………………
…………………………………………………………….
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 16กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 17. เยื่อหุ้มเซลล์ประสาทเป็น phospholipid bilayer มีโปรตีนแทรกอยู่ทั่วไปทาให้เกิดเป็น
ช่อง ประจุไฟฟ้าบางชนิดจึงผ่านเข้าออกได้ เช่น…………………………………………………..
……………………………………………………………………. ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สาคัญของ
โครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์ เนื่องจาก Ca2+ ทาหน้าที่……………………………………………
………………………………แต่เมื่อถูกกระตุ้นระดับ Ca2+ ที่เยื่อหุ้มเซลล์จะลดต่า เปิดโอกาส
ให้ Na+ รั่วเข้าไปภายในเซลล์ได้มากขึ้นเป็นผลให้ศักย์ไฟฟ้าในสภาวะพักของเซลล์ลดต่าลง
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 17กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 18. Action potential หรือ nerve impulse
-การเกิดกระแสประสาท โดย………………………………………………………………………….
………………………………………………………….ที่ทาให้เกิด depolarization จนถึงระดับ
threshold potential
-เกิดที่ axon เท่านั้น
และเป็นแบบ all or none
แบ่งเป็น 5 ระยะดังนี้
1.Resting state
2.Threshold
3.Depolarization
4.Repolarization
5.Hyperpolarizationคุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 18กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 19. ระยะที่ 1 : Resting State
-ทั้ง ……………………………………
…………………………………....ไม่เกิด
การเปลี่ยนแปลงต่อ membrane
potential ประจุไฟฟ้าภายในเซลล์
ประมาณ ………………………….
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 19กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 20. ระยะที่ 2 : Threshold
-สิ่งเร้ามากระตุ้น ทาให้ ……………………….
…………………………………. ถ้าการไหลของ
Na+ เข้าสู่เซลล์มากพอจนถึงระดับ
threshold potential จะกระตุ้น Na+
gate เปิดมากขึ้น และกระตุ้นให้เกิด
………………………….ประจุไฟฟ้าภายในเซลล์
เปลี่ยนจาก
…………………………..
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 20กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 21. ระยะที่ 3 : Depolarization
-activation gate
ของ ……………………..
……………………………
ดังนั้นการเคลื่อนที่ของ
………………………….
จึงทาให้ภายในเซลล์มี
ประจุเป็นบวกมากขึ้น
จาก
……………………………
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 21กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 22. ระยะที่ 4: Repolarization
………………………….
…………………………….
ทาให้ Na+ไม่สามารถ
เคลื่อนเข้าสู่ภายในเซลล์ได้อีก
ในขณะที่ ………………………………
จึงทาให้ภายในเซลล์มีประจุเป็นลบเพิ่มขึ้น
กลับคืนสู่สภาวะ resting state
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 22กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
ประจุไฟฟ้าเปลี่ยน ……………………………
- 23. ระยะที่ 5 : Hyperpolarization หรือ undershoot
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 23กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
Na+ channel ปิด แต่ K+ channel ยังเปิดอยู่ (relatively slow gate) จึงทาให้ภายในเซลล์
มีประจุลดลงต่ากว่า resting state (-70mV -90mV) ซึ่งเป็นระยะที่ป้องกันไม่ให้เกิดการ
ส่งกระแสประสาทในบริเวณนั้นซ้าอีก หลังจากนั้นเซลล์จะกลับสู่สภาวะปกติ โดยการทางานของ
………………………………………………… และพร้อมจะตอบสนองต่อการกระตุ้นลาดับถัดไป
- 24. Na–K Pump
กระบวนการโซเดียมโพแทสเซียมปั๊ม (sodium-potassium pump : Na-K pump)
คือ เยื่อหุ้มเซลล์ส่ง Na+ ออกไปนอกเซลล์ ขณะเดียวกันจะดึง K+ ให้อยู่ภายในเซลล์
ใน…………………………………………………… เสมอ เพื่อให้เซลล์ประสาทอยู่ในภาวะปกติ
Na-K pump เป็นกระบวนการแอกทิฟทรานสปอร์ตที่ใช้พลังงานภายในเซลล์
ซึ่งได้มาจากการสลายโมเลกุลของ ATP ที่อยู่ภายในผิวของเซลล์ประสาท
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 24กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 25. สรุปการเกิด action potential
1.action potential ตาแหน่งที่ 1 ……………………..
……………………….และสามารถกระตุ้นให้บริเวณข้างเคียง
เกิด depolarization และ action potential ต่อ
2.ขณะที่ตาแหน่งที่ 2 เกิด …………………………………
ในตาแหน่งที่ 1 จะเกิด ……………………………..จึงทาให้
ไม่สามารถเกิด action potential ทิศทางย้อนกลับได้
3.หลังจากนั้น ……………………จะเคลื่อนไปสู่ตาแหน่งที่3
และตาแหน่งที่2 จะเกิด …………………………….. และ
ตาแหน่งที่ 1 จะกลับสู่สภาวะ ………………………….ต่อไป
-การเคลื่อนของ action potential บน axon จึง
เคลื่อนไปในทิศทางเดียวคือ…………………………………….
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 25กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 26. Saltatory conduction
ใน axon ที่มี myelin sheath การเกิด action potential จะเกิดระหว่าง
……………………………..หนึ่งไปยังอีก node หนึ่ง เพราะการเคลื่อนที่ของ Na+ และ K+
เข้าออกจากเซลล์เกิดได้เฉพาะบริเวณ node of Ranvier เท่านั้น เนื่องจากเยื่อไมอีลีนมี
หน้าที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ลักษณะนี้เรียก saltatory conduction
ความเร็วในการเคลื่อนของ action potential ไปตาม axon จะขึ้นอยู่กับความกว้าง
ของ axon ……………………….แต่ถ้ามี …………………………………ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่
action potential ก็เคลื่อนได้เร็ว
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 26กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 27. คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา 27
ในการส่งกระแสประสาทจากแอกซอนของเซลล์หนึ่งไปยังเดนไดรต์ของอีก
เซลล์หนึ่งต้องผ่านไซแนปส์ (synapse) ไซแนปส์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. …………………………………………………..เป็นไซแนปส์ที่ใช้สารเคมีที่เรียกว่า
…………………………………………………. เป็นตัวสื่อสาร ไซแนปส์ชนิดนี้พบได้เกือบ
ทั้งหมดในระบบประสาทของมนุษย์
2. ………………………………………………………….มีโครงสร้างและการทางานที่
ไม่ซับซ้อน โดยเกิดจากการเคลื่อนย้ายกระแสไฟฟ้าระหว่างเซลล์ที่อยู่ติดกันผ่านทาง
………………………………..
การถ่ายทอดกระแสประสาท
- 28. Electrical synapse
บริเวณ presynatic membrane และ postsynaptic membrane เชื่อมต่อกัน
ด้วย ………………………………………..ดังนั้น action potential จึงสามารถเคลื่อนจาก
เซลล์ประสาทหนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งได้โดยตรง Presynaptic Postsynaptic
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 28กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 29. Chemical
synapse
1.action potential ที่ปลาย axon ทาให้ ………………………………
2.ถุงบรรจุ……………………………………………………………………………
………………………………………………………………บริเวณปลาย axon
3.เกิดการ…………………………………สู่ synaptic cleft และเคลื่อนไป
จับกับตัวรับที่ ……………………………………….ที่ปลายเดนไดรต์ของเซลล์ถัดไป
4.การจับทาให้ …………………………………………, Na+ เคลื่อนเข้าในเซลล์ เกิด ……………………………..
5.Neurotransmitter ถูกทาลายโดยเอนไซม์ที่จาเพาะ หยุดการส่งกระแสประสาท
คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล 29กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา
- 31. คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา 31
สารสื่อประสาทมีหลายชนิด เช่น …………………………………………………พบมากบริเวณ
ระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทรอบนอก โดปามีน (dopamine)
เซอโรโตนิน (serotonine) ……………………………………………………………………….
…………………………………………………….
…………………………สารสื่อประสาทเหล่านี้
…………………………………………………ขึ้น
ที่เดนไดรต์แล้วจะ………………………เพื่อไม่ให้
ซึมเข้าไปทาลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อ โดยเอนไซม์
เฉพาะกับชนิดของสารสื่อประสาทนั้น เช่น
แอซิติลโคลีนจะถูกทาลายโดย…………………………………………………………………………
สารสื่อประสาท (Neurotransmitter)
- 32. คุณครูธันยมลธ์ จตุรวิทย์กุล กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสตรีวิทยา 32
สารเคมีมีผลต่อการถ่ายทอดกระแสประสาทดังนี้
1. สารพิษจากจุลินทรีย์บางชนิดไป………………………………………………………………
ทาให้กล้ามเนื้อ ไม่หดตัว เกิดอาการอัมพาต
2. สารนิโคติน คาเฟอีน แอมเฟตามีน จะ……………ให้แอกซอนปล่อยสารสื่อประสาท
มากเกินไปทาให้เกิดอาการตื่นตัว หัวใจเต้นเร็ว
3. ยาระงับประสาททาให้……………………………………………….ทาให้กระแสประสาท
ส่งไปยังสมองน้อย เกิดอาการสงบไม่มีความวิตกกังวล
4. ยาฆ่าแมลงบางชนิด…………………………………………..ที่จะมาสลายสารสื่อประสาท
5. แอลกอฮอล์ทาให้เกิดความสับสนต่อการคิด ความจา ความตั้งอกตั้งใจทางาน และทา
ให้สมาธิการทางานลดลง