More Related Content
Similar to บทที่ 3.1 (20)
More from Pa'rig Prig (20)
บทที่ 3.1
- 2. 23
ภาพประกอบ 1 ลาดับขั้นในการสร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์
จากภาพประกอบเป็นลาดับขั้นในการสร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้าน
คณิตศาสตร์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. กาหนดจุดมุ่งหมายในการสร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้าน
คณิตศาสตร์
1.1 เพื่อสร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์
1.2 เพื่อหาเกณฑ์การตัดสินสาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสังกัด
เทศบาลนครนครราชสีมา
2. ศึกษาค้นคว้า รวบรวมเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์
ของเกียรี (Geary. 2004) ที่แบ่งลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์
ออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบทางกระบวนการ (Procedural Subtype) รูปแบบทาง
การจาความหมายทางภาษา (Semantic Memory Subtype) และรูปแบบทางมิติสัมพันธ์
ทางสายตา (Visuospatial Subtype) โดยแสดงออกมาในลักษณะของการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่
ไม่สมวัย หรือมีข้อผิดพลาดในการคานวณ และงานวิจัยที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ใช้ในการทดสอบ
พัฒนาการทางด้านคณิตศาสตร์ ด้านกระบวนการนับ และ กระบวนการบวก (Geary. 2004 :
121 – 151) และงานวิจัยของจอร์แดน (Jordan. 2003) ด้านการแทนค่าประจาหลัก และ
การแก้โจทย์ปัญหา เพื่อกาหนดลักษณะของกิจกรรมที่ใช้ในการทดสอบและวิธีดาเนินการทดสอบ
3. สร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์
สร้างแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย
แบบคัดแยกย่อย จานวน 6 ด้าน คือ ด้านการจาแนกตัวเลข ด้านการนับ ด้านการแทนค่า
ประจาหลัก ด้านกระบวนการบวก ด้านโจทย์ปัญหา และด้านการบวกและการลบตามแนวตั้ง
และแนวนอน โดยนาข้อมูลจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยมาสร้างเป็นแบบคัดแยก สาหรับ
การทดสอบเป็นรายบุคคล มีรายละเอียดดังนี้
ด้านที่ 1 การจาแนกตัวเลข เป็นการทดสอบการรับรู้ตัวเลขทางสายตาของเด็ก โดยให้
เด็กดูตัวเลขแล้วบอกว่าเป็นตัวเลขใด ด้วยการชี้ตัวเลขที่เห็น จานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20
คะแนน
- 3. 24
ด้านที่ 2 กระบวนการนับ เป็นการทดสอบกระบวนการนับของเด็ก โดยใช้หุ่นมือ
เป็นตัวนับแล้วให้นักเรียนตอบว่าหุ่นมือนับถูกหรือนับผิด จานวน 13 ครั้ง คะแนนเต็ม 13
คะแนน
ด้านที่ 3 การแทนค่าประจาหลัก เป็นการทดสอบการรู้ค่าประจาหลัก โดยการบอก
ค่าประจาหลักของเลข และการวงกลมภาพที่แทนจานวน จานวน 16 ข้อ คะแนนเต็ม 16
คะแนน
ด้านที่ 4 กระบวนการบวก เป็นการทดสอบวิธีการนับและความถูกต้องในการคานวณ
เลขในใจ โดยใช้บัตรโจทย์เลขในการทดสอบ จานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน
ด้านที่ 5 โจทย์ปัญหา เป็นการทดสอบการแก้โจทย์ปัญหาการบวกและการลบ โดย
ผู้ทดสอบแสดงบัตรโจทย์ปัญหาพร้อมทั้งอ่านโจทย์ให้นักเรียนฟัง นักเรียนสามารถใช้เหรียญเงิน
ที่จัดให้ใช้ในการคานวณได้ จานวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ด้านที่ 6 การบวกและการลบตามแนวตั้งและแนวนอน ทดสอบการคานวณตามแนวตั้ง
และแนวนอน โดยเป็นโจทย์การบวกและการลบ จานวน 39 ข้อ คะแนนเต็ม 39 คะแนน
4. นาแบบทดสอบที่ปรับปรุงแล้วไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง
นาแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ ที่ปรับปรุงแล้วไปทดสอบ
กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา โรงเรียนเทศบาล 1 (บูรพา
วิทยากร) จานวน 130 คน โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดสมอราย) จานวน 95 คน โรงเรียนเทศบาล 4
(เพาะชา) จานวน 84 คน โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดป่าจิตตสามัคคี) จานวน 38 คน รวม 347 คน
5. ตรวจสอบหาคุณภาพของแบบคัดแยกด้านความเชื่อมั่น
ดาเนินการทดสอบนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนจากโรงเรียนเทศบาล 2
(สมอราย) จานวน 39 คน โดยใช้แบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น ไปทดสอบ
หาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบด้วยวิธีสอบซ้า (Test – Retest method) โดยเว้นระยะห่าง
2 สัปดาห์
6. นาข้อมูลที่ได้มาหาเกณฑ์การตัดสิน
นาข้อมูลที่ได้มาตรวจให้คะแนนทั้ง 6 ด้าน แล้วนาไปคานวณหาจุดตัดในรูปแบบของ
เปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile) โดยใช้โปรแกรมสถิติสาเร็จรูป SPSS โดยใช้คะแนนจุดตัด
ที่สูงกว่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 10 (ศิริพันธ์ ศรีวันยงค์. 2552 : 231)
7. เขียนคู่มือการใช้แบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ และจัดพิมพ์
เป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์
กำรเก็บรวบรวมข้อมูล
- 4. 25
1. จัดเตรียมเครื่องมือคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้น
2. ติดต่อกับผู้บริหารโรงเรียนที่จะใช้เป็นกลุ่มตัวอย่าง พร้อมทั้งนัดหมายวันเวลา
ในการเก็บข้อมูล
3. นาแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ ไปทดสอบกับนักเรียน
ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จานวน 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 (บูรพาวิทยากร) โรงเรียน
เทศบาล 2 (วัดสมอราย) โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชา) โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดป่าจิตตสามัคคี)
รวม 347 คน
4. ดาเนินการทดสอบนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โรงเรียนเทศบาล 2 (สมอราย)
จานวน 39 คน โดยใช้เครื่องมือคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้น
เพื่อทดสอบหาค่าความเชื่อมั่นโดยเว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์
5. นาผลการทดสอบมาวิเคราะห์เพื่อกาหนดเกณฑ์การตัดสิน
กำรวิเครำะห์ข้อมูล
ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าสถิติ ได้แก่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และคะแนน
เปอร์เซ็นต์ไทล์
สถิติที่ใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล
1. ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ โดยใช้วิธีสอบซ้า (Test –retest) คานวณจากสูตรดังนี้
(บุญชม ศรีสะอาด. 2535 : 84)
})(}{)({
))((
2222
yynxxn
yxxyn
rtt
เมื่อ ttr แทน ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ
แทน คะแนนสอบครั้งแรก
แทน คะแนนสอบครั้งหลัง
n แทน จานวนผู้สอบ
2. ค่าคะแนนเปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile) ของแบบคัดแยก โดยใช้ค่าคะแนนเปอร์เซ็นต์ไทล์
(เยาวดี วิบูลย์ศรี. 2540 : 66) โดยมีสูตรดังนี้
Percentile =
(𝑐𝑓+
1
2
𝑓)100
𝑛
- 5. 26
เมื่อ f แทน คะแนนความถี่
cf แทน ความถี่สะสม
n แทน จานวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง