More Related Content
More from Pa'rig Prig (20)
5
- 2. แหล่งไฟฟ้า
• การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย : กฟผ.
– ทาหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ได้ไฟฟ้าแรงดันสูงเพื่อสะดวกต่อการขนส่งไปในที่
ห่างไกล
• การไฟฟ้านครหลวง : กฟน.
– ซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. และจาหน่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล
• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค : กฟภ.
– ซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. และจาหน่ายแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด
- 5. • คาศัพท์เกี่ยวกับระบบไฟฟ้า
– ระบบไฟฟ้าแรงสูง คือ ระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้า เกิน 1,000 โวลท์
– ระบบไฟฟ้าแรงต่า คือ ระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000 โวลท์
– โวลท์ (Volt.) คือ หน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า
– แอมแปร์ (Amp.) คือ หน่วยวัดความต้านทานกระแสไฟฟ้า
– วัตต์ (Watt.) คือ หน่วยของกาลังไฟฟ้าที่ใช้จริง
– หน่วย (Unit) คือ หน่วยของกาลังไฟฟ้าที่ใช้ ต่อชั่วโมง
- 6. • การส่งกระแสไฟฟ้า
• ระบบ 1 เฟส หรือ 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้าที่นามาใช้ โดยแยก
ออกดังนี้
• ระบบ 1 เฟส จะมี 2 สายในระบบ ประกอบด้วย สาย LINE (มีไฟ) 1 เส้น
และสาย Neutral (ไม่มีไฟ) 1 เส้น มีแรงดันไฟฟ้า 220 - 230 โวลท์ มีความถี่
50 เฮิร์ซ (Hz)
• นิยมใช้ในชนบท หรือพื้นที่ที่บ้านอยู่ห่างไกลกัน และใช้ไฟฟ้าน้อย
- 7. • ระบบ 3 เฟส จะมี 4 สายในระบบ ประกอบด้วย สาย LINE (มีไฟ) 3
เส้น และสายนิวตรอน (ไม่มีไฟ) 1 เส้น มีแรงดันไฟฟ้าระหว่าง สายLINE
กับ LINE 380 - 400 โวลท์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสาย LINE กับ
Neutral 220 - 230 โวลท์ และมีความถี่ 50 เฮิร์ซ (Hz) เช่นเดียวกัน
• สายดิน หรือ GROUND มีทั้ง 2 ระบบ ติดตั้งเข้าไปในระบบเพื่อความ
ปลอดภัยของระบบ สายดินจะต้องต่อเข้าไปกับพื้นโลกตามมาตรฐาน
กาหนด
• นิยมใช้ในเมืองใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก
- 8. • การต่อไฟเมนแบบ 1 เฟส คือการต่อสาย L1 , L2 , L3 เพียงสายหนึ่ง
สายใดเท่านั้นร่วมกับสาย N และสายดิน เมื่อเสร็จจะได้ไฟที่จะนาไปใช้งาน
เท่ากับ 220 โวลท์
- 9. • การต่อไฟเมนแบบ 2 เฟส คือ การต่อสาย L1 , L2 และ L3 ภายใน
สามสายนี้ให้ใช้ได้แต่สองสายเท่านั้น เช่น L1 กับ L2 หรือ L2 กับ L3 ก็ได้
ร่วมกับสายดินเมื่อต่อเสร็จจะได้ไฟที่จะนาไปใช้งานเท่ากับ 380 โวลท์
- 10. • การต่อไฟเมนแบบ 3 เฟส คือการต่อสาย L1 , L2 และ L3 ทั้งสามสาย
ร่วมกับสายดิน เมื่อต่อเสร็จจะได้ไฟที่จะนาไปใช้เท่ากับ 380 โวลท์
- 11. • ไฟฟ้า 1เฟส (220 V) ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า และแสงสว่างทั่วไป ใน
อาคารทั่วไปที่มีความต้องการไฟฟ้าต่า
• ไฟฟ้า 3 เฟส (380 V) ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ในอาคารที่มีความ
ต้องการไฟฟ้าสูง อาคารขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม
- 13. • หม้อแปลงไฟฟ้า
• หม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า สาหรับแปลงแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้น
หรือต่าลง เพื่อให้เหมาะสมกับงานที่จะใช้
• การทางานโดยใช้ขดลวด 2 ขด อยู่ใกล้กัน เพื่อให้เกิดกระแสแม่เหล็ก
เหนี่ยวนาให้แรงดันไฟฟ้า เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลง
– ขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding)
– ขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding)
- 14. • ขนาดของหม้อแปลงไฟฟ้า (การแบ่งตามขนาด)
– ขนาดเล็กจนถึง 1 VA เป็นหม้อแปลงที่ใช้กับการเชื่อมต่อระหว่างสัญญาณใน
งานอิเล็กทรอนิกส์
– ขนาด 1-1000 VA เป็นหม้อแปลงที่ใช้กับงานด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
ขนาดเล็ก
– ขนาด 1 kVA -1 MVA เป็นหม้อแปลงที่ใช้กับงานจาหน่ายไฟฟ้าในโรงงาน
สานักงาน ที่พักอาศัย
– ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 MVA ขึ้นไป เป็นหม้อแปลงที่ใช้กับงานระบบไฟฟ้ากาลัง
ในสถานีไฟฟ้าย่อย การผลิตและจ่ายไฟฟ้า
- 18. • สายไฟฟ้า VCT
• สายไฟฟ้าตารางนี้เรียกว่า สาย VCT นิยมใช้ในการเดินสายเข้าเครื่องจักรกล
ไฟฟ้าที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า
• สายชนิดนี้จะมีฉนวน 2 ชั้น สามารถกันความชื้นได้ดี เช่นเดียวกับสาย NYY แต่มี
ความอ่อนตัวมากกว่าสาย NYY
• การติดตั้ง : เดินในท่อร้อยสายโลหะอ่อน
- 19. • สายไฟฟ้าTHW
• เรียกว่าสาย THW ใช้งานที่อุณหภูมิไม่เกิน 70°C แรงดันไม่เกิน 750V
• สายไฟฟ้าชนิดนี้มีลักษณะเป็นสายกลมเดี่ยว ตัวนาเป็นทองแดงหุ้มฉนวน PVC
• นิยมใช้สายชนิดนี้เป็นสายวงจรย่อย สายป้อน และสายประธาน
• การติดตั้ง : เดินในท่อร้อยสาย
- 20. • สายไฟฟ้า NYY
• สายไฟฟ้าชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า NYY เป็นสายที่มีฉนวน 2 ชั้น โดยฉนวน PVC
ชั้นในจะทาหน้าที่เป็นฉนวนหุ้มตัวนาเอาไว้ส่วนฉนวน PVC ชั้นนอกทาหน้าที่เป็น
เปลือก ซึ่งสามารถทนความชื้นได้สูง
• สายชนิดนี้สามารถใช้ฝังดินได้โดยตรง
• โดยทั่วไปนิยมใช้สายชนิดนี้เป็นสายป้อน และสายประธาน ที่ติดตั้งใต้ดิน
• การติดตั้ง : เดินฝังดินโดยตรง , เดินฝังดินในท่อร้อยสาย
- 22. • การร้อยสายไฟ : Conduit
– เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสายไฟฟ้าโดยตรง
– เพื่อป้องกันความชื้น
– เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
– เพื่อความสวยงาม
- 24. • ท่อ PVC สีเหลือง
• ท่อพีวีซี (PolyVinyl Chloride)
• ทาด้วยพลาสติกพีวีซี ที่มีคุณสมบัติต้านเปลวไฟ แต่ข้อเสียคือขณะที่ถูกไฟไหม้จะ
มีก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อคนเราออกมาด้วย
• ไม่ทนต่อแสงอัลตร้าไวโอเล็ตทาให้ท่อกรอบเมื่อโดนแดดเป็นเวลานาน
• ที่ใช้ในงานไฟฟ้ามีสีเหลือง มีขนาดตั้งแต่ 1/2" - 4" และยาวท่อนละ 4 เมตร
- 25. • ท่ออโลหะแข็ง (High Density PolyEthylene ,HDPE)
• ทาจากสารอโลหะซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมทางกายภาพ ได้แก่ ไฟเบอร์ ใยหิน
ซีเมนต์ พีวีซีอย่างแข็ง อีพอคซี่เสริมใยแก้ว โพลีเอทธิลีนความหนาแน่นสูง เป็นต้น
• ท่ออโลหะแข็งจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าท่อโลหะแต่ความทนทานต่อการกัดกร่อน
จากสารเคมี ความชื้นและการกระทบกระแทกได้ดี
- 26. Electrical Metal Tubing - EMT ท่อโลหะบาง
ท่อเหล็กชุบสังกะสีแบบบาง
มีขนาดมาตรฐานตั้งแต่ 0.5นิ้ว-2นิ้ว
และความยาวมาตรฐาน3เมตร/เส้น ทาเกลียวไม่ได้
เหมาะที่จะใช้เดินสายภายในอาคาร โดยเดินลอยหรือฝังในอิฐ
Intermediate Metal Conduit - IMC ท่อโลหะหนาปานกลาง
ท่อเหล็กชุบสังกะสี มีขนาด0.5นิ้ว-4นิ้ว
และความยาว3เมตร/เส้น
เหมาะที่จะใช้เดินสายภายนอกอาคาร หรือฝังในคอนกรีต
มีความหนาเพียงพอที่จะทาเกลียวท่อได้
- 27. Rigid Steel Conduit - RSC ท่อโลหะหนา
ท่อเหล็กชุบสังกะสีแบบหนา
มีขนาด0.5นิ้ว-6นิ้ว ความยาว3เมตร/เส้น
เหมาะที่จะใช้เดินภายนอก ฝังในคอนกรีต
หรือฝังใต้ดิน สามารถรับแรงกดได้ดีมาก
Flexible Metal Conduit ท่อโลหะอ่อน
ท่อโลหะอ่อน เหมาะที่จะใช้เดินภายใน
บางช่วงเท่านั้น เช่น เดินข้ามมอเตอร์
เดินเข้าโคมไฟ เป็นต้น
- 29. CABLE TRAY รางเดินสายไฟ
ชนิดรางต่อ (Trough Type) สาหรับสายไฟขนาดเล็ก
ชนิดรางบันได (Ladder Type) สาหรับสายไฟขนาดกลางและใหญ่
และชนิดรางพับ สาหรับสายควบคุม
Trough Type Ladder Type Channel Type
- 30. • Cable Tray แบบรางบันได (Ladder Type)
• ทาด้วยเหล็กแผ่นบางเคลือบผิวแบบสังกะสีจุ่มร้อน (Hot dipgalvanized )
และพ่นด้วยสีฝุ่น Epoxy ( Epoxy powder paint )
• เหมาะสาหรับวางสายเมนขนาดใหญ่และงานนอกอาคารทุกสภาวะแวดล้อม
- 32. • รางเดินสาย (Wireway)
• ใช้สาหรับเดินสายขนาดเล็ก จานวนมากๆ
• รางเดินสายต้องใช้งานในที่เปิดโล่งเท่านั้น ต้องสามารถเข้าถึงได้หลังจากติดตั้งแล้ว
• การติดตั้งรางเดินสายต้องมีการจับยึดที่มั่นคงแข็งแรงทุกระยะห่างกันไม่เกิน 1.50
เมตร
- 38. • วงจรย่อย อาคารที่ติดตั้งดวงโคม และเครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 10 จุด
แต่ละจุดให้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 10 แอมแปร์ โดยแยกวงจรย่อยออก และ
เดินสายต่อมาที่แผงจ่ายไฟกลาง โดยอุปกรณ์การเดินสายต่างๆ ต้องมี
ขนาดรับไฟได้พอสาหรับไฟฟ้าแต่ละจุด แต่ละวงจร
ตู้ควบคุมรอง : Sub Distribution Board : SDB
ตู้ควบคุมย่อย: Sub Panel : SP
- 39. • การป้องกันการลัดวงจร และการใช้กระแสไฟฟ้าเกินกาลัง การต่อสาย
เข้ากับสายของการไฟฟ้าฯ จะต้องมีเครื่องตัดไฟฟ้าไว้เมื่อมีการลัดวงจร
หรือใช้ไฟฟ้าเกินกาลัง โดยมีสวิตซ์เมนไว้ตัดกระแสทั้งหมดที่จ่ายเข้าสู่
อาคาร และสวิตซ์ตัดตอนทุกวงจรย่อยที่แยกจากวงจรหลัก
เซอร์กิตเบรคเกอร์: Circuit Breaker: CB
- 43. เครื่องกาเนิดไฟฟ้า(Gernerator)
ทางานอัตโนมัติ ใช้น้ามันดีเซล หลังจากไฟฟ้าดับ จะสตาร์ทเครื่องและ มีสวิทซ์
สับเปลี่ยนจ่ายไฟให้อุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ ระบบแสงสว่าง ระบบเตือนภัยอัคคีภัย ระบบลิฟต์
ระบบปั๊มน้าดี และน้าดับเพลิง ระบบพัดลมอัดอากาศ (ในชั้นใต้ดินและในบันไดหนีไฟ) ระบบ
ชุมสายโทรศัพท์ ระบบบาบัดน้าเสีย (ในอาคารขนาดใหญ่)
ตาแหน่งของห้อง ควรอยู่ใกล้ห้องหม้อแปลง สามารถระบายอากาศได้ดี
ขนาดโดยทั่วไป กว้าง 4.50 เมตร
ยาว 5 - 10 เมตร
สูง 3.50 เมตร
- 44. • การเดินสายไฟฟ้า แบ่งออกเป็น
– การเดินสายไฟฟ้าภายนอกอาคาร
– การเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร
โดยจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
- 46. การเดินสายไฟฟ้าภายนอกอาคาร(ต่อ)
1.2 การเดินสายบนลูกถ้วย
- เดินเกาะไปตามสิ่งก่อสร้าง ระยะห่างลูกถ้วยไม่เกิน 5.00 เมตร
- เดินผ่านที่โล่งมีข้อกาหนด ดังนี้
สายไฟต้องมีระยะสูงจากพื้นอย่างน้อย 2.50 เมตร
ถ้ามียานพาหนะลอด สายไฟจะต้องสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 5.50 เมตร
สายไฟที่ขึงข้ามหลังคา จะต้องสูงกว่ายอดหลังคาไม่น้อยกว่า 1.00 เมตร
หากหลังคานั้นคนสามารถขึ้ นไปเดินได้ สายไฟจะต้องอยู่สูงจากส่วนสูงสุดของหลังคา
ไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร
1.3 สายไฟที่เดินในระยะต่ากว่า 2.50 เมตรโดยวัดจากพื้น ให้เดินสายในท่อโลหะ หรือ
ท่อพลาสติกอย่างหนา
- 51. ระบบไฟฟ้า
• ตาแหน่งห้องเครื่องไฟฟ้า (หม้อแปลง และ MDB)
MDB : Main Distribution board : แผงควบคุมการจ่ายไฟฟ้าหลัก
– อยู่ในพื้นที่ที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงง่าย เพื่อดูแลรักษาซ่อมบารุง
– ห้องหม้อแปลงต้องมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
– มีช่องทางขนหม้อแปลงออกได้ทั้งลูก
– พื้นห้อง คสล. หนา 125 มม. น้าไม่ท่วม
– ผนังห้อง คสล. หนา 125 มม. , อิฐ หรือคอนกรีตบล็อก หนา 200 มม.
– พื้นที่ปฏิบัติงาน อย่างน้อย 0.90 ม. โดยรอบ ด้านบน 2.00 ม. (F-C
min. 4.00-3.50 ม.)
- 54. ระบบไฟฟ้า
• ตัวอย่าง
• อาคารขนาด 10,000 ตร.ม. มีขนาดห้องเครื่องไฟฟ้าขนาดประมาณเท่าใด
– อาคารใช้ไฟฟ้า ประมาณ 150 VA/ ตร.ม.
– อาคาร 10,000 ตร.ม. ใช้ไฟฟ้าประมาณ 10,000x150=1,500 kVA
– ใช้พื้นที่ห้อง ประมาณ 175-200 ตร.ม.
- 56. ระบบไฟฟ้า
• ทางานด้วยน้ามันดีเซล เพื่อปั่นไฟฟ้าไปยังส่วนต่างๆ
– ห้องจะมีการเก็บน้ามันด้วย ต้องมีการระบายอากาศ และความร้อน
– มีช่องเปิดที่สามารถขนถ่ายวัสดุ อุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้ (ในอาคารที่ใหญ่มาก
ต้องมีที่ให้รถถอยมาเติมน้ามัน)
– ห้อง และประตูต้องทนไฟ
– ป้องกันเสียง เนื่องจากตอนทางานเครื่องจะมีเสียงดัง
– อยู่ใกล้หม้อแปลง
– มีระยะที่สามารถทาการดูแลรักษาได้โดยรอบ
– ขนาด 4.5 x 5.0-10.0 x 3.5-4.0
- 57. •มีการป้องกันเรื่องน้าท่วม
•ความสูงมากพอ (ระยะจากพื้นถึงฝ้า 4 เมตร หรืออย่างต่า 3.5 เมตร)
•ขนของเข้าออกสะดวก
(ประตูกว้างอย่างน้อย 2 เมตร)
•มีการระบายความร้อนที่ดี
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหม้อแปลง
ขนาดห้อง
หม้อแปลง
MDB
5-6 m.
2.5 m.
2 m.
12 m
5 m
2x2000KVA
12 m
8 m
2x2000KVA
ห้องหม้อแปลงและห้องควบคุม
สาหรับหม้อแปลงที่ติดตั้งในอาคาร
- 59. การป้องกันอันตรายเกี่ยวกับการเดินสาย
1. วงจรย่อย อาคารที่ติดตั้งดวงโคม และเครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 10 จุด แต่ละ
จุดให้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 10 แอมแปร์ โดยแยกวงจรย่อยออก และเดินสายต่อมาที่
แผงจ่ายไฟกลาง โดยอุปกรณ์การเดินสายต่างๆ ต้องมีขนาดรับไฟได้พอสาหรับ
ไฟฟ้าแต่ละจุด แต่ละวงจร
2. การป้องกันการลัดวงจร และการใช้กระแสไฟฟ้าเกินกาลัง การต่อสายเข้ากับสาย
ของการไฟฟ้าฯ จะต้องมีเครื่องตัดไฟฟ้าไว้เมื่อมีการลัดวงจรหรือใช้ไฟฟ้าเกิน
กาลัง โดยมีสวิตซ์เมนไว้ตัดกระแสทั้งหมดที่จ่ายเข้าสู่อาคาร และสวิตซ์ตัดตอน
ทุกวงจรย่อยที่แยกจากวงจรหลัก