SlideShare a Scribd company logo
1 of 120
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  1




           การวิจ ัย แบบง่า ยสู่ค รูน ัก วิจ ัย
        การวิจ ัย หมายถึง กระบวนการเสาะแสวงหาความ
รู้เพื่อตอบคำาถาม หรือปัญหาที่มีอยู่อย่างเป็นระบบ และมี
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
        ทำา ไมครูต ้อ งทำา วิจ ัย การวิจัยเป็นเครื่องมือเป็นก
ระบวนการที่ทุกงานในทุกสาขาอาชีพ ใช้ในการหาความรู้
หรือข้อค้นพบในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานได้อย่างเป็น
ระบบน่าเชื่อถือ “ การวิจัยช่วยให้การพัฒนางานเป็นไป
อย่างมืออาชีพ”
        ทำา ไมครูต ้อ งทำา วิจ ัย งานของครูนับเป็นวิชาชีพชั้น
สูงที่ต้องการความเชื่อถือได้ในผลงาน ซึงถ้าครูใช้การวิจัย
                                             ่
ในการพัฒนา หรือแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียน จะ
แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นได้ในการทำางานของครู และ
เป็นการประกันคุณภาพลักษณะหนึ่ง
        การวิจ ัย ในชั้น เรีย น (CLASSROOM
RESEARCH) หรือ การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
(CLASSROOM ACTION RESEARCH)
        การวิจ ัย เชิง ปฏิบ ัต ิก าร (ACTION RESEARCH)
กระบวนการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลสารสนเทศต่างๆ
เพื่อตอบคำาถาม (ปัญหา) ที่เกี่ยวข้องกับภาระงานที่ปฏิบัติ
อยู่โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพของงานที่กำาลัง
ปฏิบัติอยู่และผู้วิจัย คือผู้ปฏิบัติงาน
        การวิจ ัย ปฏิบ ัต ิก ารในชั้น เรีย น (CLASSROOM
RESEARCH) กระบวนการแสวงหาความรู้เพื่อแก้ปัญหา
หรือพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน
อย่างมีระบบ และมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน โดยมี
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  2




กระบวนการทำางานอย่างต่อเนื่อง คือ มีการวางแผนหลัง
จากที่มีการกำาหนดประเด็นปัญหาที่ต้องการแก้ไขปรับปรุง
ลงมือปฏิบัติตามแผนที่กำาหนดไว้ สังเกตผลที่เกิดขึ้น และ
สะท้อนผลหลังจากลงมือปฏิบัติ ถ้ายังมีประเด็นที่ต้องการ
แก้ไขปรับปรุงอยู่ก็ดำาเนินการวางแผนลงมือปฏิบัติ สังเกต
และสะท้อนผลเป็นวงจรต่อไปเรื่อยๆ จนบรรลุเป้าหมายที่
ต้องการและผู้วิจัยส่วนใหญ่ คือครูผู้สอน


   ความแตกต่า งระหว่า งการวิจ ัย แบบเป็น ทางการ
                (FORMAL RESEARCH)
      และการวิจ ัย ปฏิบ ัต ิก ารในชั้น เรีย น (CAR)
    ประเด็น                  FR                 CAR
1. เป้าหมายของ ได้องค์ความรู้ที่         ได้องค์ความรู้ที่จะ
การวิจัย           สามารถสรุป            นำามาปรับปรุง
                   อ้างอิงไปสู่กลุ่มอื่น แก้ไขงานที่ปฏิบัติ
                   ได้                   อยู่
2. วิธีการกำาหนด ตรวจสอบเอกสาร ประเด็นปัญหา
ประเด็นปัญหา       ทฤษฎีและงาน           ปัจจุบันที่พบ
หรือคำาถามวิจัย    วิจัยที่เกี่ยวข้อง
3. วิธีการตรวจ เน้นการตรวจสอบ ไม่เน้นการตรวจ
สอบเอกสาร          เอกสารอย่างเข้ม สอบเอกสารมัก
                   ข้นเน้นการใช้         อนุโลมให้ใช้
                   ข้อมูลจากแหล่ง        ข้อมูลจากแหล่ง
                   ปฐมภูมิ               ทุติยภูมิ
4. การสุ่ม         เน้นการสุ่มชนิดที่ ไม่เน้นการสุ่ม
ตัวอย่าง           คำานึงถึงความน่า ตัวอย่างกลุ่มที่
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  3




                       จะเป็นเพื่อให้ได้          ศึกษา คือนักเรียน
                       กลุ่มตัวอย่างที่เป็น       หรือ ผู้เกี่ยวข้องที่
                       ตัวแทนประชากร              ปฏิบัติงานด้วย
5. การวิเคราะห์        ใช้อนุมานสถิติใน           ไม่เน้นการทดสอบ
ข้อมูล                 การทดลองความมี             ความมีนัยสำาคัญ
                       นัยสำาคัญและใช้            ทางสถิติมีการนำา
                       เทคนิคของการ               เสนอข้อมูลดิบ
                       วิจัยเชิงคุณภาพ
6. การนำาผลไป          เน้นความสำาคัญ             เน้นความสำาคัญที่
ใช้                    ในเชิงทฤษฎี                เป็นผลจากการ
                                                  ปฏิบัติ
     ขั้น ตอนของการทำา วิจ ย ปฏิบ ัต ก ารในชั้น
                           ั         ิ
เรีย น
       1.เลือกประเด็นคำาถามวิจัยที่สำาคัญต่อการปฏิบัติงาน
       2.ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง
       3.วางแผนการวิจัย
       4.ลงมือปฏิบัติพร้อมรวบรวมข้อมูล
       5.วิเคราะห์ข้อมูล เชิงปริมาณ/คุณภาพ
       6.สรุปผล
       7.แลกเปลี่ยนข้อค้นพบกับผู้อื่นหรือทำาการเผยแพร่

            วิจ ัย แบบง่า ย: วิจ ัย ที่เ หมาะกับ ครู
      ไม่ทำาให้ภาระของครูมีมากเกินไป
      ไม่งานที่แปลกแยกจากการทำางานปกติคือการ
       จัดการเรียนรู้
      เป็นการวิจัยที่มีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  4




      สอดคล้องกลมกลืน เกิดประโยชน์กับงานการเรียน
       การสอนปกติ

                ลัก ษณะการวิจ ัย แบบง่า ย
        เป็นการวิจัยที่ครูทำาในงานการจัดการเรียนรู้ แก้
         ปัญหา/พัฒนา
        เป็นการวิจัยเรื่องที่มีขอบเขตเล็กๆ ใช้เวลาน้อย มี
         กระบวนการไม่ซับซ้อน
        เป็นการวิจัยที่เขียนรายงานการวิจัยเพียงไม่กี่หน้า
         กระดาษ
               “การวิจ ัย แบบง่า ย เพื่อ ครูไ ทย ”

           ขั้น ตอนสำา คัญ การวิจ ัย แบบง่า ย
          กำาหนดประเด็นของการแก้ปัญหาหรือการ
           พัฒนา
          กำาหนดวิธีการที่จะแก้ปัญหาปรือการพัฒนาใน
           เรื่องนั้นๆ อย่างมีเหตุผล
          ดำาเนินการตามวิธีการขั้นตอนที่กำาหนด รวบรวม
           ข้อมูลที่เกิดขึ้น
          นำาข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปผลที่เกิดขึ้น
          เขียนรายงานผลการศึกษาวิจัยด้วยความยาวไม่
           กี่หน้า
          การเขีย นรายงานการวิจ ัย แบบง่า ย
         o ชื่อเรื่อง/ประเด็นที่ทำาการวิจัย
         o ที่มาของปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา
         o เป้าหมายของการวิจัย
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  5




         o วิธีการหรือขั้นตอนสำาคัญของการแก้ปัญหาหรือ
           การพัฒนา
         o ผลของการแก้ไขหรือพัฒนา
         o ข้อเสนอแนะ

                 ประโยชน์ก ารวิจ ัย แบบง่า ย
          ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างมีระบบ น่าเชื่อถือ
          ครูมีทักษะการวิจัยและเป็นพื้นฐานสู่การวิจัยขั้น
           สูงหรือเป็นนักวิจัยต่อไป
          ครูมีผลงานวิชาการที่ชัดเจน ต่อเนื่องเพื่อพัฒนา
           งานและพัฒนาวิชาชีพ
          ครูมีระบบและวิธีทำางานอย่างครูมืออาชีพ
          ส่งเสริมการประกันคุณภาพการศึกษาที่เชื่อมั่น
           ได้
          ฯลฯ


  ตัว อย่า งรูป แบบงานวิจ ัย ในชั้น เรีย น
            แบบง่า ยแผ่น เดีย ว
ส่ว นที่ 1
     ปัญ หา
     - อะไร
     - อย่างไร (พฤติกรรมที่แสดง)
     - ทำาไม (เหตุผลที่เป็นอย่างสั้นๆ)

ส่ว นที่ 2
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                   6




      วิธ ีแ ก้ป ัญ หา (ไม่ใ ช่ว ิธ ีส อน ) เช่น
      - ศึกษาหลักการ
      - วิเคราะห์
      - วางแผน

ส่ว นที่ 3 ผลที่แก้ไขได้ (ตรงตามเป้าหมาย)
ส่ว นที่ 4 สรุป/อธิบาย/เสนอแนะ

   ตัว อย่า งรูป แบบการเขีย นรายงานการวิจ ับ
                แบบลูก กรุง อย่า งง่า ย
    (ความยาวไม่เ กิน 10 หน้า กระดาษ A4)
                  ของ......................
เรื่อง/ปัญหาที่พบ (พบปัญหาคืออะไร เรื่องอะไร อย่างไร
ทำาไม)
........................................................................
...................................................................
ความเป็นมาของปัญหา (เขียนสั้นๆ ปัญหาที่พบในการ
เรียนการสอน
........................................................................
...................................................................
วัตถุประสงค์ (เขียนเพียง 1-3 ข้อ)
........................................................................
...................................................................
วิธีการศึกษา (ศึกษาอย่างไร มีหลักการอย่างไรวางแผนอย่างไร
จะนำานวัตกรรมอะไรมาแก้)
........................................................................
...................................................................
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                   7




กรอบแนวคิด (ขอบเขตการศึกษา)
........................................................................
...................................................................
สถิติที่ใช้ (ค่าสถิติง่ายๆ ทุกคนดูแล้วเข้าใจเพื่อเปรียบ
เทียบหรือไม่ใช้ก็ได้)
........................................................................
...................................................................
ประชากร (ศึกษาจากคนกลุ่มไหน เท่าไร)
........................................................................
...................................................................
ตารางวิเคราะห์ข้อมูล (แสดงตารางข้อมูลให้เห็นได้ชัดเจน
ง่ายๆ ตรงกัน)
........................................................................
...................................................................
สรุปผลการศึกษา (ผลการจากศึกษาในตะรางสรุปได้ว่า
อย่างไร)
........................................................................
...................................................................
อภิปรายผล (จากผลการศึกษาเรื่องนี้หาเหตุผลมาอภิปราย เพื่อนำา
ไปสู่การปรับปรุงพัฒนา)
........................................................................
...................................................................
ข้อเสนอแนะ (สานต่อไปให้ผู้อื่นนำาไปศึกษาค้นคว้า
พัฒนา ศึกษาต่อไป)
........................................................................
...................................................................
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
      (http://www.kruesanbannok.com)
                                             8




      ภาคผนวก (การนำาเสนอ เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อ
      เป็นข้อมูลอ้างอิง)
      ........................................................................
      ...................................................................

      ตัว อย่า งการเขีย นรายงานการวิจ ัย แบบสากลอย่า ง
                                ง่า ย
       รูป แบบการรายงานการพัฒ นาการเรีย นการสอน
                    โจทย์ป ัญ หาคณิต ศาสตร์
                            ชั้น ............
                     (การวิจ ัย ในชั้น เรีย น )
      (ทำา รายงานเอกสารเป็น รูป เล่ม โดยใช้ก ระดาษ A4
                            ชนิด ชั้น )
                    หัว ข้อ                       บทที่ 3 วิธีดำาเนินการศึกษา
“รายงานผลการพัฒนาการสอนโจทย์                            1.1 กลุ่มเป้าหมาย
ปัญหาคณิตศาสตร์                                         1.2 ตัวแปรที่ศึกษา(ตัวแปร
เรื่อง.........................................           ต้น,ตัวแปรตาม)
....ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้                        1.3 เครื่องมือที่ใช้(ขันตอน
                                                                               ้
(ชื่อ                                                     การสร้าง)
นวัตกรรม)..................................             1.4 ระยะเวลาการศึกษา(การ
...............”                                          เก็บรวบรวมข้อมูล)
      1. หน้าปก                                         1.5 การวิเคราะห์ข้อมูล(สถิติ
      2. คำานำา                                           ที่ใช้)
      3. สารบัญ                                   บทที่ 4 การวิเคราะห์แลกเปลี่ยน
      4. สารบัญตาราง (ถ้ามี)                      การแปรความหมายข้อมูล (เสนอเป็น
      5. กิตติกรรมประกาศ (ถ้ามี)                  ตารางประกอบความเรียง)
บทที่ 1 บทนำา                                     บทที่ 5 สรุป อภิปราย และข้อเสนอ
      1.1 ความเป็นมาและความ                       แนะ
          สำาคัญของปัญหา                          บรรณานุกรม
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
    (http://www.kruesanbannok.com)
                                      9




   1.2 วัตถุประสงค์                 ภาคผนวก
   1.3 ขอบเขตของการศึกษา(ถ้า           1. แผนการใช้
       มี)                                นวัตกรรม(ตัวอย่างแผนการ
   1.4 นิยมศัพท์เฉพาะ/คำาจำากัด           สอน)
       ความ(ถ้ามี)                     2. ตัวอย่างนวัตกรรม
   1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ       3. แบบบันทึกคะแนน
บทที่ 2 หลัก แนวคิด ที่ส ำา คัญ ของ    4. ผลงานนักเรียน
การวิจ ัย                              5. เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
     1.1 หลักสูตรโจทย์ปัญหา
         คณิตศาสตร์ ชั้น ป.5
     1.2 หลักการสอนโจทย์ปัญหา
         คณิตศาสตร์
     1.3 แนวคิดเกี่ยวกับ
         นวัตกรรม(ที่ใช้แก้ปัญหา)
     1.4 เอกสารและงานวิจัยอื่นที่
         เกี่ยวข้อง(ถ้ามี)
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      10




                   เรื่อ งที่ 1
       “ ปัญ หา นัก เรีย นให้เ พื่อ นเขีย น
             รายงานส่ง ครูแ ทน ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                       11




.................................................................................
..........ปีการศึกษา.................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา
      จากการสังเกต ในปลายภาคเรียนที่ .......... พบว่า มี
นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ทำางานส่ง หรือบันทึกงาน เขียน
รายงานส่ง เป็นผลงานหรือลายมือที่นักเรียนอื่นทำางานให้
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
       จากปัญหาที่พบดังกล่าวสืบทราบว่า เป็นนักเรียนหญิง
ทำางานให้นักเรียนชายมากกว่า เนื่องจากเป็นการสร้างความ
สนใจ ให้ฝ่ายตรงข้ามรักตนเอง เป็นผลให้นักเรียนที่ถูกคนอื่น
ทำางานให้ทำางานไม่เป็น คิดไม่เป็น และล้มเหลวในการเรียน แก้
ปัญหาและพัฒนาโดย
       ประชุมครูทั้งโรงเรียน ให้ช่วยกันสอดส่อง นักเรียนที่ทำางาน
ส่งที่ไม่ใช่ลายมือหรือผลงานตนเองโดย
       - ตั้งกฎข้อบังคับของโรงเรียน เช่น หากพบจะลงโทษ
          นักเรียนที่เป็นเจ้าของงานและทำางานให้ โดยผู้ทำางานให้
          จะถูกลงโทษมากกว่าและงานจะไม่ประเมินให้คะแนน
       - ประกาศให้นักเรียนทราบร่วมกันหน้าเสาธง
       - บอกผลเสียที่ให้เพื่อนทำางานให้ เป็นการส่งเสริมเพื่อนใน
          ทางที่ผิด
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
      จากการใช้มาตรฐานที่หลากหลายปัญหาการทำางานให้
นักเรียนอื่นในภาคเรียนอื่นปัญหาลดลง นักเรียนทำางานเป็นเพราะ
ไม่ต้องพึ่งคนอื่น
ข้อ เสนอแนะ
     ในบางครั้งนักเรียนที่ขาดความมั่นใจ เรียนอ่อน อาจทำางาน
ยังขาดความประณีต ครูควรให้กำาลังใจ และเสนอแนะวิธีการ
พัฒนางานของตนเอง ไม่ควรเปรียบเทียบผลงานกับคนที่ทำางาน
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      12




ละเอียด ประณีต อาจทำาให้เด็กท้องแท้ได้ ควรประเมินผลตาม
สภาพจริงให้มากที่สุด
            ----------------------------------------------
              เรื่อ งที่ 2
  “ ปัญ หา การทำา โครงงาน เสีย ค่า ใช้
              จ่า ยมาก ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
       การพัฒนาส่งเสริมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น
โรงเรียน............................................... ภาคเรียนที่
.........../.................... ด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
      การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดค้น
สำารวจ ทดลองในเรื่องต่างๆ อย่างหลากหลาย สามารถนำาสิ่งที่
ประดิษฐ์ คิดค้น ทดลอง ไปเผยแพร่ ทำารายได้ในชีวิตประจำาวัน
ได้ แต่การจัดทำาโครงงานลงบนแผง หรือ วัสดุต่าง ๆ ผู้เรียนต้อง
เสียค่าใช้จ่ายมาก นับว่าทำาความเดือนร้อนมาสู่ครอบครัวนักเรียน
อย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียนที่อยู่ในชนบทเหมือนกับนักเรียน
โรงเรียนบ้านหลุบคา ผู้ศึกษาจึงหาวิธีแก้ปัญหาจากการเสนอโครง
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      13




งานบนแผน มาเป็นเสนอบนแผ่นกระดาษ และพัฒนามาเสนอเป็น
แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด แต่ก็ยังลงทุนอีกมาก และในที่สุดจึงได้พัฒนา
เสนอโครงงานบนกระดาษแผ่นเดียวและเนื้อนำาเสนอเท่าเดิม พบ
ว่า การนำาเสนอโครงงานบนกระดาษแผ่นเดียวปรากฏว่านักเรียน
ทุกระดับชั้นมีความสนใจมาก จนในที่สุดนักเรียนทุกคนทำาโครง
งานแผ่นเดียวเป็นทุกคน ซึงสอดคล้องและสอดรับกับการเรียนรูตาม
                        ่                              ้
หลักสูตรการศึกษาขันพืนฐาน พ.ศ. 2544
                   ้ ้
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
     นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1-3 สามารถนำาเสนองาน
บนโครงงานแผ่นเดียวได้ ตามศักยภาพและความสามารถของ
แต่ละบุคคล
ข้อ เสนอแนะ
     การเรียนรู้ด้วยโครงงานควรส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้จาก
กระบวนการให้ทุกคนคิด ทำา ทดลอง ปฏิบัติจริง ด้วยตนเอง ไม่
ควรจะทำาโครงงานเพื่อจะประกวดแข่งขัน จะทำาให้ผู้เรียนท้อแท้
กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในที่สุดอาจทะให้กิจกรรมโครงงานล้ม
เหลวได้
             ----------------------------------------------
               เรื่อ งที่ 3
   “ ปัญ หา ปกครองนัก เรีย นไม่ท ั่ว ถึง ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 14




    นักเรียนในโรงเรียนมีหลายระดับและมาจากหลายหมู่บ้าน
ปกครองไม่ทั่วถึง
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
       โรงเรียน...............เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการ
ศึกษา นักเรียนมีหลายระดับ และมาจาก 10 หมู่บ้านที่เป็นเขต
บริการของโรงเรียน การปกครองดูแลไม่ทั่วถึง แก้ปัญหาพัฒนา
โดยประชุมครู ผู้ปกครอง นักเรียน จัดทำาโครงการ “พ่อครูแม่ครู”
แต่งตั้งคณะทำางานดำาเนินงาน เมื่อสิ้นปีการศึกษา แต่ละปีนำาผลมา
ร่วมกันสรุป โดยคละเด็กทั้งโรงเรียน ทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล
ประถม มัธยม จับฉลากเลือกพ่อครูแม่ครู เมื่อคัดเลือกได้แล้ว ร่วม
กันคิดกิจกรรม และทุกวันศุกร์เข้าแถวตามครอบครัวโดยมีครูที่
เป็นพ่อแม่ยืนแถวร่วมอยู่ด้านหลัง
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
      นักเรียนเกิดความอบอุ่น เป็นการแก้ไขปัญหาการปกครองที่
เดิมต้องใช้ครูฝ่ายปกครองคนเดียว ปัจจุบันเมื่อนักเรียนคนใดมี
ปัญหาให้พ่อครูแม่ครูช่วยแก้ปัญหาพัฒนาก่อน และนักเรียนบาง
คนที่ขาดพ่อขาดแม่ที่บ้านจะรู้สึกเกิดความอบอุ่นขึ้น ทำาให้
พฤติกรรมโดยภาพรวมของนักเรียนทั้งโรงเรียนดีขึ้น
ข้อ เสนอแนะ
       ควรนำากิจกรรมนี้ไปขยายผลทุกโรงเรียนเพราะเป็นกิจกรรม
ที่สร้างความรัก ความอบอุ่น ควรมดี
               ----------------------------------------------




               เรื่อ งที่ 4
“ ปัญ หา เขีย นหนัง สือ ไม่ส วย สะกดคำา
                ไม่ถ ูก ”
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      15




                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
     นักเรียนที่เรียนในแต่ละชั้น มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เขียน
หนังสือไม่สวย สะกดคำาไม่ถูก เขียนผิดสู่การบูรณาการคัดเขียน
ก่อนเรียนวิทย์
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
       1. ก่อนเรียนของแต่ละภาคเรียนในสัปดาห์แรกให้ผู้เรียน
          ฝึกการคัดเขียน จากกระดาษ ที่ครูเตรียมการไว้ ฝึก
          ปฏิบัติ
       2. นำาผลงานที่สำาเร็จมาตรวจสอบ
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
       1. นักเรียนโดยภาพรวมเขียนหนังสือสวยขึ้น
       2. การสังเกตการเขียนโครงงาน เขียนได้ถูกหลักการเขียน
          สวยงาม
ข้อ เสนอแนะ
       ควรนำาไปประยุกต์ใช้พัฒนาการเรียนการสอนกับทุกวิชา

                 ----------------------------------------------
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      16




                               เรื่อ งที่ 5
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา (ในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ )
     การพัฒนาการวัดผลประเมินผลการเรียนแบบตัวเลือกชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้นปีการศึกษา 2542 สู่การวัดประเมินผล โดย
การสร้างองค์ความรู้ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
     จากการวัดประเมินผลแบบตัวเลือก พบว่า นักเรียนส่วนมาก
มักลอกตัวเลือกจากคนที่อยู่ใกล้โดยไม่สนใจว่าตัวเลือกนั้นจะถูก
หรือผิด จึงทำาให้ไม่ทราบผลการเรียนรู้ที่แท้จริง แก้ปัญหา
พัฒนาการวัดผลประเมินผล ดังนี้
     1. สร้างทฤษฏี การประเมินผลด้วยแผนภูมิกิ่งไม้ (ศึกษา
        ทฤษฎีจากผู้ศึกษา)
     2. นำาตัวอย่างที่สำาเร็จมาเป็นต้นแบบ อธิบาย เสนอแนะวิธี
        การสร้างองค์ความรู้
     3. ให้ผู้เรียนศึกษาวิธีการสร้างองค์ความรู้ ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้
        และสรุปเป็นผลการศึกษาเมื่อศึกษาเนื้อหาย่อยสิ้นสุดลง
        แล้ว
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      17




ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
       1. นักเรียนสามารถสรุป เขียน องค์ความรู้ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้
          จากเนื้อหาที่ตนเองศึกษาด้วยตนเองได้ โดยไม่มีขอบเขต
          กำาหนด
       2. นักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินต่อเนื้อหาที่เรียน
          เพราะได้บูรณาการเนื้อหาสู่วิชาอื่นๆ ด้วย
ข้อ เสนอแนะ
       การสรุปองค์ความรู้ทำาได้หลายวิธี แล้วแต่ความคิดของครู
ผู้เรียนแต่ที่นิยมใช้แผนภูมิกิ่งไม้มากกว่าเพราะมีความร่มรื่น แตก
กิ่งไม้สาขาอย่างไม่จำากัด
                 ----------------------------------------------




                เรื่อ งที่ 6
   “ ปัญ หา ให้น ัก เรีย นเห็น คุณ ค่า ของ
                    เงิน ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 18




     วิธีการให้นักเรียนเห็นคุณค่าของเงินจากการให้เงินทุนการ
ศึกษานักเรียนยากจน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2545
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
      โรงเรียน.............. เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการ
ศึกษา มาเรียนจากหลายหมู่บ้าน นักเรียนมีฐานะยากจนประมาณ
ร้อยละ 95 และมีนักเรียนบางคนได้รับเงินทุนการศึกษาจากหน่วย
งานต่างๆ แต่นำาเงินมาใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ของผู้ให้ และไม่เห็น
ความสำาคัญของเงินที่ได้ ถือว่าได้มาเปล่าๆ จึงนำาเงินที่ได้ไปใช้ใน
ทางที่ผิด เช่น เบิกเงินไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซือของฟุ่มเฟือย
                                               ้
เป็นต้น ผูศึกษาจึงแก้ปัญหาโดยให้ทุนด้วยการ ประชุมนักเรียน ผู้
          ้
ปกครองที่ฐานะยากจนที่คัดมาได้ด้วยความสมัครใจ ให้ไปร่วม
ช่วยงานครูเมื่อไปทำาหน้าที่เป็นวิทยากรในวันหยุด โดยให้ทุน
สัปดาห์ 200-300 บาท ต่อคนหมุนเวียนกันไป เมื่อได้รับเงิน
แล้วกติกาตั้งไว้ว่าจะต้องนำาเงินมาฝากไว้กับผู้ปกครอง
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
      นักเรียนเห็นคุณค่าของเงินทุนการศึกษา เนื่องจากได้มาด้วย
ความลำาบาก ทำาให้รู้จักเก็บออม นักเรียนที่ได้ทุนหมุนเวียน ใน
ภาคเรียน 1/2545 ได้แก่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำานวน 4 ราย
คือ............................................
ข้อ เสนอแนะ
     การให้ทุนการศึกษาเป็นดาบสองคม ผู้มส่วนเกี่ยวข้อง ครู ผู้
                                                    ี
ปกครองควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปลูกฝังให้ผู้เรียนเห็น
ความสำาคัญของการใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดตาม
เจตนารมณ์ของผู้ให้ หากนำาเงินไปใช้จ่ายที่ผิดๆเช่น ซือสิ่งเสพ ้
ติดจะเกิดเสียอย่างร้ายแรงต่อไป
              ----------------------------------------------
                  เรื่อ งที่ 7
“ ปัญ หา ผู้เ รีย นชอบเล่น มากว่า เรีย น ”
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      19




                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
    การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อส่งเสริมการค้นคว้า
หาความรู้ด้วยตนเองเนื่องจากผู้เรียนไม่สนใจความรู้เชิงวิชาการ
ชอบเล่นมากกว่าเขียน
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา (นวัต กรรมง่า ยๆที่
อยู่ร อบตัว )
      ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2544 พบว่า นักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น ไม่สนใจความรู้ที่เป็นวิชาการ ประมาณ 80
เปอร์เซ็นต์ ชอบเล่นมากกว่าเรียน ค้นคว้าไม่เป็น แก้ปัญหาโดย
      1. ครูออกแบบวิธีการค้นคว้า โดยให้ค้นคว้าเรื่องหรือสิ่งที่
         ตนเองสนใจ อยากรู้ อยากเห็นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งที่
         เป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจและเรื่องที่เป็นสาระในบทเรียน
      2. นำาสิ่งที่ตนเองค้นคว้าได้มารายงาน ให้ครู เพื่อนนักเรียน
               ทราบ
      3. ครูกำาหนดเกณฑ์การให้คะแนน เช่น ค้นได้ 1 เรื่อง นำา
         มาเสนอผ่านจะได้ 5 คะแนน แต่ในหนึ่งภาคเรียนต้องทำา
         ส่งไม่เกิน 20 เรื่อง นำาคะแนนที่ได้ไปประเมินตามสภาพ
         จริงร่วมกับวิธีอื่น
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
       1. นักเรียนรู้จักการใช้ห้องสมุด ใช้เวลาว่างไปค้นคว้าหา
          ข้อมูลที่เกิดจากความสนใจ สงสัยของนักเรียนเอง
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      20




       2. ทำาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ครูและผู้
          เรียนได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
       3. สนองต่อการเรียนรู้ตามแนวปฏิรูปสู่ พรบ. การศึกษาแห่ง
          ชาติ พ.ศ. 2542
ข้อ เสนอแนะ
       1. การศึกษาวิธนเป็นจุดเริมต้นของการวิจยให้กบผูเรียน ทำาให้ผู้
                      ี ี้      ่               ั ั ้
          เรียนรักการค้นคว้าเห็นคุณค่า
       2. ควรส่งเสริมให้ผเรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วยวิธการ
                           ู้                             ี
          ต่างๆ แทนทีจะรับจากครูฝายเดียว
                       ่            ่
       3. ไม่มวธการค้นคว้าหาความรูวธใดดีทสด ครู ผูปกครอง ผู้
               ี ิ ี                  ้ ิ ี  ี่ ุ    ้
          เกียวข้องควรส่งเสริมหลายๆ วิธี
             ่
                   เรื่อ งที่ 8
        “ ปัญ หา นัก เรีย นติด 0 ติด ร ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
     การสร้างรูปแบบการสอน เพื่อแก้ปัญหานักเรียนติด 0 ติด ร
และเรียนไม่จบหลักสูตร นักเรียน ชั้น ม. 1-3 ในวิชาวิทยาศาสตร์
ปีการศึกษา 2542
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
    จากปัญหาพบว่านักเรียนส่วนมากเป็นนักเรียนขาดโอกาส
ทางการศึกษา เมื่อมาเข้าเรียนไม่เห็นความจำาเป็นของการเรียน
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 21




เพราะฐานะพ่อแม่ก็ลำาบากอยู่แล้ว คิดว่ายังคงไม่มีโอกาสที่จะได้
เรียนต่อ จึงไม่สนใจเรียน ทำาให้ติด 0, ร ไม่จบหลักสูตรครูแก้
ปัญหาโดย
       1. ออกแบบ รูปแบบการสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียน
รู้อย่างหลากหลาย ให้เขามีความรู้สึกว่าสิ่งที่เขากำาลังศึกษาอยู่
เป็นสิ่งที่ง่ายๆ
       2. ประเมินผลอย่างหลากหลายวิธี ตามสภาพจริง ให้ผู้
เรียนรู้ผลการเรียนรู้ทันที ครูบอกนักเรียนว่า การเรียนการสอน
การสอบเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ทำางานส่ง ตั้งใจเรียนหากมีงาน
ประเมินคงได้รับผลการสอบทุกคน ให้ตนช่วยตน
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
     นักเรียนทำางานส่ง ร่วมกิจกรรม เพราะถือว่าการเรียนเป็น
หน้าที่ของตนเอง นักเรียนเกิดความมั่นใจ ไม่ติด 0 หรือ ร เรียน
จบตามหลักสูตร
ข้อ เสนอแนะ
        นักเรียนไม่ส่งงานไม่ควรโทษผู้เรียนฝ่ายเดียว ผูสอนควร    ้
ส่องกระจกตนเองว่า ตนเองจัดกิจกรรมเหมาะสมกับผู้เรียนหรือไม่
เมื่อพบข้อบกพร่องควรหาวิธี หนทางแก้ไขข้อบกพร่องของเอง
เพื่อผู้เรียนเป็นสำาคัญ ทั้งรูปแบบ วิธีการจัดกิจกรรมการเรียน รวม
ถึงการวัดประเมินผลที่หลากหลายหรือไม่
                 ----------------------------------------------
                           เรื่อ งที่ 9
  การพัฒ นาการคิด วิเ คราะห์ คิด สัง เคราะห์ มี
    วิจ ารณญาณ คิด สร้า งสรรค์                             คิด
   ไตร่ต รองและมีว ิส ย ทัศ น์ข องนัก เรีย น ชัน
                          ั                                    ้
              มัธ ยมศึก ษาตอนต้น
   โรงเรีย นบ้า น...........................................ปีก าร
                 ศึก ษา...............
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                       22




                                        ผู้
วิจ ัย ............................................................................
                         ................................
      ผู้วิจัยได้ทำาการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 จนถึง ปีการศึกษา
2546 พบว่า นักเรียนร้อยละ 90 ยังมีความบกพร่องในการคิด
วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิด
ไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนและการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอน โดยส่วนรวม วิธ ีก าร ศึกษาแก้
ปัญหาและพัฒนาที่ใช้ คือ ครูออกแบบคำาถามกระตุ้นให้คิด และ
พัฒนาการคิดด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว และจัดทำาเป็น
เอกสารเผยแพร่สู่เพื่อนครูในโรงเรียนทุกคน ผลเชิง ประจัก ษ์
พบว่า นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นปีการศึกษา 2546
สามารถปรับพฤติกรรมการคิดได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และสามารถ
ทำาโครงงานแผ่นเดียวได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      23




                             เรื่อ งที่ 10
         การศึก ษาเด็ก เป็น รายบุค คล : เด็ก
            ชาย..........................................
                ชัน ...............................
                  ้
ผู้วิจัย ................................................................
โรงเรียน..................................จังหวัด.....................

       ผู้วิจัยสังเกตและจำาแนกลักษณะพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของ
เด็กชาย.................................. พบว่า พูดจาไม่สุภาพ ชอบ
ส่งเสียงดัง เกี่ยงงาน เล่นไม่เป็นเวลา ชอบหยิบจับเอาของคนอื่น
โดยไม่ได้รับอนุญาต วิธีการศึกษาที่ใช้ ได้แก่ การสังเกต การ
บันทึก พฤติกรรมและการสัมภาษณ์ โดยทำาการศึกษารายบุคคล
อย่างต่อเนื่องโดยระหว่างกระบวนการปรับพฤติกรรมมีวิธีการที่
หลากหลาย อันได้แก่ เมื่อพูดจากไม่สุภาพต่อเพื่อนๆ ให้ทำาความ
สะอาดห้องเรียนและทำางานเพิ่ม ชมเชยว่าดีเมื่อเขาพูดสุภาพ ทำา
สัญญาร่วมกันกับนักเรียนทั้งเรียน และครูใช้กฎข้อตกลงร่วมกัน
กับนักเรียน เมื่อนักเรียนแสดง พฤติกรรมที่ผิดข้อตกลงก็จะลงโทษ
ตามข้อตกลงร่วมกัน ผลจากการสังเกตและการสัมภาษณ์เด็กและ
เพื่อนอย่างต่อเนื่อง พบว่า ปรับพฤติกรรมได้ดีขึ้น

  ที่ม า : การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ีช ีว ิต
         สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      24




                 เรื่อ งที่ 11
   “ ปัญ หา นัก เรีย นขาดความมีน ำ้า ใจ ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
       การพัฒนาส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นผู้มีนำ้าใจของ
เด็กหญิง................................. นักเรียน
ชั้น........................... ปีการศึกษา.........................
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา (นวัต กรรมง่า ยๆ ที่
รอบตัว )
     1. ยกย่อง ชมเชย เมื่อแสดงพฤติกรรมดี ทั้งต่อหน้า ลับหลัง
ส่วนรวม เช่น หน้าเสาธงที่ประชุมครู ที่ประชุมนักเรียน และผู้
ปกครอง
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 25




      2. สังเกตพฤติกรรม สัมภาษณ์ สอบถาม เพื่อน ผู้ปกครอง
ชุมชน ครูในโรงเรียน หากแสดงพฤติกรรมนอกสิ่งที่จะพัฒนา
เสนอแนะเป็นการส่วนตัว
      3. พัฒนาคุณธรรมด้านอื่นหลายๆ ด้าน เช่น ความมีวินัย
ความซื่อสัตย์ ความขยัน ความกตัญญู และคุณธรรมอื่นๆ
      4. มอบหมายให้เป็นต้นแบบขยายผล ร่วมสอดส่องปลุก
จิตสำานึกสู่เพื่อนอื่น
      5. ให้ความหวัง ความรัก ความมั่นใจ ผลสำาเร็จในอนาคต
ของการทำาความดี
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
      1. นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งอยู่ที่โรงเรียน
         บ้าน และสถานที่ทั่วไป
      2. นักเรียนอื่นได้รูปแบบ ผลของการมีนำ้าใจ เป็นผลให้
         นักเรียนอื่นนำาไปปฏิบัติ
      3. สร้างความมั่นใจต่อผู้ปกครอง นักเรียนอื่นต่อผลการ
         ทำาความดี
ข้อ เสนอแนะ
      1. ควรส่งเสริมการแสดงออกผู้มีพฤติกรรมดีด้วยวิธีการ
ต่างๆ ทุกๆ คนอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง
      2. การจัดการเรียนการสอนควรแก้ปัญหา พัฒนาทุกเรื่อง
จึงจะได้ชื่อว่า เป็นครูนักวิจัย
                ----------------------------------------------

                เรื่อ งที่ 12
   “ ปัญ หา นัก เรีย นหนีเ รีย นกลับ ก่อ น
                   เวลา ”
                             ผู้ศ ึก ษา
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      26




ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
     การแก้ปัญหานักเรียนชั้น......................... หนีเรียนกลับ
ก่อนเวลาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา............ เพื่อแก้ปัญหา
การหนีกลับบ้านก่อนเลิกเรียนในภาคเรียนต่อไป
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
     โรงเรียนบ้าน................. เป็นโรงเรียนขยายโอกาส
ทางการศึกษามีนักเรียนในเขตบริการจำานวน 10 หมู่บ้าน พบ
ปัญหาว่า นักเรียนต่อหมู่บ้านมักจะหลบหนีกลับบ้านเวลาเลิกเรียน
ปกติ
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
       การแก้ปัญหานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น หลบหนีกลับ
บ้านก่อนเวลาเลิกเรียนปกติผู้ศึกษาแก้ปัญหาโดย
       1. ประชุมครู – ผู้ปกครอง ที่มีนักเรียน เรียนอยู่
ชั้น.............. ถึงปัญหาที่นักเรียนหนีเรียน กลับก่อนเวลา พบ
สาเหตุว่า ปัญหาทางโรงเรียน เนื่องจากคาบที่นักเรียนกลับก่อน
เป็นคาบอิสระ คาบที่ครูมอบหมายงานให้ค้นคว้าด้วยตนเอง คาบ
ลูกเสือ คาบที่ครูไม่สอนหรือติดประชุม ปัญหาจากผู้เรียน เบื่อ
หน่ายวิชา/ครูผู้สอนในบางวิชา ขี้เกียจร่วมกิจกรรม เป็นต้น
       2. หามาตรการป้องกันการหนีเรียนกลับก่อนเวลาโดย ให้ผู้
ปกครองสังเกตสอบถามถึงสาเหตุวันที่กลับก่อน ทางโรงเรียนจัด
ทำาสมุดบันทึกเวลาลงชื่อกลับบ้าน จอดรถไว้ในโรงเรียน
       3. เมื่อพบนักเรียนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ลงโทษโดยให้
พัฒนาโรงเรียน
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      27




ผลการแก้ปัญหา นักเรียนกลับบ้านตามกำาหนดเวลาเลิกเรียน
ข้อ เสนอแนะ
     การหนีกลับบ้านก่อนกำาหนดของนักเรียนน่าจะมาจากหลาย
สาเหตุ โดยเฉพาะสาเหตุจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ของครู ครูควรตระหนักต่อหน้าที่มิใช่แต่จะโทษผู้เรียนฝ่ายเดียว
พร้อมกับการวิธีแก้ปัญหาจากสาเหตุดังกล่าวให้ลดน้อยลง จน
ปัญหานั้นหมดไป
             ----------------------------------------------
                              เรื่อ งที่ 13
     การพัฒนาการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มี
 วิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองและมีวิสัย
   ทัศน์ ของนักเรียนชั้น................................
  โรงเรียน................................... ปีการศึกษา
                   ......................
ผู้
วิจัย............................................................................
........................................................................

       ผู้วิจัยได้ทำาการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน
ชั้น............... ตั้งแต่ปีการศึกษา.............. จนถึง ปีการศึกษา
............. พบว่า นักเรียนร้อยละ 90 ยังมีความบกพร่องในการ
คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิด
ไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้และการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอน โดยส่วนรวม วิธีการ ศึกษาแก้ปัญหา
และพัฒนาที่ใช้ คือ ครูออกแบบคำาถามกระตุ้นให้คิด และ
พัฒนาการคิดด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว และจัดทำาเป็น
เอกสารเผยแพร่ สู่เพื่อนครูในโรงเรียนทุกคน ผลเชิงประจักษ์ พบ
ว่า นักเรียนระดับ.................ปีการศึกษา........... สามารถปรับ
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      28




พฤติกรมการคิดได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และสามารถทำาโครงงาน
แผ่นเดียวได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์




                              เรื่อ งที่ 14
การเปรีย บเทีย บผลสัม ฤทธิ์ท างการเรีย น
ระหว่า งการสอน โดยใช้บ ทเรีย นสำา เร็จ รูป กับ
การสอนแบบปกติ เรื่อ งสารพัน ธุก รรม ระดับ
ชั้น .........................

ผู้
วิจัย............................................................................
........................................................................
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                  29




       วิชาชีววิทยามีเนื้อหามากและเป็นลักษณะนามธรรม ในบาง
เนื้อหมีกระบวนการที่ละเอียดซับซ้อนในระดับโมเลกุล ผู้สอนมัก
ใช้วิธีการสอนแบบบรรยายในลักษณะเป็นผู้บอกความรู้และขาด
สื่อการสอนที่ดี ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตำ่า ผู้วิจัยสร้างบท
เรียนสำาเร็จรูปเรื่องสารพันธุกรรม แบ่งเป็น 2 ตอน คือ การค้นพบ
สารพันธุกรรม และโครงสร้างโมเลกุลของ DNA ทำาการวิจัย
ทดลอง มีกลุ่มที่สอนโดยใช้บทเรียนสำาเร็จรูปและกลุ่มที่ควบคุม
แบบปกติ จัดทำาการทดสอบก่อนและหลังการสอนวิเคราะห์ เปรียบ
เทียบโดยการทดสอบค่าที (T-test) และคำานวณหาประสิทธิภาพา
ของบทเรียน สำาเร็จรูป ผลการทดลองพบว่านักเรียนกลุ่มทดลองมี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมและบทเรียนสำาเร็จรูปมี
คุณภาพตามเกณฑ์

   ที่ม า: การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ีช ีว ิต
         สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ




                          เรื่อ งที่ 15
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 30




การใช้ห นัง สือ นิท านเป็น สื่อ การเรีย นการสอน
                  เพื่อ พัฒ นาผลสัม ฤทธิ์
ทางการเรีย น เรือ งเล่า ขานตำา นานเมือ งลับ แล
                        ่
        ของนัก เรีย นชั้น ..................................
ผู้
วิจัย............................................................
.........................................................

       นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่...........ไม่มีความรู้หรือไม่
ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สิ่งมีค่า และเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นในอดีตของอำาเภอ เนื่องจากไม่เคยอ่านหนังสือหรือฟังเรื่อง
ราวที่เกิดขึ้นในอดีต ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงทดลอง โดยสร้าง
หนังสือนิทานเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตของอำาเภอลับแล
ใช้ตัวละครที่เป็นชื่อของเด็ก นักเรียนที่อยู่ในชั้น มีการทดสอบ
ก่อนและหลังเรียนการเรียนโดยใช้หนังสือนิทาน ที่สร้างขึ้น และ
นำามาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ สรุปได้ว่าสามารถแก้ปัญหาการเรียน
รู้ของ นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและได้รับความ
สนุกสนานในการจัดกิจกรรม

  ที่ม า : การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ี
                              ชีว ิต
      สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                      31




                 เรื่อ งที่ 16
       “ ปัญ หา นัก เรีย นขาดคุณ ธรรม
                 จริย ธรรม ”
                                  ผู้ศ ึก ษา
ชื่อ.....................................................สกุล...................
..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
.................................................................................
ปีการศึกษา...........................................
                            *****************

ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน
ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
     การพัฒนาส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นผู้มีนำ้าใจของ
นาย ............................ นักเรียนชั้น..............ปีการ
ศึกษา...........................
วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา
     1. ยกย่อง ชมเชย เมื่อแสงดพฤติกรรมดี ทั้งต่อหน้า ลับหลัง
ส่วนรวม เช่น หน้าเสาธงที่ประชุมครู ที่ประชุมนักเรียน และผู้
ปกครอง
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 32




      2. สังเกตพฤติกรรม สัมภาษณ์ สอบถาม เพื่อ ผู้ปกครอง
ชุมชน ครูในโรงเรียน หากแสดงพฤติกรรมนอกสิ่งที่จะพัฒนา
เสนอแนะเป็นการส่วนตัว
      3. พัฒนาคุณธรรมด้านอื่นหลายๆ ด้าน เช่น ความมีวินัย
ความซื่อสัตย์ ความขยัน ความกตัญญูและคุณธรรมอื่นๆ
      4. มอบหมายให้เป็นต้นแบบขยายผล ร่วมสอดส่องปลุก
จิตสำานึกสู่เพื่อนอื่น
      5. ให้ความหวัง ความหวัง ความมั่นใจ ผลสำาเร็จในอนาคต
ของการทำาความดี
ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา
      1. นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งอยู่ใน
         โรงเรียน บ้าน และสถานที่ทั่วไป
      2. นักเรียนอื่นได้รูปแบบ ผลของการมีนำ้าใจ เป็นผลให้
         นักเรียนอื่นนำาไปปฏิบัติ
      3. สร้างความมั่นใจต่อผู้ปกครอง นักเรียนอื่นต่อผลการ
         ทำาความดี
ข้อ เสนอแนะ
      1. ควรส่งเสริมการแสดงออกผู้มีพฤติกรรมดีด้วยวิธีการต่างๆ
         ทุกๆ คนอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง
      2. การจัดการเรียนการสอนควรแก้ปัญหา พัฒนาทุกเรื่อง
         จึงจะได้ชื่อว่า เป็นครูนักวิจัย
              ----------------------------------------------
                         เรื่อ งที่ 17
                       การวิจ ัย แบบง่า ย

   การพัฒ นาพฤติก รรมก้า วร้า วที่เ กิด
           จากความเครีย ด
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 33




  ของนัก เรีย นชั้น ................... ปีก าร
              ศึก ษา...............
 โรงเรีย น............................ ด้ว ยวิธ ีก าร
           นวดแผนโบราณ




                        โดย
          นาย......................................
  ครู............ โรงเรีย น...............................
            สำา นัก งานเขตพื้น ที่ก าร
         ศึก ษา.................. เขต..........
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 34




ชื่อ เรื่อ ง           การพัฒนาพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจาก
ความเครียดของนักเรียนชั้น....................
                ปีการศึกษา......... โรงเรียน.................. ด้วยวิธี
การนวดแผนโบราณ
ชื่อ ผู้ว ิจ ัย ................................
สภาพปัญ หา
        นักเรียนชั้น…..ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมด จำานวน........คน ซึ่ง
ส่วนมากจะเป็นนักเรียนชายที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจาก
ความเครียด มักส่งเสียงดังร้องอึกทึกครึกโครม ตีทุบต่อยบอร์ด
ป้ายกระดาน จับกลุ่มชกต่อยทะเลาะวิวาท ไม่สนใจเรียน อันเป็น
ผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน นักเรียนทีมพฤติกรรม    ่ ี
ก้าวร้าวส่วนใหญ่จะย้ายหรือให้ออกมาจากโรงเรียนอืนซึงมีถง     ่ ่   ึ
จำานวน 8 คน
ปัญ หาการวิจ ัย
        การนวดแผนโบราณจะสามารถลดพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิด
จากความเครียดได้จริงหรือไม่
เป้า หมายการวิจ ัย
        เพื่อศึกษาพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดด้วยการ
ใช้วิธีการนวดแผนโบราณ
วิธ ีก ารวิจ ัย
        1. ร่วมประชุมกับนักเรียน เสนอการนวดแผนโบราณ
ประโยชน์ข้อดี ของการนวดแผนโบราณ พัฒนาโดยวางแผนหา
แหล่งวิทยากรที่จะนำามาให้ความรู้ และการนวดแผนโบราณถือ
เป็นส่วนหนึ่งในวิชาโครงงาน (ง 321 และ ง 322) ที่จะต้องเรียน
ด้วยกันทั้งหมดทั้งชายและหญิงจำานวน ........ คน มีเกรด มีผล
การเรียนด้วย
        2. แต่งตั้งมอบหมายให้วิทยากรที่มีประสบการณ์ มาให้
ความรู้ ทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี ในสัปดาห์ที่ 1-2
        3. เสริมแรงด้วยการชมเชยส่วนตัวและการชมเชยขณะ
ปฏิบัติ และให้แนวคิดประโยชน์ที่ตามมาของนวดแผนโบราณ
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 35




       4. สังเกตพฤติกรรมความสนใจ ขณะทำาการนวนแผน
โบราณ โดยมีแบบสังเกตกำาหนดประเด็นไว้ล่วงหน้า และบันทึก
ผลการสังเกตในชั่วโมง
       5. เมื่อถึงชั่วโมง ในสัปดาห์ต่อไปให้นักเรียนสลับคู่การ
นวดแผนโบราณ ให้คะแนนนำาผลการสังเกตมาวิเคราะห์
       6. สรุปผลและเขียนรายงานและพัฒนาการนวดแผน
โบราณไปอย่างต่อเนื่อง
การวิเ คราะห์ข ้อ มูล
       จากการสังเกตพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียด โดย
ใช้วิธีนวดแผนโบราณเพื่อลดพฤติกรรม โดยได้นำาข้อมาจัดกลุ่ม
วิเคราะห์ สรุปแนวโน้มพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม


ช่ว งเวลาดำา เนิน การ
         o ประชุมนักเรียน 2 มิถุนายน 2547
         o ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อลดความเครียด ด้วยวิธีการนวด
            แผนโบราณ
         o วิเคราะห์ข้อมูลเขียนรายงาน 25 กันยายน 2547
ผลการวิจ ัย
      1. นักเรียนชั้น............. จำานวน ..............คน
พฤติกรรมความก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดลดลง โดยเฉพาะใน
กลุ่มนักเรียนที่มีปัญหา
      2. สิ่งที่สังเกตได้ว่าการใช้วิธีนวดแผนโบราณทำาให้
พฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดลดลง ที่ชัดเจน คือ
      2. 1 เสียงอึกทึกครึกโครมลดน้อยลงหรือไม่มี
      2.2 การทุบตี ทะเลาะวิวาทไม่มี
      2.3 การตั้งใจเรียนกว่าระยะก่อนพัฒนาพฤติกรรม
      2.4 เมื่อเปรียบการพัฒนาก่อนและหลังปฏิบัติกิจกรรมลด
ความเครียด ด้วยวิธีการนวดแผนโบราณ พบว่า นักเรียนมี
โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก
(http://www.kruesanbannok.com)
                                 36




พฤติกรรมที่พัฒนาดีขึ้นทั้ง..............คน คิดเป็นร้อยละ 100
ตามระดับคุณภาพ ผลการประเมิน ดังนี้
                                    ก่อนใช้กิจกรรม
หลังใช้กิจกรรม

มีคุณภาพระดับดีมาก (3)                                 -
     18
มีคุณภาพระดับดี (2)                               20
     10
มีคุณภาพระดับปรับปรุง (1)                          8           -

ข้อ เสนอแนะ
      การลดพฤติกรรมเพื่อคลาดเครียด อาจทำาได้หลายวิธีครูควร
เข้าใจเด็กโดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาในด้านต่างๆ กิจกรรมที่นำามา
ใช้ควรเป็นกิจกรรมง่ายๆ ปฏิบัติได้ เกิดประโยชน์




                         เรื่อ งที่ 18
 การใช้ห นัง สือ นิท านเป็น สื่อ การเรีย นการสอนเพื่อ
   พัฒ นาผลสัม ฤทธิ์ท างการเรีย น เรื่อ งเล่า ขาน
                  ตำา นานเมือ งลับ แล
        ของนัก เรีย นชั้น ประถมศึก ษาปีท ี่ 2
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย
การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย

More Related Content

What's hot

เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2nang_phy29
 
ตัวอย่างโครงร่างวิจัย
ตัวอย่างโครงร่างวิจัยตัวอย่างโครงร่างวิจัย
ตัวอย่างโครงร่างวิจัยguest41395d
 
ตัวอย่างการทำslide
ตัวอย่างการทำslideตัวอย่างการทำslide
ตัวอย่างการทำsliderubtumproject.com
 
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนการเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนppisoot07
 
สารนิพนธ์02
สารนิพนธ์02สารนิพนธ์02
สารนิพนธ์02Wes Yod
 
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูล
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูลการสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูล
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูลUltraman Taro
 
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อJeeraJaree Srithai
 
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดสาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดWareerut Hunter
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01witthawat silad
 
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ 03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ JeeraJaree Srithai
 
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยแนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยwitthaya601
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05jirupi
 
งานเดี่ยวโครงร่างคณิต
งานเดี่ยวโครงร่างคณิตงานเดี่ยวโครงร่างคณิต
งานเดี่ยวโครงร่างคณิตkrunum11
 

What's hot (19)

เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
เค้าโครงงานวิจัยในชั้นเรียน.2
 
ตัวอย่างโครงร่างวิจัย
ตัวอย่างโครงร่างวิจัยตัวอย่างโครงร่างวิจัย
ตัวอย่างโครงร่างวิจัย
 
PPT อ.สกลชัย
PPT อ.สกลชัยPPT อ.สกลชัย
PPT อ.สกลชัย
 
ตัวอย่างการทำslide
ตัวอย่างการทำslideตัวอย่างการทำslide
ตัวอย่างการทำslide
 
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนการเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การเขียนโครงการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
 
5 การประเมินโครงการ 5
5 การประเมินโครงการ 55 การประเมินโครงการ 5
5 การประเมินโครงการ 5
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
การวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียนการวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียน
 
สารนิพนธ์02
สารนิพนธ์02สารนิพนธ์02
สารนิพนธ์02
 
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูล
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูลการสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูล
การสร้างเครื่องมือและการเก็บข้อมูล
 
Thana pbl
Thana pblThana pbl
Thana pbl
 
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ
01นำเสนอการวิจัยปฏิบัติการบท1 2 ดร.เกื้อ
 
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิดสาระน่ารู้กับการสอนคิด
สาระน่ารู้กับการสอนคิด
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
 
Computer
ComputerComputer
Computer
 
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ 03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
03การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
 
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัยแนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
แนวการเขียนรายงายเชิงวิจัย
 
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 05
 
งานเดี่ยวโครงร่างคณิต
งานเดี่ยวโครงร่างคณิตงานเดี่ยวโครงร่างคณิต
งานเดี่ยวโครงร่างคณิต
 

Similar to การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย

การวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียนการวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียนsalinkarn sampim
 
การทำโครงงาน 5 ขั้น
การทำโครงงาน 5 ขั้นการทำโครงงาน 5 ขั้น
การทำโครงงาน 5 ขั้นPongtong Kannacham
 
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนวิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนAj Ob Panlop
 
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์Kobwit Piriyawat
 
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdocหลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdockrupornpana55
 
Cแนะแนว
CแนะแนวCแนะแนว
Cแนะแนวyutict
 
วิเคราะห์ผู้เรียน
วิเคราะห์ผู้เรียนวิเคราะห์ผู้เรียน
วิเคราะห์ผู้เรียนguestabb00
 
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้องPochchara Tiamwong
 
การสอบแบบวิทยาศสาตร์
การสอบแบบวิทยาศสาตร์การสอบแบบวิทยาศสาตร์
การสอบแบบวิทยาศสาตร์citylong117
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slidesharepaewwaew
 
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนาแผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนาPrincess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
 

Similar to การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย (20)

เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
 
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
เนื้อหาความรู้เรื่องโครงงานวิทย์
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
การวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียนการวิจัยในชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียน
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
การทำโครงงาน 5 ขั้น
การทำโครงงาน 5 ขั้นการทำโครงงาน 5 ขั้น
การทำโครงงาน 5 ขั้น
 
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียนวิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
วิธีการเขียนวิจัยในชั้นเรียน
 
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
นำเสนองานวิจัยประชุมวิชาการ มศว นายกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์
 
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdocหลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
หลักสูตร Is คำอธิบายรายวิชา ม.ปลายdoc
 
Surapol3
Surapol3Surapol3
Surapol3
 
ข้อสอบวิช..
ข้อสอบวิช..ข้อสอบวิช..
ข้อสอบวิช..
 
Cแนะแนว
CแนะแนวCแนะแนว
Cแนะแนว
 
โครงร่างคอม
โครงร่างคอมโครงร่างคอม
โครงร่างคอม
 
โครงร่างคอม
โครงร่างคอมโครงร่างคอม
โครงร่างคอม
 
วิเคราะห์ผู้เรียน
วิเคราะห์ผู้เรียนวิเคราะห์ผู้เรียน
วิเคราะห์ผู้เรียน
 
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
15ตย.ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้อง
 
การสอบแบบวิทยาศสาตร์
การสอบแบบวิทยาศสาตร์การสอบแบบวิทยาศสาตร์
การสอบแบบวิทยาศสาตร์
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slideshare
 
R wichuta
R wichutaR wichuta
R wichuta
 
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนาแผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
แผนการจัดการเรียนรู้พระพุทธศาสนา
 

การวิจัยแบบง่ายสู่ครูนักวิจัย

  • 1. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 1 การวิจ ัย แบบง่า ยสู่ค รูน ัก วิจ ัย การวิจ ัย หมายถึง กระบวนการเสาะแสวงหาความ รู้เพื่อตอบคำาถาม หรือปัญหาที่มีอยู่อย่างเป็นระบบ และมี วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ทำา ไมครูต ้อ งทำา วิจ ัย การวิจัยเป็นเครื่องมือเป็นก ระบวนการที่ทุกงานในทุกสาขาอาชีพ ใช้ในการหาความรู้ หรือข้อค้นพบในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานได้อย่างเป็น ระบบน่าเชื่อถือ “ การวิจัยช่วยให้การพัฒนางานเป็นไป อย่างมืออาชีพ” ทำา ไมครูต ้อ งทำา วิจ ัย งานของครูนับเป็นวิชาชีพชั้น สูงที่ต้องการความเชื่อถือได้ในผลงาน ซึงถ้าครูใช้การวิจัย ่ ในการพัฒนา หรือแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียน จะ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นได้ในการทำางานของครู และ เป็นการประกันคุณภาพลักษณะหนึ่ง การวิจ ัย ในชั้น เรีย น (CLASSROOM RESEARCH) หรือ การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (CLASSROOM ACTION RESEARCH) การวิจ ัย เชิง ปฏิบ ัต ิก าร (ACTION RESEARCH) กระบวนการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลสารสนเทศต่างๆ เพื่อตอบคำาถาม (ปัญหา) ที่เกี่ยวข้องกับภาระงานที่ปฏิบัติ อยู่โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพของงานที่กำาลัง ปฏิบัติอยู่และผู้วิจัย คือผู้ปฏิบัติงาน การวิจ ัย ปฏิบ ัต ิก ารในชั้น เรีย น (CLASSROOM RESEARCH) กระบวนการแสวงหาความรู้เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน อย่างมีระบบ และมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน โดยมี
  • 2. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 2 กระบวนการทำางานอย่างต่อเนื่อง คือ มีการวางแผนหลัง จากที่มีการกำาหนดประเด็นปัญหาที่ต้องการแก้ไขปรับปรุง ลงมือปฏิบัติตามแผนที่กำาหนดไว้ สังเกตผลที่เกิดขึ้น และ สะท้อนผลหลังจากลงมือปฏิบัติ ถ้ายังมีประเด็นที่ต้องการ แก้ไขปรับปรุงอยู่ก็ดำาเนินการวางแผนลงมือปฏิบัติ สังเกต และสะท้อนผลเป็นวงจรต่อไปเรื่อยๆ จนบรรลุเป้าหมายที่ ต้องการและผู้วิจัยส่วนใหญ่ คือครูผู้สอน ความแตกต่า งระหว่า งการวิจ ัย แบบเป็น ทางการ (FORMAL RESEARCH) และการวิจ ัย ปฏิบ ัต ิก ารในชั้น เรีย น (CAR) ประเด็น FR CAR 1. เป้าหมายของ ได้องค์ความรู้ที่ ได้องค์ความรู้ที่จะ การวิจัย สามารถสรุป นำามาปรับปรุง อ้างอิงไปสู่กลุ่มอื่น แก้ไขงานที่ปฏิบัติ ได้ อยู่ 2. วิธีการกำาหนด ตรวจสอบเอกสาร ประเด็นปัญหา ประเด็นปัญหา ทฤษฎีและงาน ปัจจุบันที่พบ หรือคำาถามวิจัย วิจัยที่เกี่ยวข้อง 3. วิธีการตรวจ เน้นการตรวจสอบ ไม่เน้นการตรวจ สอบเอกสาร เอกสารอย่างเข้ม สอบเอกสารมัก ข้นเน้นการใช้ อนุโลมให้ใช้ ข้อมูลจากแหล่ง ข้อมูลจากแหล่ง ปฐมภูมิ ทุติยภูมิ 4. การสุ่ม เน้นการสุ่มชนิดที่ ไม่เน้นการสุ่ม ตัวอย่าง คำานึงถึงความน่า ตัวอย่างกลุ่มที่
  • 3. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 3 จะเป็นเพื่อให้ได้ ศึกษา คือนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่เป็น หรือ ผู้เกี่ยวข้องที่ ตัวแทนประชากร ปฏิบัติงานด้วย 5. การวิเคราะห์ ใช้อนุมานสถิติใน ไม่เน้นการทดสอบ ข้อมูล การทดลองความมี ความมีนัยสำาคัญ นัยสำาคัญและใช้ ทางสถิติมีการนำา เทคนิคของการ เสนอข้อมูลดิบ วิจัยเชิงคุณภาพ 6. การนำาผลไป เน้นความสำาคัญ เน้นความสำาคัญที่ ใช้ ในเชิงทฤษฎี เป็นผลจากการ ปฏิบัติ ขั้น ตอนของการทำา วิจ ย ปฏิบ ัต ก ารในชั้น ั ิ เรีย น 1.เลือกประเด็นคำาถามวิจัยที่สำาคัญต่อการปฏิบัติงาน 2.ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง 3.วางแผนการวิจัย 4.ลงมือปฏิบัติพร้อมรวบรวมข้อมูล 5.วิเคราะห์ข้อมูล เชิงปริมาณ/คุณภาพ 6.สรุปผล 7.แลกเปลี่ยนข้อค้นพบกับผู้อื่นหรือทำาการเผยแพร่ วิจ ัย แบบง่า ย: วิจ ัย ที่เ หมาะกับ ครู  ไม่ทำาให้ภาระของครูมีมากเกินไป  ไม่งานที่แปลกแยกจากการทำางานปกติคือการ จัดการเรียนรู้  เป็นการวิจัยที่มีกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน
  • 4. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 4  สอดคล้องกลมกลืน เกิดประโยชน์กับงานการเรียน การสอนปกติ ลัก ษณะการวิจ ัย แบบง่า ย  เป็นการวิจัยที่ครูทำาในงานการจัดการเรียนรู้ แก้ ปัญหา/พัฒนา  เป็นการวิจัยเรื่องที่มีขอบเขตเล็กๆ ใช้เวลาน้อย มี กระบวนการไม่ซับซ้อน  เป็นการวิจัยที่เขียนรายงานการวิจัยเพียงไม่กี่หน้า กระดาษ “การวิจ ัย แบบง่า ย เพื่อ ครูไ ทย ” ขั้น ตอนสำา คัญ การวิจ ัย แบบง่า ย  กำาหนดประเด็นของการแก้ปัญหาหรือการ พัฒนา  กำาหนดวิธีการที่จะแก้ปัญหาปรือการพัฒนาใน เรื่องนั้นๆ อย่างมีเหตุผล  ดำาเนินการตามวิธีการขั้นตอนที่กำาหนด รวบรวม ข้อมูลที่เกิดขึ้น  นำาข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปผลที่เกิดขึ้น  เขียนรายงานผลการศึกษาวิจัยด้วยความยาวไม่ กี่หน้า การเขีย นรายงานการวิจ ัย แบบง่า ย o ชื่อเรื่อง/ประเด็นที่ทำาการวิจัย o ที่มาของปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา o เป้าหมายของการวิจัย
  • 5. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 5 o วิธีการหรือขั้นตอนสำาคัญของการแก้ปัญหาหรือ การพัฒนา o ผลของการแก้ไขหรือพัฒนา o ข้อเสนอแนะ ประโยชน์ก ารวิจ ัย แบบง่า ย  ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างมีระบบ น่าเชื่อถือ  ครูมีทักษะการวิจัยและเป็นพื้นฐานสู่การวิจัยขั้น สูงหรือเป็นนักวิจัยต่อไป  ครูมีผลงานวิชาการที่ชัดเจน ต่อเนื่องเพื่อพัฒนา งานและพัฒนาวิชาชีพ  ครูมีระบบและวิธีทำางานอย่างครูมืออาชีพ  ส่งเสริมการประกันคุณภาพการศึกษาที่เชื่อมั่น ได้  ฯลฯ ตัว อย่า งรูป แบบงานวิจ ัย ในชั้น เรีย น แบบง่า ยแผ่น เดีย ว ส่ว นที่ 1 ปัญ หา - อะไร - อย่างไร (พฤติกรรมที่แสดง) - ทำาไม (เหตุผลที่เป็นอย่างสั้นๆ) ส่ว นที่ 2
  • 6. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 6 วิธ ีแ ก้ป ัญ หา (ไม่ใ ช่ว ิธ ีส อน ) เช่น - ศึกษาหลักการ - วิเคราะห์ - วางแผน ส่ว นที่ 3 ผลที่แก้ไขได้ (ตรงตามเป้าหมาย) ส่ว นที่ 4 สรุป/อธิบาย/เสนอแนะ ตัว อย่า งรูป แบบการเขีย นรายงานการวิจ ับ แบบลูก กรุง อย่า งง่า ย (ความยาวไม่เ กิน 10 หน้า กระดาษ A4) ของ...................... เรื่อง/ปัญหาที่พบ (พบปัญหาคืออะไร เรื่องอะไร อย่างไร ทำาไม) ........................................................................ ................................................................... ความเป็นมาของปัญหา (เขียนสั้นๆ ปัญหาที่พบในการ เรียนการสอน ........................................................................ ................................................................... วัตถุประสงค์ (เขียนเพียง 1-3 ข้อ) ........................................................................ ................................................................... วิธีการศึกษา (ศึกษาอย่างไร มีหลักการอย่างไรวางแผนอย่างไร จะนำานวัตกรรมอะไรมาแก้) ........................................................................ ...................................................................
  • 7. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 7 กรอบแนวคิด (ขอบเขตการศึกษา) ........................................................................ ................................................................... สถิติที่ใช้ (ค่าสถิติง่ายๆ ทุกคนดูแล้วเข้าใจเพื่อเปรียบ เทียบหรือไม่ใช้ก็ได้) ........................................................................ ................................................................... ประชากร (ศึกษาจากคนกลุ่มไหน เท่าไร) ........................................................................ ................................................................... ตารางวิเคราะห์ข้อมูล (แสดงตารางข้อมูลให้เห็นได้ชัดเจน ง่ายๆ ตรงกัน) ........................................................................ ................................................................... สรุปผลการศึกษา (ผลการจากศึกษาในตะรางสรุปได้ว่า อย่างไร) ........................................................................ ................................................................... อภิปรายผล (จากผลการศึกษาเรื่องนี้หาเหตุผลมาอภิปราย เพื่อนำา ไปสู่การปรับปรุงพัฒนา) ........................................................................ ................................................................... ข้อเสนอแนะ (สานต่อไปให้ผู้อื่นนำาไปศึกษาค้นคว้า พัฒนา ศึกษาต่อไป) ........................................................................ ...................................................................
  • 8. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 8 ภาคผนวก (การนำาเสนอ เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อ เป็นข้อมูลอ้างอิง) ........................................................................ ................................................................... ตัว อย่า งการเขีย นรายงานการวิจ ัย แบบสากลอย่า ง ง่า ย รูป แบบการรายงานการพัฒ นาการเรีย นการสอน โจทย์ป ัญ หาคณิต ศาสตร์ ชั้น ............ (การวิจ ัย ในชั้น เรีย น ) (ทำา รายงานเอกสารเป็น รูป เล่ม โดยใช้ก ระดาษ A4 ชนิด ชั้น ) หัว ข้อ บทที่ 3 วิธีดำาเนินการศึกษา “รายงานผลการพัฒนาการสอนโจทย์ 1.1 กลุ่มเป้าหมาย ปัญหาคณิตศาสตร์ 1.2 ตัวแปรที่ศึกษา(ตัวแปร เรื่อง......................................... ต้น,ตัวแปรตาม) ....ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้ 1.3 เครื่องมือที่ใช้(ขันตอน ้ (ชื่อ การสร้าง) นวัตกรรม).................................. 1.4 ระยะเวลาการศึกษา(การ ...............” เก็บรวบรวมข้อมูล) 1. หน้าปก 1.5 การวิเคราะห์ข้อมูล(สถิติ 2. คำานำา ที่ใช้) 3. สารบัญ บทที่ 4 การวิเคราะห์แลกเปลี่ยน 4. สารบัญตาราง (ถ้ามี) การแปรความหมายข้อมูล (เสนอเป็น 5. กิตติกรรมประกาศ (ถ้ามี) ตารางประกอบความเรียง) บทที่ 1 บทนำา บทที่ 5 สรุป อภิปราย และข้อเสนอ 1.1 ความเป็นมาและความ แนะ สำาคัญของปัญหา บรรณานุกรม
  • 9. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 9 1.2 วัตถุประสงค์ ภาคผนวก 1.3 ขอบเขตของการศึกษา(ถ้า 1. แผนการใช้ มี) นวัตกรรม(ตัวอย่างแผนการ 1.4 นิยมศัพท์เฉพาะ/คำาจำากัด สอน) ความ(ถ้ามี) 2. ตัวอย่างนวัตกรรม 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3. แบบบันทึกคะแนน บทที่ 2 หลัก แนวคิด ที่ส ำา คัญ ของ 4. ผลงานนักเรียน การวิจ ัย 5. เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี) 1.1 หลักสูตรโจทย์ปัญหา คณิตศาสตร์ ชั้น ป.5 1.2 หลักการสอนโจทย์ปัญหา คณิตศาสตร์ 1.3 แนวคิดเกี่ยวกับ นวัตกรรม(ที่ใช้แก้ปัญหา) 1.4 เอกสารและงานวิจัยอื่นที่ เกี่ยวข้อง(ถ้ามี)
  • 10. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 10 เรื่อ งที่ 1 “ ปัญ หา นัก เรีย นให้เ พื่อ นเขีย น รายงานส่ง ครูแ ทน ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน.
  • 11. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 11 ................................................................................. ..........ปีการศึกษา................................. ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา จากการสังเกต ในปลายภาคเรียนที่ .......... พบว่า มี นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ทำางานส่ง หรือบันทึกงาน เขียน รายงานส่ง เป็นผลงานหรือลายมือที่นักเรียนอื่นทำางานให้ วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา จากปัญหาที่พบดังกล่าวสืบทราบว่า เป็นนักเรียนหญิง ทำางานให้นักเรียนชายมากกว่า เนื่องจากเป็นการสร้างความ สนใจ ให้ฝ่ายตรงข้ามรักตนเอง เป็นผลให้นักเรียนที่ถูกคนอื่น ทำางานให้ทำางานไม่เป็น คิดไม่เป็น และล้มเหลวในการเรียน แก้ ปัญหาและพัฒนาโดย ประชุมครูทั้งโรงเรียน ให้ช่วยกันสอดส่อง นักเรียนที่ทำางาน ส่งที่ไม่ใช่ลายมือหรือผลงานตนเองโดย - ตั้งกฎข้อบังคับของโรงเรียน เช่น หากพบจะลงโทษ นักเรียนที่เป็นเจ้าของงานและทำางานให้ โดยผู้ทำางานให้ จะถูกลงโทษมากกว่าและงานจะไม่ประเมินให้คะแนน - ประกาศให้นักเรียนทราบร่วมกันหน้าเสาธง - บอกผลเสียที่ให้เพื่อนทำางานให้ เป็นการส่งเสริมเพื่อนใน ทางที่ผิด ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา จากการใช้มาตรฐานที่หลากหลายปัญหาการทำางานให้ นักเรียนอื่นในภาคเรียนอื่นปัญหาลดลง นักเรียนทำางานเป็นเพราะ ไม่ต้องพึ่งคนอื่น ข้อ เสนอแนะ ในบางครั้งนักเรียนที่ขาดความมั่นใจ เรียนอ่อน อาจทำางาน ยังขาดความประณีต ครูควรให้กำาลังใจ และเสนอแนะวิธีการ พัฒนางานของตนเอง ไม่ควรเปรียบเทียบผลงานกับคนที่ทำางาน
  • 12. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 12 ละเอียด ประณีต อาจทำาให้เด็กท้องแท้ได้ ควรประเมินผลตาม สภาพจริงให้มากที่สุด ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 2 “ ปัญ หา การทำา โครงงาน เสีย ค่า ใช้ จ่า ยมาก ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การพัฒนาส่งเสริมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียน............................................... ภาคเรียนที่ .........../.................... ด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา การเรียนรู้ด้วยโครงงานเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดค้น สำารวจ ทดลองในเรื่องต่างๆ อย่างหลากหลาย สามารถนำาสิ่งที่ ประดิษฐ์ คิดค้น ทดลอง ไปเผยแพร่ ทำารายได้ในชีวิตประจำาวัน ได้ แต่การจัดทำาโครงงานลงบนแผง หรือ วัสดุต่าง ๆ ผู้เรียนต้อง เสียค่าใช้จ่ายมาก นับว่าทำาความเดือนร้อนมาสู่ครอบครัวนักเรียน อย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียนที่อยู่ในชนบทเหมือนกับนักเรียน โรงเรียนบ้านหลุบคา ผู้ศึกษาจึงหาวิธีแก้ปัญหาจากการเสนอโครง
  • 13. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 13 งานบนแผน มาเป็นเสนอบนแผ่นกระดาษ และพัฒนามาเสนอเป็น แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด แต่ก็ยังลงทุนอีกมาก และในที่สุดจึงได้พัฒนา เสนอโครงงานบนกระดาษแผ่นเดียวและเนื้อนำาเสนอเท่าเดิม พบ ว่า การนำาเสนอโครงงานบนกระดาษแผ่นเดียวปรากฏว่านักเรียน ทุกระดับชั้นมีความสนใจมาก จนในที่สุดนักเรียนทุกคนทำาโครง งานแผ่นเดียวเป็นทุกคน ซึงสอดคล้องและสอดรับกับการเรียนรูตาม ่ ้ หลักสูตรการศึกษาขันพืนฐาน พ.ศ. 2544 ้ ้ ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ม.1-3 สามารถนำาเสนองาน บนโครงงานแผ่นเดียวได้ ตามศักยภาพและความสามารถของ แต่ละบุคคล ข้อ เสนอแนะ การเรียนรู้ด้วยโครงงานควรส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้จาก กระบวนการให้ทุกคนคิด ทำา ทดลอง ปฏิบัติจริง ด้วยตนเอง ไม่ ควรจะทำาโครงงานเพื่อจะประกวดแข่งขัน จะทำาให้ผู้เรียนท้อแท้ กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในที่สุดอาจทะให้กิจกรรมโครงงานล้ม เหลวได้ ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 3 “ ปัญ หา ปกครองนัก เรีย นไม่ท ั่ว ถึง ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา
  • 14. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 14 นักเรียนในโรงเรียนมีหลายระดับและมาจากหลายหมู่บ้าน ปกครองไม่ทั่วถึง วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา โรงเรียน...............เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการ ศึกษา นักเรียนมีหลายระดับ และมาจาก 10 หมู่บ้านที่เป็นเขต บริการของโรงเรียน การปกครองดูแลไม่ทั่วถึง แก้ปัญหาพัฒนา โดยประชุมครู ผู้ปกครอง นักเรียน จัดทำาโครงการ “พ่อครูแม่ครู” แต่งตั้งคณะทำางานดำาเนินงาน เมื่อสิ้นปีการศึกษา แต่ละปีนำาผลมา ร่วมกันสรุป โดยคละเด็กทั้งโรงเรียน ทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม จับฉลากเลือกพ่อครูแม่ครู เมื่อคัดเลือกได้แล้ว ร่วม กันคิดกิจกรรม และทุกวันศุกร์เข้าแถวตามครอบครัวโดยมีครูที่ เป็นพ่อแม่ยืนแถวร่วมอยู่ด้านหลัง ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา นักเรียนเกิดความอบอุ่น เป็นการแก้ไขปัญหาการปกครองที่ เดิมต้องใช้ครูฝ่ายปกครองคนเดียว ปัจจุบันเมื่อนักเรียนคนใดมี ปัญหาให้พ่อครูแม่ครูช่วยแก้ปัญหาพัฒนาก่อน และนักเรียนบาง คนที่ขาดพ่อขาดแม่ที่บ้านจะรู้สึกเกิดความอบอุ่นขึ้น ทำาให้ พฤติกรรมโดยภาพรวมของนักเรียนทั้งโรงเรียนดีขึ้น ข้อ เสนอแนะ ควรนำากิจกรรมนี้ไปขยายผลทุกโรงเรียนเพราะเป็นกิจกรรม ที่สร้างความรัก ความอบอุ่น ควรมดี ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 4 “ ปัญ หา เขีย นหนัง สือ ไม่ส วย สะกดคำา ไม่ถ ูก ”
  • 15. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 15 ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ นักเรียนที่เรียนในแต่ละชั้น มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เขียน หนังสือไม่สวย สะกดคำาไม่ถูก เขียนผิดสู่การบูรณาการคัดเขียน ก่อนเรียนวิทย์ วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา 1. ก่อนเรียนของแต่ละภาคเรียนในสัปดาห์แรกให้ผู้เรียน ฝึกการคัดเขียน จากกระดาษ ที่ครูเตรียมการไว้ ฝึก ปฏิบัติ 2. นำาผลงานที่สำาเร็จมาตรวจสอบ ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา 1. นักเรียนโดยภาพรวมเขียนหนังสือสวยขึ้น 2. การสังเกตการเขียนโครงงาน เขียนได้ถูกหลักการเขียน สวยงาม ข้อ เสนอแนะ ควรนำาไปประยุกต์ใช้พัฒนาการเรียนการสอนกับทุกวิชา ----------------------------------------------
  • 16. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 16 เรื่อ งที่ 5 ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นา (ในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ ) การพัฒนาการวัดผลประเมินผลการเรียนแบบตัวเลือกชั้น มัธยมศึกษาตอนต้นปีการศึกษา 2542 สู่การวัดประเมินผล โดย การสร้างองค์ความรู้ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้ วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา จากการวัดประเมินผลแบบตัวเลือก พบว่า นักเรียนส่วนมาก มักลอกตัวเลือกจากคนที่อยู่ใกล้โดยไม่สนใจว่าตัวเลือกนั้นจะถูก หรือผิด จึงทำาให้ไม่ทราบผลการเรียนรู้ที่แท้จริง แก้ปัญหา พัฒนาการวัดผลประเมินผล ดังนี้ 1. สร้างทฤษฏี การประเมินผลด้วยแผนภูมิกิ่งไม้ (ศึกษา ทฤษฎีจากผู้ศึกษา) 2. นำาตัวอย่างที่สำาเร็จมาเป็นต้นแบบ อธิบาย เสนอแนะวิธี การสร้างองค์ความรู้ 3. ให้ผู้เรียนศึกษาวิธีการสร้างองค์ความรู้ ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้ และสรุปเป็นผลการศึกษาเมื่อศึกษาเนื้อหาย่อยสิ้นสุดลง แล้ว
  • 17. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 17 ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา 1. นักเรียนสามารถสรุป เขียน องค์ความรู้ด้วยแผนภูมิกิ่งไม้ จากเนื้อหาที่ตนเองศึกษาด้วยตนเองได้ โดยไม่มีขอบเขต กำาหนด 2. นักเรียนเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินต่อเนื้อหาที่เรียน เพราะได้บูรณาการเนื้อหาสู่วิชาอื่นๆ ด้วย ข้อ เสนอแนะ การสรุปองค์ความรู้ทำาได้หลายวิธี แล้วแต่ความคิดของครู ผู้เรียนแต่ที่นิยมใช้แผนภูมิกิ่งไม้มากกว่าเพราะมีความร่มรื่น แตก กิ่งไม้สาขาอย่างไม่จำากัด ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 6 “ ปัญ หา ให้น ัก เรีย นเห็น คุณ ค่า ของ เงิน ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ
  • 18. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 18 วิธีการให้นักเรียนเห็นคุณค่าของเงินจากการให้เงินทุนการ ศึกษานักเรียนยากจน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2545 วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา โรงเรียน.............. เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการ ศึกษา มาเรียนจากหลายหมู่บ้าน นักเรียนมีฐานะยากจนประมาณ ร้อยละ 95 และมีนักเรียนบางคนได้รับเงินทุนการศึกษาจากหน่วย งานต่างๆ แต่นำาเงินมาใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ของผู้ให้ และไม่เห็น ความสำาคัญของเงินที่ได้ ถือว่าได้มาเปล่าๆ จึงนำาเงินที่ได้ไปใช้ใน ทางที่ผิด เช่น เบิกเงินไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซือของฟุ่มเฟือย ้ เป็นต้น ผูศึกษาจึงแก้ปัญหาโดยให้ทุนด้วยการ ประชุมนักเรียน ผู้ ้ ปกครองที่ฐานะยากจนที่คัดมาได้ด้วยความสมัครใจ ให้ไปร่วม ช่วยงานครูเมื่อไปทำาหน้าที่เป็นวิทยากรในวันหยุด โดยให้ทุน สัปดาห์ 200-300 บาท ต่อคนหมุนเวียนกันไป เมื่อได้รับเงิน แล้วกติกาตั้งไว้ว่าจะต้องนำาเงินมาฝากไว้กับผู้ปกครอง ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา นักเรียนเห็นคุณค่าของเงินทุนการศึกษา เนื่องจากได้มาด้วย ความลำาบาก ทำาให้รู้จักเก็บออม นักเรียนที่ได้ทุนหมุนเวียน ใน ภาคเรียน 1/2545 ได้แก่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำานวน 4 ราย คือ............................................ ข้อ เสนอแนะ การให้ทุนการศึกษาเป็นดาบสองคม ผู้มส่วนเกี่ยวข้อง ครู ผู้ ี ปกครองควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปลูกฝังให้ผู้เรียนเห็น ความสำาคัญของการใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดตาม เจตนารมณ์ของผู้ให้ หากนำาเงินไปใช้จ่ายที่ผิดๆเช่น ซือสิ่งเสพ ้ ติดจะเกิดเสียอย่างร้ายแรงต่อไป ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 7 “ ปัญ หา ผู้เ รีย นชอบเล่น มากว่า เรีย น ”
  • 19. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 19 ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อส่งเสริมการค้นคว้า หาความรู้ด้วยตนเองเนื่องจากผู้เรียนไม่สนใจความรู้เชิงวิชาการ ชอบเล่นมากกว่าเขียน วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา (นวัต กรรมง่า ยๆที่ อยู่ร อบตัว ) ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2544 พบว่า นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น ไม่สนใจความรู้ที่เป็นวิชาการ ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ชอบเล่นมากกว่าเรียน ค้นคว้าไม่เป็น แก้ปัญหาโดย 1. ครูออกแบบวิธีการค้นคว้า โดยให้ค้นคว้าเรื่องหรือสิ่งที่ ตนเองสนใจ อยากรู้ อยากเห็นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งที่ เป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจและเรื่องที่เป็นสาระในบทเรียน 2. นำาสิ่งที่ตนเองค้นคว้าได้มารายงาน ให้ครู เพื่อนนักเรียน ทราบ 3. ครูกำาหนดเกณฑ์การให้คะแนน เช่น ค้นได้ 1 เรื่อง นำา มาเสนอผ่านจะได้ 5 คะแนน แต่ในหนึ่งภาคเรียนต้องทำา ส่งไม่เกิน 20 เรื่อง นำาคะแนนที่ได้ไปประเมินตามสภาพ จริงร่วมกับวิธีอื่น ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา 1. นักเรียนรู้จักการใช้ห้องสมุด ใช้เวลาว่างไปค้นคว้าหา ข้อมูลที่เกิดจากความสนใจ สงสัยของนักเรียนเอง
  • 20. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 20 2. ทำาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ครูและผู้ เรียนได้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน 3. สนองต่อการเรียนรู้ตามแนวปฏิรูปสู่ พรบ. การศึกษาแห่ง ชาติ พ.ศ. 2542 ข้อ เสนอแนะ 1. การศึกษาวิธนเป็นจุดเริมต้นของการวิจยให้กบผูเรียน ทำาให้ผู้ ี ี้ ่ ั ั ้ เรียนรักการค้นคว้าเห็นคุณค่า 2. ควรส่งเสริมให้ผเรียนศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองด้วยวิธการ ู้ ี ต่างๆ แทนทีจะรับจากครูฝายเดียว ่ ่ 3. ไม่มวธการค้นคว้าหาความรูวธใดดีทสด ครู ผูปกครอง ผู้ ี ิ ี ้ ิ ี ี่ ุ ้ เกียวข้องควรส่งเสริมหลายๆ วิธี ่ เรื่อ งที่ 8 “ ปัญ หา นัก เรีย นติด 0 ติด ร ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การสร้างรูปแบบการสอน เพื่อแก้ปัญหานักเรียนติด 0 ติด ร และเรียนไม่จบหลักสูตร นักเรียน ชั้น ม. 1-3 ในวิชาวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2542 วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา จากปัญหาพบว่านักเรียนส่วนมากเป็นนักเรียนขาดโอกาส ทางการศึกษา เมื่อมาเข้าเรียนไม่เห็นความจำาเป็นของการเรียน
  • 21. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 21 เพราะฐานะพ่อแม่ก็ลำาบากอยู่แล้ว คิดว่ายังคงไม่มีโอกาสที่จะได้ เรียนต่อ จึงไม่สนใจเรียน ทำาให้ติด 0, ร ไม่จบหลักสูตรครูแก้ ปัญหาโดย 1. ออกแบบ รูปแบบการสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียน รู้อย่างหลากหลาย ให้เขามีความรู้สึกว่าสิ่งที่เขากำาลังศึกษาอยู่ เป็นสิ่งที่ง่ายๆ 2. ประเมินผลอย่างหลากหลายวิธี ตามสภาพจริง ให้ผู้ เรียนรู้ผลการเรียนรู้ทันที ครูบอกนักเรียนว่า การเรียนการสอน การสอบเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ทำางานส่ง ตั้งใจเรียนหากมีงาน ประเมินคงได้รับผลการสอบทุกคน ให้ตนช่วยตน ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา นักเรียนทำางานส่ง ร่วมกิจกรรม เพราะถือว่าการเรียนเป็น หน้าที่ของตนเอง นักเรียนเกิดความมั่นใจ ไม่ติด 0 หรือ ร เรียน จบตามหลักสูตร ข้อ เสนอแนะ นักเรียนไม่ส่งงานไม่ควรโทษผู้เรียนฝ่ายเดียว ผูสอนควร ้ ส่องกระจกตนเองว่า ตนเองจัดกิจกรรมเหมาะสมกับผู้เรียนหรือไม่ เมื่อพบข้อบกพร่องควรหาวิธี หนทางแก้ไขข้อบกพร่องของเอง เพื่อผู้เรียนเป็นสำาคัญ ทั้งรูปแบบ วิธีการจัดกิจกรรมการเรียน รวม ถึงการวัดประเมินผลที่หลากหลายหรือไม่ ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 9 การพัฒ นาการคิด วิเ คราะห์ คิด สัง เคราะห์ มี วิจ ารณญาณ คิด สร้า งสรรค์ คิด ไตร่ต รองและมีว ิส ย ทัศ น์ข องนัก เรีย น ชัน ั ้ มัธ ยมศึก ษาตอนต้น โรงเรีย นบ้า น...........................................ปีก าร ศึก ษา...............
  • 22. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 22 ผู้ วิจ ัย ............................................................................ ................................ ผู้วิจัยได้ทำาการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2544 จนถึง ปีการศึกษา 2546 พบว่า นักเรียนร้อยละ 90 ยังมีความบกพร่องในการคิด วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิด ไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนและการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน โดยส่วนรวม วิธ ีก าร ศึกษาแก้ ปัญหาและพัฒนาที่ใช้ คือ ครูออกแบบคำาถามกระตุ้นให้คิด และ พัฒนาการคิดด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว และจัดทำาเป็น เอกสารเผยแพร่สู่เพื่อนครูในโรงเรียนทุกคน ผลเชิง ประจัก ษ์ พบว่า นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นปีการศึกษา 2546 สามารถปรับพฤติกรรมการคิดได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และสามารถ ทำาโครงงานแผ่นเดียวได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
  • 23. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 23 เรื่อ งที่ 10 การศึก ษาเด็ก เป็น รายบุค คล : เด็ก ชาย.......................................... ชัน ............................... ้ ผู้วิจัย ................................................................ โรงเรียน..................................จังหวัด..................... ผู้วิจัยสังเกตและจำาแนกลักษณะพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของ เด็กชาย.................................. พบว่า พูดจาไม่สุภาพ ชอบ ส่งเสียงดัง เกี่ยงงาน เล่นไม่เป็นเวลา ชอบหยิบจับเอาของคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต วิธีการศึกษาที่ใช้ ได้แก่ การสังเกต การ บันทึก พฤติกรรมและการสัมภาษณ์ โดยทำาการศึกษารายบุคคล อย่างต่อเนื่องโดยระหว่างกระบวนการปรับพฤติกรรมมีวิธีการที่ หลากหลาย อันได้แก่ เมื่อพูดจากไม่สุภาพต่อเพื่อนๆ ให้ทำาความ สะอาดห้องเรียนและทำางานเพิ่ม ชมเชยว่าดีเมื่อเขาพูดสุภาพ ทำา สัญญาร่วมกันกับนักเรียนทั้งเรียน และครูใช้กฎข้อตกลงร่วมกัน กับนักเรียน เมื่อนักเรียนแสดง พฤติกรรมที่ผิดข้อตกลงก็จะลงโทษ ตามข้อตกลงร่วมกัน ผลจากการสังเกตและการสัมภาษณ์เด็กและ เพื่อนอย่างต่อเนื่อง พบว่า ปรับพฤติกรรมได้ดีขึ้น ที่ม า : การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ีช ีว ิต สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ
  • 24. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 24 เรื่อ งที่ 11 “ ปัญ หา นัก เรีย นขาดความมีน ำ้า ใจ ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การพัฒนาส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นผู้มีนำ้าใจของ เด็กหญิง................................. นักเรียน ชั้น........................... ปีการศึกษา......................... วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา (นวัต กรรมง่า ยๆ ที่ รอบตัว ) 1. ยกย่อง ชมเชย เมื่อแสดงพฤติกรรมดี ทั้งต่อหน้า ลับหลัง ส่วนรวม เช่น หน้าเสาธงที่ประชุมครู ที่ประชุมนักเรียน และผู้ ปกครอง
  • 25. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 25 2. สังเกตพฤติกรรม สัมภาษณ์ สอบถาม เพื่อน ผู้ปกครอง ชุมชน ครูในโรงเรียน หากแสดงพฤติกรรมนอกสิ่งที่จะพัฒนา เสนอแนะเป็นการส่วนตัว 3. พัฒนาคุณธรรมด้านอื่นหลายๆ ด้าน เช่น ความมีวินัย ความซื่อสัตย์ ความขยัน ความกตัญญู และคุณธรรมอื่นๆ 4. มอบหมายให้เป็นต้นแบบขยายผล ร่วมสอดส่องปลุก จิตสำานึกสู่เพื่อนอื่น 5. ให้ความหวัง ความรัก ความมั่นใจ ผลสำาเร็จในอนาคต ของการทำาความดี ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา 1. นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งอยู่ที่โรงเรียน บ้าน และสถานที่ทั่วไป 2. นักเรียนอื่นได้รูปแบบ ผลของการมีนำ้าใจ เป็นผลให้ นักเรียนอื่นนำาไปปฏิบัติ 3. สร้างความมั่นใจต่อผู้ปกครอง นักเรียนอื่นต่อผลการ ทำาความดี ข้อ เสนอแนะ 1. ควรส่งเสริมการแสดงออกผู้มีพฤติกรรมดีด้วยวิธีการ ต่างๆ ทุกๆ คนอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง 2. การจัดการเรียนการสอนควรแก้ปัญหา พัฒนาทุกเรื่อง จึงจะได้ชื่อว่า เป็นครูนักวิจัย ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 12 “ ปัญ หา นัก เรีย นหนีเ รีย นกลับ ก่อ น เวลา ” ผู้ศ ึก ษา
  • 26. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 26 ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การแก้ปัญหานักเรียนชั้น......................... หนีเรียนกลับ ก่อนเวลาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา............ เพื่อแก้ปัญหา การหนีกลับบ้านก่อนเลิกเรียนในภาคเรียนต่อไป วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา โรงเรียนบ้าน................. เป็นโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษามีนักเรียนในเขตบริการจำานวน 10 หมู่บ้าน พบ ปัญหาว่า นักเรียนต่อหมู่บ้านมักจะหลบหนีกลับบ้านเวลาเลิกเรียน ปกติ ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา การแก้ปัญหานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น หลบหนีกลับ บ้านก่อนเวลาเลิกเรียนปกติผู้ศึกษาแก้ปัญหาโดย 1. ประชุมครู – ผู้ปกครอง ที่มีนักเรียน เรียนอยู่ ชั้น.............. ถึงปัญหาที่นักเรียนหนีเรียน กลับก่อนเวลา พบ สาเหตุว่า ปัญหาทางโรงเรียน เนื่องจากคาบที่นักเรียนกลับก่อน เป็นคาบอิสระ คาบที่ครูมอบหมายงานให้ค้นคว้าด้วยตนเอง คาบ ลูกเสือ คาบที่ครูไม่สอนหรือติดประชุม ปัญหาจากผู้เรียน เบื่อ หน่ายวิชา/ครูผู้สอนในบางวิชา ขี้เกียจร่วมกิจกรรม เป็นต้น 2. หามาตรการป้องกันการหนีเรียนกลับก่อนเวลาโดย ให้ผู้ ปกครองสังเกตสอบถามถึงสาเหตุวันที่กลับก่อน ทางโรงเรียนจัด ทำาสมุดบันทึกเวลาลงชื่อกลับบ้าน จอดรถไว้ในโรงเรียน 3. เมื่อพบนักเรียนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ลงโทษโดยให้ พัฒนาโรงเรียน
  • 27. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 27 ผลการแก้ปัญหา นักเรียนกลับบ้านตามกำาหนดเวลาเลิกเรียน ข้อ เสนอแนะ การหนีกลับบ้านก่อนกำาหนดของนักเรียนน่าจะมาจากหลาย สาเหตุ โดยเฉพาะสาเหตุจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ของครู ครูควรตระหนักต่อหน้าที่มิใช่แต่จะโทษผู้เรียนฝ่ายเดียว พร้อมกับการวิธีแก้ปัญหาจากสาเหตุดังกล่าวให้ลดน้อยลง จน ปัญหานั้นหมดไป ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 13 การพัฒนาการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มี วิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรองและมีวิสัย ทัศน์ ของนักเรียนชั้น................................ โรงเรียน................................... ปีการศึกษา ...................... ผู้ วิจัย............................................................................ ........................................................................ ผู้วิจัยได้ทำาการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้น............... ตั้งแต่ปีการศึกษา.............. จนถึง ปีการศึกษา ............. พบว่า นักเรียนร้อยละ 90 ยังมีความบกพร่องในการ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิด ไตร่ตรอง และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้และการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน โดยส่วนรวม วิธีการ ศึกษาแก้ปัญหา และพัฒนาที่ใช้ คือ ครูออกแบบคำาถามกระตุ้นให้คิด และ พัฒนาการคิดด้วยการทำาโครงงานแผ่นเดียว และจัดทำาเป็น เอกสารเผยแพร่ สู่เพื่อนครูในโรงเรียนทุกคน ผลเชิงประจักษ์ พบ ว่า นักเรียนระดับ.................ปีการศึกษา........... สามารถปรับ
  • 28. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 28 พฤติกรมการคิดได้ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และสามารถทำาโครงงาน แผ่นเดียวได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่อ งที่ 14 การเปรีย บเทีย บผลสัม ฤทธิ์ท างการเรีย น ระหว่า งการสอน โดยใช้บ ทเรีย นสำา เร็จ รูป กับ การสอนแบบปกติ เรื่อ งสารพัน ธุก รรม ระดับ ชั้น ......................... ผู้ วิจัย............................................................................ ........................................................................
  • 29. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 29 วิชาชีววิทยามีเนื้อหามากและเป็นลักษณะนามธรรม ในบาง เนื้อหมีกระบวนการที่ละเอียดซับซ้อนในระดับโมเลกุล ผู้สอนมัก ใช้วิธีการสอนแบบบรรยายในลักษณะเป็นผู้บอกความรู้และขาด สื่อการสอนที่ดี ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตำ่า ผู้วิจัยสร้างบท เรียนสำาเร็จรูปเรื่องสารพันธุกรรม แบ่งเป็น 2 ตอน คือ การค้นพบ สารพันธุกรรม และโครงสร้างโมเลกุลของ DNA ทำาการวิจัย ทดลอง มีกลุ่มที่สอนโดยใช้บทเรียนสำาเร็จรูปและกลุ่มที่ควบคุม แบบปกติ จัดทำาการทดสอบก่อนและหลังการสอนวิเคราะห์ เปรียบ เทียบโดยการทดสอบค่าที (T-test) และคำานวณหาประสิทธิภาพา ของบทเรียน สำาเร็จรูป ผลการทดลองพบว่านักเรียนกลุ่มทดลองมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มควบคุมและบทเรียนสำาเร็จรูปมี คุณภาพตามเกณฑ์ ที่ม า: การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ีช ีว ิต สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ เรื่อ งที่ 15
  • 30. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 30 การใช้ห นัง สือ นิท านเป็น สื่อ การเรีย นการสอน เพื่อ พัฒ นาผลสัม ฤทธิ์ ทางการเรีย น เรือ งเล่า ขานตำา นานเมือ งลับ แล ่ ของนัก เรีย นชั้น .................................. ผู้ วิจัย............................................................ ......................................................... นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่...........ไม่มีความรู้หรือไม่ ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น สิ่งมีค่า และเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีตของอำาเภอ เนื่องจากไม่เคยอ่านหนังสือหรือฟังเรื่อง ราวที่เกิดขึ้นในอดีต ผู้วิจัยใช้การวิจัยเชิงทดลอง โดยสร้าง หนังสือนิทานเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตของอำาเภอลับแล ใช้ตัวละครที่เป็นชื่อของเด็ก นักเรียนที่อยู่ในชั้น มีการทดสอบ ก่อนและหลังเรียนการเรียนโดยใช้หนังสือนิทาน ที่สร้างขึ้น และ นำามาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ สรุปได้ว่าสามารถแก้ปัญหาการเรียน รู้ของ นักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและได้รับความ สนุกสนานในการจัดกิจกรรม ที่ม า : การวิจ ัย เพื่อ พัฒ นาการเรีย นรู้ : วิจ ัย ในวิถ ี ชีว ิต สำา นัก งานคณะกรรมการการศึก ษาแห่ง ชาติ
  • 31. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 31 เรื่อ งที่ 16 “ ปัญ หา นัก เรีย นขาดคุณ ธรรม จริย ธรรม ” ผู้ศ ึก ษา ชื่อ.....................................................สกุล................... ..........................ตำาแหน่ง.................................โรงเรียน. ................................................................................. ปีการศึกษา........................................... ***************** ปัญ หาหรือ สิ่ง ที่ต ้อ งการพัฒ นาในชั้น เรีย นหรือ งาน ที่ต นเองรับ ผิด ชอบ การพัฒนาส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นผู้มีนำ้าใจของ นาย ............................ นักเรียนชั้น..............ปีการ ศึกษา........................... วิธ ีก ารแก้ป ัญ หา/วิธ ีก ารพัฒ นา 1. ยกย่อง ชมเชย เมื่อแสงดพฤติกรรมดี ทั้งต่อหน้า ลับหลัง ส่วนรวม เช่น หน้าเสาธงที่ประชุมครู ที่ประชุมนักเรียน และผู้ ปกครอง
  • 32. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 32 2. สังเกตพฤติกรรม สัมภาษณ์ สอบถาม เพื่อ ผู้ปกครอง ชุมชน ครูในโรงเรียน หากแสดงพฤติกรรมนอกสิ่งที่จะพัฒนา เสนอแนะเป็นการส่วนตัว 3. พัฒนาคุณธรรมด้านอื่นหลายๆ ด้าน เช่น ความมีวินัย ความซื่อสัตย์ ความขยัน ความกตัญญูและคุณธรรมอื่นๆ 4. มอบหมายให้เป็นต้นแบบขยายผล ร่วมสอดส่องปลุก จิตสำานึกสู่เพื่อนอื่น 5. ให้ความหวัง ความหวัง ความมั่นใจ ผลสำาเร็จในอนาคต ของการทำาความดี ผลการแก้ไ ข/ผลการพัฒ นา 1. นักเรียนแสดงพฤติกรรมที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งอยู่ใน โรงเรียน บ้าน และสถานที่ทั่วไป 2. นักเรียนอื่นได้รูปแบบ ผลของการมีนำ้าใจ เป็นผลให้ นักเรียนอื่นนำาไปปฏิบัติ 3. สร้างความมั่นใจต่อผู้ปกครอง นักเรียนอื่นต่อผลการ ทำาความดี ข้อ เสนอแนะ 1. ควรส่งเสริมการแสดงออกผู้มีพฤติกรรมดีด้วยวิธีการต่างๆ ทุกๆ คนอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง 2. การจัดการเรียนการสอนควรแก้ปัญหา พัฒนาทุกเรื่อง จึงจะได้ชื่อว่า เป็นครูนักวิจัย ---------------------------------------------- เรื่อ งที่ 17 การวิจ ัย แบบง่า ย การพัฒ นาพฤติก รรมก้า วร้า วที่เ กิด จากความเครีย ด
  • 33. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 33 ของนัก เรีย นชั้น ................... ปีก าร ศึก ษา............... โรงเรีย น............................ ด้ว ยวิธ ีก าร นวดแผนโบราณ โดย นาย...................................... ครู............ โรงเรีย น............................... สำา นัก งานเขตพื้น ที่ก าร ศึก ษา.................. เขต..........
  • 34. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 34 ชื่อ เรื่อ ง การพัฒนาพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจาก ความเครียดของนักเรียนชั้น.................... ปีการศึกษา......... โรงเรียน.................. ด้วยวิธี การนวดแผนโบราณ ชื่อ ผู้ว ิจ ัย ................................ สภาพปัญ หา นักเรียนชั้น…..ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมด จำานวน........คน ซึ่ง ส่วนมากจะเป็นนักเรียนชายที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวเกิดจาก ความเครียด มักส่งเสียงดังร้องอึกทึกครึกโครม ตีทุบต่อยบอร์ด ป้ายกระดาน จับกลุ่มชกต่อยทะเลาะวิวาท ไม่สนใจเรียน อันเป็น ผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน นักเรียนทีมพฤติกรรม ่ ี ก้าวร้าวส่วนใหญ่จะย้ายหรือให้ออกมาจากโรงเรียนอืนซึงมีถง ่ ่ ึ จำานวน 8 คน ปัญ หาการวิจ ัย การนวดแผนโบราณจะสามารถลดพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิด จากความเครียดได้จริงหรือไม่ เป้า หมายการวิจ ัย เพื่อศึกษาพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดด้วยการ ใช้วิธีการนวดแผนโบราณ วิธ ีก ารวิจ ัย 1. ร่วมประชุมกับนักเรียน เสนอการนวดแผนโบราณ ประโยชน์ข้อดี ของการนวดแผนโบราณ พัฒนาโดยวางแผนหา แหล่งวิทยากรที่จะนำามาให้ความรู้ และการนวดแผนโบราณถือ เป็นส่วนหนึ่งในวิชาโครงงาน (ง 321 และ ง 322) ที่จะต้องเรียน ด้วยกันทั้งหมดทั้งชายและหญิงจำานวน ........ คน มีเกรด มีผล การเรียนด้วย 2. แต่งตั้งมอบหมายให้วิทยากรที่มีประสบการณ์ มาให้ ความรู้ ทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี ในสัปดาห์ที่ 1-2 3. เสริมแรงด้วยการชมเชยส่วนตัวและการชมเชยขณะ ปฏิบัติ และให้แนวคิดประโยชน์ที่ตามมาของนวดแผนโบราณ
  • 35. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 35 4. สังเกตพฤติกรรมความสนใจ ขณะทำาการนวนแผน โบราณ โดยมีแบบสังเกตกำาหนดประเด็นไว้ล่วงหน้า และบันทึก ผลการสังเกตในชั่วโมง 5. เมื่อถึงชั่วโมง ในสัปดาห์ต่อไปให้นักเรียนสลับคู่การ นวดแผนโบราณ ให้คะแนนนำาผลการสังเกตมาวิเคราะห์ 6. สรุปผลและเขียนรายงานและพัฒนาการนวดแผน โบราณไปอย่างต่อเนื่อง การวิเ คราะห์ข ้อ มูล จากการสังเกตพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียด โดย ใช้วิธีนวดแผนโบราณเพื่อลดพฤติกรรม โดยได้นำาข้อมาจัดกลุ่ม วิเคราะห์ สรุปแนวโน้มพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ช่ว งเวลาดำา เนิน การ o ประชุมนักเรียน 2 มิถุนายน 2547 o ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อลดความเครียด ด้วยวิธีการนวด แผนโบราณ o วิเคราะห์ข้อมูลเขียนรายงาน 25 กันยายน 2547 ผลการวิจ ัย 1. นักเรียนชั้น............. จำานวน ..............คน พฤติกรรมความก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดลดลง โดยเฉพาะใน กลุ่มนักเรียนที่มีปัญหา 2. สิ่งที่สังเกตได้ว่าการใช้วิธีนวดแผนโบราณทำาให้ พฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากความเครียดลดลง ที่ชัดเจน คือ 2. 1 เสียงอึกทึกครึกโครมลดน้อยลงหรือไม่มี 2.2 การทุบตี ทะเลาะวิวาทไม่มี 2.3 การตั้งใจเรียนกว่าระยะก่อนพัฒนาพฤติกรรม 2.4 เมื่อเปรียบการพัฒนาก่อนและหลังปฏิบัติกิจกรรมลด ความเครียด ด้วยวิธีการนวดแผนโบราณ พบว่า นักเรียนมี
  • 36. โดย ครูส ุร เดช มูล จัน ที (ครูอ ิส าน บ้า นนอก (http://www.kruesanbannok.com) 36 พฤติกรรมที่พัฒนาดีขึ้นทั้ง..............คน คิดเป็นร้อยละ 100 ตามระดับคุณภาพ ผลการประเมิน ดังนี้ ก่อนใช้กิจกรรม หลังใช้กิจกรรม มีคุณภาพระดับดีมาก (3) - 18 มีคุณภาพระดับดี (2) 20 10 มีคุณภาพระดับปรับปรุง (1) 8 - ข้อ เสนอแนะ การลดพฤติกรรมเพื่อคลาดเครียด อาจทำาได้หลายวิธีครูควร เข้าใจเด็กโดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาในด้านต่างๆ กิจกรรมที่นำามา ใช้ควรเป็นกิจกรรมง่ายๆ ปฏิบัติได้ เกิดประโยชน์ เรื่อ งที่ 18 การใช้ห นัง สือ นิท านเป็น สื่อ การเรีย นการสอนเพื่อ พัฒ นาผลสัม ฤทธิ์ท างการเรีย น เรื่อ งเล่า ขาน ตำา นานเมือ งลับ แล ของนัก เรีย นชั้น ประถมศึก ษาปีท ี่ 2