30. Hard Power fight Soft Power
change to Smart Power
• Soft Power กาลังอานาจที่จับต้องไม่ได้คือความสามารถเปลี่ยนแปลงผู้อื่น โดยใช้วิธีการ
กาหนดกรอบ กาหนดเป้าหมายร่วมกัน ใช้การโน้มน้าวและสร้างให้เกิดความต้องการสิ่งเหล่านั้น
เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้อานาจ
• ทรัพายากรของ กาลังอานาจแบบ Soft Power เช่น ขนบธรรมเนียม ความคิด คุณค่า
วัฒนธรรม และความเข้าใจในนโยบายอย่างถูกต้อง
• กาลังอานาจ Smart Power คือ การผสมผสานระหว่าง กาลังอานาจแบบ Hard
Power และ กาลังอานาจแบบ Soft Power ลงไปในยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดผลตามที่
ต้องการ
31. การใช้กาลังอานาจทางทหารแบบ Smart Military Power
• มีลักษณะ 4 ประการได้แก่
1. การต่อสู้และการทาลายล้าง
2. การสนับสนุนด้วยวิธีทางการทูต
3. ให้ความคุ้มครองรักษาสันติภาพ
4. ให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ
• การใช้อานาจทางทหาร สามารถทาให้เกิดได้ทั้ง อานาจแบบ Hard Power และ อานาจแบบ Soft Power ได้
• ยุทธศาสตร์ที่ผสมผสานทั้ง อานาจแบบ Hard Power และอานาจแบบ Soft Power อย่างมีประสิทธิภาพ จะ
นาไปสู่ อานาจทางทหารอย่าง Smart Military Power ในที่สุด
59. • รัสเซีย จีน กลุ่ม BRIC China + Russia มีการค้าขายกันอย่างมาก และร่วมปฏิบัติในตะวันออกกลาง
โจมตีกลุ่ม ISIS
• North Korea, Iran, Germany
• Russia ค้ากับ Germany อันดับ 10 มี 6000 โรงงาน แรงงาน 300,000 คน
• Russia เป็น Strategic Partner กับ Germany ส่งน้ามันให้ Germany 36%
• UK ถอนตัวจาก EU และ NATO ไม่ร่วม EU Dollars
• Germany France ตั้ง EU
• คนอังกฤษอพยพ IRISH, ISRAEL, UK เข้าไปใน Canada, USA
• China ค้ากับ USA อย่างมาก
ความสัมพันธ์ระหวางประเทศ ชะลอการเกิดสงครามด้วยอาวุธ
60. • อานาจกาลังรบที่มีตัวตน เช่น กาลังพล ยานพาหนะ ยุทธภัณฑ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่
ทันสมัยต่างๆ ฯลฯ
• อานาจกาลังรบที่ไม่มีตัวตน ( Intangible ) เช่น ขวัญ กาลังใจ ความกล้าหาญ ความเสียสละ
ความรักชาติ รักแผ่นดิน ความฮึกเหิม ความมุมานะอดทน รวมถึงการฝึกซ้อมต่างๆ ฯลฯ
ไซเบอร์ : หนึ่งในพลังอานาจกาลังรบที่ไม่มีตัวตน
( The Cyber : one of Intangible Power )
69. บทบาทของสหรัฐอเมริกาในสงครามทั่วโลก
1. สหรัฐอเมริกาแทรกแซงทางทหารในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 1946 มีเพียงปี 1955
และ 1957 เท่านั้นที่ไม่มีหลักฐานการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐอเมริกา (Uppsala
Conflict Data Program, 2011: Grossman ,2012): Global Policy Forum, 2005)
2. สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก(Stockholm International Peace
Research Institute, 2011)
69
สงคราม กับ เศรษฐกิจ โดย นางสาวกมลนัทธ์ มีถาวร นิสิตปริญญาเอก คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 กันยายน พ.ศ. 2556
70. ภาพที่ 2 มูลค่าการส่งออกอาวุธของสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก
70
0
5,000
10,000
15,000
20,000
25,000
30,000
35,000
40,000
45,000
50,000
USA World
ที่มา: Stockholm International Peace Research Institute (2011)
สงคราม กับ เศรษฐกิจ โดย นางสาวกมลนัทธ์ มีถาวร นิสิตปริญญาเอก คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 กันยายน พ.ศ. 2556
71. ภาพที่ 3 ส่วนแบ่งตลาดอาวุธของสหรัฐอเมริกา
71
ที่มา: Stockholm International Peace Research Institute (2011)
per cent
-
10
20
30
40
50
60
70
สงคราม กับ เศรษฐกิจ โดย นางสาวกมลนัทธ์ มีถาวร นิสิตปริญญาเอก คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 กันยายน พ.ศ. 2556
72. ภาพที่ 4 สัดส่วนผู้นาเข้าอาวุธ ปี 1989-2010
72
ที่มา: Stockholm International Peace Research Institute (2011)
Western Europe,
13.46
Eastern Europe, 8.50
Middle East, 23.10Asia, 38.89
Africa, 4.58
North America, 4.02
Central and South
America, 4.92
Others, 2.53
75. ยอดขายอาวุธของบริษัทผู้ค้าอาวุธยักษ์ใหญ่ 10 อันดับแรก
75
ที่มา: Stockholm International Peace Research Institute, Yearbook 2008
Ranking Name Country Arms Sales ($ million USD)
1 Boeing USA 30,690
2 Lockheed Martin USA 28,120
3 BAE Systems UK 24,060
4 Northrop Grumman USA 23,060
5 Raytheon USA 19,530
6 General Dynamics USA 18,770
7 EADS West Europe 12,600
8 L-3 Communications USA 9,980
9 Finmeccanica Italy 8,990
10 Thales France 8,240
จานวนผู้เสียชีวิตจากสงคราม ปี 2006 (คน) 17,398
จานวนผู้เสียชีวิตจากสงคราม ปี 2006-2010 (คน) 111,916