SlideShare a Scribd company logo
จัดทำโดย
นายวรุตม์ อินทร์แก้ว ชั้น5/9 เลขที่16
เสนอ
อ. นิคม ทิศแก้ว
โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
จำนวนจินตภำพ
กำรหำค่ำ in
จำนวนเชิงซ้อน
กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน
กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน
กำรลบจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน
สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน
กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน
กรำฟและค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
สมกำรพหุนำม
จำนวนจินตภำพ
F M B N
0
2
1x  พิจารณา
1
2
x 
จะพบว่า ไม่มีจานวนจริงใดเลยที่ยกกาลังสองแล้วมีค่าเท่ากับ -1
1
2
x 
1 x 
ถ้าให้ เป็นจานวนจริงบวกa
จะเรียก ว่า จำนวนจินตภำพแท้a
และ a  a 1 
จำนวนจินตภำพ
F M B N
3  3 1 
5  5 1 
7  7 1 
1  i
3  3 1 
5  5 1 
7  7 1 
 3i
 5i
 7i
จำนวนจินตภำพ
F M B N
a b    ( )( )a b 
จงหาค่าของ 3 5  
3 5    3i 5i
 2
3 5i
 3 5( 1) 
 15
กำรหำค่ำ in
F M B N
1
i  i
2
i  1
3
i  2
i i  ( 1) i   i
4
i  2 2
i i  ( 1)( 1)   1
5
i  4
i i  1 i  i
6
i  4 2
i i  (1)( 1)  1
7
i  4 3
i i  (1)( )i  i
8
i  4 4
i i  (1)(1)  1
กำรหำค่ำ in
F M B N
1
5
9
13
i i
i i
i i
i i




2
6
10
14
1
1
1
1
i
i
i
i
 
 
 
 
3
7
11
15
i i
i i
i i
i i
 
 
 
 
4
8
12
16
1
1
1
1
i
i
i
i




กลุ่มที่หารด้วย
4 แล้วเศษ 1
กลุ่มที่หารด้วย
4 แล้วเศษ 2
กลุ่มที่หารด้วย
4 แล้วเศษ 3
กลุ่มที่หารด้วย
4 ลงตัว
n
i  i เมื่อ เหลือเศษ 1
4
n
n
i  1 เมื่อ เหลือเศษ 2
4
n
n
i  i เมื่อ เหลือเศษ 3
4
n
n
i  1 เมื่อ ลงตัว
4
n
กำรหำค่ำ in
F M B N
จงหาค่าของ 12 27 30 42 99 100
, , , , ,i i i i i i
12
i  1 เนื่องจาก 12 หารด้วย 4 ลงตัว
27
i  i เนื่องจาก 27 หารด้วย 4 เหลือเศษ 3
30
i  1 เนื่องจาก 30 หารด้วย 4 เหลือเศษ 2
42
i  1 เนื่องจาก 42 หารด้วย 4 เหลือเศษ 2
99
i  i เนื่องจาก 99 หารด้วย 4 เหลือเศษ 3
100
i  1 เนื่องจาก 100 หารด้วย 4 ลงตัว
กำรหำค่ำ in
F M B N
n
i
ถ้า เป็นจานวนคู่ จะเป็นไปได้ 2 ค่าคือ -1 หรือ 1n n
i
4
n ลงตัวไม่ลงตัว
ถ้า เป็นจานวนคี่ จะเป็นไปได้ 2 ค่าคือ -i หรือ I
โดยให้จัด ใหม่เป็น
n n
i
n
i 1n n
i i i
 
กำรหำค่ำ in
F M B N
จงหาค่าของ 26 54 68 84
, , ,i i i i
26
i  1
หา 26
i เนื่องจาก 26 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ไม่ลงตัว
ดังนั้น
54
i  1
หา 54
i เนื่องจาก 54 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ไม่ลงตัว
ดังนั้น
68
i  1
หา 68
i เนื่องจาก 68 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ลงตัว
ดังนั้น
84
i  1
หา 84
i เนื่องจาก 84 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ลงตัว
ดังนั้น
กำรหำค่ำ in
F M B N
จงหาค่าของ 21 43 71
, ,i i i
21
i 
หา 21
i เนื่องจาก 21 เป็นเลขคี่
20
i i
 1 i  i
43
i 
หา 43
i เนื่องจาก 43 เป็นเลขคี่
42
i i
 ( 1) i   i
71
i 
หา 71
i เนื่องจาก 71 เป็นเลขคี่
70
i i
 ( 1) i   i
จำนวนเชิงซ้อน
F M B N
z  a bi
กาหนดให้ เป็นจานวนเชิงซ้อน จะได้รูปทั่วไปของ คือz z
เรียก ว่า ส่วนจริงa
ว่า ส่วนจินตภำพb
เขียนแทนด้วย Re( )z
เขียนแทนด้วย Im( )z
จานวนเชิงซ้อน a bi เมื่อ 0b  เรียกว่า จำนวนจินตภำพ
จานวนเชิงซ้อน bi เมื่อ 0b  เรียกว่า จำนวนจินตภำพแท้
กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
1z  a biกาหนดให้
2z  c di
จากที่กาหนดให้จะได้ว่า a  c1z  2z ก็ต่อเมื่อ และ b  d
นั่นคือ จานวนเชิงซ้อน 2 จานวนจะเท่ากันได้ ต้องผ่านเงื่อนไข 2 ข้อ
มีส่วนจริงเท่ากัน
มีส่วนจินตภาพเท่ากัน
กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จาก 7 3i3x i 
ดังนั้น 7x 
จาก 5 yi5 9i 
ดังนั้น 9y 
ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร3 7 3x i i   x
ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร5 9 5i yi   y
กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จาก 5 ( )x y i ( ) 2x y i  
5x y 
ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร( ) 1 5 ( )x y i x y i     xy
จะได้
1x y และ
แก้ระบบสมการ
1
2
1 2
62x 
3x 
แทน ใน3x  1
53 y 
2y 
ดังนั้น 6xy 
กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
1z  a biกาหนดให้
2z  c di
จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi 
 c dia bi 
 bi dia c 
 ( )bi di( )a c 
 ( )b d i( )a c 1 2z z
ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1 2 ( ) ( )z z a c b d i    
กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ (2 3 ) (6 2 )i i  
[2 6](2 3 ) (6 2 )i i   [3 ( 2)]i 
8 i
จงหาค่าของ (3 2 ) (1 3 )i i  
[3 1] [2 ( 3)]i 
4 i
(3 2 ) (1 3 )i i  
กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ (2 4 ) (3 )i i  
(2 3)(2 4 ) (3 )i i   (4 1)i
5 5i
จงหาค่าของ (1 ) (2 ) (3 8 )i i i   


(1 ) (2 ) (3 8 )i i i   
(1 0 3) 

(1 2 8)i 
4 11i
(1 ) (0 2 ) (3 8 )i i i    
กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กาหนดให้ และ เป็นจานวนเชิงซ้อน1 2, ,z z z 3z
1 2z z เป็นจานวนเชิงซ้อน
1 2 2 1z z z z  
1 2 3 1 2 3( ) ( )z z z z z z    
0 0 0z z   
( ) 0z z   ; z a bi z a bi      
กำรลบจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
1 2 1 2( )z z z z   
กาหนดให้ 1z  a bi
2z  c di
จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi 
 [ ( )]c di [ ]a bi 
 ( )c di ( )a bi 
 ( )bi di( )a c 
 ( )b d i( )a c 1 2z z
กำรลบจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ (2 ) (4 2 )i i  
[2 4](2 ) (4 2 )i i   [1 ( 2)]i 
2 3i
จงหาค่าของ (4 ) (6 2 )i i  
[4 6](4 ) (6 2 )i i   [ 1 ( 2)]i  
2 i
กำรลบจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ ( 2 ) ( 1 2 )i i    
[ 2 ( 1)]  ( 2 ) ( 1 2 )i i     [1 2]i
1 i
จงหาค่าของ (5 ) (2 ) (6 3 )i i i    
[5 2 6] (5 ) (2 ) (6 3 )i i i     [1 ( 1) ( 3)]i   
1 3i
กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
1z  a biกาหนดให้
2z  c di
จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi
 ac  adi bci  2
bdi
 ac  adi bci  ( 1)bd 
 ac  adi bci  bd
 ac  adi bci bd 
 ( )ac bd  ( )ad bc i1 2z z
ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1 2 ( ) ( )z z ac bd ad bc i   
กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ (4 3 )(5 6 )i i 
(4 3 )(5 6 )i i 

20  24i 15i  2
18i
20  39i  18( 1)
 2  39i
ใช้สูตร
(4 3 )(5 6 )i i  [(4)(5) (3)(6)]  [(4)(6) (3)(5)]i
 2  39i
 (20 18)  (24 15)i
กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ (3 2 )(3 2 )i i 
(3 2 )(3 2 )i i 

9  6i 6i  2
4i
9  4( 1)
 13
ใช้สูตร
(3 2 )(3 2 )i i  [(3)(3) (2)( 2)]   [(3)( 2) (2)(3)]i 
 13
 [9 ( 4)]   [ 6 6]i 
สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กาหนดให้ z a bi 
สังยุค (Conjugate) ของ เขียนแทนด้วย โดยที่z z z a bi 
สังยุคของ 2 3z i  คือ 2 3z i 
สังยุคของ 5 4z i  คือ 5 4z i 
สังยุคของ 2z i คือ 2z i 
สังยุคของ 9z  คือ 9z 
สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กาหนดให้ และ เป็นจานวนเชิงซ้อน1,z z 2z
1
Re( ) ( )
2
z z z  และ
z z
0z 
1 2 1 2z z z z  
1
Im( ) ( )
2
z z z
i
 
ถ้า แล้ว
1 1
zz
 
  
 
1 2 1 2z z z z  
1 2 1 2z z z z
1 1
2 2
z z
z z
 
 
 
เมื่อ 2 0z 
กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
1
2
z
z

a bi
c di


กาหนดให้ 1z  a bi
2z  c di
จะได้ 
a bi
c di


c di
c di



 2 2
( )( )a bi c di
c d
 

ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1
2 2
2
( )( )z a bi c di
z c d
 


กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ 3 5
2 3
i
i



3 5
2 3
i
i


3 5
2 3
i
i


2 3
2 3
i
i



 2 2
(3 5 )(2 3 )
2 3
i i 

6  9i 10i  2
15i
4 9
6  19i  15

13
9 19
13
i 

ดังนั้น 
3 5
2 3
i
i


9 19
13 13
i


กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าของ 2 3
3 4
i
i



2 3
3 4
i
i


2 3
3 4
i
i


3 4
3 4
i
i



 2 2
(2 3 )(3 4 )
3 4
i i 

6  8i 9i  2
12i

9 16
6  i  12
25
18
25
i

ดังนั้น 
2 3
3 4
i
i


18 1
25 25
i
กรำฟของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi 
จะได้กราฟของ บนระนาบเชิงซ้อนดังนี้z
( , )z a bi a b  
a
b
( , )a b
(แกนจินตภาพ)
(แกนจริง)
กรำฟของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงเขียนกราฟของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้
1 2 4z i  2 3 2z i  3 3z i  4 4 5z i  
(แกนจินตภาพ)
(แกนจริง)
1(2, 4)z
2 (3, 2)z
3 (0, 3)z 
4 ( 4, 5)z  
ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi 
( , )z a bi a b  
a
b
( , )a b
(แกนจินตภาพ)
(แกนจริง)
ค่าสัมบูรณ์ของ คือ ระยะทางจากจุด ไปยังจุดz (0, 0) ( , )a b
เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ หรือ หรือ| |z | |a bi | ( , ) |a b
| |z

2
| |z 2 2
a b
| |z 2 2
a b
จาก
จะได้
ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้
1 2 4z i  2 3 4z i   3 4z i  4 6 8z i  
1z  2 4i  (2, 4)
1| |z  2 2
2 4  4 16
 20  2 5
2z  3 4i   ( 3, 4)
2| |z 
2 2
( 3) 4   9 16
 25  5
ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จงหาค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้
1 2 4z i  2 3 4z i   3 4z i  4 6 8z i  
3z  4i  (0, 4)
3| |z 
2 2
0 ( 4)   0 16
 16  4
4z  6 8i   ( 6, 8) 
4| |z 
2 2
( 6) ( 8)    36 64
 100  10
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi 

จะได้กราฟของ บนระนาบเชิงซ้อนดังนี้z
( , )z a bi a b  
a
b
z
จำกรูป จะได้
sin 
b
z
b  sinz 
cos 
a
z
a  cosz 
z  a bi
 cosz   sinz  i
 z  cos sini z
( , )a b
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว2 2z i 
จาก 2 2iz  (2, 2)
2 2
2 2z  4 4 8 2 2จะได้
(2, 2)
 2 2 cos sini z 
หาค่า 
2
2
tan  1
4


2 2 cos sin
4 4
i
  
 
 
z 

จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว3z i 
จาก 3 iz  ( 3, 1)
2 2
( 3) ( 1) z  3 1 4จะได้
 2 cos sini z 
หาค่า 
1
3

tan 
11
6


11 11
2 cos sin
6 6
i
  
 
 
z 
2
จะได้
6
5
6

7
6
 11
6

จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว1 3z i  
จาก 1 3i z  ( 1, 3)
2 2
( 1) ( 3) z  1 3 4จะได้
 2 cos sini z 
หาค่า  3
1
tan 
2
3


2 2
2 cos sin
3 3
i
  
 
 
z 
2
จะได้
3 3
2
3

4
3
 5
3

จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว4 4 3z i  
จาก 4 4 3i z  ( 4, 4 3) 
2 2
( 4) ( 4 3)  z  16 48 จะได้
 8 cos sini z 
หาค่า  4 3
4


tan 
4
3


4 4
8 cos sin
3 3
i
  
 
 
z 
8
จะได้
3 3
2
3

4
3
 5
3

จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จาก 2(cos sin )
6 6
i
 
z 
จงเขียน ให้อยู่ในรูป2(cos sin )
6 6
z i
 
  a bi
จะได้
z 
2( )
3 i
3
2
1
2
i
ดังนั้น
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จาก
4 4
6(cos sin )
3 3
i
 
z 
จงเขียน ให้อยู่ในรูป
4 4
6(cos sin )
3 3
z i
 
  a bi
จะได้
z 
6[ ]
3 3 3i 
1
2

3
( )
2
i
3
ดังนั้น 2
3

3
3

4
3

1
cos
3 2


3
sin
3 2


จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
1 2z z 
ให้ และ 1 1 1 1cos sinz z i    2 2 2 2cos sinz z i  
 1 2 1 2 1 2cos( ) sin( )z z i     
1
2
z
z
  1
1 2 1 2
2
cos( ) sin( )
z
i
z
     
1
1
z
  1 1
1
1
cos sini
z
 
1z   1 1 1cos( ) sin( )z i   
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จาก 

จะได้
z  12iดังนั้น
ให้ และ1 3(cos sin )
3 3
z i
 
 
a bi
2 4(cos sin )
6 6
z i
 
 
จงหา ในรูป1 2z z
1 2z z  1 2 1 2 1 2cos( ) sin( )z z i     
 3(4)[cos( ) sin( )]
3 6 3 6
i
   
  
3 3
12(cos sin )
6 6
i
 


 12 0 (1)i
12(cos sin )
2 2
i
 


1 2z z
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จาก 

จะได้
ดังนั้น
ให้ และ1 8(cos sin )
2 2
z i
 
 
a bi
2 2(cos sin )
6 6
z i
 
 
จงหา ในรูป1
2
z
z
 1
1 2 1 2
2
cos( ) sin( )
z
i
z
     

8
[cos( ) sin( )]
2 2 6 2 6
i
   
  
2 2
4(cos sin )
6 6
i
 

 1 3
4 ( )
2 2
i
 
 
 
4(cos sin )
3 3
i
 
 
1
2
z
z
1
2
z
z
z  2 2 3i
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
ให้ 
จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi
3
1 3i


3
3(cos sin )i 
1z  3 0i 
 1 3i2z
1z
2z 2(cos sin )
3 3
i
 

จะได้
3
1 3i


 1
2
z
z
เขียน และ ให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้1z 2z
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi
3
1 3i


3
1 3i


 1
2
z
z

3
[cos( ) sin( )]
2 3 3
i
 
   

3 2 2
[cos sin ]
2 3 3
i
 

 3 1 3
[ ( )]
2 2 2
i 

3 3 3
4 4
i 
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
ให้ 
จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi( 2 2 3 )(3 3 3 )i i  
2 2
4(cos sin )
3 3
i
 

1z
2z
1z
2z
5 5
6(cos sin )
3 3
i
 

จะได้
 1 2z z
เขียน และ ให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้1z 2z
2 2 3i 
3 3 3i
( 2 2 3 )(3 3 3 )i i  
จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว
F M B N
จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi( 2 2 3 )(3 3 3 )i i  
2 5 2 5
(4)(6)[cos( ) sin( )]
3 3 3 3
i
   
  

7 7
24(cos sin )
3 3
i
 

 1 2z z( 2 2 3 )(3 3 3 )i i  
 24(cos sin )
3 3
i
 
  1 3
24( )
2 2
i
 12 12 3i
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
F M B N
จะได้
(cos sin )z i z
zz
2
z
[cos( ) sin( )]z z i     
2
[cos(2 ) sin(2 )]z i 
2
z z
3
z
2
[cos(2 ) sin(2 )]z z i     
3
[cos(3 ) sin(3 )]z i 
ให้
และ
เมื่อ เป็นจานวนเต็มบวกใด ๆ จะได้ว่าn
n
z [cos( ) sin( )]
n
z n i n 
F M B N
ถ้า เป็นจานวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว(cos sin )z z i  
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
และ เป็นจานวนเต็มบวกn
จะได้ว่า n
z [cos( ) sin( )]
n
z n i n 
ถ้า 2(cos sin )
6 6
i
 
z
จะได้ 3 3 3
2 (cos sin )
6 6
i
 
3
z
จะได้ 4 4 4
2 (cos sin )
6 6
i
 
4
z
F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
จาก
 7 7 7
2 (cos sin )
3 3
i
 
7
z
ถ้า จงหา ในรูปเชิงขั้ว2(cos sin )
3 3
z i
 
  7
z
n
z [cos( ) sin( )]
n
z n i n 
จะได้

7 7
128(cos sin )
3 3
i
 

 128(cos sin )
3 3
i
 

7
zดังนั้น
F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
จาก
 10 10 10
2 (cos sin )
5 5
i
 
10
z
n
z [cos( ) sin( )]
n
z n i n 
จะได้
 1024(cos2 sin2 )i 
 1024
10
zดังนั้น
ถ้ำ จงหำ ในรูป2(cos sin )
5 5
z i
 
  10
z a bi
 1024[1 (0)]i
F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
จาก
 12 12 12
3 (cos sin )
4 4
i
 
12
z
n
z [cos( ) sin( )]
n
z n i n 
จะได้
 531441(cos3 sin3 )i 
 531441
12
zดังนั้น
ถ้า จงหา ในรูป
3 3
2 2
z i  12
z a bi
 531441[ 1 (0)]i 
z 
3 3
2 2
i  3(cos sin )
4 4
i
 

F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
ให้

จงหาค่าของ
6
4
(1 )
( 1 )
i
i

 
1z 1 i
จะได้
 6 7 7
( 2) [cos(6 ) sin(6 )]
4 4
i
 
  


2z 1 i 

7 7
2(cos sin )
4 4
i
 


5 5
2(cos sin )
4 4
i
 

6
(1 )i 6
1z
21 21
8(cos sin )
2 2
i
 

8(cos sin )
2 2
i
 

F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
จงหาค่าของ

6
4
(1 )
( 1 )
i
i

 



6
(1 )i
8[0 (1)]i
8(cos sin )
2 2
i
 

8i
6
1z

 4 5 5
( 2) [cos(4 ) sin(4 )]
4 4
i
 
  

4
( 1 )i  4
2z
4(cos5 sin5 )i 
F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
จงหาค่าของ
6
4
(1 )
( 1 )
i
i

 



4
( 1 )i  4
2z
4(cos5 sin5 )i 
4(cos sin )i 
 4[ 1 (0)]i 
 4
6
4
(1 )
( 1 )
i
i

 

6
1
4
2
z
z

8
4
i

 2i
F M B N
เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน
ให้

จงหาค่าของ 7
( 3 )i
z 3 i

7 10 10
2 [cos(7 ) sin(7 )]
6 6
i
 
  



10 10
2(cos sin )
6 6
i
 

5 5
128(cos sin )
3 3
i
 

1 3
128[ ( )]
2 2
i 
7
( 3 )i  7
z
35 35
128[cos sin ]
3 3
i
 

 64 64 3i
3
(cos3 sin3 )r i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
ให้ z 1 1 0i
1(cos0 sin0)i
เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้
z 
1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z
จะได้ z
3
kz 
จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า
 1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
3
(cos3 sin3 )r i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
 1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
3
r  1
r  1
3  0 2k
 2k

2
3
k

สมมติให้ (cos sin )r i kz 
2 2
1(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
นั่นคือ
และ
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
2 2
1(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
2(0) 2(0)
1(cos sin )
3 3
i
 
0z 
1(cos0 sin0)i
1[1 (0)]i
10z
0k ถ้า จะได้
โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
2 2
1(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
1k ถ้า จะได้ 2(1) 2(1)
1(cos sin )
3 3
i
 
1z 
2 2
1(cos sin )
3 3
i
 

1 3
1[ ( )]
2 2
i 
1z
1 3
2 2
i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
2 2
1(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
2k ถ้า จะได้ 2(2) 2(2)
1(cos sin )
3 3
i
 
2z 
4 4
1(cos sin )
3 3
i
 

1 3
1[ ( )]
2 2
i  
2z
1 3
2 2
i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 1
1 3
2 2
i ดังนั้น รากที่ 3 ของ 1 คือ , ,1
1 3
2 2
i 
1z
1 3
2 2
i 
10z
2z
1 3
2 2
i 
0k ถ้า จะได้
1k ถ้า จะได้
2k ถ้า จะได้
3
(cos3 sin3 )r i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
ให้ z 8 8 0i
8(cos0 sin0)i
เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้
z 
8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z
จะได้ z
3
kz 
จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า
 8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
3
(cos3 sin3 )r i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
 8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
3
r  8
r  2
3  0 2k
 2k

2
3
k

สมมติให้ (cos sin )r i kz 
2 2
8(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
นั่นคือ
และ
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
2 2
2(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
2( ) 2( )
2(cos sin )
3
0
3
0
i
 
0z 
2(cos0 sin0)i
2[1 (0)]i
20z
0k ถ้า จะได้
โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
2 2
2(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
1k ถ้า จะได้ 2( ) 2( )
2(cos sin )
3
1
3
1
i
 
1z 
2 2
2(cos sin )
3 3
i
 

1 3
2[ ( )]
2 2
i 
1z 1 3i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
2 2
2(cos sin )
3 3
k k
i
 
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
2k ถ้า จะได้ 2( ) 2( )
2(cos sin )
3
2
3
2
i
 
2z 
4 4
2(cos sin )
3 3
i
 

1 3
2[ ( )]
2 2
i  
2z 1 3i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
1 3i ดังนั้น รากที่ 3 ของ 8 คือ , ,2 1 3i 
1z 1 3i 
20z
2z 1 3i 
0k ถ้า จะได้
1k ถ้า จะได้
2k ถ้า จะได้
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
ให้ z 8i 0 8i
3 3
8(cos sin )
2 2
i
 

เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้
z 
3 3
8[cos( 2 ) sin( 2 )]
2 2
k i k
 
   
สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z
จะได้ z
3
kz 
3 4 3 4
8[cos( ) sin( )]
2 2
k k
i
    

3 4 3 4
8[cos( ) sin( )]
2 2
k k
i
    

F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
3
(cos3 sin3 )r i  
จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า
3
r  8
r  2
3 
3 4
2
k 

3 4
6
k 

นั่นคือ
และ
z
3
kz 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
r  2

3 4
6
k 

สมมติให้ (cos sin )r i kz 
3 4 3 4
2[cos( ) sin( )]
6 6
k k
i
    
kz 
เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz
โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
จะได้
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
3 4 3 4
2[cos( ) sin( )]
6 6
k k
i
    
kz จาก
3 4( ) 3 4( )
2[cos( ) sin( )]
6
0
6
0
i
    
0z 
 2[0 (1)]i
0z
0k ถ้า จะได้
3 3
2(cos sin )
6 6
i
 

2i
2(cos sin )
2 2
i
 

F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
3 4 3 4
2[cos( ) sin( )]
6 6
k k
i
    
kz จาก
3 4( ) 3 4( )
2[cos( ) sin( )]
6
1
6
1
i
    
1z 

3 1
2[ ( )]
2 2
i  
1z
1k ถ้า จะได้
7 7
2(cos sin )
6 6
i
 

3 i 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ -8i
3 4 3 4
2[cos( ) sin( )]
6 6
k k
i
    
kz จาก
3 4( ) 3 4( )
2[cos( ) sin( )]
6
2
6
2
i
    
2z 

3 1
2[ ( )]
2 2
i 
2z
2k ถ้า จะได้
11 11
2(cos sin )
6 6
i
 

3 i
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 3 ของ 8
ดังนั้น รากที่ 3 ของ -8i คือ 2 , 3 , 3i i i  
1z 3 i 
2i0z
2z 3 i
0k ถ้า จะได้
1k ถ้า จะได้
2k ถ้า จะได้
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
ให้ z 
2(cos sin )
3 3
i
 

เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้
z 
2[cos( 2 ) sin( 2 )]
3 3
k i k
 
   
สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 4 ของ z
จะได้ z
4
kz 
6 6
2[cos( ) sin( )]
3 3
k k
i
    

จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
1 3i
6 6
2[cos( ) sin( )]
3 3
k k
i
    

F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
4
(cos4 sin 4 )r i  
จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า
4
r  2
r  4
2
4 
6
3
k 

6
12
k 

นั่นคือ
และ
จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
z
4
kz 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
r  4
2

6
12
k 

จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
สมมติให้ (cos sin )r i kz 
จะได้ kz  4 6 6
2[cos( ) sin( )]
12 12
k k
i
    

เนื่องจาก เป็นรากที่ 4 ของ จะได้ว่า มี 4 ค่าkz z kz
โดยแทนค่า 0,1, 2, 3k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
จาก kz  4 6 6
2[cos( ) sin( )]
12 12
k k
i
    

0z 0k ถ้า จะได้

4 6( ) 6( )
2[cos( ) sin( )]
12 1
0
2
0
i
    

4
2(cos sin )
12 12
i
 

1z 1k ถ้า จะได้

4 6( ) 6( )
2[cos( ) sin( )]
12 1
1
2
1
i
    

4 7 7
2(cos sin )
12 12
i
 

F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
จาก kz  4 6 6
2[cos( ) sin( )]
12 12
k k
i
    

2z 2k ถ้า จะได้

4 6( ) 6( )
2[cos( ) sin( )]
12 1
2
2
2
i
    

4 13 13
2(cos sin )
12 12
i
 

3z 3k ถ้า จะได้

4 6( ) 6( )
2[cos( ) sin( )]
12 1
3
2
3
i
    

4 19 19
2(cos sin )
12 12
i
 

F M B N
รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน
จงหารากที่ 4 ของ 1 3i
ดังนั้น รากที่ 4 ของ คือ1 3i
4
2(cos sin )
12 12
i
 

4 7 7
2(cos sin )
12 12
i
 

4 13 13
2(cos sin )
12 12
i
 

4 19 19
2(cos sin )
12 12
i
 

F M B N
สมกำรพหุนำม
ถ้า 1 2
1 2 1 0( ) ...n n n
n n nP x a x a x a x a x a 
      
โดยที่
จะเรียก ( )P x
1 2 1 0, , , ..., ,n n na a a a a 
เป็นจานวนเต็มบวกn
และ เป็นจานวนเชิงซ้อนที่ 0na 
ว่า พหุนำมกำลัง n
จะเรียก ( ) 0P x  ว่า สมกำรพหุนำมกำลัง n
F M B N
สมกำรพหุนำม
3 2
5 3 1x x ( )P x 
4 2
3 5 7 12x x x  ( )P x 
5 3 2
7 2 5 3x x x
  ( )P x 
7 5 3
3 2 51ix x ix  ( )P x 
เป็นพหุนามกาลัง 3 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 3
เป็นพหุนามกาลัง 4 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 4
ไม่เป็นพหุนาม เพราะมีเลขชี้กาลังเป็นลบ
เป็นพหุนามกาลัง 7 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 7
F M B N
สมกำรพหุนำม
ถ้า 1 2
1 2 1 0( ) ...n n n
n n nP x a x a x a x a x a 
      
โดยที่
1 2 1 0, , , ..., ,n n na a a a a 
เป็นจานวนเต็มบวกn
และ เป็นจานวนเชิงซ้อนที่ 0na 
ถ้าหาร ด้วย( )P x x c เมื่อ เป็นจานวนเชิงซ้อนใด ๆc
แล้วจะเหลือเศษจากการหาร เท่ากับ ( )P c
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงหาเศษจากการหาร ด้วย2
( ) 3 3 2P x x x   2x
( )P x  2
3 3 2x x 
เศษจากการหาร ด้วย( )P x 2x เท่ากับ ( )2P
จะได้ ( )2P  2
3( ) 3 22 (2) 
 12 6 2 
 8
ดังนั้น เศษจากการหาร ด้วย เท่ากับ 8( )P x 2x
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงหาเศษจากการหาร ด้วย4 2
( ) 2 3 1P x x x x    2x
( )P x  4 2
2 3 1x x x  
เศษจากการหาร ด้วย( )P x 2x เท่ากับ 2( )P 
จะได้ 2( )P   4 2
( ) 2( ) 3(2 2 2) 1    
 16 8 6 1  
 31
ดังนั้น เศษจากการหาร ด้วย เท่ากับ 31( )P x 2x
2x  )2(x  
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงหาว่า เป็นตัวประกอบของ
หรือไม่5 4 3 2
( ) 3 2 2 3 1P x x x x x x     
1x 
( )P x 
จะได้
1( )P  
 1 3 2 2 3 1     
 0
ดังนั้น เป็นตัวประกอบของ ( )P x1x 
1x   )1(x  
5 4 3 2
3 2 2 3 1x x x x x    
5 4 3 2
( ) 3( ) 2( )1 1 1 1) ) 112( 3(        
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 5 6P x x x x   
( )P x 
จะได้ na  1
3 2
2 5 6x x x  
0a  6
จานวนเต็มที่หาร 6 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 3, 61, 2   
จานวนเต็มที่หาร 1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1
จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk
m
0
k
P
m
 
 
 
, 3, 61, 2   
F M B N
สมกำรพหุนำม
ลองหา
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 5 6P x x x x   
( )1P จะได้ 3 2
1 2( ) 5( ) 61 1  
( )1P
 1 2 5 6    0
นั่นคือ 1x  เป็นตัวประกอบหนึ่งของ ( )P x
นา 1x  ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2
6x x 
ดังนั้น 3 2
2 5 6x x x    ( 1)x 
2
( 6)x x 
แยกตัวประกอบของ 2
6x x  ได้เป็น ( 3)x  ( 2)x 
ดังนั้น 3 2
2 5 6x x x    ( 1)x  ( 3)x  ( 2)x 
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 5 6P x x x x   
หาร 3 2
( ) 2 5 6P x x x x    ด้วย 1x 
1 2 5 61
1
1
1
1
6
6
0
2
x x 6
2
6x x นั่นคือ 3 2
2 5 6x x x   หารด้วย 1x  ได้
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 4 7 10P x x x x   
( )P x 
จะได้ na  1
3 2
4 7 10x x x  
0a  10
จานวนเต็มที่หาร -10 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 5, 101, 2   
จานวนเต็มที่หาร 1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1
จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk
m
0
k
P
m
 
 
 
, 5, 101, 2   
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 4 7 10P x x x x   
ลองหา
( )1P จะได้ 3 2
1 4( ) 7( ) 101 1  
( )1P
 1 4 7 10    13
นั่นคือ 1x  ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P x
ลองหา
1( )P  จะได้ 3 2
( ) 4( ) 7( )1 1 01 1    
1( )P 
 1 4 7 10     0
นั่นคือ )1(x   เป็นตัวประกอบของ ( )P xหรือ 1x 
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 4 7 10P x x x x   
นา 1x  ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2
3 10x x 
ดังนั้น 3 2
4 7 10x x x    ( 1)x 
2
( 3 10)x x 
แยกตัวประกอบของ 2
3 10x x  ได้เป็น ( 5)x  ( 2)x 
ดังนั้น  ( 1)x  ( 5)x  ( 2)x 3 2
4 7 10x x x  
, ,, 4, 5, 10, 20
1 5
1, 2
2 2
     
F M B N
สมกำรพหุนำม
จาก
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 3 12 20P x x x x   
( )P x 
จะได้ na  2
3 2
2 3 12 20x x x  
0a  20
จานวนเต็มที่หาร 20 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 4, 5, 10,
20
1, 2   

 
จานวนเต็มที่หาร 2 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1, 2 
จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk
m
0
k
P
m
 
 
 
และ
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 3 12 20P x x x x   
ลองหา
( )1P จะได้ 3 2
2( ) 3( ) 12( ) 21 1 1 0  
( )1P
 2 3 12 20    7
นั่นคือ 1x  ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P x
ลองหา
1( )P  จะได้
1( )P 

นั่นคือ ( 1)x   ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P xหรือ 1x 
3 2
2( ) 3( ) 12( )1 01 21    
2 3 12 20     27
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 3 12 20P x x x x   
ลองหา
( )2P จะได้ 3 2
2( ) 3( ) 12( ) 22 2 2 0  
( )2P
 16 12 24 20    0
นั่นคือ 2x เป็นตัวประกอบของ ( )P x
นา 2x ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2
2 10x x 
ดังนั้น 3 2
2 3 12 20x x x    ( 2)x 
2
(2 10)x x 
F M B N
สมกำรพหุนำม
จงแยกตัวประกอบของ 3 2
( ) 2 3 12 20P x x x x   
ดังนั้น
3 2
2 3 12 20x x x    ( 2)x 
2
(2 10)x x 
แยกตัวประกอบของ 2
2 10x x  ได้เป็น (2 5)x  ( 2)x 
3 2
2 3 12 20x x x    ( 2)x  (2 5)x  ( 2)x 
 ( 2)x  (2 5)x ( 2)x 
 2
( 2)x  (2 5)x 
,
1
1
2

F M B N
สมกำรพหุนำม
ให้
จงหาคาตอบทั้งหมดของ 4 3
2 2 1 0x x x   
( )P x 
จะได้ na  2
4 3
2 2 1x x x  
0a  1
จานวนเต็มที่หาร -1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k 1
จานวนเต็มที่หาร 2 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1, 2 
จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk
m
0
k
P
m
 
 
 
F M B N
สมกำรพหุนำม
สมการพหุนามดีกรี 4 จะมีคาตอบทั้งหมด 4 จานวน
จงหาสมการพหุนามดีกรี 4 ที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มซึ่งมี
และ เป็นคาตอบ2 2 3i 4i
จากที่โจทย์กาหนดให้มี 2 จานวน ต้องหาเพิ่มอีก 2 จานวน
เนื่องจาก 2 2 3i และ 4i เป็นคาตอบของสมการ
จะได้ว่า 2 2 3i และ 4i เป็นคาตอบของสมการด้วย
ให้ ( )P x เป็นพหุนามดีกรี 4
จะได้ (2 2 3 ), (2 2 3 ), 4 , 4x i x i x i x i     
( )P xเป็นตัวประกอบของ

More Related Content

What's hot

เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลม
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลมเอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลม
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลมkroojaja
 
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันphaephae
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3Wuttipong Tubkrathok
 
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4krusarawut
 
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทย
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทยโครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทย
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทยกก กอล์ฟ
 
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ sawed kodnara
 
3.โจทย์ปัญหาร้อยละ
3.โจทย์ปัญหาร้อยละ3.โจทย์ปัญหาร้อยละ
3.โจทย์ปัญหาร้อยละApirak Potpipit
 
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552waranyuati
 
อสมการ ม3
อสมการ ม3 อสมการ ม3
อสมการ ม3 Prang Donal
 
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟJiraprapa Suwannajak
 
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดคุณครูพี่อั๋น
 
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)sudoooooo
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)Napadon Yingyongsakul
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นRitthinarongron School
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงโรงเรียนเทพลีลา
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์krurutsamee
 

What's hot (20)

เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลม
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลมเอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลม
เอกสารประกอบการเรียน เรื่องแผนภูมิวงกลม
 
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
ลำดับเรขาคณิต (Geometric sequence)
 
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
 
โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3โรคทางพันธุกรรม ม.3
โรคทางพันธุกรรม ม.3
 
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
เฉลย การแปลงคำอุปสรรค ม.3 , ม.4
 
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทย
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทยโครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทย
โครงงานเรื่องการใช้โปรแกรม Gsp ออกแบบลายไทย
 
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
แนวข้อสอบเข้า ม.4 วิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมหิดลฯและโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ
 
3.โจทย์ปัญหาร้อยละ
3.โจทย์ปัญหาร้อยละ3.โจทย์ปัญหาร้อยละ
3.โจทย์ปัญหาร้อยละ
 
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552
ตัวอย่างข้อสอบ Gsp งานศิลปะหัตกรรม ปีการศึกษา 2552
 
อสมการ ม3
อสมการ ม3 อสมการ ม3
อสมการ ม3
 
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
 
สมการตรีโกณ
สมการตรีโกณสมการตรีโกณ
สมการตรีโกณ
 
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิดแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ปริมาตรของพีระมิด
 
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
 
90 โครงงานคณิตศาสตร์ ตอนที่3_การถอดรากที่3
90 โครงงานคณิตศาสตร์ ตอนที่3_การถอดรากที่390 โครงงานคณิตศาสตร์ ตอนที่3_การถอดรากที่3
90 โครงงานคณิตศาสตร์ ตอนที่3_การถอดรากที่3
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ (PISA)
 
ระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้นระบบสมการเชิงเส้น
ระบบสมการเชิงเส้น
 
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
แบบทดสอบ เรื่องพหุนามแบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
แบบทดสอบ เรื่องพหุนาม
 
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียงเฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
เฉลยเอกสารประกอบสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลื่นกลและเสียง
 
อนุพันธ์
อนุพันธ์อนุพันธ์
อนุพันธ์
 

Similar to จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด

จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์
จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์
จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์I'am Son
 
จำนนวนเชิงซ้อน
จำนนวนเชิงซ้อนจำนนวนเชิงซ้อน
จำนนวนเชิงซ้อนFern Monwalee
 
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2Destiny Nooppynuchy
 
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899Beer Aksornsart
 
ข้อสอบปลายปี ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.doc
ข้อสอบปลายปี  ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.docข้อสอบปลายปี  ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.doc
ข้อสอบปลายปี ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.docSudtaweeThepsuponkul
 
จำนวนเชิงซ้อน.pdf
จำนวนเชิงซ้อน.pdfจำนวนเชิงซ้อน.pdf
จำนวนเชิงซ้อน.pdfrattapoomKruawang2
 
การดำเนินการ
การดำเนินการการดำเนินการ
การดำเนินการkroojaja
 
3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิตToongneung SP
 
ข้อสอบปลายภาค คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3
ข้อสอบปลายภาค  คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3ข้อสอบปลายภาค  คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3
ข้อสอบปลายภาค คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3คุณครูพี่อั๋น
 
6แบบฝึกหัด6.2
6แบบฝึกหัด6.26แบบฝึกหัด6.2
6แบบฝึกหัด6.2Toongneung SP
 
การคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มการคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มJiraprapa Suwannajak
 
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลัง
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลังสมบัติอืนๆของเลขยกกำลัง
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลังkroojaja
 

Similar to จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด (19)

จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์
จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์
จำนวนเชิงซ้อนวรุตม์
 
จำนนวนเชิงซ้อน
จำนนวนเชิงซ้อนจำนนวนเชิงซ้อน
จำนนวนเชิงซ้อน
 
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
เฉลยประจาปี 2554 (tme) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
 
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899
E0b888e0b8b3e0b899e0b8a7e0b899e0b980e0b88ae0b8b4e0b887e0b88be0b989e0b8ade0b899
 
4339
43394339
4339
 
ข้อสอบปลายปี ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.doc
ข้อสอบปลายปี  ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.docข้อสอบปลายปี  ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.doc
ข้อสอบปลายปี ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3.doc
 
จำนวนเชิงซ้อน.pdf
จำนวนเชิงซ้อน.pdfจำนวนเชิงซ้อน.pdf
จำนวนเชิงซ้อน.pdf
 
การดำเนินการ
การดำเนินการการดำเนินการ
การดำเนินการ
 
Ans_TME54_jh2
Ans_TME54_jh2Ans_TME54_jh2
Ans_TME54_jh2
 
เลขยกกำลัง
เลขยกกำลังเลขยกกำลัง
เลขยกกำลัง
 
3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต
 
ข้อสอบปลายภาค คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3
ข้อสอบปลายภาค  คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3ข้อสอบปลายภาค  คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3
ข้อสอบปลายภาค คณิต ม.1 เทอม 1 ชุดที่ 1 หน่วยที่ 3
 
Math7
Math7Math7
Math7
 
Pat1 58-03+key
Pat1 58-03+keyPat1 58-03+key
Pat1 58-03+key
 
6แบบฝึกหัด6.2
6แบบฝึกหัด6.26แบบฝึกหัด6.2
6แบบฝึกหัด6.2
 
การคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็มการคูณและหารจำนวนเต็ม
การคูณและหารจำนวนเต็ม
 
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลัง
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลังสมบัติอืนๆของเลขยกกำลัง
สมบัติอืนๆของเลขยกกำลัง
 
Complex number1
Complex number1Complex number1
Complex number1
 
Preliminary number theory
Preliminary number theoryPreliminary number theory
Preliminary number theory
 

จำนวนเชิงซ้อนไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด

  • 1. จัดทำโดย นายวรุตม์ อินทร์แก้ว ชั้น5/9 เลขที่16 เสนอ อ. นิคม ทิศแก้ว โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
  • 2. จำนวนจินตภำพ กำรหำค่ำ in จำนวนเชิงซ้อน กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน กำรลบจำนวนเชิงซ้อน F M B N กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน กรำฟและค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน สมกำรพหุนำม
  • 3. จำนวนจินตภำพ F M B N 0 2 1x  พิจารณา 1 2 x  จะพบว่า ไม่มีจานวนจริงใดเลยที่ยกกาลังสองแล้วมีค่าเท่ากับ -1 1 2 x  1 x  ถ้าให้ เป็นจานวนจริงบวกa จะเรียก ว่า จำนวนจินตภำพแท้a และ a  a 1 
  • 4. จำนวนจินตภำพ F M B N 3  3 1  5  5 1  7  7 1  1  i 3  3 1  5  5 1  7  7 1   3i  5i  7i
  • 5. จำนวนจินตภำพ F M B N a b    ( )( )a b  จงหาค่าของ 3 5   3 5    3i 5i  2 3 5i  3 5( 1)   15
  • 6. กำรหำค่ำ in F M B N 1 i  i 2 i  1 3 i  2 i i  ( 1) i   i 4 i  2 2 i i  ( 1)( 1)   1 5 i  4 i i  1 i  i 6 i  4 2 i i  (1)( 1)  1 7 i  4 3 i i  (1)( )i  i 8 i  4 4 i i  (1)(1)  1
  • 7. กำรหำค่ำ in F M B N 1 5 9 13 i i i i i i i i     2 6 10 14 1 1 1 1 i i i i         3 7 11 15 i i i i i i i i         4 8 12 16 1 1 1 1 i i i i     กลุ่มที่หารด้วย 4 แล้วเศษ 1 กลุ่มที่หารด้วย 4 แล้วเศษ 2 กลุ่มที่หารด้วย 4 แล้วเศษ 3 กลุ่มที่หารด้วย 4 ลงตัว n i  i เมื่อ เหลือเศษ 1 4 n n i  1 เมื่อ เหลือเศษ 2 4 n n i  i เมื่อ เหลือเศษ 3 4 n n i  1 เมื่อ ลงตัว 4 n
  • 8. กำรหำค่ำ in F M B N จงหาค่าของ 12 27 30 42 99 100 , , , , ,i i i i i i 12 i  1 เนื่องจาก 12 หารด้วย 4 ลงตัว 27 i  i เนื่องจาก 27 หารด้วย 4 เหลือเศษ 3 30 i  1 เนื่องจาก 30 หารด้วย 4 เหลือเศษ 2 42 i  1 เนื่องจาก 42 หารด้วย 4 เหลือเศษ 2 99 i  i เนื่องจาก 99 หารด้วย 4 เหลือเศษ 3 100 i  1 เนื่องจาก 100 หารด้วย 4 ลงตัว
  • 9. กำรหำค่ำ in F M B N n i ถ้า เป็นจานวนคู่ จะเป็นไปได้ 2 ค่าคือ -1 หรือ 1n n i 4 n ลงตัวไม่ลงตัว ถ้า เป็นจานวนคี่ จะเป็นไปได้ 2 ค่าคือ -i หรือ I โดยให้จัด ใหม่เป็น n n i n i 1n n i i i  
  • 10. กำรหำค่ำ in F M B N จงหาค่าของ 26 54 68 84 , , ,i i i i 26 i  1 หา 26 i เนื่องจาก 26 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ไม่ลงตัว ดังนั้น 54 i  1 หา 54 i เนื่องจาก 54 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ไม่ลงตัว ดังนั้น 68 i  1 หา 68 i เนื่องจาก 68 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ลงตัว ดังนั้น 84 i  1 หา 84 i เนื่องจาก 84 เป็นเลขคู่ และหารด้วย 4 ลงตัว ดังนั้น
  • 11. กำรหำค่ำ in F M B N จงหาค่าของ 21 43 71 , ,i i i 21 i  หา 21 i เนื่องจาก 21 เป็นเลขคี่ 20 i i  1 i  i 43 i  หา 43 i เนื่องจาก 43 เป็นเลขคี่ 42 i i  ( 1) i   i 71 i  หา 71 i เนื่องจาก 71 เป็นเลขคี่ 70 i i  ( 1) i   i
  • 12. จำนวนเชิงซ้อน F M B N z  a bi กาหนดให้ เป็นจานวนเชิงซ้อน จะได้รูปทั่วไปของ คือz z เรียก ว่า ส่วนจริงa ว่า ส่วนจินตภำพb เขียนแทนด้วย Re( )z เขียนแทนด้วย Im( )z จานวนเชิงซ้อน a bi เมื่อ 0b  เรียกว่า จำนวนจินตภำพ จานวนเชิงซ้อน bi เมื่อ 0b  เรียกว่า จำนวนจินตภำพแท้
  • 13. กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N 1z  a biกาหนดให้ 2z  c di จากที่กาหนดให้จะได้ว่า a  c1z  2z ก็ต่อเมื่อ และ b  d นั่นคือ จานวนเชิงซ้อน 2 จานวนจะเท่ากันได้ ต้องผ่านเงื่อนไข 2 ข้อ มีส่วนจริงเท่ากัน มีส่วนจินตภาพเท่ากัน
  • 14. กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จาก 7 3i3x i  ดังนั้น 7x  จาก 5 yi5 9i  ดังนั้น 9y  ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร3 7 3x i i   x ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร5 9 5i yi   y
  • 15. กำรเท่ำกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จาก 5 ( )x y i ( ) 2x y i   5x y  ถ้า แล้ว มีค่าเท่าไร( ) 1 5 ( )x y i x y i     xy จะได้ 1x y และ แก้ระบบสมการ 1 2 1 2 62x  3x  แทน ใน3x  1 53 y  2y  ดังนั้น 6xy 
  • 16. กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน F M B N 1z  a biกาหนดให้ 2z  c di จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi   c dia bi   bi dia c   ( )bi di( )a c   ( )b d i( )a c 1 2z z ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1 2 ( ) ( )z z a c b d i    
  • 17. กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ (2 3 ) (6 2 )i i   [2 6](2 3 ) (6 2 )i i   [3 ( 2)]i  8 i จงหาค่าของ (3 2 ) (1 3 )i i   [3 1] [2 ( 3)]i  4 i (3 2 ) (1 3 )i i  
  • 18. กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ (2 4 ) (3 )i i   (2 3)(2 4 ) (3 )i i   (4 1)i 5 5i จงหาค่าของ (1 ) (2 ) (3 8 )i i i      (1 ) (2 ) (3 8 )i i i    (1 0 3)   (1 2 8)i  4 11i (1 ) (0 2 ) (3 8 )i i i    
  • 19. กำรบวกจำนวนเชิงซ้อน F M B N กาหนดให้ และ เป็นจานวนเชิงซ้อน1 2, ,z z z 3z 1 2z z เป็นจานวนเชิงซ้อน 1 2 2 1z z z z   1 2 3 1 2 3( ) ( )z z z z z z     0 0 0z z    ( ) 0z z   ; z a bi z a bi      
  • 20. กำรลบจำนวนเชิงซ้อน F M B N 1 2 1 2( )z z z z    กาหนดให้ 1z  a bi 2z  c di จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi   [ ( )]c di [ ]a bi   ( )c di ( )a bi   ( )bi di( )a c   ( )b d i( )a c 1 2z z
  • 21. กำรลบจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ (2 ) (4 2 )i i   [2 4](2 ) (4 2 )i i   [1 ( 2)]i  2 3i จงหาค่าของ (4 ) (6 2 )i i   [4 6](4 ) (6 2 )i i   [ 1 ( 2)]i   2 i
  • 22. กำรลบจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ ( 2 ) ( 1 2 )i i     [ 2 ( 1)]  ( 2 ) ( 1 2 )i i     [1 2]i 1 i จงหาค่าของ (5 ) (2 ) (6 3 )i i i     [5 2 6] (5 ) (2 ) (6 3 )i i i     [1 ( 1) ( 3)]i    1 3i
  • 23. กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N 1z  a biกาหนดให้ 2z  c di จะได้ 1 2z z  ( )c di( )a bi  ac  adi bci  2 bdi  ac  adi bci  ( 1)bd   ac  adi bci  bd  ac  adi bci bd   ( )ac bd  ( )ad bc i1 2z z ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1 2 ( ) ( )z z ac bd ad bc i   
  • 24. กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ (4 3 )(5 6 )i i  (4 3 )(5 6 )i i   20  24i 15i  2 18i 20  39i  18( 1)  2  39i ใช้สูตร (4 3 )(5 6 )i i  [(4)(5) (3)(6)]  [(4)(6) (3)(5)]i  2  39i  (20 18)  (24 15)i
  • 25. กำรคูณกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ (3 2 )(3 2 )i i  (3 2 )(3 2 )i i   9  6i 6i  2 4i 9  4( 1)  13 ใช้สูตร (3 2 )(3 2 )i i  [(3)(3) (2)( 2)]   [(3)( 2) (2)(3)]i   13  [9 ( 4)]   [ 6 6]i 
  • 26. สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน F M B N กาหนดให้ z a bi  สังยุค (Conjugate) ของ เขียนแทนด้วย โดยที่z z z a bi  สังยุคของ 2 3z i  คือ 2 3z i  สังยุคของ 5 4z i  คือ 5 4z i  สังยุคของ 2z i คือ 2z i  สังยุคของ 9z  คือ 9z 
  • 27. สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน F M B N กาหนดให้ และ เป็นจานวนเชิงซ้อน1,z z 2z 1 Re( ) ( ) 2 z z z  และ z z 0z  1 2 1 2z z z z   1 Im( ) ( ) 2 z z z i   ถ้า แล้ว 1 1 zz        1 2 1 2z z z z   1 2 1 2z z z z 1 1 2 2 z z z z       เมื่อ 2 0z 
  • 28. กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N 1 2 z z  a bi c di   กาหนดให้ 1z  a bi 2z  c di จะได้  a bi c di   c di c di     2 2 ( )( )a bi c di c d    ถ้า และ จะได้ว่า1z a bi  2z c di  1 2 2 2 ( )( )z a bi c di z c d    
  • 29. กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ 3 5 2 3 i i    3 5 2 3 i i   3 5 2 3 i i   2 3 2 3 i i     2 2 (3 5 )(2 3 ) 2 3 i i   6  9i 10i  2 15i 4 9 6  19i  15  13 9 19 13 i   ดังนั้น  3 5 2 3 i i   9 19 13 13 i  
  • 30. กำรหำรกันของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าของ 2 3 3 4 i i    2 3 3 4 i i   2 3 3 4 i i   3 4 3 4 i i     2 2 (2 3 )(3 4 ) 3 4 i i   6  8i 9i  2 12i  9 16 6  i  12 25 18 25 i  ดังนั้น  2 3 3 4 i i   18 1 25 25 i
  • 31. กรำฟของจำนวนเชิงซ้อน F M B N กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi  จะได้กราฟของ บนระนาบเชิงซ้อนดังนี้z ( , )z a bi a b   a b ( , )a b (แกนจินตภาพ) (แกนจริง)
  • 32. กรำฟของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงเขียนกราฟของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้ 1 2 4z i  2 3 2z i  3 3z i  4 4 5z i   (แกนจินตภาพ) (แกนจริง) 1(2, 4)z 2 (3, 2)z 3 (0, 3)z  4 ( 4, 5)z  
  • 33. ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน F M B N กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi  ( , )z a bi a b   a b ( , )a b (แกนจินตภาพ) (แกนจริง) ค่าสัมบูรณ์ของ คือ ระยะทางจากจุด ไปยังจุดz (0, 0) ( , )a b เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ หรือ หรือ| |z | |a bi | ( , ) |a b | |z  2 | |z 2 2 a b | |z 2 2 a b จาก จะได้
  • 34. ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้ 1 2 4z i  2 3 4z i   3 4z i  4 6 8z i   1z  2 4i  (2, 4) 1| |z  2 2 2 4  4 16  20  2 5 2z  3 4i   ( 3, 4) 2| |z  2 2 ( 3) 4   9 16  25  5
  • 35. ค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จงหาค่าสัมบูรณ์ของจานวนเชิงซ้อนที่กาหนดให้ต่อไปนี้ 1 2 4z i  2 3 4z i   3 4z i  4 6 8z i   3z  4i  (0, 4) 3| |z  2 2 0 ( 4)   0 16  16  4 4z  6 8i   ( 6, 8)  4| |z  2 2 ( 6) ( 8)    36 64  100  10
  • 36. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N กาหนดจานวนเชิงซ้อน z a bi   จะได้กราฟของ บนระนาบเชิงซ้อนดังนี้z ( , )z a bi a b   a b z จำกรูป จะได้ sin  b z b  sinz  cos  a z a  cosz  z  a bi  cosz   sinz  i  z  cos sini z ( , )a b
  • 37. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว2 2z i  จาก 2 2iz  (2, 2) 2 2 2 2z  4 4 8 2 2จะได้ (2, 2)  2 2 cos sini z  หาค่า  2 2 tan  1 4   2 2 cos sin 4 4 i        z  
  • 38. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว3z i  จาก 3 iz  ( 3, 1) 2 2 ( 3) ( 1) z  3 1 4จะได้  2 cos sini z  หาค่า  1 3  tan  11 6   11 11 2 cos sin 6 6 i        z  2 จะได้ 6 5 6  7 6  11 6 
  • 39. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว1 3z i   จาก 1 3i z  ( 1, 3) 2 2 ( 1) ( 3) z  1 3 4จะได้  2 cos sini z  หาค่า  3 1 tan  2 3   2 2 2 cos sin 3 3 i        z  2 จะได้ 3 3 2 3  4 3  5 3 
  • 40. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียนจานวนเชิงซ้อน ให้อยู่ในรูปเชิงขั้ว4 4 3z i   จาก 4 4 3i z  ( 4, 4 3)  2 2 ( 4) ( 4 3)  z  16 48 จะได้  8 cos sini z  หาค่า  4 3 4   tan  4 3   4 4 8 cos sin 3 3 i        z  8 จะได้ 3 3 2 3  4 3  5 3 
  • 41. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จาก 2(cos sin ) 6 6 i   z  จงเขียน ให้อยู่ในรูป2(cos sin ) 6 6 z i     a bi จะได้ z  2( ) 3 i 3 2 1 2 i ดังนั้น
  • 42. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จาก 4 4 6(cos sin ) 3 3 i   z  จงเขียน ให้อยู่ในรูป 4 4 6(cos sin ) 3 3 z i     a bi จะได้ z  6[ ] 3 3 3i  1 2  3 ( ) 2 i 3 ดังนั้น 2 3  3 3  4 3  1 cos 3 2   3 sin 3 2  
  • 43. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N 1 2z z  ให้ และ 1 1 1 1cos sinz z i    2 2 2 2cos sinz z i    1 2 1 2 1 2cos( ) sin( )z z i      1 2 z z   1 1 2 1 2 2 cos( ) sin( ) z i z       1 1 z   1 1 1 1 cos sini z   1z   1 1 1cos( ) sin( )z i   
  • 44. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จาก   จะได้ z  12iดังนั้น ให้ และ1 3(cos sin ) 3 3 z i     a bi 2 4(cos sin ) 6 6 z i     จงหา ในรูป1 2z z 1 2z z  1 2 1 2 1 2cos( ) sin( )z z i       3(4)[cos( ) sin( )] 3 6 3 6 i        3 3 12(cos sin ) 6 6 i      12 0 (1)i 12(cos sin ) 2 2 i     1 2z z
  • 45. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จาก   จะได้ ดังนั้น ให้ และ1 8(cos sin ) 2 2 z i     a bi 2 2(cos sin ) 6 6 z i     จงหา ในรูป1 2 z z  1 1 2 1 2 2 cos( ) sin( ) z i z        8 [cos( ) sin( )] 2 2 6 2 6 i        2 2 4(cos sin ) 6 6 i     1 3 4 ( ) 2 2 i       4(cos sin ) 3 3 i     1 2 z z 1 2 z z z  2 2 3i
  • 46. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N ให้  จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi 3 1 3i   3 3(cos sin )i  1z  3 0i   1 3i2z 1z 2z 2(cos sin ) 3 3 i    จะได้ 3 1 3i    1 2 z z เขียน และ ให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้1z 2z
  • 47. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi 3 1 3i   3 1 3i    1 2 z z  3 [cos( ) sin( )] 2 3 3 i        3 2 2 [cos sin ] 2 3 3 i     3 1 3 [ ( )] 2 2 2 i   3 3 3 4 4 i 
  • 48. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N ให้  จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi( 2 2 3 )(3 3 3 )i i   2 2 4(cos sin ) 3 3 i    1z 2z 1z 2z 5 5 6(cos sin ) 3 3 i    จะได้  1 2z z เขียน และ ให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้1z 2z 2 2 3i  3 3 3i ( 2 2 3 )(3 3 3 )i i  
  • 49. จำนวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว F M B N จงเขียน ให้อยู่ในรูป a bi( 2 2 3 )(3 3 3 )i i   2 5 2 5 (4)(6)[cos( ) sin( )] 3 3 3 3 i         7 7 24(cos sin ) 3 3 i     1 2z z( 2 2 3 )(3 3 3 )i i    24(cos sin ) 3 3 i     1 3 24( ) 2 2 i  12 12 3i
  • 50. เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน F M B N จะได้ (cos sin )z i z zz 2 z [cos( ) sin( )]z z i      2 [cos(2 ) sin(2 )]z i  2 z z 3 z 2 [cos(2 ) sin(2 )]z z i      3 [cos(3 ) sin(3 )]z i  ให้ และ เมื่อ เป็นจานวนเต็มบวกใด ๆ จะได้ว่าn n z [cos( ) sin( )] n z n i n 
  • 51. F M B N ถ้า เป็นจานวนเชิงซ้อนในรูปเชิงขั้ว(cos sin )z z i   เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน และ เป็นจานวนเต็มบวกn จะได้ว่า n z [cos( ) sin( )] n z n i n  ถ้า 2(cos sin ) 6 6 i   z จะได้ 3 3 3 2 (cos sin ) 6 6 i   3 z จะได้ 4 4 4 2 (cos sin ) 6 6 i   4 z
  • 52. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน จาก  7 7 7 2 (cos sin ) 3 3 i   7 z ถ้า จงหา ในรูปเชิงขั้ว2(cos sin ) 3 3 z i     7 z n z [cos( ) sin( )] n z n i n  จะได้  7 7 128(cos sin ) 3 3 i     128(cos sin ) 3 3 i    7 zดังนั้น
  • 53. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน จาก  10 10 10 2 (cos sin ) 5 5 i   10 z n z [cos( ) sin( )] n z n i n  จะได้  1024(cos2 sin2 )i   1024 10 zดังนั้น ถ้ำ จงหำ ในรูป2(cos sin ) 5 5 z i     10 z a bi  1024[1 (0)]i
  • 54. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน จาก  12 12 12 3 (cos sin ) 4 4 i   12 z n z [cos( ) sin( )] n z n i n  จะได้  531441(cos3 sin3 )i   531441 12 zดังนั้น ถ้า จงหา ในรูป 3 3 2 2 z i  12 z a bi  531441[ 1 (0)]i  z  3 3 2 2 i  3(cos sin ) 4 4 i   
  • 55. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน ให้  จงหาค่าของ 6 4 (1 ) ( 1 ) i i    1z 1 i จะได้  6 7 7 ( 2) [cos(6 ) sin(6 )] 4 4 i        2z 1 i   7 7 2(cos sin ) 4 4 i     5 5 2(cos sin ) 4 4 i    6 (1 )i 6 1z 21 21 8(cos sin ) 2 2 i    8(cos sin ) 2 2 i   
  • 56. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน จงหาค่าของ  6 4 (1 ) ( 1 ) i i       6 (1 )i 8[0 (1)]i 8(cos sin ) 2 2 i    8i 6 1z   4 5 5 ( 2) [cos(4 ) sin(4 )] 4 4 i       4 ( 1 )i  4 2z 4(cos5 sin5 )i 
  • 57. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน จงหาค่าของ 6 4 (1 ) ( 1 ) i i       4 ( 1 )i  4 2z 4(cos5 sin5 )i  4(cos sin )i   4[ 1 (0)]i   4 6 4 (1 ) ( 1 ) i i     6 1 4 2 z z  8 4 i   2i
  • 58. F M B N เลขยกกำลังของจำนวนเชิงซ้อน ให้  จงหาค่าของ 7 ( 3 )i z 3 i  7 10 10 2 [cos(7 ) sin(7 )] 6 6 i         10 10 2(cos sin ) 6 6 i    5 5 128(cos sin ) 3 3 i    1 3 128[ ( )] 2 2 i  7 ( 3 )i  7 z 35 35 128[cos sin ] 3 3 i     64 64 3i
  • 59. 3 (cos3 sin3 )r i  F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1 ให้ z 1 1 0i 1(cos0 sin0)i เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้ z  1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k    สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z จะได้ z 3 kz  จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า  1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
  • 60. 3 (cos3 sin3 )r i  F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1  1[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k    3 r  1 r  1 3  0 2k  2k  2 3 k  สมมติให้ (cos sin )r i kz  2 2 1(cos sin ) 3 3 k k i   kz  นั่นคือ และ
  • 61. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1 2 2 1(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 2(0) 2(0) 1(cos sin ) 3 3 i   0z  1(cos0 sin0)i 1[1 (0)]i 10z 0k ถ้า จะได้ โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
  • 62. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1 2 2 1(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 1k ถ้า จะได้ 2(1) 2(1) 1(cos sin ) 3 3 i   1z  2 2 1(cos sin ) 3 3 i    1 3 1[ ( )] 2 2 i  1z 1 3 2 2 i 
  • 63. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1 2 2 1(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 2k ถ้า จะได้ 2(2) 2(2) 1(cos sin ) 3 3 i   2z  4 4 1(cos sin ) 3 3 i    1 3 1[ ( )] 2 2 i   2z 1 3 2 2 i 
  • 64. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 1 1 3 2 2 i ดังนั้น รากที่ 3 ของ 1 คือ , ,1 1 3 2 2 i  1z 1 3 2 2 i  10z 2z 1 3 2 2 i  0k ถ้า จะได้ 1k ถ้า จะได้ 2k ถ้า จะได้
  • 65. 3 (cos3 sin3 )r i  F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 ให้ z 8 8 0i 8(cos0 sin0)i เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้ z  8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k    สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z จะได้ z 3 kz  จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า  8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k   
  • 66. 3 (cos3 sin3 )r i  F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8  8[cos(0 2 ) sin(0 2 )]k i k    3 r  8 r  2 3  0 2k  2k  2 3 k  สมมติให้ (cos sin )r i kz  2 2 8(cos sin ) 3 3 k k i   kz  นั่นคือ และ
  • 67. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 2 2 2(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 2( ) 2( ) 2(cos sin ) 3 0 3 0 i   0z  2(cos0 sin0)i 2[1 (0)]i 20z 0k ถ้า จะได้ โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
  • 68. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 2 2 2(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 1k ถ้า จะได้ 2( ) 2( ) 2(cos sin ) 3 1 3 1 i   1z  2 2 2(cos sin ) 3 3 i    1 3 2[ ( )] 2 2 i  1z 1 3i 
  • 69. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 2 2 2(cos sin ) 3 3 k k i   kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz 2k ถ้า จะได้ 2( ) 2( ) 2(cos sin ) 3 2 3 2 i   2z  4 4 2(cos sin ) 3 3 i    1 3 2[ ( )] 2 2 i   2z 1 3i 
  • 70. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 1 3i ดังนั้น รากที่ 3 ของ 8 คือ , ,2 1 3i  1z 1 3i  20z 2z 1 3i  0k ถ้า จะได้ 1k ถ้า จะได้ 2k ถ้า จะได้
  • 71. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i ให้ z 8i 0 8i 3 3 8(cos sin ) 2 2 i    เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้ z  3 3 8[cos( 2 ) sin( 2 )] 2 2 k i k       สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 3 ของ z จะได้ z 3 kz  3 4 3 4 8[cos( ) sin( )] 2 2 k k i      
  • 72. 3 4 3 4 8[cos( ) sin( )] 2 2 k k i       F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i 3 (cos3 sin3 )r i   จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า 3 r  8 r  2 3  3 4 2 k   3 4 6 k   นั่นคือ และ z 3 kz 
  • 73. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i r  2  3 4 6 k   สมมติให้ (cos sin )r i kz  3 4 3 4 2[cos( ) sin( )] 6 6 k k i      kz  เนื่องจาก เป็นรากที่ 3 ของ จะได้ว่า มี 3 ค่าkz z kz โดยแทนค่า 0,1, 2k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n  จะได้
  • 74. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i 3 4 3 4 2[cos( ) sin( )] 6 6 k k i      kz จาก 3 4( ) 3 4( ) 2[cos( ) sin( )] 6 0 6 0 i      0z   2[0 (1)]i 0z 0k ถ้า จะได้ 3 3 2(cos sin ) 6 6 i    2i 2(cos sin ) 2 2 i   
  • 75. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i 3 4 3 4 2[cos( ) sin( )] 6 6 k k i      kz จาก 3 4( ) 3 4( ) 2[cos( ) sin( )] 6 1 6 1 i      1z   3 1 2[ ( )] 2 2 i   1z 1k ถ้า จะได้ 7 7 2(cos sin ) 6 6 i    3 i 
  • 76. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ -8i 3 4 3 4 2[cos( ) sin( )] 6 6 k k i      kz จาก 3 4( ) 3 4( ) 2[cos( ) sin( )] 6 2 6 2 i      2z   3 1 2[ ( )] 2 2 i  2z 2k ถ้า จะได้ 11 11 2(cos sin ) 6 6 i    3 i
  • 77. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 3 ของ 8 ดังนั้น รากที่ 3 ของ -8i คือ 2 , 3 , 3i i i   1z 3 i  2i0z 2z 3 i 0k ถ้า จะได้ 1k ถ้า จะได้ 2k ถ้า จะได้
  • 78. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน ให้ z  2(cos sin ) 3 3 i    เขียนให้อยู่ในรูปเชิงขั้วจะได้ z  2[cos( 2 ) sin( 2 )] 3 3 k i k       สมมติให้ (cos sin )r i kz  เป็นรากที่ 4 ของ z จะได้ z 4 kz  6 6 2[cos( ) sin( )] 3 3 k k i       จงหารากที่ 4 ของ 1 3i 1 3i
  • 79. 6 6 2[cos( ) sin( )] 3 3 k k i       F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน 4 (cos4 sin 4 )r i   จากทฤษฎีบทของเดอมัวร์ จะได้ว่า 4 r  2 r  4 2 4  6 3 k   6 12 k   นั่นคือ และ จงหารากที่ 4 ของ 1 3i z 4 kz 
  • 80. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน r  4 2  6 12 k   จงหารากที่ 4 ของ 1 3i สมมติให้ (cos sin )r i kz  จะได้ kz  4 6 6 2[cos( ) sin( )] 12 12 k k i       เนื่องจาก เป็นรากที่ 4 ของ จะได้ว่า มี 4 ค่าkz z kz โดยแทนค่า 0,1, 2, 3k  ; ( 0,1, 2,..., 1)k n 
  • 81. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 4 ของ 1 3i จาก kz  4 6 6 2[cos( ) sin( )] 12 12 k k i       0z 0k ถ้า จะได้  4 6( ) 6( ) 2[cos( ) sin( )] 12 1 0 2 0 i       4 2(cos sin ) 12 12 i    1z 1k ถ้า จะได้  4 6( ) 6( ) 2[cos( ) sin( )] 12 1 1 2 1 i       4 7 7 2(cos sin ) 12 12 i   
  • 82. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 4 ของ 1 3i จาก kz  4 6 6 2[cos( ) sin( )] 12 12 k k i       2z 2k ถ้า จะได้  4 6( ) 6( ) 2[cos( ) sin( )] 12 1 2 2 2 i       4 13 13 2(cos sin ) 12 12 i    3z 3k ถ้า จะได้  4 6( ) 6( ) 2[cos( ) sin( )] 12 1 3 2 3 i       4 19 19 2(cos sin ) 12 12 i   
  • 83. F M B N รำกที่ n ของจำนวนเชิงซ้อน จงหารากที่ 4 ของ 1 3i ดังนั้น รากที่ 4 ของ คือ1 3i 4 2(cos sin ) 12 12 i    4 7 7 2(cos sin ) 12 12 i    4 13 13 2(cos sin ) 12 12 i    4 19 19 2(cos sin ) 12 12 i   
  • 84. F M B N สมกำรพหุนำม ถ้า 1 2 1 2 1 0( ) ...n n n n n nP x a x a x a x a x a         โดยที่ จะเรียก ( )P x 1 2 1 0, , , ..., ,n n na a a a a  เป็นจานวนเต็มบวกn และ เป็นจานวนเชิงซ้อนที่ 0na  ว่า พหุนำมกำลัง n จะเรียก ( ) 0P x  ว่า สมกำรพหุนำมกำลัง n
  • 85. F M B N สมกำรพหุนำม 3 2 5 3 1x x ( )P x  4 2 3 5 7 12x x x  ( )P x  5 3 2 7 2 5 3x x x   ( )P x  7 5 3 3 2 51ix x ix  ( )P x  เป็นพหุนามกาลัง 3 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 3 เป็นพหุนามกาลัง 4 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 4 ไม่เป็นพหุนาม เพราะมีเลขชี้กาลังเป็นลบ เป็นพหุนามกาลัง 7 เพราะเลขชี้กาลังสูงสุดคือ 7
  • 86. F M B N สมกำรพหุนำม ถ้า 1 2 1 2 1 0( ) ...n n n n n nP x a x a x a x a x a         โดยที่ 1 2 1 0, , , ..., ,n n na a a a a  เป็นจานวนเต็มบวกn และ เป็นจานวนเชิงซ้อนที่ 0na  ถ้าหาร ด้วย( )P x x c เมื่อ เป็นจานวนเชิงซ้อนใด ๆc แล้วจะเหลือเศษจากการหาร เท่ากับ ( )P c
  • 87. F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงหาเศษจากการหาร ด้วย2 ( ) 3 3 2P x x x   2x ( )P x  2 3 3 2x x  เศษจากการหาร ด้วย( )P x 2x เท่ากับ ( )2P จะได้ ( )2P  2 3( ) 3 22 (2)   12 6 2   8 ดังนั้น เศษจากการหาร ด้วย เท่ากับ 8( )P x 2x
  • 88. F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงหาเศษจากการหาร ด้วย4 2 ( ) 2 3 1P x x x x    2x ( )P x  4 2 2 3 1x x x   เศษจากการหาร ด้วย( )P x 2x เท่ากับ 2( )P  จะได้ 2( )P   4 2 ( ) 2( ) 3(2 2 2) 1      16 8 6 1    31 ดังนั้น เศษจากการหาร ด้วย เท่ากับ 31( )P x 2x 2x  )2(x  
  • 89. F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงหาว่า เป็นตัวประกอบของ หรือไม่5 4 3 2 ( ) 3 2 2 3 1P x x x x x x      1x  ( )P x  จะได้ 1( )P    1 3 2 2 3 1       0 ดังนั้น เป็นตัวประกอบของ ( )P x1x  1x   )1(x   5 4 3 2 3 2 2 3 1x x x x x     5 4 3 2 ( ) 3( ) 2( )1 1 1 1) ) 112( 3(        
  • 90. F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 5 6P x x x x    ( )P x  จะได้ na  1 3 2 2 5 6x x x   0a  6 จานวนเต็มที่หาร 6 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 3, 61, 2    จานวนเต็มที่หาร 1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1 จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk m 0 k P m       , 3, 61, 2   
  • 91. F M B N สมกำรพหุนำม ลองหา จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 5 6P x x x x    ( )1P จะได้ 3 2 1 2( ) 5( ) 61 1   ( )1P  1 2 5 6    0 นั่นคือ 1x  เป็นตัวประกอบหนึ่งของ ( )P x นา 1x  ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2 6x x  ดังนั้น 3 2 2 5 6x x x    ( 1)x  2 ( 6)x x  แยกตัวประกอบของ 2 6x x  ได้เป็น ( 3)x  ( 2)x  ดังนั้น 3 2 2 5 6x x x    ( 1)x  ( 3)x  ( 2)x 
  • 92. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 5 6P x x x x    หาร 3 2 ( ) 2 5 6P x x x x    ด้วย 1x  1 2 5 61 1 1 1 1 6 6 0 2 x x 6 2 6x x นั่นคือ 3 2 2 5 6x x x   หารด้วย 1x  ได้
  • 93. F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 4 7 10P x x x x    ( )P x  จะได้ na  1 3 2 4 7 10x x x   0a  10 จานวนเต็มที่หาร -10 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 5, 101, 2    จานวนเต็มที่หาร 1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1 จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk m 0 k P m       , 5, 101, 2   
  • 94. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 4 7 10P x x x x    ลองหา ( )1P จะได้ 3 2 1 4( ) 7( ) 101 1   ( )1P  1 4 7 10    13 นั่นคือ 1x  ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P x ลองหา 1( )P  จะได้ 3 2 ( ) 4( ) 7( )1 1 01 1     1( )P   1 4 7 10     0 นั่นคือ )1(x   เป็นตัวประกอบของ ( )P xหรือ 1x 
  • 95. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 4 7 10P x x x x    นา 1x  ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2 3 10x x  ดังนั้น 3 2 4 7 10x x x    ( 1)x  2 ( 3 10)x x  แยกตัวประกอบของ 2 3 10x x  ได้เป็น ( 5)x  ( 2)x  ดังนั้น  ( 1)x  ( 5)x  ( 2)x 3 2 4 7 10x x x  
  • 96. , ,, 4, 5, 10, 20 1 5 1, 2 2 2       F M B N สมกำรพหุนำม จาก จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 3 12 20P x x x x    ( )P x  จะได้ na  2 3 2 2 3 12 20x x x   0a  20 จานวนเต็มที่หาร 20 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k , 4, 5, 10, 20 1, 2       จานวนเต็มที่หาร 2 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1, 2  จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk m 0 k P m       และ
  • 97. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 3 12 20P x x x x    ลองหา ( )1P จะได้ 3 2 2( ) 3( ) 12( ) 21 1 1 0   ( )1P  2 3 12 20    7 นั่นคือ 1x  ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P x ลองหา 1( )P  จะได้ 1( )P   นั่นคือ ( 1)x   ไม่ใช่ตัวประกอบของ ( )P xหรือ 1x  3 2 2( ) 3( ) 12( )1 01 21     2 3 12 20     27
  • 98. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 3 12 20P x x x x    ลองหา ( )2P จะได้ 3 2 2( ) 3( ) 12( ) 22 2 2 0   ( )2P  16 12 24 20    0 นั่นคือ 2x เป็นตัวประกอบของ ( )P x นา 2x ไปหาร ( )P x จะได้ผลหารคือ 2 2 10x x  ดังนั้น 3 2 2 3 12 20x x x    ( 2)x  2 (2 10)x x 
  • 99. F M B N สมกำรพหุนำม จงแยกตัวประกอบของ 3 2 ( ) 2 3 12 20P x x x x    ดังนั้น 3 2 2 3 12 20x x x    ( 2)x  2 (2 10)x x  แยกตัวประกอบของ 2 2 10x x  ได้เป็น (2 5)x  ( 2)x  3 2 2 3 12 20x x x    ( 2)x  (2 5)x  ( 2)x   ( 2)x  (2 5)x ( 2)x   2 ( 2)x  (2 5)x 
  • 100. , 1 1 2  F M B N สมกำรพหุนำม ให้ จงหาคาตอบทั้งหมดของ 4 3 2 2 1 0x x x    ( )P x  จะได้ na  2 4 3 2 2 1x x x   0a  1 จานวนเต็มที่หาร -1 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่k 1 จานวนเต็มที่หาร 2 ได้ลงตัว ( ) ได้แก่m 1, 2  จานวนตรรกยะ ที่ทาให้ ต้องอยู่ในกลุ่มk m 0 k P m      
  • 101. F M B N สมกำรพหุนำม สมการพหุนามดีกรี 4 จะมีคาตอบทั้งหมด 4 จานวน จงหาสมการพหุนามดีกรี 4 ที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็มซึ่งมี และ เป็นคาตอบ2 2 3i 4i จากที่โจทย์กาหนดให้มี 2 จานวน ต้องหาเพิ่มอีก 2 จานวน เนื่องจาก 2 2 3i และ 4i เป็นคาตอบของสมการ จะได้ว่า 2 2 3i และ 4i เป็นคาตอบของสมการด้วย ให้ ( )P x เป็นพหุนามดีกรี 4 จะได้ (2 2 3 ), (2 2 3 ), 4 , 4x i x i x i x i      ( )P xเป็นตัวประกอบของ