More Related Content
Similar to ใบความรู้ เรื่อง ภาษิตใต้
Similar to ใบความรู้ เรื่อง ภาษิตใต้ (20)
More from ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์
More from ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์ (20)
ใบความรู้ เรื่อง ภาษิตใต้
- 1. ภาษิตชาวบ้ าน
ภาษิต หมายถึง ถ้ อยคาทีเ่ รียบเรียงขึนเพือใช้ ในการสื่ อสารซึ่งให้ แง่ คิด คติ หรือซ่ อนความหมาย
้ ่
ในเชิงติชมและเปรียบเทียบ
ภาษิตชาวบ้านอาจจัดแบ่งเป็ นประเภทได้ดงนี้
ั
๑.ภาษิตที่มีคติมุ่งสั่งสอนอบรม ภาษิตประเภทนี้ใช้คาสั้น ฟังเข้าใจได้ทนทีไม่เข้าใจผิดเป็ นอย่างอื่น แม้บางภาษิต
ํ
ั
ต้องคิดบ้างก็ไม่ยากนัก เพราะสิ่ งที่พดเทียบ ยกมาจากของจริ งที่แลเห็นได้สะดวก เช่น
ู
๑.๑ อย่าหนุกตามเพื่อน = อย่าสนุกตามเพื่อน
่
๑.๒ เข้าบ้านท่านต้องหางหดเข้าวาน = เมื่ออยูในบ้านเขาต้องยอมเขาไว้ก่อน
๑.๓ คนขี้คร้านทําการอกแตก = คนขี้เกียจมักทํางานหักโหมจนเกินกําลัง
๑.๔ ตามหลังนายหมาไม่ขบ = การทําอะไรตามผูใหญ่ มักไม่เสี ยหาย
้
๑.๕ ปากอี้ฆ่าคอ = ปลาหมอตายเพราะปาก
๑.๖ อย่านอนบ้านคนมี ตามหลังโหมหนี นอนหลับโรงปอ = อย่าไปนอนค้าง คืนบ้านคนมังมี อย่าตามหลังพวกโจร
่
อย่านอนในบ่อนการพนันเพราะมีแต่พลอยเสี ยหายด้วย
๑.๗ นอนสู งให้ควํ่า นอนตํ่าให้หงาย = เมื่อเป็ นผูใหญ่มีตาแหน่งสู งทําอะไรให้คิดถึงผูนอย ผูนอยก็ตองคิดถึงผูใหญ่
้
ํ
้ ้ ้ ้
้
้
่
๑.๘ เข้าเมืองตาเหล่ตองเหล่ตาตาม = อยูที่ใดต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่ งแวดล้อม
้
๑.๙ ช้างแล่นอย่ายุงหาง = นํ้าเชี่ยวอย่าขวางเรื อ
๑.๑๐ หวานเป็ นลม ขมเป็ นยา = คําหวานมักไร้ประโยชน์ คําติเป็ นยาแก้
๑.๑๑ แพ้ชนะอย่าแพ้โห่ = ถ้าจะล้มเลิกก็ขอให้เป็ นเพราะทําแล้วไม่อาจสําเร็ จได้ อย่าล้มเลิกเพราะคําวิจารณ์ของผูอื่น
้
๑.๑๒ ตื่นแต่ดึก สึ กแต่หนุ่ม = จะทําอะไรให้รีบทําเสี ย ยังมีโอกาสมาก
๑.๑๓ อย่าขนดินถมปลวก = อย่าเอาเนื้อหนูไปเจือเนื้ อช้าง
๑.๑๔ ทําไหร่ ให้ถามพระเสี ยหมัง = จะทําอะไรควรปรึ กษาผูรู้เสี ยบ้าง จะได้ไม่เสี ยหาย
้
่
่
๒.พวกสํานวนเปรี ยบเทียบ ภาษิตประเภทนี้มีความเปรี ยบอยูในตัว แต่ไม่ตรงทีเดียว บางทีเป็ นแบบคําพังเพย เช่น
๒.๑ ใหญ่พร้าวเฒ่าลอกอ = อายุมากเสี ยเปล่าไม่ได้มีลกษณะเป็ นผูใหญ่
ั
้
๒.๒ หางเตาค่ากับหางแลน = ขิงก็รา ข่าก็แรง
๒.๓ กินค่าเข้ารั้ว ทําค่าไม้โท้ = กินมากแต่ทาน้อย
ํ
๒.๔ พร้าวก้าออกโลกเป็ นพร้าว = เริ่ มเหตุไว้อย่างไร ผลที่ตามมาก็เป็ นตามเหตุ
๒.๕ ทํางานสงหมาพอพ้นซั้ง = ทํางานแบบขอไปที
๒.๖ หมาเห่าเรื อบิน = พูดจาเกินฐานะ หรื อทําอะไรไม่เจียมตัว
๒.๗ พูดค่าศอกออกไปค่าวา = นําเรื่ องไปเสริ มต่อเกินไปจากที่ได้ยนมา
ิ
๒.๘ วัวใครเข้าคอกคนนั้น = ใครทํากรรมดีชวย่อมได้รับกรรมตามที่ตนกระทํา
ั่
๒.๙ ตัวไหนตากตัวนั้นไข = กินปูนร้อนท้อง หรื อ วัวสันหลังหวะ
- 2. ๒.๑๐ ไม่เต็มแล่ง = บ้าๆบอๆ
๒.๑๑ สามนํ้าไม่เปื่ อย = ทําเป็ นเฉื่ อยชาเกียจคร้าน แบบทองไม่รู้ร้อน
๒.๑๒ หมาหัวเน่า = กระโถนท้องพระโรง
๒.๑๓ ยิงช้างอย่าหมายช้าง = การทํางานใหญ่ ๆ อย่าหวังว่าจะได้รับผลตามที่คิด
่
๒.๑๔ เสาเร็ อนอยูบนหอพาย = คนจรจัด
๒.๑๕ ฝัดด้งเปล่า = ความหวังเหลวเป็ นนํ้าต้องเสี ยแรงเปล่า
๒.๑๖ นังในด้งยกตัวเอง = คนที่ยกยอตนเองย่อมยกไม่ข้ ึนกลับแสดงความโง่ให้เขาหัวเราะเยาะ
่
๒.๑๗ เย็บจากมุงท็อง = เกี่ยวแฝกมุงป่ า
้
๒.๑๘ อย่าฝากกล้วยไว้เด็ก อย่าฝากเหล็กไว้ช่าง = อย่าฝากอะไรที่ผรับจะได้ประโยชน์โดยตรง เขามักเบียดบัง
ู้
เอาผลประโยชน์
๒.๑๙ ทําไม่สอกไม่เคลื่อน = ทําเป็ นทองไม่รู้ร้อน
๒.๒๐ ทุกหนักจะจม = โลภนักมักลาภหาย ทําเกินกําลังมักเสี ยหาย
๒.๒๑ ควายโม่ชนนาน = คนที่ไม่ใช้ความคิดมักทําอะไรสําเร็ จช้า
๒.๒๒ ตีเมียอย่าดูหน้า ฟั่นพร้าอย่าดูคม = เมื่อต้องใช้ความเด็ดขาด อย่าได้อาลัยอาวรณ์ กับสิ่ งเล็กๆน้อยๆ เดี๋ยวใจ
อ่อนเสี ยก่อน
๒.๒๓ เจ็กไม่ตาย ผ้าลายโข = ตราบใดที่ยงมีผผลิตอย่าวิตกว่าจะไม่มีของใช้
ั ู้
๒.๒๔ หมาเห่าใบตองแห้ง = อวดโม้แต่ปากอย่าได้กลัว หรื อ พูดปาวๆ ไม่มีมูล
๒.๒๕ ไม่มีสักสิ งลิ่งไม่พง = เมื่อมีเรื่ องเสี ยหาย ย่อมมีผก่อเหตุเสมอ
ั
ู้
๒.๒๖ ลอยช้อนตามเปี ยก = ชอบเออออ ห่ อหมก กับเขาเสมอไป
3.ภาษิตที่เป็ นแบบอุปมาอุปไมย ภาษิตที่เป็ นแบบอุปมาอุปไมย เป็ นภาษิตที่นาสิ่ งต่าง ๆ มาอ้างเปรี ยบ เช่น
ํ
๓.๑ ทํางานเหมือนหมาเลียนํ้าร้อน = ทํางานไม่เรี ยบร้อย ไว้ใจไม่ได้
่
ั
่
๓.๒ ยุงเหมือนยุงตีกน = ยุงเหยิงสับสนสิ้ นดี
๓.๓ หกเหมือนขี้ไอ้สี = โกหกเสมอ, พูดจาไม่เคยเชื่ อได้
๓.๔ เบ่เหมือนจีนเรื อแตก = เสี ยงดังลันไม่ได้ศพท์
ั
่
่
๓.๕ ร่ านเหมือนจับปูใสด้ง = ซุ กซนมาก ไม่เป็ นอันอยูนิ่งได้
่
่
๓.๖ ยุงเหมือนหมวดข้าวยํา = ยุงเหยิงสิ้ นดี
๓.๗ จืดเหมือนหืดยักษ์ = รสจืดซีด, ไม่มีรสชาติเสี ยเลย
้
๓.๘ จนเหมือนยนไม่ดน = ยากจนเต็มทน เหมือนตะบันหมากไม่มีกน
ั
ั
๓.๙ คดเหมือนดอโจร = คดมากวกไปวนมา (ใช้กบสิ่ งที่มีรูปปรากฏ)
๓.๑๐ เกลี้ยงแผวเหมือนแมวเลีย = หมดสิ้ นไม่เหลือแม้แต่นอย
้
๓.๑๑ ดีเหมือนเหล้าเครี ยะ = เล่ห์เหลี่ยมหรื อชั้นเชิงสู ง (เหมือนเหล้าชาวตะเครี ยะ)
- 3. ๓.๑๒ ดุงดิ้งเหมือนลิงได้ตุง =สะดีดสะดิ้ง เหมือนกิ้งก่าได้ทอง
้
้
๓.๑๓ เปี ยกเหมือนเ…ดแมว = เปี ยกจนเหลวแฉะ
๓.๑๔ ดุกดิกเหมือนพริ กไม่คาง = ลุกลี้ลุกลน หรื อนังไม่นิ่ง (เหมือนต้นพริ กไม่มีร้าน)
้
่
่
๓.๑๕ ปั ดปั ดเหมือนแม่ไก่รังทัง = เที่ยววุนวายให้คนอื่นรําคาญ (เหมือนแม่ไก่ตว ที่ไข่ไม่เป็ นที่)
ั
๓.๑๖ ช่วยกันเหมือนช่วยจันทร์ = ช่วยเหลือกันทั้งบ้านทั้งเมือง
๓.๑๗ เอือดเหมือนสอบเกลือ = ทําตนเป็ นคนเอือดสิ้ นดี หรื อ เอือดแฉะมาก
๓.๑๘ ขี้คร้านเหมือนเรื อด = ขี้เกียจมาก คอยแต่จะนอนกิน
๓.๑๙ หกเพรื่ อเหมือนเรื ออวน = ทําให้ไหลบ่าไปทัว ทําแบบคนมักง่าย
่
๓.๒๐ เปรี้ ยวเหมือนเยียวแรด = เปรี้ ยวมากจนทานไม่ไหว
่
๓.๒๑ ทําหน้าเหมือนโนราโรงแพ้ = ตีสีหน้าเป็ นคนผิดหวังอย่างยิง
่
๓.๒๒ หน้าแดงเหมือนวานลิงเสน = หน้าแดงมาก
๓.๒๓ เหงียบเหมือนโนราโรงแพ้ = เงียบเหมือนเป่ าสาก
๓.๒๔ พาโล(เสื อก)เหมือนวัวตาจก = ดื้อรั้นมาก
๓.๒๕ รึ งรังเหมือนหนังโคกทราย = รุ งรึ งมาก (เหมือนหนังตลุงมาจากบ้านโคกทราย)
่
่
๓.๒๖ เขรอะเหมือนขี้ไอ้สี = ชอบยุมย่าม ชอบไปยุงเกี่ยวกับเรื่ องคนอื่นเขา
๓.๒๗ ร้อนเหมือนไฟเดือนห้า = ร้อน อบอ้าวแห้งแล้วจัดหรื อร้อนใจมาก
๓.๒๘ ร้ายเหมือนฟ้ าเดือนหก = ดุร้ายน่ากลัวมาก
๔.ภาษิตประเภทคําอ้างอิง
ภาษาประเภทนี้ นาเอาความจริ งมาเปรี ยบเทียบ เช่น ของภาคกลางว่า นํ้ามากปลาไม่ตาย ของภาคใต้เช่น
ํ
๔.๑ ยิงหยุดยิงไกล ยิงไปยิงแค่ = ยิงทํายิงใกล้ผลสําเร็ จ ยิงทิงไว้ก็ยงเสร็ จช้า
ิ่
่
่
่ ่
่ ่
่ ้
๔.๒ คนผิดเสี ยหน้า คนบ้าเสี ยจริ ต = คนที่มีอะไรบกพร่ องย่อมมีรอยพิรุธ
๔.๓ อย่าเอาถ้วยรากับพลก อย่าเอาปากระกับหนามเตย =อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ และอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ ยน
รู ปของภาษิตชาวบ้ าน,คุณค่ าของภาษิตชาวบ้ านปักษ์ ใต้
รู ปของภาษิตชาวบ้าน ภาษิตชาวบ้าน ถ้าจะแบ่งตามรู ป หรื อโครงสร้างของภาษิตตามหลักวิชาคติชาวบ้านแบ่งไว้เป็ น
5 ประเภท
1.พวกมีสัมผัสคล้องจ้อง ได้แก่พวกที่มีสัมผัสสระ เช่น
1.1 อยากมีอย่าคร้าน อยากทํางานอย่าเตินสาย
1.2 รักเมียเสี ยนาย รักควายเสี ยสวน
1.3 ใหญ่พร้าวเฒ่ากอลอ
1.4 พูดค่าศอกออกค่าวา
- 4. 2.พวกมีสัมผัสพยัญชนะ เช่น
2.1 ขิงก็ราข่าก็แรง (ภาษิตภาคกลาง)
2.2 ยุให้รําตําให้รั่ว (ภาษิตภาคกลาง)
3.พวกบุคคลาธิ ษฐานคือผูกเป็ นรู ปขึ้นมา
3.1 ไอ้ยอดทองบ้านาย = คนที่ชอบให้เขาหลอกใช้(ยอดทองคือตัวตลกของหนังตลุ ง)
3.2 แพะรับบาป (ภาษิตภาคกลาง และเป็ นภาษิตใหม่)
3.3 ชักแม่น้ าทั้งห้า (จากวรรณคดีไทยเรื่ องมหาเวสสันดรชาดก)
ํ
3.4 วัดรอยตีน(จากวรรณคดีไทยเรื่ องรามเกียรติ์)
4.พวกสัมผัสเล่นคํา เช่น
4.1 ยามสบายก็ใช้ ยามไข้ก็รักษา
4.2 ทํางานเผือไข้ ตัดไม้เผือสี น = ทําอะไร คิดอะไรต้องเผื่อขาดเผื่อเหลือ
4.3 ถ่อดี ถ่อปั ก ถ่อหัก ถ่อลอย = การทํางานสิ่ งใดถ้าส่ วนช่วยดีก็ดี
4.4 ขวัญข้าวเท่าหัวเรื อ ขวัญเกลือเท่าหัวช้าง = ควรรู ้คุณสิ่ งที่มีคุณ
4.5สุ กก่อนห่าม งามก่อนแต่ง = การทําอะไรข้ามขั้นนั้นไม่ดี
คุณค่ าของภาษิตชาวบ้ านปักษ์ ใต้
ภาษิตชาวบ้านปั กษ์ใต้ นอกจากจะมีคุณค่าในการสั่งสอนอบรม หรื อเตือนสติดงกล่าวมาแล้ว บางบทยังมีคุณค่า
ั
พิเศษออกไปในบางแง่ เช่น
1.ภาษิตที่ช่วยบอกภาวะภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ เช่น
1.1 นครพุงปลา สงขลาผักบุง พัทลุงลอกอ
้
ภาษิตบทนี้สะท้อนให้เห็นว่าจังหวัดทั้งสามนี้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอะไร และยังสะท้อนต่อไปว่าภูมิประเทศ
ของจังหวัดนั้นๆต่างกันอย่างไร คือว่านครศรี ธรรมราชนั้น มีไตปลามาก จนมีภาษิตติดปากว่า"นครพุงปลา" เพราะ
ชาวปากพนังส่ วนใหญ่ทาการประมง ส่ งปลาและไตปลาไปขายยังจังหวัดใกล้เคียง ส่ วนสงขลานั้น มีการปลูกผักบุง
ํ
้
กันมาก ต่างกับพัทลุงซึ่ งอุดมสมบูรณ์ดวยผลไม้จึงว่าพัทลุงลอกอ คือมะละกอมาก เป็ นต้น
้
1.2 สะตอวัดประดู่ พลูคลองยัน ทุเรี ยนหวานมันคลองพระแสง ย่านดินแดงของป่ า เคียนซาถ่านหิ น พุนพินมีท่าข้าม
ลํานํ้าตาปี ไม้แต้วดีเขาประสงค์ กระแดะดงลางสาด สิ่ งประหลาดกิ่งพะนม เงาะอุดมบ้านส้อง จากและคลองในบาง
ท่าฉางต้นตาล บ้านนาสารแร่ ท่าอุเทวัดเก่า อ่าวบ้านดอนปลา ไชยามีขาว มะพร้าวเกาะสมุย
้
ภาษิตชุดนี้ เป็ นภาษิตแสดงถึงสิ นอันมีค่าในท้องที่ต่างๆของจังหวัดสุ ราษฎร์ ธานี สถานที่ต่างๆที่กล่าวถึงคือที่
่ ํ
่ ํ
่ ํ
กล่าวคือ คลองยัน อยูอาเภอท่าขนอน คลองพระแสง อยูอาเภอพระแสง ย่านดินแดง เป็ นตําบลอยูอาเภอพระแสง
่ ํ
่ ํ
เคียนซาเป็ นตําบลอยูอาเภอนาสาร พุนพินเป็ นชื่ ออําเภอเรี ยกกันว่าท่าข้ามเขาประสงค์ อยูอาเภอท่าชนะ มีไม้แต้วซึ่ง
- 5. เป็ นไม้เนื้ อแข็งที่เขานิยมใช้เผาถ่านมาก กะแดะ เป็ นตลาดในอําเภอกาญจนดิษฐ พนม เป็ นกิ่งอําเภอ บ้านส้องเป็ น
่
ตําบล อยูในอําเภอเวียงสระ ในบางเป็ นหมู่บานในอําเภอเมือง ท่าอุแทเป็ นตําบล ในอําเภอกาญจนดิษฐ
้
1.3 พัทลุงมีดอน นครมีท่า ตรังมีนา สงขลามีบ่อ
ภาษิตนี้พดเป็ นคําติดปากกัน แสดงว่า ในจังหวัดพัทลุงนั้นมีบานที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคําว่าดอนมาก เพราะพื้นที่เป็ น
ู
้
ดอนเป็ นเนิน และที่เรี ยกนําว่าควนก็มาก ส่ วนจังหวัดนครมีบานที่ชื่อนําด้วยท่ามากเช่น ท่าศาลา ท่าขนอม ฯลฯ ต่าง
้
กับจังหวัดสงขลามีบานนําด้วยคําว่าบ่อ เช่น บ่อยาง บ่อตรุ ฯลฯ เพราะพื้นที่สงขลามักเป็ นที่ราบตํา ชื่ อบ้านจึงมัก
้
เกี่ยวกับคําว่า นํา เช่น มาบเตย มาบหวาย ปากวะ ปากพูน ปากพน ล้วนแต่แปลว่า นํา ทั้งสิ น ส่ วนจังหวัดตรังชื่ อมัก
เกี่ยวกับนา เช่น นาโยง เป็ นต้น
2.ภาษิตชาวบ้านย่อมเป็ นสิ่ งให้ความรู ้ดานสํานวนภาษา เช่น
้
2.1 สงขลาหอน นครหมา
ภาษิตนี้แสดงให้เห็นว่าชาวสงขลานิยมพูด คําว่า หอน ในความหมายว่า เคย เช่น
ไม่หอนไป = ไม่เคยไป หอนเห็น = เคยเห็น ส่ วนนั้นนิยมพูดคําว่า หมา แทนคําว่า ไม่ เช่นหมากิน = ไม่กิน หมานอน
= ไม่นอน หมารัก = ไม่รัก
่
2.2 ลอยช้อนตามเปี ยก จากภาษิตบทนี้ ได้รู้วาชาวใต้เรี ยกข้าวต้มว่า ข้าวเปี ยก
่
2.3 ปัดปัดเหมือนแม่ไกรังทัง จากภาษิตบทนี้ได้ทราบสํานวนปั กษ์ใต้วา รังทัง หมายถึง ลักษณะที่แม่ไก่ไข่ไม่
เป็ นที่และชวนให้รําคาญใจ
่
3.ภาษิตบางบทสะท้อนให้เห็นชีวตความเป็ นอยูของชาวบ้านในแง่ต่างๆ ซึ่งอาจจะนําไปเป็ นข้อมูลในการ
ิ
ศึกษาศาสตร์ แขนงอื่นๆได้ เช่น
่
3.1 ทําหน้าเหมือนโนราโรงแพ้ บอกให้รู้วาการเล่นมโนรานั้นมีการประชันโรงกันด้วย และโรงใดแพ้ถือว่า เสี ย
ชื่ออย่างยิง จึงวางหน้ายากเพราะอายเขา
่
่
3.2 ร้อนเหมือนไฟเดือนห้า ร้ายเหมือนฟ้ าเดือนหก
ภาษิตบทนี้บอกให้ทราบถึงฤดูกาลของภาคใต้วาเดือนห้า
เป็ นหน้าแล้งส่ วนเดือนหกเป็ นหน้าฝน