More Related Content
More from Nisachol Poljorhor
More from Nisachol Poljorhor (11)
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมและการออกแบบการสอน
- 2. LOGOสถานการณ์ที่ 1 ก.ไก่ในฟาร์ม
• นายปอยฝ้าย เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องการทางานหลังจากที่ตนเองได้จบการศึกษา แต่ไปสมัครงาน
ที่ไหนใครเขาก็ไม่รับเข้าไปทางานสักที่ อยู่มาวันหนึ่ง นายปอยฝ้าย เดินไปเห็นประกาศรับสมัคร
พนักงานในฟาร์มไก่ซีพี ด้วยความที่ต้องการหาเงินอยู่แล้ว
• นายปอยฝ้าย จึงตัดสินใจสมัครเข้าทางานนี้ ผู้จัดการก็มีความยินดีที่จะรับนายปอยฝ้ายเข้าเป็น
พนักงาน และมอบหมายงานให้ ทาหน้าที่ในการให้อาหารไก่ในฟาร์ม นายปอยฝ้ายมีภาระกิจที่ต้อง
ทาหลายอย่าง นอกจากให้อาหารไก่แล้วยังต้องทาความสะอาดโรงเลี้ยง อีกทั้งจานวนไก่มีมากแต่มี
คนงานน้อย
• ดังนั้น นายปอยฝ้าย จึงคิดหาวิธีที่ฝึกนิสัยการกินอาหารไก่ในเวลาที่ กาหนดโดยกระตุ้นให้ไก่รู้สึกหิว
เมื่อได้ยินเสียงเคาะไม้ไผ่จากคนงาน ซึ่งจะทาให้ง่ายต่อการดูแลไก่ที่มีมาก
- 4. LOGOหลักการที่เลือกและนามาใช้ในการวางเงื่อนไขไก่
• ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก (Classical Conditioning Theory) ตามแนวคิดของ
พาฟลอฟ (Pavlov) มีหลักการคือ การเรียนรู้ = สิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข + สิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข
• จะนาหลักการดังกล่าวมาใช้ในการวางเงื่อนไขกับไก่ คือ การให้เงื่อนไขคือเสียงเคาะไม้ไผ่ เพื่อให้ไก่มี
พฤติกรรมตอบสนองที่ต้องการคือให้ไก่มากินอาหารโดยที่ปอบฝ้ายไม่ต้องมาให้อาหารด้วยตนเอง
แต่สามารถให้คนงานคนอื่นเคาะไม้ไผ่เพื่อเป็นสัญญาณบอกเวลาให้อาหารไก่ เมื่อไก่ได้ยินเสียงเคาะไม้
ไผ่ ไก่ก็จะมากินอาหาร
- 7. LOGOสถานการณ์ที่ 2 น้องหนูขี้กลัว
• ลูกของผมตอนนี้กาลังเรียนอยู่ชั้น ป.1 ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง (ขอสงวนนาม) โรงเรียนอยู่ห่าง
จากบ้านไม่ไกลนัก เป็นโรงเรียนที่ผมเคยเรียนสมัยเป็นเด็ก ดังนั้นผมจึงสนิทกับครูทุกคนในโรงเรียน
• ตอนนี้ผมประสบปัญหาเกี่ยวกับตัวของลูกผมอย่างมาก คือ แกกลัวการไปโรงเรียน พอถึงเวลาที่จะไป
โรงเรียนก็ร้องไห้งอแง ไม่ยอมไปโรงเรียน บางทีก็หนีกลับมาก่อนที่โรงเรียนจะเลิกในบางครั้งผมก็
ต้องคอยปลอบหรือไปอยู่ที่โรงเรียนให้แกเห็นถึงจะยอมเรียนโดยดี แต่จะให้ผมไปเฝ้าอยู่ที่โรงเรียนทุก
ครั้ง ไม่ได้หรอกนะครับเพราะผมก็ต้องทางานเหมือนกัน
• ปัญหานี้ผมก็เคยปรึกษากับอาจารย์ประจาชั้นอยู่เหมือนกันแต่ยังหาทางแก้ไม่ได้ ท่านที่เคยมี
ประสบการณ์ กรุณาช่วยให้คาแนะนาด้วยนะครับ
- 9. LOGOทฤษฎีที่นามาใช้ในการแก้ปัญหาและหลักการของทฤษฎี
• ทฤษฎีที่นามาใช้ในการแก้ปัญหานี้ คือ ทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก (Classical
Conditioning Theory) ตามแนวคิดของวัตสัน (Watson) ซึ่งมีหลักการดังนี้
การให้สิ่งเร้าที่ทาให้เกิดการกลัว
• เด็กจะกลัวเสียงดัง แต่ไม่กลัวสัตว์เช่นหนูขาว วัตสันได้ทาการทดลองกับเด็ก คือ เมื่อเด็กจะ
เล่นกับหนูขาว วัตสันก็จะเคาะแผ่นเหล็กเพื่อให้เกิดเสียงดัง โดยทาเช่นนี้อยู่ 7 ครั้งใน 1
สัปดาห์ ผลคือเมื่อเด็กแค่เห็นหนูขาวก็จะเกิดอาการกลัว
การให้สิ่งเร้าที่แก้อาการกลัว
• วัตสันให้แม่ของเด็กอุ้มเด็กไว้ในขณะที่นาหนูขาวมาให้เด็กจับ ตอนแรกเด็กจะร้องไห้เพราะ
กลัว แต่หลังจากที่แม่ปลอบว่าไม่มีอะไรน่ากลัว พร้อมกับจับมือเด็กไปลูบตัวหนูขาว
จนกระทั่งเด็กเลิกกลัวหนูขาวและสามารถเอามือแตะหนูขาวได้
- 12. LOGOสถานการณ์ที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่
• สถานการณ์นี้เกิดขึ้น ณ ห้องเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งครูประจาชั้นเป็นคนเล่าให้ผมฟังเอง ว่า ในห้องเรียนนี้มี
นักเรียนอยู่ 40 คน แต่จะมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ ไม่สนใจการเรียน คอยแต่แกล้งเพื่อน ชอบทาตัวเป็นอันธพาล
นักเรียนกลุ่มนี้มีด้วยกันทั้งหมด 6 คน แต่ละคนล้วนแต่เด็ดๆ ทั้งนั้น มีหัวโจกคือ นายบอย ซึ่งเป็นหัวหน้า
กลุ่ม
• ทุกวันนักเรียนกลุ่มนี้จะชอบจับกลุ่มกันแล้วหาเรื่องก่อกวนเพื่อนๆ แม้แต่บางครั้งครูก็ยังถูกแกล้ง การบ้าน
หรืองานต่าง ๆ ก็ไม่เคยส่ง ถูกเรียกไปพบครูฝ่ายปกครองบ่อยครั้งแต่พฤติกรรมยังไม่เปลี่ยนแปลง จนเป็นที่
หนักใจของครูทุกคน เด็กกลุ่มนี้ถึงแม้จะดื้อแต่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และทุกคนยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียน
อีกด้วย
• ครูใหญ่ได้ยินกิตติศัพท์ของนักเรียนกลุ่มนี้ จึงหาทางแก้ไขโดยการลงโทษ ด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเมื่อ
นักเรียนกลุ่มนี้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและครูใหญ่จะให้นายบอยพาเพื่อนไปบาเพ็ญประโยชน์ต่อโรงเรียน
เช่น ปลูกต้นไม้ เก็บเศษกระดาษ เป็นต้น เมื่อถึงเวลาประกอบกิจกรรมหน้าเสาธง ครูใหญ่ก็จะกล่าวชมเชยต่อ
หน้าครู และเพื่อน ๆ หรือบางทีก็จะให้รางวัล เพื่อเป็นการประกาศความดี ไม่นานพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็ก
กลุ่มนี้ก็หายไป
- 15. LOGOหลักในทฤษฎีที่มาใช้แก้ปัญหา
• ใช้หลักในทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทา (Operant Conditioning Theory) ตามแนวคิดของส
กินเนอร์ (Skinner) มาแก้ปัญหา
• ยกตัวอย่าง
ครูใหญ่ต้องมีการเสริมแรงทางบวกให้กับกลุ่มนักเรียน 6 คน เพื่อให้เกิดการปรับพฤติกรรมที่คงทนและอาจให้
แรงเสริม คือ เมื่อผู้เรียนทาตามกติกาในชั้นเรียน เช่น ถ้านักเรียนกลุ่มนี้ทางานส่งทันเวลา จะปล่อยให้ออกไป
เล่นหรือพักผ่อนก่อนเวลา โดยให้แรงเสริมอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ผู้เรียนมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ จากนั้นค่อย
ให้แรงเสริมเป็นครั้งคราว และครูใหญ่ต้องไม่ให้แรงเสริมเมื่อผู้เรียนแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาออกมา เช่น
ไม่ทากติกาที่ตกลงไว้ หรือ ถ้าผู้เรียนยังไม่เกิดพฤติกรรมที่น่าพอใจครูใหญ่อาจ ให้แรงเสริมเพื่อให้เกิด
พฤติกรรมที่นักเรียนทาได้ใกล้เคียงได้ เช่น กิจกรรมมี 10 ข้อ ปกติผู้เรียนกลุ่มนี้จะไม่ทาเลย ครูใหญ่อาจ
กาหนดให้กรณีพิเศษ ถ้าทาได้อย่างน้อย 5 ข้อจาก10 ข้อจะได้รับแรงเสริม เป็นคะแนนพิเศษสะสม ถ้าทาได้เต็ม
จานวนก็จะยิ่งได้คะแนนสะสมเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจเพราะ ตนเองมีสิทธิ์ทากิจกรรมน้อยกว่า
เพื่อน แต่มีโอกาส สะสมคะแนนได้ เมื่อผู้เรียนเริ่มมีการปรับพฤติกรรมได้ ครูใหญ่จึงค่อยๆลดการชี้แนะลง และ
ลดแรงเสริมดังกล่าวลง เมื่อผู้เรียนกระทาได้แล้วและผู้เรียนเริ่มแสดงว่ามีความพอใจในการส่งงานหรือทา
กิจกรรมตามกติกาข้อตกลง ซึ่งเป็นแรงเสริมด้วยตนเองจากการทางานนั้นได้
- 16. LOGOสถานการณ์ที่ 4 ทาความสะอาด
• ในชั่วโมงเรียนวิชา ก.พ.อ. ของนักเรียนชั้น ป.3 ครูต้องการสอนเรื่องการทาความสะอาดบ้านเรือน จึงให้นักเรียนไปทา
ความสะอาดห้องพักครูสัปดาห์ละครั้งโดยที่ครูไม่ได้บอกวิธีการ แต่ครูมีเงื่อนไขว่าจะให้คะแนนเมื่อนักเรียนทาความ
สะอาดห้องได้สะอาดและทันเวลาที่กาหนด พบว่า
• ครั้งแรก นักเรียนต่างคนต่างปัดกวาด เช็ดถู ไปตามเรื่องและแต่ใครจะทาอะไร ปรากฎว่ายังไม่ค่อยสะอาด และใช้เวลา
มากทั้งยังอลหม่าน ฝุ่นฟุ้งกระจายไปหมด ในระหว่างที่นักเรียนกาลังทาความสะอาดอยู่นั้น ครูก็คอยสังเกตพฤติกรรม
ของนักเรียนปรากฎว่า นักเรียนต่างคนต่างทา ในขณะที่คนหนึ่งกาลังปัดหยากไย่บนเพดานอยู่ นักเรียนอีกกลุ่มถูพื้น
ไปพร้อมๆ ทาให้ไม่สะอาดสักที
• ครั้งที่สอง จากที่นักเรียนได้ลองทาในครั้งแรก ปรากฎว่าไม่สะอาดและไม่ทันเวลาตามที่กาหนด ในครั้งนี้นักเรียนเริ่มมี
การตกลงกัน ว่า ลองเปลี่ยนวิธีทาความสะอาดใหม่ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ และมีการลาดับขั้นตอนการ
ทางานโดยเริ่มปัดฝุ่นจากเพดานก่อน แล้วจึงทาความสะอาดพื้นห้อง ผลปรากฏว่า นักเรียนสามารถทาความสะอาด
ห้องได้เร็วขึ้น และสะอาดเรียบร้อยกว่าเดิม
• ครั้งที่สาม นักเรียนพึงพอใจกับผลงานที่ทาในครั้งที่ 2 ครั้งต่อๆมา นักเรียนก็เลือกวิธีดังกล่าว แต่ในครั้งนี้ผลปรากฏ
ว่า ทาได้รวดเร็วและสะอาดกว่าเดิม นอกจากนี้แล้วเมื่อได้รับมอบหมายจากครูให้ทาความสะอาดสถานที่อื่นๆ นักเรียน
ก็สามารถทาได้เป็นอย่างดี
- 17. LOGOสถานการณ์อยู่ในขอบข่ายของทฤษฎีใด
• สถานการณ์นี้อยู่ในขอบข่ายของทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทา (Operant
Conditioning Theory) ตามแนวคิดของธอร์นไดค์ (Thorndike) เพราะว่าการเรียนรู้เกิดจากการ
เชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยน
ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้
แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียวและจะพยายามใช้รูปแบบนั้น
เชื่อมโยงกับสิ่งเร้าในการเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จาก การทาความสะอาดรอบแรกของ
นักเรียนโดยที่นักเรียนไม่ได้วางแผนแล้วการทาความสะอาดห้องเรียนนั้นไม่สะอาด และครั้งที่สอง
นักเรียนมีการวางแผงทาข้อตกลงจนห้องเรียนนั้นสะอาด และครั้งที่สามนักเรียนสามารถทาความ
สะอาดได้เรียบร้อยและทันเวลาที่กาหนด
- 19. LOGOสถานการณ์ที่ 5 ปัญหาเด็กเรียนซ้า
• ผมชื่อ บุญชู เป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ ผมมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนักเรียนของผม คือ ห้องที่ผม
รับผิดชอบนั้นเป็นห้องที่เรียกได้ว่า สอนยากที่สุด นักเรียนมีปัญหาทุกรูปแบบ เป็นเด็กที่หัวช้าเรียน
อ่อนเกือบจะทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ของผมยิ่งแล้วใหญ่ บางคนติด 0 ตั้งแต่ ชั้น ม.1จนถึง
ม.3 ยังแก้ไม่ครบ
• พฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ในชั้นเรียนก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน เวลาสงสัยก็ไม่กล้าถามครู แม้แต่เพื่อนที่เรียน
ด้วยกันก็ไม่กล้าถาม เพราะกลัวเพื่อนว่า กลัวเสียหน้า กลัวว่าครูจะไม่พอใจ จากปัญหาการเรียนอ่อน
ดังกล่าวของเด็กทาให้ตัวผมเองต้องสอนซ้าๆ หลายๆ ครั้ง จนบางครั้งก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกัน