More Related Content
Similar to จิตวิทยาการเรียนรู้1
Similar to จิตวิทยาการเรียนรู้1 (20)
จิตวิทยาการเรียนรู้1
- 14. 2. การใช้พฤติกรรมบาบัด เช่น การสอนให้เด็กขยันทา
การบ้าน โดยเขียนรายชื่อผู้ส่งการบ้านไว้บนบอร์ดให้ บุคคล
อื่นมองเห็นเพื่อเป็นการยกย่องชมเชย
3. การใช้กฎการเรียนรู้ทั้ง 2 กฎ คือ การเสริมแรงทันทีทันใด
เช่น เมื่อผู้เรียนตอบคาถามถูกให้กล่าวชมยกย่อง ชมเชย ให้
รางวัล ในทันที และการเสริมแรงเป็นครั้งคราว เช่นการสะสม
แต้ม เพื่อแลกของรางวัล หรือ ให้ รางวัลสาหรับผู้ที่ตั้งใจ
เรียน ส่งงานสม่าเสมอตลอดระยะเวลา 1 เดือน เป็นต้น
- 16. การเสริมแรงทางบวก เช่น การให้รางวัล
การเสริมแรงทางลบ เช่น การลงโทษ
โดยแยกวิธีการเสริมแรงออกเป็น 2 วิธี
1. การให้การเสริมแรงทุกครั้งเมื่อเกิดพฤติกรรม
2. การให้การเสริมแรงเป็นครั้งคราวเมื่อเกิด
พฤติกรรม
- 18. จากการทดลองของสกินเนอร์ สามารถสรุปได้ดังนี้
1. การกระทาใด ๆ ถ้าได้รับการเสริมแรง จะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
อีก ส่วนการกระทาที่ไม่มีการเสริมแรง แนวโน้มของการ
กระทาจะลดลงหรือหายไปในที่สุด
2 .การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยน ทาให้การตอบสนองคงทน กว่าการ
เสริมแรงที่ตายตัว
3. การลงโทษทาให้เรียนรู้ได้เร็ว และลืมเร็ว
4. การให้แรงเสริมหรือให้รางวัล เมื่อผู้เรียนกระทาพฤติกรรมที
ต้องการ สามารถช่วยปรับหรือปลูกฝังนิสัยที่ต้องการได้
- 21. ทฤษฎีของแบนดูรา
Albert Bandura (1962 - 1986)
ทฤษฎีปัญญาสังคมเน้นหลักการเรียนรู้โดยการ
สังเกต (Observational Learning) เกิดจากการที่บุคคล
สังเกตการกระทาของผู้อื่นแล้วพยายามเลียนแบบ
พฤติกรรมนั้ น ซึ่ งเป็ นการเรี ยนรู้ที่เกิดขึ้นใน
สภาพแวดล้อมทางสังคมเราสามารถพบได้ใน
ชีวิตประจาวัน
- 25. โดยจาแนกเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาออกเป็น 3 ด้าน คือ
1. ด้านพุทธพิสัย เป็นพฤติกรรมด้านสมอง ปัญญา ความคิด
ความสามารถในการคิด เรื่องราวต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ด้านจิตพิสัย หรือ พฤติกรรมด้านจิตใจ เกิดจากค่านิยม ความรู้สึก
ความซาบซึ้ง ทัศนคติ ความเชื่อ
3. ด้านทักษะพิสัย บ่งบอกเป็นความสามารถในการปฏิบัติงานได้
อย่างคล่องแคล่ว ชานิชานาญ
- 30. ทฤษฎีของเกสตัลท์
ทฤษฎีของเกสตัลท์
กลุ่มเกสตัลท์ได้แก่ เวอร์ไธเมอร์ คอฟกา เลอวิน โคเลอร์
การเรียนรู้ของกลุ่มเกสตัลท์ เน้นที่ส่วนรวมมากกว่าส่วนย่อย
เกิดขึ้นได้2 ลักษณะ
1. การรับรู้ การแปลความหมายจากการสัมผัส ด้วยอวัยวะ
สัมผัส 5 ส่วน หู ตา จมูก ลิ้น กาย
2. การหยั่งเห็น การเกิดความคิดขึ้นมาทันทีทันใดในขณะ
ประสบปัญหาโดยการมองเห็นปัญหาตั้งแต่เริ่มแรกจน
แก้ปัญหาได้
- 32. การทดลองของเกสตัลท์
เขาได้นาลิงตัวหนึ่ง ชื่อ สุลต่าน มาอดอาหารจนหิว
จัด แล้วนาไปขังไว้ในกรง แขวนกล้วยหวีหนึ่งไว้
ในที่สูงในกรง ในระดับที่ลิง ไม่สามารถเอื้อมถึง
แล้ว นาไม้3 กล่อง ไว้ในกรงด้วย กะว่าเมื่อนากล่อง
ไม้3 กล่อง มาตั้ง ต่อๆ กัน ลิงก็สามารถหยิบกล้วย
ได้
- 36. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา ของเพียเจย์
ทฤษฎีปัญญานิยม ของเพียเจต์ พัฒนาการทางสติปัญญา
ของบุคคลเป็นไปตามวัยต่างๆ เป็นลาดับขั้น ดังนี้
1. ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว เริ่มตั้งแต่เกิด ถึง
2 ปี
2. ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด เริ่มตั้งแต่อายุ 2 ปี ถึง 7 ปี
แบ่งเป็น 2 ขั้นย่อย
- ขั้นก่อนเกิดสังกัป เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2 – 4 ปี
- ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล
- 37. 3. ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม เริ่มตั้งแต่อายุ 7 ปี ถึง 11 ปี
พัฒนาการทางด้านสติปัญญา และความคิดของเด็กวัยนี้
สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อม
ออกเป็นหมวดหมู่ได้
4. ขั้นปฏิบัติการคิดด้านนามธรรม เริ่มจากอายุ 11 – 15 ปี ใน
ขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญา และความคิดของเด็กวัยนี้เป็น
ขั้นสุดยอด
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา ของเพียเจย์ (ต่อ)
- 38. การนาไปใช้ในการจัดการศึกษา / การสอน
1. นักเรียนที่มีอายุเท่ากันอาจมีขั้นพัฒนาการทา
สติปัญญาที่แตกต่างกัน
2. ประสบการณ์ทางกายภาพ
3. หลักสูตรที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานทฤษฎีของ
พัฒนาการทางสติปัญญา
4.การสอนที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาของ
ผู้เรียน
5.ในขั้นประเมินผล ควรดาเนินการสอนโดยมีการ
ทดสอบแบบการให้เหตุผล
- 39. ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา ของวีก็อทสกี้
วีก็อทสกี้ได้แบ่งระดับเชาว์ปัญญาของเป็น 2 ขั้น คือ
1. เชาว์ปัญญาขั้นเบื้องต้น คือ เชาว์ปัญญามูลฐานตาม
ธรรมชาติโดยไม่ต้องเรียนรู้
2. เชาว์ปัญญาสูง คือ เชาวน์ปัญญาที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์
กับผู้ใหญ่ที่ให้การอบรมเลี้ยงดู ถ่ายทอดวัฒนธรรมได้ โดยใช้
ภาษา แบ่งพัฒนาการทางภาษาเป็น 3 ขั้น
2.1 ภาษาที่ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เรียกว่า
ภาษาสังคม
2.2 ภาษาที่พูดกับตนเอง ช่วงอายุ 3 – 7 ขวบ
2.3 ภาษาที่พูดในใจเฉพาะตน 7 ขวบขึ้นไป
- 43. การนาทฤษฎีมาประยุกต์ใช้
1. ให้ความสาคัญกับความรู้สึก คือ ในการเรียนการสอนไม่ควร
มุ่งเน้นความรู้ของผู้เรียนอย่างเดียว แต่ควรคานึงถึงความรู้สึกของ
ผู้เรียนควบคู่ไปด้วย เช่น ใช้วิธีสอนที่ส่งเสริมด้านความรู้สึกให้
ผู้เรียนมีโอกาสแสดงความรู้สึกนึกคิด
2. ใช้หลักการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ เช่น การค้นคว้าหาความรู้ด้วย
ตนเอง มีเสรีภาพที่จะคิดและปฏิบัติด้วยตนเอง
- 49. อ้างอิง
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ . (2553).การจัดการเรียนรู้แนวใหม่ .นนทบุรี :
บริษัท สหมิตรพริ้งติ้งแอนด์พับลิสชิ่ง จากัด
ทิศนา แขมมณี.(2553). การสอนจิตวิทยาการเรียนรู้ เรื่อง
ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้
ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรางค์ โคว้ตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา, กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2545
- 50. แหล่งที่มา
ทิศนา แขมมณี. 2554. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อ
การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ :
สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
http://www.novabizz.com/NovaAce/Learning/Learning_C
onstructivism.htm เข้าถึงเมื่อ วันที่ 8 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.
2555
-www.krukird.com/Jita06.doc
https://sites.google.com/site/anansak2554/thvsdi-kar-
reiyn-ru-khx-ngblum
- พรรณี ชูทัย.(2522).จิตวิทยาการเรียนการสอน.