SlideShare a Scribd company logo
1
มหาวาณิชชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. มหาวาณิชชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๙๓)
ว่าด้วยพ่อค้าใหญ่
(พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาตรัสว่า)
[๑๘๐] พ่อค้าทั้งหลายจากแคว้นต่างๆ มาประชุมกันที่กรุงพาราณสี
ตั้งพ่อค้าที่มีปัญญาดีกว่าคนหนึ่งให้เป็ นหัวหน้า พากันนาทรัพย์กลับ
[๑๘๑] พ่อค้าเหล่านั้นมาถึงถิ่นกันดารที่มีภักษาน้อย ไม่มีน้า
ได้พบต้นไทรใหญ่ มีร่มเงาเย็นสบาย น่ารื่นรมย์
[๑๘๒] ก็พ่อค้าเหล่านั้นพากันนั่งที่ร่มเงาต้นไทรนั้นนั่นเอง
พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า
[๑๘๓] ต้นไม้ต้นนี้สดชื่น ราวกับมีน้าซับซึมอยู่
ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านตะวันออกเถิด
[๑๘๔] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้วก็หลั่งน้าใส ไม่ขุ่น
พ่อค้าเหล่านั้นพากันอาบและดื่มกินตามที่ต้องการ ณ กิ่งไม้นั้น
[๑๘๕] ครั้งที่ ๒ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านทิศใต้เถิด
[๑๘๖] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้วก็หลั่งข้าวสาลี เนื้อ ข้าวสุก
ขนมกุมมาสซึ่งมีสีเหมือนข้าวปายาสที่มีน้าน้อย แกงอ่อม
และกับมีแกงถั่วเป็นต้นออกมามากมาย
[๑๘๗] พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันบริโภค เคี้ยวกินตามที่ต้องการ ณ
กิ่งไม้นั้น ครั้งที่ ๓ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้า พากันตัดกิ่งด้านทิศตะวันตกเถิด
[๑๘๘] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว
ก็หลั่งเหล่านารีมีเครื่องประดับพร้อมมูล เสื้อผ้าอาภรณ์งามวิจิตร ใส่ต่างหูแก้วมณี
[๑๘๙] ก็พ่อค้าแต่ละคนมีนารีนางหนึ่ง ส่วนหัวหน้ากองเกวียนมีนารี
๒๕ นาง แวดล้อมอยู่รอบข้างที่ร่มเงาต้นไทรนั้น
[๑๙๐] พวกพ่อค้าเหล่านั้นมีเหล่านารีแวดล้อมตามที่ต้องการ ครั้งที่ ๔
พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านทิศเหนือเถิด
[๑๙๑] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว ก็หลั่งแก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ เงิน ทอง
เครื่องลาดหลังช้าง และเครื่องปูลาดที่ทาด้วยขนแกะ
[๑๙๒] ผ้าแคว้นกาสีและผ้ากัมพลชื่ออุททิยะออกมาเป็นจานวนมาก
พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันขนบรรทุกเกวียนเหล่านั้นตามที่ต้องการ
2
[๑๙๓] ครั้งที่ ๕ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราช่วยกันตัดโคนต้นไทรนั้นเถิด บางทีจะได้ยิ่งกว่านี้
[๑๙๔] ทันใดนั้น หัวหน้ากองเกวียนได้ลุกขึ้นประคองอัญชลี ขอร้องว่า
พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ
ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด
[๑๙๕] กิ่งด้านทิศตะวันออกให้น้าอาบ กิ่งด้านทิศใต้ให้ข้าวและน้าดื่ม
กิ่งด้านทิศตะวันตกให้เหล่านารี
ส่วนกิ่งด้านทิศเหนือให้ทรัพย์ที่น่าปลื้มใจทุกอย่าง พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย
ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด
[๑๙๖] บุคคลนั่งก็ตาม นอนก็ตามที่ร่มเงาต้นไม้ใด
ไม่ควรหักรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะว่าคนประทุษร้ายมิตรเป็ นคนเลวทราม
[๑๙๗] แต่พวกพ่อค้าเหล่านั้นจานวนมาก
ไม่เชื่อฟังคาของนายกองเกวียนผู้เดียวนั้น
ใช้ขวานอันคมกริบตัดต้นไทรนั้นตั้งแต่โคนต้น
[๑๙๘] พวกนาคก็ออกมาจากต้นไทรนั้นสวมเกราะ ๒๕ ตน ถือธนู ๓๐๐
ตน และถือโล่หนัง ๖,๐๐๐ ตน
(พญานาคกล่าวสั่งว่า)
[๑๙๙] พวกเจ้าจงฆ่า จงมัดพวกพ่อค้าเหล่านี้
อย่าได้ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว
พวกเจ้าจงทาพวกพ่อค้าเหล่านั้นทั้งหมดให้เป็นผงธุลี
เว้นไว้แต่นายกองเกวียนเท่านั้น
(พระศาสดาทรงทราบแล้วตรัส ๒ คาถาโอวาทว่า)
[๒๐๐] เพราะเหตุนั้นแล คนฉลาดพิจารณาเห็นประโยชน์ของตน
ไม่พึงตกไปสู่อานาจแห่งความโลภ พึงกาจัดใจที่เป็นศัตรูภายในเสีย
[๒๐๑] ผู้เห็นภัยรู้โทษอย่างนี้ว่า ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่ยึดมั่น มีสติ ดาเนินชีวิตอยู่
มหาวาณิชชาดกที่ ๑๐ จบ
-------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
มหาวาณิชชาดก
ว่าด้วย โลภมากจนตัวตาย
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงพระปรารภพวกพ่อค้าชาวพระนครสาวัตถี ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
เรื่องมีว่า พ่อค้าเหล่านั้นเมื่อจะไปค้าขาย ถวายมหาทานแด่พระศาสดา
ดารงมั่นในสรณะและศีล กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
3
ถ้าพวกข้าพระองค์จักไม่มีโรคกลับมาได้
จักขอบังคมพระบาทยุคลของพระองค์อีกพระเจ้าข้า ออกเดินทางไปกับเกวียน
๕๐๐ เล่ม ถึงแดนกันดาร กาหนดหนทางไม่ได้
เลยพากันหลงทางท่องเที่ยวไปในป่า ขาดน้าขาดอาหาร
เห็นต้นไทรซึ่งนาคยึดครองต้นหนึ่ง ก็ชวนกันปลดเกวียน นั่งที่โคนต้น.
พวกนั้นเห็นไทรใบเขียวชอุ่ม ประหนึ่งตะไคร้น้า
กิ่งไทรเล่าก็เป็นเหมือนอิ่มด้วยน้า จึงคิดกันว่า
ในต้นไม้นี้ปรากฏเหมือนมีน้าเอิบอาบ
พวกเราตัดกิ่งตะวันออกของต้นไม้นี้เถอะเพื่อจะหลั่งน้าดื่มให้ได้
ครั้นแล้วคนหนึ่งก็ขึ้นสู่ต้นไม้ตัดกิ่งขาด ท่อน้าขนาดลาตาลไหลพรั่ง
พวกนั้นพากันอาบพากันดื่ม ณ ที่นั้น แล้วพากันตัดกิ่งทางใต้
โภชนะมีรสเลิศต่างๆ พรั่งพรูออกจากนั้น พากันบริโภค แล้วตัดกิ่งตะวันตก
เหล่าสตรีผู้ตกแต่งร่างกายแล้ว พากันออกมาจากกิ่งนั้น
พากันอภิรมย์กับหมู่สตรีนั้น แล้วตัดกิ่งทางเหนือ แก้ว ๗
ประการหลั่งไหลออกจากกิ่งนั้น พากันเก็บแก้วเหล่านั้นบรรทุกเต็มเกวียนทั้ง
๕๐๐ เล่ม
กลับมาสู่พระนครสาวัตถี เก็บงาทรัพย์แล้ว
ชวนกันถือของหอมและมาลาเป็ นต้นไปสู่พระมหาวิหารเชตวัน
ถวายบังคมพระศาสดา บูชาแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ฟังธรรมกถาแล้ว
ทูลนิมนต์ถวายมหาทาน ในวันรุ่งขึ้นพากันให้ส่วนบุญว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
พวกข้าพระองค์ขอให้ส่วนบุญในทานครั้งนี้
แก่รุกขเทวดาผู้ให้ทรัพย์แก่พวกข้าพระองค์ พระเจ้าข้า.
พระศาสดาทรงฉันเสร็จ ตรัสถามว่า
พวกเธอให้ส่วนบุญแก่รุกขเทวดาองค์ไหน.
พวกพ่อค้าพากันกราบทูลเหตุที่พวกตนได้ทรัพย์ในต้นไทรแด่พระตถ
าคต.
พระศาสดาตรัสว่า พวกเธอมิได้ลุอานาจตัณหา เพราะเป็นผู้รู้จักประม
าณดอกนะจึงได้ทรัพย์ แต่ในครั้งก่อน พวกที่ลุอานาจตัณหา
เพราะไม่รู้จักประมาณ พากันละทิ้งเสียทั้งทรัพย์และชีวิต
พ่อค้าเหล่านั้นพากันกราบทูลอาราธนา ทรงนาอดีตนิทานมา
ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล ทางกันดารนั้นเอง ต้นไทรก็ต้นนั้นแหละ
แต่เมืองเป็นพระนครพาราณสี พ่อค้าพ่อค้าหลงทางพบต้นไทรนั้นเหมือนกัน.
พระศาสดาตรัสรู้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงข้อความนั้น
จึงตรัสพระคาถาทั้งหลายว่า
4
พวกพ่อค้าพากันมาจากรัฐต่าง ๆ
กระทาการประชุมกันในเมืองพาราณสี ตั้งพ่อค้าคนหนึ่งให้เป็ นหัวหน้า
แล้วพากันขนเอาทรัพย์กลับไป พ่อค้าเหล่านั้นมาถึงแดนกันดาร ไม่มีอาหาร
ไม่มีน้า ได้เห็นต้นไทรใหญ่มีร่มเงาเย็นสบาย น่ารื่นรมย์ใจ
ก็พากันไปนั่งพักที่ร่มต้นไทรนั้น
พ่อค้าทั้งหลายเป็นคนโง่เขลาถูกโมหะครอบงา คิดร่วมกันว่า
ไม้ต้นนี้บางทีจะมีน้าไหลซึมอยู่
เชิญพวกเราเหล่าพ่อค้ามาช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศตะวันออกแห่งต้นไม้นั้นดูทีเถิด
พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก น้าใสไม่ขุ่นมัวไหลออกมา
พ่อค้าเหล่านั้นก็พากันอาบและดื่ม ที่สายน้านั้นจนสมปรารถนา
พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดกันเป็นครั้งที่ ๒ ว่า
ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่ง ข้างทิศใต้แห่งต้นไม้นั้นอีกเถิด
พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก ข้าวสาลี เนื้อสุก ขนมถั่ว
ซึ่งมีสีเหมือนข้าวปราศจากน้าแกงอ่อม ปลาดุก ก็ไหลออกมามากมาย
พ่อค้าเหล่านั้นพากันบริโภคเคี้ยวกินจนสมปรารถนา
พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดเป็นครั้งที่ ๓ ว่า
ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศตะวันตก แห่งต้นไม้นั้นอีกเถิด
พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก เหล่านารีแต่งตัวงามสมส่วน
มีผ้าและเครื่องอาภรณ์อันวิจิตร ใส่ต่างหูแก้วมณี พากันออกมา
นารีทั้งหลายต่างแยกกันบาเรอพ่อค้าคนละนาง นารี ๒๕
นางต่างก็แวดล้อมพ่อค้าผู้เป็นหัวหน้าอยู่โดยรอบ ที่ร่มแห่งต้นไทรนั้น
พ่อค้าเหล่านั้น แวดล้อมด้วยนารีเหล่านั้นจนสมปรารถนา
พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดเป็นครั้งที่ ๔ ว่า
ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศเหนือ แห่งต้นไม้อีกเถิด
พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก แก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ เงิน ทอง เครื่องประดับ
เครื่องปูลาด ผ้ากาสิกพัสตร์และผ้ากัมพลชื่ออุทธิยะ ก็พรั่งพรูออกมาเป็นอันมาก
พ่อค้าเหล่านั้นพากันขนบรรทุกใส่ในเกวียนเหล่านั้นจนสมปรารถนา
พ่อค้าเหล่านั้นเป็ นคนโง่เขลาถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดกันเป็นครั้งที่ ๕
ว่า ขอให้พวกเราช่วยกันตัดโคนต้นไม้นั้นเสียทีเดียว
บางทีจะได้ของมากไปกว่านี้อีก ทันใดนั้น นายกองเกวียนจึงลุกขึ้น
ประคองอัญชลีร้องขอว่า
ดูก่อนพ่อค้าทั้งหลาย ต้นไทรทาผิดอะไรหรือ(จึงพากันทาร้าย)
ขอให้ท่านจงมีความเจริญเถิด
ดูก่อนพ่อค้าทั้งหลาย กิ่งทางทิศตะวันออกก็ให้น้า
กิ่งทางทิศใต้ก็ให้ข้าวและน้า กิ่งทางทิศตะวันตกก็ให้นารี
5
กิ่งทางทิศเหนือก็ให้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่าง ต้นไทรทาผิดอะไรหรือ
(จึงพากันจะทาร้าย) ขอให้ท่านจงมีความเจริญเถิด
บุคคลพึงนั่งหรือนอน ที่ร่มเงาแห่งต้นไม้ใด
ก็ไม่ควรหักรานก้านแห่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็ นคนเลวทราม
แต่พ่อค้าเหล่านั้นมากด้วยกันไม่เชื่อถือคาของนายกองเกวียนผู้เดียว
ต่างก็ถือขวานที่ลับแล้ว พากันเข้าไปหมายจะตัดต้นไทรนั้นที่โคน.
ครั้งนั้น
พญานาคเห็นพ่อค้าเหล่านั้นพากันเข้าไปใกล้ต้นไม้เพื่อที่จะตัด ดาริว่า
เราบันดาลน้าดื่มแก่พวกนี้ผู้กาลังกระหาย จากนั้นให้โภชนะอันเป็นทิพย์
มิหนาซ้ายังให้ที่นอนและนางบาเรอแก่เขา จากนั้นเล่ายังให้รัตนะเต็ม ๕๐๐
เล่มเกวียน แต่ว่าบัดนี้พวกนี้พูดกันว่า จักตัดต้นไม้เสียทั้งโคนเลย
ละโมบเหลือเกิน ควรที่เราจะฆ่าเสียให้หมดเว้นแต่นายกองเกวียน.
พญานาคนั้นจึงตระเตรียมเสนาสั่งว่า
ทหารหุ้มเกราะจานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป
ทหารแม่นธนูจานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป
ทหารโล่จานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป.
พระศาสดาเมื่อทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
ต่อจากนั้น นาคทั้งหลายก็พากันออกไป พวกสวมเกราะ ๒๕
พวกถือธนู ๓๐๐ พวกถือโล่ ๖,๐๐๐ นาย.
ท่านทั้งหลายจงจับพวกนี้มัดฆ่าเสีย อย่าไว้ชีวิตเลย
เว้นไว้แต่นายกองเกวียนเท่านั้น นอกนั้นจงสังหารมันทุกคนให้เป็นภัสมธุลีไป.
นี้เป็ นคาถาที่พญานาคกล่าว.
นาคทั้งหลายกระทาตามนั้น แล้วขนเอาสิ่งของมีเครื่องปูลาดชนิดดีๆ เ
ป็นต้น บรรทุกเกวียน ๕๐๐ เล่ม
ชวนนายกองเกวียนพากันขับเกวียนเหล่านั้นด้วยตนเองไปสู่กรุงพาราณสี
เก็บทรัพย์ทั้งปวงไว้ในกองเกวียนของท่านแล้ว
ชวนกันอาลาท่านไปสู่นาคพิภพของตนดังเดิม.
พระศาสดาทรงทราบเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาสุดท้ายว่า
เพราะเหตุนั้นแหละ บุรุษผู้เป็ นบัณฑิต
เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ของตน ไม่ควรลุอานาจแห่งความโลภ
พึงกาจัดใจอันประกอบด้วยความโลภเสีย ภิกษุรู้โทษอย่างนี้
และรู้ตัณหาว่าเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์ พึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีความถือมั่น
พึงเป็นผู้มีสติละเว้นโดยรอบเถิด.
พระศาสดาทรงถือเอายอดเทศนาด้วยพระอรหัต.
ก็และครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า
6
ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย พวกพ่อค้าที่ลุอานาจความโลภ
พากันถึงความพินาศใหญ่หลวงในปางก่อนอย่างนี้ เหตุนั้น
พึงเป็นผู้ไม่ลุอานาจความโลภทั่วกัน
ตรัสประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะ
พ่อค้าเหล่านั้นพากันดารงในโสดาปัตติผล
แล้วทรงประชุมชาดกว่า
พญานาคในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร
ส่วนนายกองเกวียนได้มาเป็น เราตถาคต แล.
จบอรรถกถามหาวาณิชชาดกที่ ๑๐
-----------------------------------------------------

More Related Content

More from maruay songtanin

530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

493 มหาวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 มหาวาณิชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๐. มหาวาณิชชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๙๓) ว่าด้วยพ่อค้าใหญ่ (พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาตรัสว่า) [๑๘๐] พ่อค้าทั้งหลายจากแคว้นต่างๆ มาประชุมกันที่กรุงพาราณสี ตั้งพ่อค้าที่มีปัญญาดีกว่าคนหนึ่งให้เป็ นหัวหน้า พากันนาทรัพย์กลับ [๑๘๑] พ่อค้าเหล่านั้นมาถึงถิ่นกันดารที่มีภักษาน้อย ไม่มีน้า ได้พบต้นไทรใหญ่ มีร่มเงาเย็นสบาย น่ารื่นรมย์ [๑๘๒] ก็พ่อค้าเหล่านั้นพากันนั่งที่ร่มเงาต้นไทรนั้นนั่นเอง พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า [๑๘๓] ต้นไม้ต้นนี้สดชื่น ราวกับมีน้าซับซึมอยู่ ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านตะวันออกเถิด [๑๘๔] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้วก็หลั่งน้าใส ไม่ขุ่น พ่อค้าเหล่านั้นพากันอาบและดื่มกินตามที่ต้องการ ณ กิ่งไม้นั้น [๑๘๕] ครั้งที่ ๒ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านทิศใต้เถิด [๑๘๖] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้วก็หลั่งข้าวสาลี เนื้อ ข้าวสุก ขนมกุมมาสซึ่งมีสีเหมือนข้าวปายาสที่มีน้าน้อย แกงอ่อม และกับมีแกงถั่วเป็นต้นออกมามากมาย [๑๘๗] พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันบริโภค เคี้ยวกินตามที่ต้องการ ณ กิ่งไม้นั้น ครั้งที่ ๓ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้า พากันตัดกิ่งด้านทิศตะวันตกเถิด [๑๘๘] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว ก็หลั่งเหล่านารีมีเครื่องประดับพร้อมมูล เสื้อผ้าอาภรณ์งามวิจิตร ใส่ต่างหูแก้วมณี [๑๘๙] ก็พ่อค้าแต่ละคนมีนารีนางหนึ่ง ส่วนหัวหน้ากองเกวียนมีนารี ๒๕ นาง แวดล้อมอยู่รอบข้างที่ร่มเงาต้นไทรนั้น [๑๙๐] พวกพ่อค้าเหล่านั้นมีเหล่านารีแวดล้อมตามที่ต้องการ ครั้งที่ ๔ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านทิศเหนือเถิด [๑๙๑] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว ก็หลั่งแก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ เงิน ทอง เครื่องลาดหลังช้าง และเครื่องปูลาดที่ทาด้วยขนแกะ [๑๙๒] ผ้าแคว้นกาสีและผ้ากัมพลชื่ออุททิยะออกมาเป็นจานวนมาก พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันขนบรรทุกเกวียนเหล่านั้นตามที่ต้องการ
  • 2. 2 [๑๙๓] ครั้งที่ ๕ พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงา คิดเห็นพ้องกันว่า ขอเชิญพวกเราช่วยกันตัดโคนต้นไทรนั้นเถิด บางทีจะได้ยิ่งกว่านี้ [๑๙๔] ทันใดนั้น หัวหน้ากองเกวียนได้ลุกขึ้นประคองอัญชลี ขอร้องว่า พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด [๑๙๕] กิ่งด้านทิศตะวันออกให้น้าอาบ กิ่งด้านทิศใต้ให้ข้าวและน้าดื่ม กิ่งด้านทิศตะวันตกให้เหล่านารี ส่วนกิ่งด้านทิศเหนือให้ทรัพย์ที่น่าปลื้มใจทุกอย่าง พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด [๑๙๖] บุคคลนั่งก็ตาม นอนก็ตามที่ร่มเงาต้นไม้ใด ไม่ควรหักรานกิ่งต้นไม้นั้น เพราะว่าคนประทุษร้ายมิตรเป็ นคนเลวทราม [๑๙๗] แต่พวกพ่อค้าเหล่านั้นจานวนมาก ไม่เชื่อฟังคาของนายกองเกวียนผู้เดียวนั้น ใช้ขวานอันคมกริบตัดต้นไทรนั้นตั้งแต่โคนต้น [๑๙๘] พวกนาคก็ออกมาจากต้นไทรนั้นสวมเกราะ ๒๕ ตน ถือธนู ๓๐๐ ตน และถือโล่หนัง ๖,๐๐๐ ตน (พญานาคกล่าวสั่งว่า) [๑๙๙] พวกเจ้าจงฆ่า จงมัดพวกพ่อค้าเหล่านี้ อย่าได้ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว พวกเจ้าจงทาพวกพ่อค้าเหล่านั้นทั้งหมดให้เป็นผงธุลี เว้นไว้แต่นายกองเกวียนเท่านั้น (พระศาสดาทรงทราบแล้วตรัส ๒ คาถาโอวาทว่า) [๒๐๐] เพราะเหตุนั้นแล คนฉลาดพิจารณาเห็นประโยชน์ของตน ไม่พึงตกไปสู่อานาจแห่งความโลภ พึงกาจัดใจที่เป็นศัตรูภายในเสีย [๒๐๑] ผู้เห็นภัยรู้โทษอย่างนี้ว่า ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่ยึดมั่น มีสติ ดาเนินชีวิตอยู่ มหาวาณิชชาดกที่ ๑๐ จบ ------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา มหาวาณิชชาดก ว่าด้วย โลภมากจนตัวตาย พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภพวกพ่อค้าชาวพระนครสาวัตถี ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. เรื่องมีว่า พ่อค้าเหล่านั้นเมื่อจะไปค้าขาย ถวายมหาทานแด่พระศาสดา ดารงมั่นในสรณะและศีล กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
  • 3. 3 ถ้าพวกข้าพระองค์จักไม่มีโรคกลับมาได้ จักขอบังคมพระบาทยุคลของพระองค์อีกพระเจ้าข้า ออกเดินทางไปกับเกวียน ๕๐๐ เล่ม ถึงแดนกันดาร กาหนดหนทางไม่ได้ เลยพากันหลงทางท่องเที่ยวไปในป่า ขาดน้าขาดอาหาร เห็นต้นไทรซึ่งนาคยึดครองต้นหนึ่ง ก็ชวนกันปลดเกวียน นั่งที่โคนต้น. พวกนั้นเห็นไทรใบเขียวชอุ่ม ประหนึ่งตะไคร้น้า กิ่งไทรเล่าก็เป็นเหมือนอิ่มด้วยน้า จึงคิดกันว่า ในต้นไม้นี้ปรากฏเหมือนมีน้าเอิบอาบ พวกเราตัดกิ่งตะวันออกของต้นไม้นี้เถอะเพื่อจะหลั่งน้าดื่มให้ได้ ครั้นแล้วคนหนึ่งก็ขึ้นสู่ต้นไม้ตัดกิ่งขาด ท่อน้าขนาดลาตาลไหลพรั่ง พวกนั้นพากันอาบพากันดื่ม ณ ที่นั้น แล้วพากันตัดกิ่งทางใต้ โภชนะมีรสเลิศต่างๆ พรั่งพรูออกจากนั้น พากันบริโภค แล้วตัดกิ่งตะวันตก เหล่าสตรีผู้ตกแต่งร่างกายแล้ว พากันออกมาจากกิ่งนั้น พากันอภิรมย์กับหมู่สตรีนั้น แล้วตัดกิ่งทางเหนือ แก้ว ๗ ประการหลั่งไหลออกจากกิ่งนั้น พากันเก็บแก้วเหล่านั้นบรรทุกเต็มเกวียนทั้ง ๕๐๐ เล่ม กลับมาสู่พระนครสาวัตถี เก็บงาทรัพย์แล้ว ชวนกันถือของหอมและมาลาเป็ นต้นไปสู่พระมหาวิหารเชตวัน ถวายบังคมพระศาสดา บูชาแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ฟังธรรมกถาแล้ว ทูลนิมนต์ถวายมหาทาน ในวันรุ่งขึ้นพากันให้ส่วนบุญว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ขอให้ส่วนบุญในทานครั้งนี้ แก่รุกขเทวดาผู้ให้ทรัพย์แก่พวกข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดาทรงฉันเสร็จ ตรัสถามว่า พวกเธอให้ส่วนบุญแก่รุกขเทวดาองค์ไหน. พวกพ่อค้าพากันกราบทูลเหตุที่พวกตนได้ทรัพย์ในต้นไทรแด่พระตถ าคต. พระศาสดาตรัสว่า พวกเธอมิได้ลุอานาจตัณหา เพราะเป็นผู้รู้จักประม าณดอกนะจึงได้ทรัพย์ แต่ในครั้งก่อน พวกที่ลุอานาจตัณหา เพราะไม่รู้จักประมาณ พากันละทิ้งเสียทั้งทรัพย์และชีวิต พ่อค้าเหล่านั้นพากันกราบทูลอาราธนา ทรงนาอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล ทางกันดารนั้นเอง ต้นไทรก็ต้นนั้นแหละ แต่เมืองเป็นพระนครพาราณสี พ่อค้าพ่อค้าหลงทางพบต้นไทรนั้นเหมือนกัน. พระศาสดาตรัสรู้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงข้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาทั้งหลายว่า
  • 4. 4 พวกพ่อค้าพากันมาจากรัฐต่าง ๆ กระทาการประชุมกันในเมืองพาราณสี ตั้งพ่อค้าคนหนึ่งให้เป็ นหัวหน้า แล้วพากันขนเอาทรัพย์กลับไป พ่อค้าเหล่านั้นมาถึงแดนกันดาร ไม่มีอาหาร ไม่มีน้า ได้เห็นต้นไทรใหญ่มีร่มเงาเย็นสบาย น่ารื่นรมย์ใจ ก็พากันไปนั่งพักที่ร่มต้นไทรนั้น พ่อค้าทั้งหลายเป็นคนโง่เขลาถูกโมหะครอบงา คิดร่วมกันว่า ไม้ต้นนี้บางทีจะมีน้าไหลซึมอยู่ เชิญพวกเราเหล่าพ่อค้ามาช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศตะวันออกแห่งต้นไม้นั้นดูทีเถิด พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก น้าใสไม่ขุ่นมัวไหลออกมา พ่อค้าเหล่านั้นก็พากันอาบและดื่ม ที่สายน้านั้นจนสมปรารถนา พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดกันเป็นครั้งที่ ๒ ว่า ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่ง ข้างทิศใต้แห่งต้นไม้นั้นอีกเถิด พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก ข้าวสาลี เนื้อสุก ขนมถั่ว ซึ่งมีสีเหมือนข้าวปราศจากน้าแกงอ่อม ปลาดุก ก็ไหลออกมามากมาย พ่อค้าเหล่านั้นพากันบริโภคเคี้ยวกินจนสมปรารถนา พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดเป็นครั้งที่ ๓ ว่า ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศตะวันตก แห่งต้นไม้นั้นอีกเถิด พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก เหล่านารีแต่งตัวงามสมส่วน มีผ้าและเครื่องอาภรณ์อันวิจิตร ใส่ต่างหูแก้วมณี พากันออกมา นารีทั้งหลายต่างแยกกันบาเรอพ่อค้าคนละนาง นารี ๒๕ นางต่างก็แวดล้อมพ่อค้าผู้เป็นหัวหน้าอยู่โดยรอบ ที่ร่มแห่งต้นไทรนั้น พ่อค้าเหล่านั้น แวดล้อมด้วยนารีเหล่านั้นจนสมปรารถนา พ่อค้าทั้งหลายผู้โง่เขลา ถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดเป็นครั้งที่ ๔ ว่า ขอให้พวกเราช่วยกันตัดกิ่งข้างทิศเหนือ แห่งต้นไม้อีกเถิด พอกิ่งนั้นถูกตัดขาดออก แก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ เงิน ทอง เครื่องประดับ เครื่องปูลาด ผ้ากาสิกพัสตร์และผ้ากัมพลชื่ออุทธิยะ ก็พรั่งพรูออกมาเป็นอันมาก พ่อค้าเหล่านั้นพากันขนบรรทุกใส่ในเกวียนเหล่านั้นจนสมปรารถนา พ่อค้าเหล่านั้นเป็ นคนโง่เขลาถูกโมหะครอบงา ร่วมคิดกันเป็นครั้งที่ ๕ ว่า ขอให้พวกเราช่วยกันตัดโคนต้นไม้นั้นเสียทีเดียว บางทีจะได้ของมากไปกว่านี้อีก ทันใดนั้น นายกองเกวียนจึงลุกขึ้น ประคองอัญชลีร้องขอว่า ดูก่อนพ่อค้าทั้งหลาย ต้นไทรทาผิดอะไรหรือ(จึงพากันทาร้าย) ขอให้ท่านจงมีความเจริญเถิด ดูก่อนพ่อค้าทั้งหลาย กิ่งทางทิศตะวันออกก็ให้น้า กิ่งทางทิศใต้ก็ให้ข้าวและน้า กิ่งทางทิศตะวันตกก็ให้นารี
  • 5. 5 กิ่งทางทิศเหนือก็ให้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่าง ต้นไทรทาผิดอะไรหรือ (จึงพากันจะทาร้าย) ขอให้ท่านจงมีความเจริญเถิด บุคคลพึงนั่งหรือนอน ที่ร่มเงาแห่งต้นไม้ใด ก็ไม่ควรหักรานก้านแห่งต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็ นคนเลวทราม แต่พ่อค้าเหล่านั้นมากด้วยกันไม่เชื่อถือคาของนายกองเกวียนผู้เดียว ต่างก็ถือขวานที่ลับแล้ว พากันเข้าไปหมายจะตัดต้นไทรนั้นที่โคน. ครั้งนั้น พญานาคเห็นพ่อค้าเหล่านั้นพากันเข้าไปใกล้ต้นไม้เพื่อที่จะตัด ดาริว่า เราบันดาลน้าดื่มแก่พวกนี้ผู้กาลังกระหาย จากนั้นให้โภชนะอันเป็นทิพย์ มิหนาซ้ายังให้ที่นอนและนางบาเรอแก่เขา จากนั้นเล่ายังให้รัตนะเต็ม ๕๐๐ เล่มเกวียน แต่ว่าบัดนี้พวกนี้พูดกันว่า จักตัดต้นไม้เสียทั้งโคนเลย ละโมบเหลือเกิน ควรที่เราจะฆ่าเสียให้หมดเว้นแต่นายกองเกวียน. พญานาคนั้นจึงตระเตรียมเสนาสั่งว่า ทหารหุ้มเกราะจานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป ทหารแม่นธนูจานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป ทหารโล่จานวนเท่านี้จงเคลื่อนออกไป. พระศาสดาเมื่อทรงประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า ต่อจากนั้น นาคทั้งหลายก็พากันออกไป พวกสวมเกราะ ๒๕ พวกถือธนู ๓๐๐ พวกถือโล่ ๖,๐๐๐ นาย. ท่านทั้งหลายจงจับพวกนี้มัดฆ่าเสีย อย่าไว้ชีวิตเลย เว้นไว้แต่นายกองเกวียนเท่านั้น นอกนั้นจงสังหารมันทุกคนให้เป็นภัสมธุลีไป. นี้เป็ นคาถาที่พญานาคกล่าว. นาคทั้งหลายกระทาตามนั้น แล้วขนเอาสิ่งของมีเครื่องปูลาดชนิดดีๆ เ ป็นต้น บรรทุกเกวียน ๕๐๐ เล่ม ชวนนายกองเกวียนพากันขับเกวียนเหล่านั้นด้วยตนเองไปสู่กรุงพาราณสี เก็บทรัพย์ทั้งปวงไว้ในกองเกวียนของท่านแล้ว ชวนกันอาลาท่านไปสู่นาคพิภพของตนดังเดิม. พระศาสดาทรงทราบเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาสุดท้ายว่า เพราะเหตุนั้นแหละ บุรุษผู้เป็ นบัณฑิต เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ของตน ไม่ควรลุอานาจแห่งความโลภ พึงกาจัดใจอันประกอบด้วยความโลภเสีย ภิกษุรู้โทษอย่างนี้ และรู้ตัณหาว่าเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์ พึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีความถือมั่น พึงเป็นผู้มีสติละเว้นโดยรอบเถิด. พระศาสดาทรงถือเอายอดเทศนาด้วยพระอรหัต. ก็และครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า
  • 6. 6 ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย พวกพ่อค้าที่ลุอานาจความโลภ พากันถึงความพินาศใหญ่หลวงในปางก่อนอย่างนี้ เหตุนั้น พึงเป็นผู้ไม่ลุอานาจความโลภทั่วกัน ตรัสประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะ พ่อค้าเหล่านั้นพากันดารงในโสดาปัตติผล แล้วทรงประชุมชาดกว่า พญานาคในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร ส่วนนายกองเกวียนได้มาเป็น เราตถาคต แล. จบอรรถกถามหาวาณิชชาดกที่ ๑๐ -----------------------------------------------------