SlideShare a Scribd company logo
1
มณิกัณฐชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๓. มณิกัณฐชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๕๓)
ว่าด้วยการขอแก้วมณี
(พญานาคเมื่อจะห้ามดาบสมิให้ขอ จึงได้กล่าวว่า)
[๗]
เพราะแก้วมณีดวงนี้เป็ นเหตุทาให้ข้าวน้าเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้ามากมาย
ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็ นคนขอเกินไป
ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว
[๘] เมื่อท่านขอแก้วมณีจนทาให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว
เหมือนชายหนุ่มถือดาบคมที่ลับด้วยหินทาให้ผู้อื่นสะดุ้งกลัว
ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็ นคนขอเกินไป
ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว
(ดาบสโพธิสัตว์ผู้พี่ได้กล่าวกับดาบสผู้น้องว่า)
[๙] บุคคลไม่ควรขอสิ่งที่รู้ว่าเป็นที่รักของเขา อนึ่ง
เพราะขอเกินไปย่อมเป็นที่เกลียดชัง นาคราชถูกฤาษีขอแก้วมณี
จึงไม่หวนกลับมาให้ฤาษีเห็นอีกเลย
มณิกัณฐชาดกที่ ๓ จบ
----------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
มณิกัณฐชาดก
ว่าด้วย ขอสิ่งที่ไม่ควรขอ
พระศาสดา เมื่ออาศัยเมืองอาฬวี ประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์
ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบท จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุชาวเมืองอาฬวีพากันสร้างกุฏิ ด้วยการเที่ยวขอ
มากด้วยการขอ มากด้วยการทาวิญญัติการขอร้อง พูดคาเป็นต้นว่า
ท่านทั้งหลายจงให้คน ท่านทั้งหลายจงให้คนชี้แจงแนะนา
พวกมนุษย์ถูกเบียดเบียนด้วยการขอ ถูกเบียดเบียนด้วยการขอร้อง
เห็นภิกษุเข้าก็หวาดเสียวสะดุ้งตกใจหลีกหนีไป.
ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปจนถึงเมืองอาฬวี
แล้วเข้าไปบิณฑบาต.
พวกมนุษย์เห็นแม้แต่พระเถระก็พากันหวาดกลัวเหมือนอย่างนั้น.
พระเถระกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตตาหารแล้ว
จึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาถามว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย
2
เมื่อก่อนเมืองอาฬวีนี้หาภิกษาหารได้ง่าย เพราะเหตุไร
บัดนี้จึงหาภิกษาหารได้ยาก
ครั้นได้ฟังเหตุการณ์นั้นจึงเข้าไปเฝ้ าพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อเสด็จมาเมืองอาฬวี
ประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ
ในเพราะเหตุนั้น
พระศาสดาจึงรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ แล้วทรงสอบถาม
พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี จริงหรือที่มีข่าวว่า
พวกเธอให้เขาสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลรับว่า
จริงพระเจ้าข้า จึงทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่าการขอนี้ย่อมไม่เป็ นที่ชอบใจ
แม้ของพวกนาคทั้งปวงผู้อยู่ในนาคพิภพอันบริบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗
จะป่วยกล่าวไปใยถึงพวกมนุษย์ผู้ทาทรัพย์ให้เกิดขึ้นสัก ๑ กหาปณะ ก็ยังยาก
เป็ นประหนึ่งทาเนื้อให้เกิดขึ้นจากหินดังนี้แล้ว
ทรงนาเอาเรื่องอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมาก.
แม้ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นเที่ยววิ่งเล่นได้
สัตว์ผู้มีบุญอีกผู้หนึ่งก็บังเกิดในครรภ์มารดาของพระโพธิสัตว์นั้น.
พี่น้องทั้งสองนั้นเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาก็ทากาลกิริยา
จึงมีความสังเวชสลดใจ พากันบวชเป็นฤาษี สร้างบรรณศาลาอยู่ที่ฝั่งแม่น้าคงคา.
บรรดาฤาษีทั้งสองนั้น บรรณศาลาของฤาษีผู้พี่ชายอยู่เหนือแม่น้าคงคา
บรรณศาลาของฤาษีผู้น้องชายอยู่ใต้แม่น้าคงคา.
อยู่มาวันหนึ่ง พระยานาคนามว่ามณิกัฏฐะ ออกจากนาคพิภพ
จาแลงเพศเป็นมาณพน้อย เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้าคงคา
ไปถึงอาศรมของฤาษีผู้น้อง จึงไหว้แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
ต่างกระทาสัมโมทนียกถา ได้เป็นผู้สนิทสนมคุ้นเคยกัน ไม่อาจเว้นว่างห่างกัน.
มณิกัณฐนาคมายังสานักของพระดาบสผู้น้อง
แล้วนั่งสนทนาปราศัยกันเมื่อเวลาจะไป ด้วยความสิเนหาพระดาบส
จึงเปลี่ยนแปลงอัตตภาพแล้วเอาขนดหางตระหวัดรัดรอบพระดาบส
แล้วแผ่พังพานใหญ่ไว้เหนือศีรษะ นอนพักอยู่หน่อยหนึ่ง
พอบรรเทาความสิเนหานั้นแล้ว
จึงคลายร่างไหว้พระดาบสแล้วกลับไปนาคพิภพของตน
เพราะความกลัวพระยานาคนั้น พระดาบสจึงซูบผอมเศร้าหมอง
ผิวพรรณไม่ผ่องใส เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยแถวเส้นเอ็น.
3
วันหนึ่ง จึงไปหาดาบสผู้พี่ชาย ลาดับนั้น
ดาบสผู้พี่ชายจึงได้ถามดาบสผู้น้องชายนั้นว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ เพราะเหตุไร
ท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณทราม เกิดเป็นโรคผอมเหลือง
เนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น.
ดาบสผู้น้องชายจึงบอกเรื่องราวนั้นแก่ดาบสผู้พี่ชาย ผู้อันดาบสผู้พี่ชายถามว่า
ท่านผู้เจริญ ก็ท่านไม่ต้องการให้พระยานาคนั้นมาหรือ จึงตอบว่า ไม่ต้องการ
เมื่อดาบสผู้พี่ชายกล่าวว่า ก็พระยานาคนั้น
เมื่อมายังสานักของท่านประดับเครื่องประดับอะไรมา จึงกล่าวตอบว่า
ประดับแก้วมณีมา.
ดาบสผู้พี่ชายกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น
เมื่อพระยานาคนั้นมาไหว้ท่านแล้วยังไม่ทันนั่ง จงรีบขอว่า ท่านจงให้แก้วมณี
เมื่อขออย่างนั้น พระยานาคนั้นจักไม่รัดท่านด้วยขนดเลย จักไปทันที วันรุ่งขึ้น
พระยานาคนั้นมายืนที่ประตูอาศรมบทยังไม่ทันเข้าไป ท่านพึงขอ ในวันที่ ๓
ท่านจงไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้าคงคา พอพระยานาคนั้นผุดขึ้นจากน้า พึงร้องขอทันที
เมื่อเป็นอย่างนี้ พระยานาคนั้นจักไม่มาหาท่านอีกต่อไป.
พระดาบสรับคาแล้วกลับไปบรรณศาลาของตน
วันรุ่งขึ้น พระยานาคพอมายืนเท่านั้น ก็ร้องขอว่า
ท่านจงให้แก้วมณีเครื่องประดับตนลูกนั้นแก่เราเถิด. พระยานาคนั้นไม่นั่ง
หนีไปเลย.
ครั้นวันที่สอง พระยานาคนั้นมายืนอยู่ที่ประตูอาศรมบทเท่านั้น
ก็กล่าวว่า เมื่อวานท่านยังไม่ได้ให้แก้วมณีแก่เรา แม้วันนี้
ท่านก็จงให้ในบัดนี้เถิด. เมื่อเป็นเช่นนั้น พระยานาคนั้นก็มิได้เข้าไปยังอาศรมบท
รีบหนีไป.
ในวันที่สาม พอพระยานาคนั้นโผล่ขึ้นจากน้าเท่านั้น
พระดาบสก็กล่าวว่า เมื่อเราร้องขออยู่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว บัดนี้
ท่านจงให้แก้วมณีดวงนั้นแก่เราเถิด.
พระยานาค แม้อยู่ในน้า เมื่อจะห้ามดาบสนั้นมิให้ขอ จึงได้กล่าวคาถา
๒ คาถาว่า :-
ข้าวและน้าอันไพบูลย์ยิ่ง ย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า
เพราะเหตุแก้วมณีดวงนี้ ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้
ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย.
เมื่อท่านขอแก้วมณีอันเกิดแต่หินดวงนี้ ย่อมทาให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว
เหมือนชายหนุ่มมีมือถือดาบอันลับแล้วที่หิน มาทาให้ข้าพเจ้าหวาดเสียวฉะนั้น
ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น
ทั้งตัวข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกต่อไป.
4
พระยานาคนั้น ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วจึงดาน้าลงไปยังนาคพิภพทีเดียว
แล้วไม่กลับมาอีกต่อไป. ต่อมา พระดาบสนั้นกลับเป็นผู้ซูบผอม เศร้าหมอง
ผิวพรรณไม่งดงาม เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น
หนักยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะไม่ได้เห็นพระยานาคผู้น่าดูตนนั้น
ฝ่ายดาบสผู้พี่ชายคิดว่า จักรู้เรื่องราวของดาบสผู้น้องชาย จึงไปยังสานักดาบสนั้น
ได้เห็นดาบสผู้น้องชายนั้นมีโรคผอมเหลืองหนักกว่าเดิม จึงกล่าวว่า ผู้เจริญ
เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงเกิดโรคผอมเหลืองยิ่งกว่าเดิม.
ครั้นได้สดับว่า เพราะไม่ได้พบพระยานาคผู้น่าดูตนนั้น
จึงกาหนดได้ว่า ดาบสนี้ไม่อาจเหินห่างพระยานาคได้ จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
บุคคลรู้ว่า สิ่งใดเป็นที่รักของเขาก็ไม่ควรขอสิ่งนั้น
บุคคลย่อมเป็นที่เกลียดชัง เพราะขอจัด
พระยานาคถูกพราหมณ์ขอแก้วมณีตั้งแต่นั้นมา
พระยานาคก็มิได้มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย.
ก็ดาบสผู้พี่ชาย ครั้นกล่าวกะดาบสน้องชายอย่างนั้นแล้ว
จึงปลอบโยนว่า ผู้เจริญ ตั้งแต่บัดนี้ไปท่านอย่าเศร้าโศกเสียใจเลย
แล้วกลับไปยังอาศรมของตน. ครั้นในกาลต่อมาอีก
ดาบสพี่น้องทั้งสองนั้นทาฌานและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว
ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่าการขอไม่เป็นที่ชอบใจ
แม้ของพวกนาคที่อยู่ในนาคพิภพอันสมบูรณ์ด้วยรัตนะทั้ง ๗ ประการ
จะป่วยกล่าวไปใยถึงมนุษย์ทั้งหลายเล่า
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ดาบสน้องชายในกาลนั้น ได้เป็ น พระอานนท์ ในบัดนี้
ส่วนดาบสผู้พี่ชายคือ เราตถาคต ฉะนี้แล
จบ อรรถกถามณิกัณฐชาดกที่ ๓
-----------------------------------------------------

More Related Content

More from maruay songtanin

530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
515 สัมภวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

253 มณิกัณฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 มณิกัณฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๓. มณิกัณฐชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๕๓) ว่าด้วยการขอแก้วมณี (พญานาคเมื่อจะห้ามดาบสมิให้ขอ จึงได้กล่าวว่า) [๗] เพราะแก้วมณีดวงนี้เป็ นเหตุทาให้ข้าวน้าเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้ามากมาย ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็ นคนขอเกินไป ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว [๘] เมื่อท่านขอแก้วมณีจนทาให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว เหมือนชายหนุ่มถือดาบคมที่ลับด้วยหินทาให้ผู้อื่นสะดุ้งกลัว ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็ นคนขอเกินไป ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว (ดาบสโพธิสัตว์ผู้พี่ได้กล่าวกับดาบสผู้น้องว่า) [๙] บุคคลไม่ควรขอสิ่งที่รู้ว่าเป็นที่รักของเขา อนึ่ง เพราะขอเกินไปย่อมเป็นที่เกลียดชัง นาคราชถูกฤาษีขอแก้วมณี จึงไม่หวนกลับมาให้ฤาษีเห็นอีกเลย มณิกัณฐชาดกที่ ๓ จบ ---------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา มณิกัณฐชาดก ว่าด้วย ขอสิ่งที่ไม่ควรขอ พระศาสดา เมื่ออาศัยเมืองอาฬวี ประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์ ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบท จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า ภิกษุชาวเมืองอาฬวีพากันสร้างกุฏิ ด้วยการเที่ยวขอ มากด้วยการขอ มากด้วยการทาวิญญัติการขอร้อง พูดคาเป็นต้นว่า ท่านทั้งหลายจงให้คน ท่านทั้งหลายจงให้คนชี้แจงแนะนา พวกมนุษย์ถูกเบียดเบียนด้วยการขอ ถูกเบียดเบียนด้วยการขอร้อง เห็นภิกษุเข้าก็หวาดเสียวสะดุ้งตกใจหลีกหนีไป. ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปจนถึงเมืองอาฬวี แล้วเข้าไปบิณฑบาต. พวกมนุษย์เห็นแม้แต่พระเถระก็พากันหวาดกลัวเหมือนอย่างนั้น. พระเถระกลับจากบิณฑบาตภายหลังภัตตาหารแล้ว จึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาถามว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย
  • 2. 2 เมื่อก่อนเมืองอาฬวีนี้หาภิกษาหารได้ง่าย เพราะเหตุไร บัดนี้จึงหาภิกษาหารได้ยาก ครั้นได้ฟังเหตุการณ์นั้นจึงเข้าไปเฝ้ าพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อเสด็จมาเมืองอาฬวี ประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ ในเพราะเหตุนั้น พระศาสดาจึงรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ แล้วทรงสอบถาม พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี จริงหรือที่มีข่าวว่า พวกเธอให้เขาสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า จึงทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอนี้ย่อมไม่เป็ นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคทั้งปวงผู้อยู่ในนาคพิภพอันบริบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ จะป่วยกล่าวไปใยถึงพวกมนุษย์ผู้ทาทรัพย์ให้เกิดขึ้นสัก ๑ กหาปณะ ก็ยังยาก เป็ นประหนึ่งทาเนื้อให้เกิดขึ้นจากหินดังนี้แล้ว ทรงนาเอาเรื่องอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมาก. แม้ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นเที่ยววิ่งเล่นได้ สัตว์ผู้มีบุญอีกผู้หนึ่งก็บังเกิดในครรภ์มารดาของพระโพธิสัตว์นั้น. พี่น้องทั้งสองนั้นเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาก็ทากาลกิริยา จึงมีความสังเวชสลดใจ พากันบวชเป็นฤาษี สร้างบรรณศาลาอยู่ที่ฝั่งแม่น้าคงคา. บรรดาฤาษีทั้งสองนั้น บรรณศาลาของฤาษีผู้พี่ชายอยู่เหนือแม่น้าคงคา บรรณศาลาของฤาษีผู้น้องชายอยู่ใต้แม่น้าคงคา. อยู่มาวันหนึ่ง พระยานาคนามว่ามณิกัฏฐะ ออกจากนาคพิภพ จาแลงเพศเป็นมาณพน้อย เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้าคงคา ไปถึงอาศรมของฤาษีผู้น้อง จึงไหว้แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ต่างกระทาสัมโมทนียกถา ได้เป็นผู้สนิทสนมคุ้นเคยกัน ไม่อาจเว้นว่างห่างกัน. มณิกัณฐนาคมายังสานักของพระดาบสผู้น้อง แล้วนั่งสนทนาปราศัยกันเมื่อเวลาจะไป ด้วยความสิเนหาพระดาบส จึงเปลี่ยนแปลงอัตตภาพแล้วเอาขนดหางตระหวัดรัดรอบพระดาบส แล้วแผ่พังพานใหญ่ไว้เหนือศีรษะ นอนพักอยู่หน่อยหนึ่ง พอบรรเทาความสิเนหานั้นแล้ว จึงคลายร่างไหว้พระดาบสแล้วกลับไปนาคพิภพของตน เพราะความกลัวพระยานาคนั้น พระดาบสจึงซูบผอมเศร้าหมอง ผิวพรรณไม่ผ่องใส เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยแถวเส้นเอ็น.
  • 3. 3 วันหนึ่ง จึงไปหาดาบสผู้พี่ชาย ลาดับนั้น ดาบสผู้พี่ชายจึงได้ถามดาบสผู้น้องชายนั้นว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ เพราะเหตุไร ท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณทราม เกิดเป็นโรคผอมเหลือง เนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น. ดาบสผู้น้องชายจึงบอกเรื่องราวนั้นแก่ดาบสผู้พี่ชาย ผู้อันดาบสผู้พี่ชายถามว่า ท่านผู้เจริญ ก็ท่านไม่ต้องการให้พระยานาคนั้นมาหรือ จึงตอบว่า ไม่ต้องการ เมื่อดาบสผู้พี่ชายกล่าวว่า ก็พระยานาคนั้น เมื่อมายังสานักของท่านประดับเครื่องประดับอะไรมา จึงกล่าวตอบว่า ประดับแก้วมณีมา. ดาบสผู้พี่ชายกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น เมื่อพระยานาคนั้นมาไหว้ท่านแล้วยังไม่ทันนั่ง จงรีบขอว่า ท่านจงให้แก้วมณี เมื่อขออย่างนั้น พระยานาคนั้นจักไม่รัดท่านด้วยขนดเลย จักไปทันที วันรุ่งขึ้น พระยานาคนั้นมายืนที่ประตูอาศรมบทยังไม่ทันเข้าไป ท่านพึงขอ ในวันที่ ๓ ท่านจงไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้าคงคา พอพระยานาคนั้นผุดขึ้นจากน้า พึงร้องขอทันที เมื่อเป็นอย่างนี้ พระยานาคนั้นจักไม่มาหาท่านอีกต่อไป. พระดาบสรับคาแล้วกลับไปบรรณศาลาของตน วันรุ่งขึ้น พระยานาคพอมายืนเท่านั้น ก็ร้องขอว่า ท่านจงให้แก้วมณีเครื่องประดับตนลูกนั้นแก่เราเถิด. พระยานาคนั้นไม่นั่ง หนีไปเลย. ครั้นวันที่สอง พระยานาคนั้นมายืนอยู่ที่ประตูอาศรมบทเท่านั้น ก็กล่าวว่า เมื่อวานท่านยังไม่ได้ให้แก้วมณีแก่เรา แม้วันนี้ ท่านก็จงให้ในบัดนี้เถิด. เมื่อเป็นเช่นนั้น พระยานาคนั้นก็มิได้เข้าไปยังอาศรมบท รีบหนีไป. ในวันที่สาม พอพระยานาคนั้นโผล่ขึ้นจากน้าเท่านั้น พระดาบสก็กล่าวว่า เมื่อเราร้องขออยู่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว บัดนี้ ท่านจงให้แก้วมณีดวงนั้นแก่เราเถิด. พระยานาค แม้อยู่ในน้า เมื่อจะห้ามดาบสนั้นมิให้ขอ จึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :- ข้าวและน้าอันไพบูลย์ยิ่ง ย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า เพราะเหตุแก้วมณีดวงนี้ ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย. เมื่อท่านขอแก้วมณีอันเกิดแต่หินดวงนี้ ย่อมทาให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว เหมือนชายหนุ่มมีมือถือดาบอันลับแล้วที่หิน มาทาให้ข้าพเจ้าหวาดเสียวฉะนั้น ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งตัวข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกต่อไป.
  • 4. 4 พระยานาคนั้น ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วจึงดาน้าลงไปยังนาคพิภพทีเดียว แล้วไม่กลับมาอีกต่อไป. ต่อมา พระดาบสนั้นกลับเป็นผู้ซูบผอม เศร้าหมอง ผิวพรรณไม่งดงาม เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น หนักยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะไม่ได้เห็นพระยานาคผู้น่าดูตนนั้น ฝ่ายดาบสผู้พี่ชายคิดว่า จักรู้เรื่องราวของดาบสผู้น้องชาย จึงไปยังสานักดาบสนั้น ได้เห็นดาบสผู้น้องชายนั้นมีโรคผอมเหลืองหนักกว่าเดิม จึงกล่าวว่า ผู้เจริญ เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงเกิดโรคผอมเหลืองยิ่งกว่าเดิม. ครั้นได้สดับว่า เพราะไม่ได้พบพระยานาคผู้น่าดูตนนั้น จึงกาหนดได้ว่า ดาบสนี้ไม่อาจเหินห่างพระยานาคได้ จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- บุคคลรู้ว่า สิ่งใดเป็นที่รักของเขาก็ไม่ควรขอสิ่งนั้น บุคคลย่อมเป็นที่เกลียดชัง เพราะขอจัด พระยานาคถูกพราหมณ์ขอแก้วมณีตั้งแต่นั้นมา พระยานาคก็มิได้มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย. ก็ดาบสผู้พี่ชาย ครั้นกล่าวกะดาบสน้องชายอย่างนั้นแล้ว จึงปลอบโยนว่า ผู้เจริญ ตั้งแต่บัดนี้ไปท่านอย่าเศร้าโศกเสียใจเลย แล้วกลับไปยังอาศรมของตน. ครั้นในกาลต่อมาอีก ดาบสพี่น้องทั้งสองนั้นทาฌานและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคที่อยู่ในนาคพิภพอันสมบูรณ์ด้วยรัตนะทั้ง ๗ ประการ จะป่วยกล่าวไปใยถึงมนุษย์ทั้งหลายเล่า พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ดาบสน้องชายในกาลนั้น ได้เป็ น พระอานนท์ ในบัดนี้ ส่วนดาบสผู้พี่ชายคือ เราตถาคต ฉะนี้แล จบ อรรถกถามณิกัณฐชาดกที่ ๓ -----------------------------------------------------