More Related Content
Similar to บทที่ 2 สารรอบตัว
Similar to บทที่ 2 สารรอบตัว (20)
More from Nang Ka Nangnarak
More from Nang Ka Nangnarak (20)
บทที่ 2 สารรอบตัว
- 3. ตอนที่ 1
การเป่าลมในท่อแก๊ส การเปลี่ยนแปลงของเม็ดโฟม
เป่าลมอย่างช้า ๆ เบา ๆ เม็ดโฟมสั่น แต่อยู่กับที่และอยู่ชิดติดกัน
เป่าลมแรงขึ้นเม็ดโฟมสั่น เคลื่อนที่แยกห่างจากกันไปทั่วก้นภาชนะ
ปริมาตรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เป่าลมแรงที่สุด เม็ดโฟมสั่น และฟุ้งกระจายแยกออก
จากกันอย่างรวดเร็วทั่วขวดพลาสติก
- 4. สรุป : ตอนที่ 1
- การเป่าลมอย่างช้าๆ เบาๆ ไปยังเม็ดโฟมเป็นแบบจาลองที่
แทนการจัดเรียงอนุภาคสารในสถานะของแข็ ง ทุกอนุภาค
สั่นสะเทื อนตลอดเวลาแต่อยู่ตาแหน่งเดิม และอนุภาคอยู่ชิด
ติดกัน มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคมาก ทาให้ของแข็งคง
รูปอยู่ได้
- 5. - การเป่ าลมแรงขึ้น ไปยังเม็ ด โฟมเป็ นแบบจาลองที่แทน
การจัดเรียงอนุภาคสารในสถานะของเหลว ทุกอนุภาคมี
การสัน ห่างกันเล็กน้อย มีการเคลือนตัวและกระจายอยู่ทั่ว
่ ่
กันภาชนะ จึงมีปริมาตรเพิ่มขึ้น ทาให้ความหนาแน่นและ
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็ง
- 6. - การเป่าลมแรงที่สุด ไปยังเม็ด โฟมเป็นแบบจาลองที่แทน
การจัดเรียงอนุภาคสารในสถานะแก๊ส ทุกอนุภาคมีการ
เคลื่อนทีอยู่ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว ฟุ้งกระจายเต็มภาชนะ
่
ทาให้ความหนาแน่นและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อย
กว่าของเหลวและของแข็งมาก
- 7. - อนุภาคของสารในสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส มีการ
จัดเรียงอนุภาค ระยะห่างระหว่างอนุภาค แรงยึดเหนี่ยว
ระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่ของอนุภาคที่แตกต่างกัน
ทาให้สารมีสมบัติที่แตกต่างกัน สถานะและความหนานาน
เป็นสมบัติทางกายภาพของสาร
- 8. ตอนที่ 2
กิจกรรม การเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึน/สิงทีสงเกต
่ ้ ่ ่ ั
พิจารณาลักษณะและ เป็นของแข็ง เป็นผลึกท่อนเล็กๆ สีม่วงเข้ม
รูปร่างด่างทับทิม เกือบดา มันวาว
ใส่เกล็ดด่างทับทิมในน้า เกล็ดด่างทับทิมจมที่ก้นบึกเกอร์ และที่
บริเวณรอบ ๆ เกล็ดด่างทับทิม จะเห็นสี
น้าเป็นสีม่วงเข้มแพร่กระจายคล้ายควัน
เคลื่อนที่ผสมกับน้าในบีกเกอร์อยู่ประมาณ
2-3 นาที แล้วสารละลายจะกลายเป็นสี
ม่วงทั้วทั้งบีกเกอร์ โดยไม่ต้องคนสาร
- 9. ตอนที่ 2
กิจกรรม การเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึน/สิงทีสงเกต
่ ้ ่ ่ ั
เปิดฝาขวดที่มีสาลีชุบ ได้กลิ่นแอมโมเนียฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอย่าง
สารละลายแอมโมเนีย รวดเร็ว แต่ไม่สามารถมองเห็นอนุภาคใดๆ
บรรจุอยู่ภายใน ในอากาศได้
- 10. - เกล็ ด ด่ า งทั บ ทิ ม เปรี ย บเที ย บได้ กั บ แบบจ าลอง
อนุภาคของแข็ง ที่คงรูปอยู่ได้
- ด่างทับทิมผสมกับน้า เปรียบเทียบได้กบแบบจาลอง ั
อนุภาคของเหลว
- ได้ กลิ่นแอมโมเนียฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ ว และ
มองไม่ เ ห็ น อนุ ภ าคใดๆ ในอากาศ เปรี ย บได้ กับ
แบบจาลองอนุภาคของแก๊ส
- อธิ บ ายสถานะของสารโดยใช้ แ บบจ าลองการ
จัดเรียงอนุภาคของสารตอนที่ 1
- 11. ? ของแข็งมีความหนานานมากกว่า
ของเหลวเสมอไปหรือไม่
- ไม่เสมอไป เพราะของแข็งอาจมีความหนาแน่น
น้อยกว่าของเหลวได้ เช่น ปรอท ทั้งนี้เป็นเพราะ
เป็นสมบัติเฉพาะตัวของสารที่มีมวลต่อปริมาตร
ต่างกัน
- 16. ? ทาไมน้าที่ 80๐C จึงมีความหนาแน่น
น้อยกว่าน้าที่ 4 ๐C
- น้ าที่ อุ ณ หภู มิ สู ง ขึ้ น อนุ ภ าคจะมี
พลั ง งานจลน์ สู ง ด้ ว ย ท าให้ ร ะยะห่ า ง
ระหว่างอนุภาคมีมากขึ้น ความหนาแน่น
จึงน้อยลง
- 23. 𝑪 𝑭−𝟑𝟐
=
𝟓 𝟗
𝟑𝟕 𝑭−𝟑𝟐
=
𝟓 𝟗
𝑭−𝟑𝟐
7.4=
𝟗
(7.4x9)+32= F
98.6 = F
- 31. ? สารต่าง ๆ เมื่อได้รับความร้อน
มากขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะ
มีผลอย่างไรกับสถานะของสาร
- เปลี่ยนสถานะ
- 34. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. น้าแข็งทุบละเอียด 10 cm3
2. น้ากลั่น 5 cm 3
3. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3 1 ใบ
4. เทอร์มอมิเตอร์ 1 อัน
5. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กั้นลม
และตะแกรงลวด 1 ชุด
6. ขาตั้งและที่จับหลอดทดลอง 1 ชุด
- 36. ผลการทดลอง
เวลา (วินาที) อุณหภูมิ (๐C) การเปลียนแปลง
่
0 0 น้าแข็งละลายเล็กน้อย
30 0 น้าแข็งละลายมากขึ้น
60 0 น้าแข็งละลายมากขึ้นอีก
90 0 น้าแข็งละลายหมด
120 0 น้าแข็งละลายหมด
150 5 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
180 7 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
- 37. ผลการทดลอง
เวลา (วินาที) อุณหภูมิ (๐C) การเปลียนแปลง
่
210 15 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
240 23 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
270 35 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
300 50 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
330 65 อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
360 80 น้าเริ่มเดือด อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
390 94 น้าเดือด อุณหภูมิของน้าเพิ่มขึ้น
- 38. ผลการทดลอง
เวลา อุณหภูมิ การเปลียนแปลง
่
(วินาที) (๐C)
420 100 น้าเดือด อุณหภูมิน้าไม่เปลี่ยนแปลง น้ากลายเป็นไอ
450 100 น้าเดือด อุณหภูมิน้าไม่เปลี่ยนแปลง น้ากลายเป็นไอ
480 100 น้าเดือด อุณหภูมิน้าไม่เปลี่ยนแปลง น้ากลายเป็นไอ
510 100 น้าเดือด อุณหภูมิน้าไม่เปลี่ยนแปลง น้ากลายเป็นไอ
540 100 น้าเดือด อุณหภูมิน้าไม่เปลี่ยนแปลง
- 43. ? ตาราง 2.3 มีสารใดบ้าง
มี ส ถานะเป็ น ของแข็ ง ที่ อุ ณ หภู มิ
25 ๐C
- โซเดียม
- 51. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. ด่างทับทิม ช้อนเบอร์ 1
2. น้ากลั่น 250 cm 3
3. บีกเกอร์ขนาด 250 cm3 1 ใบ
4. เทอร์มอมิเตอร์ 2 อัน
5. ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์พร้อมที่กั้นลม
และตะแกรงลวด 1 ชุด
6. ขาตั้งและที่จับหลอดทดลอง 2 ชุด
- 53. ผลการทดลอง
เวลา อุณหภูมของน้า (๐ อุณหภูมของน้า
ิ ิ การเปลียนแปลงทีสงเกตได้
่ ่ ั
(วินาที) C) ที่กนบีกเกอร์ (๐C) ที่ผิวน้า
้
0 30 28 เกล็ดด่างทับทิมจมลงที่ก้นบีกเกอร์
30 32 29 เกล็ดด่างทับทิมละลายสารละลายมีสีม่วง
60 35 31 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้น
90 38 35 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้นเป็นทางยาว
120 40 38 สีม่วงเคลื่อนที่ลอยขึ้นถึงผิวบนแล้ววนลงมา
150 43 40 สีม่วงเคลื่อนที่วนลงมาแล้วขึ้นไปคล้ายวงกลม
และกระจายสารละลายเป็นสีชมพู
- 54. ผลการทดลอง
เวลา อุณหภูมของน้า (๐ อุณหภูมของน้า
ิ ิ การเปลียนแปลงทีสงเกตได้
่ ่ ั
(วินาที) C) ที่กนบีกเกอร์ (๐C) ที่ผิวน้า
้
180 45 43 สีชมพูเคลื่อนที่ลักษณะเดียวกับสีม่วง
เคลื่อนไปที่ผิวน้าและวนลงมาด้านล่าง
210 46 44 สีชมพูกระจายในสารละลายบางส่วน
240 49 48 สีชมพูกระจายในสารละลายเพิ่มขึ้น
270 50 49 สีชมพูกระจายในสารละลายส่วนใหญ่
300 51 51 สารละลายสีชมพูกระจายทั่วบีกเกอร์
- 55. สรุปผลการทดลอง
การกระจายสีของด่างทับทิมในน้ามีการเปลี่ยนแปลง สี
ของด่ า งทั บ ทิ ม จะเคลื่ อ นที่ จ ะเคลื่ อ นที่ จ ากก้ น บี ก เกอร์
ลอยตั ว สู ง ขึ้ น แล้ ววนกลั บมาที่ ก้ น บี กเกอร์ อี ก เพราะ
อนุภาคน้าที่พาสีของด่างทับทิมด้านล่างจะพาความร้อน
มาด้ ว ย ท าให้ อ นุ ภาคน้ าที่ อ ยู่ ร อบๆ มี ความหนาแน่ น
มากกว่า เข้าแทนที่อุณหภูมิของเทอร์มอมิเตอร์อันบนจึง
สูงขึ้น และสีของด่างทับทิมจะกระจายทั่วบีกเกอร์
- 57. จุดประสงค์
1. ทดลองการถ่ า ยโอนความร้ อ นของ
โลหะ
2. อธิบายการนาความร้อนของโลหะ
3. ยกตัวอย่างการนาความรู้เรื่องการนา
ความร้อนไปใช้ประโยชน์
- 63. ? อะลูมิเนียม ทองแดง เหล็ก
แก้ว วัสดุใดมีความสามารถในการนา
ความร้อนได้ดีกว่ากัน มีวิธีการตรวจสอบ
เพื่อหาคาตอบได้อย่างไร
- มากไปน้ อ ย คื อ ทองแดง อะลู มิ เ นี ย ม
เหล็ก แก้ว
- 64. ฉนวนความร้อน คือ วัตถุที่นาความ
ร้อนได้น้อยมาก เช่น ไม้ พลาสติก
อากาศ
ตัวกลาง คือ อนุภาคทีเป็นตัวส่งผ่าน
่
- 67. จุดประสงค์
1. ทดลองสีของวัตถุกับการรับพลังงานความร้อน
2. ทดลองการถ่ายโอนความร้อนโดยการแผ่รังสี
3. อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการแผ่รังสี
4. ยกตัวอย่างการแผ่รังสีไปใช้ประโยชน์
- 71. สรุปผลการทดลอง
ความร้อนจากหลอดไฟเป็นความร้อนจากรังสีอิน
ฟาเรด เป็ น คลื่ น แม่ เ หล็ ก ไฟฟ้ า โลหะทั้ ง สองสี มี
ความสามารถในการดูดซับความร้อนจากรังอิน ฟาเรด
ได้ แตกต่ างกัน โลหะสีดาจะดูดซับความร้ อนได้ดีกว่า
โลหะสีขาว
การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่มีตัวกลาง เรียกว่า
การแผ่รังสี
- 72. ? วิธีใดเปรียบได้กับการถ่ายโอนความร้อน
แบบการนา การพา และการแผ่รงสี ั
- แบบที่ 1 การนาความร้อน เพราะสิ่งของที่ส่งไปนั้น
ผู้ส่งไม่เคลื่อนที่
- แบบที่ 2 การพาความร้อน เพราะสิ่งของที่ส่งมี
ผู้นาไปส่งทาให้เคลื่อนที่ไป
- แบบที่ 3 การแผ่รังสี เพราะสิ่งของที่ส่งนั้น ไม่ได้
อาศัยตัวกลางในการส่ง
- 76. • สารบริสุทธิ์ ( ธาตุ, สารประกอบ )
เป็นสารเพียงชนิดเดียวไม่มีสารอื่นเจือปน มีสมบัติ
เฉพาะตัวคงที่ และเมื่อสลายตัวให้สารใหม่มีสมบัติ
แตกต่างไปจากเดิม
• สารละลาย ( ของผสมเนื้อเดียว )
ประกอบด้วยตัวถูกละลาย และตัวทาละลายปนกัน
กลมกลืน มีสมบัติเปลี่ยนแปลงตามอัตราส่วนของตัวถูก
ละลายและตัวทาละลาย
- 77. • สารเนือผสม คือ สารที่มีเนื้อไม่กลมกลืนกันตลอด
้
(แต่อาจมองเห็นไม่ชัด)เกิดจากการผสมสารตั้งแต่
2 ชนิดขึ้นไปเข้าด้วยกัน ได้แก่
สารคอลลอยด์
เกิดจากอนุภาคของสารขนาดเล็กๆ เส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 10-7 ถึง
10-4 cm. กระจายปนอยู่ในตัวกลางได้โดยไม่ตกตะกอน สารทีมอนุภาคขนาด
่ ี
นี้สามารถผ่านกระดาษกรองได้ แต่ผ่านแผ่นเซลโลเฟนไม่ได้ เช่น นมสด วุ้น
เจลลี่ หมอก สเปรย์ เป็นต้น
สารแขวนลอย
คือ สารเนือผสมทีมอนุภาคองค์ประกอบขนาดใหญ่กว่า 10-4 cm. แขวนลอย
้ ่ ี
อยู่ในตัวกลาง เมื่อทิงไว้จะตกตะกอนได้เอง ไม่สามารถผ่านกระดาษกรอง
้
- 78. สมบัติทั่วไปของคอลลอยด์
1. เมื่อผ่านลาแสงเกิดปรากฏการณ์ Tyndall effect
2. อนุภาคมีการเคลือนที่แบบบราวน์เนียน
่
3. อนุภาคคอลลอยด์มประจุไฟฟ้า อาจเป็นบวกหรือลบก็ได้
ี
ซึ่งสามารถถูกดูดด้วยขัวไฟฟ้าตรงกันข้ามในสนาม
้
4. อนุภาคโดยทัวจะไม่ตกตะกอน เพราะมีการเคลือนที่
่ ่
ตลอดเวลา
5. อาจกล่าวโดยสรุป คอลลอยด์จะมีสมบัตเกียวกับแสง
ิ ่
การเคลื่อนทีและสมบัตทางประจุไฟฟ้า
่ ิ
- 79. ชนิดของคอลลอยด์
คอลลอยด์มีหลายชนิด มีชื่อเรียกต่างๆกัน ขึ้นอยู่กับสถานะ
อนุภาคกับสถานะของตัวกลาง
1 .แอโรซอล เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะอนุภาคเป็นของแข็ง
หรือของเหลวในสถานะของตัวกลางที่เป็นก๊าซ ตัวอย่างเช่น
เมฆ หมอก ฝุ่นละอองในอากาศ
2.เจล เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะอนุภาคเป็นของแข็งในสถานะ
ตัวกลางที่เป็นของเหลวตัวอย่างเช่น เยลลี่ วุ้น ยาสีฟัน แยม
- 80. ชนิดของคอลลอยด์
3. โฟม เป็นคอลลอยด์ที่มีสถานะของอนุภาคเป็นก๊าซ ใน
สถานะตัวกลางที่เป็นทั้งของแข็งและของเหลว ตัวอย่างเช่น
ฟองสบู่ ครีมโกนหนวด
4. อิมัลชัน เป็นคอลลอยด์ที่มีอนุภาคเป็นของเหลวแขวนลอยอยู่ใน
่
ตัวกลางที่เป็นของเหลว ซึ่งไม่ละลายเข้าด้วยกัน จึงต้องอาศัยสารอีก
ชนิดหนึ่งมาเป็นตัวกลางเชื่อมประสานของเหลวนั้นจนละลาย เท่ากัน
เป็นคอลลอยด์ ตัวเชื่อมนี้เรียกว่า อิมัลซิฟาย-เออร์ ตัวอย่าง อิมัลชั่น
เช่น น้ากับน้ามัน โดยมีสบู่เป็นตัวเป็นตัวเชื่อม
- 81. ชนิดของคอลลอยด์
5. อิมัลซิฟายเออร์ คือ สารที่เติม
ลงไปเพื่อทาหน้าที่เป็นตัวเชื่อม หรือประสาน
ของเหลวตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป ให้อนุภาค
กระจายไปทั่วได้ เช่น สบู่ ผงซักฟอกไข่
แดง เคซิน และน้าดี
- 82. การเปรียบเทียบ สารละลาย คอลลอยด์ สารแขวนลอย
ตัวอย่างสาร สารละลาย CuSO4 นมสด นมสดผสมกรด
ลักษณะเนื้อสาร เนื้อเดียว เนื้อเดียว เนื้อผสม
ขนาดเส้นผ่าน น้อยกว่า 10-7 cm 10-7 ถึง 10-4cm มากกว่า 10-4cm
ศูนย์กลางของอนุภาค
การลอดผ่าน ได้ ได้ ไม่ได้
กระดาษกรอง
การลอดผ่านถุงเซล ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
โลเฟน
ปรากฏการณ์ ไม่เกิด เกิด เกิด
ทินดอลล์
- 85. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. น้าโคลนหรือน้าแป้งดิบ 20 cm3
2. นมสดหรือน้าแป้งสุก 20 cm 3
3. น้าหวานที่ใส่สี 20 cm3
4. บีกเกอร์ขนาด 50 cm3 3 ใบ
5. บีกเกอร์ขนาด 250 cm3 3 ใบ
6. กระดาษกรองขนาด 11cm 3 แผ่น
7. กระดาษเซลโลเฟนขนาด 10x10cm 3 แผ่น
- 88. ผลการทดลอง
ผลที่สงเกต
ั
ลักษณะของเหลว
สารตัวอย่าง เมื่อกรองด้วยกระดาษกรอง เมื่อผ่านถุงเซล
ที่สังเกตได้
โลเฟน
น้าแป้งดิบ สีขาวขุ่น มีตะกอน มีตะกอนขาวติดอยู่บน น้าในบีกเกอร์ไม่
กระดาษกรอง และได้ เปลี่ยนแปลง
ของเหลวใส
น้าแป้งสุก ของเหลวขุ่น ไม่มีสารตกค้างบนกระดาษ น้าในบีกเกอร์ไม่
เล็กน้อย ไม่มี กรอง และได้ของเหลวขุ่น เปลี่ยนแปลง
ตะกอน เล็กน้อย
น้าหวาน ของเหลวใสมีสี ได้ของเหลวใสมีสีเดียวกับ น้าในบีกเกอร์มีสี
น้าหวาน เดียวกับน้าหวาน
- 90. สาร เนือสารเป็นเกณฑ์
สารเนือเดียว คอลลอยด์ สารเนือผสม
สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารแขวนลอย
ธาตุ สารประกอบ
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ
- 91. สาร
ความบริสุทธิ์เป็นเกณฑ์
สารบริสุทธิ์ สารผสม
ธาตุ สารประกอบ สารเนือเดียว คอลลอยด์ สารเนือผสม
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ สารละลาย สารแขวนลอย