More Related Content
More from Nang Ka Nangnarak
More from Nang Ka Nangnarak (20)
บทที่ 1
- 2. บทที่ 1 บรรยากาศ
บทที่ 2 ลมฟ้าอากาศ
บทที่ 3 การเคลื่อนที่
บทที่ 4 หน่วยของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 5 การดารงชีวิตของพืช
- 5. ขั้นนา
นักเรียนยืนขึ้น ให้สังเกตว่ามีอะไร
รอบตัวนักเรียนบ้าง ?
- 6. คาถาม
? บรรยากาศมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิต
ในด้านใดอีกบ้าง
บรรยากาศนอกจากช่วยให้อุณหภูมิของโลกเหมาะต่อ
การดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลกแล้ว ยังช่วยทาให้วัตถุในห้วง
อวกาศที่เข้ามาในบรรยากาศเกิดการเผาไหม้หมดหรือเหลือเป็น
วั ต ถุ ข นาดเล็ ก ที่ ไ ม่ เ ป็ น อั น ตรายต่ อ สิ่ ง มี ชี วิ ต บนโลก และ
บรรยากาศยังป้องกันอันตรายจากรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์
- 7. คาถาม
? บรรยากาศมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
บรรยากาศ ประกอบด้ ว ย แก๊ ส ไนโตรเจน
แก๊สออกซิเจน แก๊สคาร์บอนไดออกไซค์ ฝุ่นละออง ไอ
น้าและแก๊สอื่น ๆ อีกเล็กน้อย สาหรับไอน้าในอากาศ
จะมี สั ด ส่ ว นไม่ ค งที่ คิ ด เป็ น ร้ อ ยละ 1-4 ของ
องค์ประกอบของบรรยากาศ
- 8. คาถาม
? เหตุใดปริมาณไอน้าในอากาศจึงมี
สัดส่วนไม่คงที่
ปริมาณไอน้าขึ้นอยู่กับแหล่งน้าในพื้นที่ อุณหภูมิอากาศ
เหนือพื้นผิวดินและอุณหภูมิอากาศเบื้องบนซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงได้
ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยรอบ ดังนั้นปริมาณไอน้าใน
อากาศในพื้นที่เดียวกันในช่วงเวลาที่ต่างกันจะมีสัดส่วนไม่คงที่
- 9. คาถาม
? แก๊สในบรรยากาศชนิดใดมีปริมาณ
มากที่สุด
แก๊สไนโตรเจน 78.084%
- 10. คาถาม
? บรรยากาศชั้นใดมีอุณหภูมิต่าสุด
และมีค่าประมาณเท่าใด
มีโซสเฟียร์ ประมาณ -80๐C
- 11. คาถาม
? บรรยากาศแต่ละชันมีความสาคัญ
้
ต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้าง
ชั้ น โทรโพสเฟี ย ร์ เป็ น ชั้ น ที่ ส่ ง ผลต่ อ การด ารงชี วิ ต
วัฒนธรรม ความเป็ นอยู่ และการประกอบอาชีพของสิ่งมีชีวิต
โดยเฉพาะมนุษย์ เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศต่าง ๆ
ในชั้นนี้
- 18. กิจกรรม 1,1
จุดประสงค์ รังสีจากดวงอาทิตย์
1. ทาการทดลอง บันทึกข้อมูลและนาเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบ
เกี่ยวกับการดูดกลืนรังสีจากดวงอาทิตย์ และการคาย
พลังงานความร้อนของดิน น้า ทราย ได้อย่างชัดเจน
2. เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมกบเวลาของ
ิั
การดูดกลืนรังสีจากดวงอาทิตย์ และการคายพลังงานความ
ร้อนของดิน น้า ทราย
- 19. 3. แปลความหมายข้อมูล อธิบาย และสรุปเกียวกับการดูดกลืน
่
รังสีจากดวงอาทิตย์และการคายพลังงานความร้อนของผิว
โลก ที่มีลักษณะต่างกันได้
4. อธิบาย และสรุปเกียวกับลักษณะของผิวโลกที่แตกต่างกัน จะ
่
ส่งผลให้อณหภูมของอากาศเหนือบริเวณนันแตกต่างกันได้
ุ ิ ้
- 21. ผลการทากิจกรรม
เมื่อวางภาชนะกลางแดด (๐C)
ภาชนะ อุณหภูมเริมต้น (๐C)
ิ ่
นาทีที่ 5 นาทีที่ 10 นาทีที่ 15
ดิน
น้า
ทราย
- 22. สรุปผลการทากิจกรรม
ดิน น้า ทราย มีสมบัติในการดูดกลืนและเปลี่ยน
รังสีดวงอาทิตย์เป็นพลังงานความร้อนแตกต่างกัน ดังนั้น
พื้นผิวโลกที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น เป็นบริเวณที่มีแหล่ง
น้า มีต้นไม้ หรือเป็นบริเวณดินทรายแห้งแล้ง หรือเป็น
บริเวณที่โล่ง ก็จะเป็นบริเวณที่สะสมพลังงานความร้อนไว้
แตกต่างกัน ซึ่งน่าจะส่งผลให้อณหภูมิของอากาศเหนือ
ุ
บริเวณนั้นแตกต่างกันไปด้วย
- 23. ตอบคาถาม
? รังสีจากดวงอาทิตย์แผ่มาถึงภาชนะ
แต่ละใบเท่ากันหรือไม่ อย่างไร
เท่ากัน เนื่องจากภาชนะแต่ละใบวางอยู่
ในบริเวณเดียวกันและมีแดดส่องเท่ากัน
- 25. ? จากพื้นผิวโลกเป็นดิน น้า และทรายได้รับ
แสงแดดเท่ากัน นักเรียนคิดว่าอุณหภูมิอากาศเหนือ
พื้นผิวดังกล่าวจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ต่างกัน เนื่องจากดิน น้า และทราย เมื่อได้รับรังสีจากดวง
อาทิตย์ จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนสะสมไว้ได้ไม่เท่ากัน สังเกตจาก
อุ ณ หภู มิ ที่ ร้ อ นขึ้ น ในกิ จ กรรม ดั ง นั้ น เมื่ อ อุ ณ หภู มิ อ ากาศ ณ บริ เ วณ
ดังกล่าวลดลง ดิน น้า ทราย จะคายความร้อนสู่อากาศได้ไม่เท่ากัน
ส่งผลให้อุณหภูมิอากาศเหนือบริเวณดังกล่าวแตกต่างกัน
- 29. กิจกรรม 1,2
จุดประสงค์ อุณหภูมิอากาศ
1. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ธรรมดาและเทอร์มอมิเตอร์ชนิดวัดอุณหภูมิ
สูงสุด-ต่าสุด วัดอุณหภูมอากาศได้ถกต้อง
ิ ู
2. ทดลอง บันทึกข้อมูลและนาเสนอข้อมูลอย่างเป็นระบบเกียวกับ
่
อุณหภูมอากาศในช่วงเวลาทีกาหนดให้
ิ ่
3. เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมอากาศกับเวลา
ิ
4. แปลความหมายข้อมูลและอธิบายความแตกต่างของอุณหภูมิ
อากาศในเวลาทีแตกต่างกัน
่
- 31. ผลการทากิจกรรม
อุณหภูมอากาศวัดโดยใช้เทอร์มอมิเตอร์แบบธรรมดา เมื่อวันที่
ิ
...............ที.่ .................. ได้ข้อมูลดังตาราง
อุณหภูมอากาศ (๐C)
ิ
06:00 07:00 08:00 09:00 10:00 11:00 12:00 13:00 14:00 15:00 16:00 17:00 18:00
น. น. น. น. น. น. น. น. น. น. น. น. น.
24.0 24.0 24.0 25.0 26.0 26.5 27.5 28.0 29.0 29.5 29.5 29.0 28.0
- 33. ผลการทากิจกรรม
อุณหภูมอากาศเมือวัดโดยใช้เทอร์มอมิเตอร์ชนิดวัดอุณหภูมิ
ิ ่
สูงสุด-ต่าสุด เมื่อวันที.่ ..........................ที.่ ......................ได้ค่าดังตาราง
อุณหภูมิสูงสุด อุณหภูมิตาสุด
่
29.5 ๐C 24.0 ๐C
- 34. สรุปผลการทากิจกรรม
รังสีจากดวงอาทิตย์เป็นปัจจัยสาคัญ
ปัจจัยหนึ่งทีมีผลต่ออุณหภูมิอากาศ
่
- 35. ตอบคาถาม
? จากกราฟบอกการเปลี่ยนแปลงของ
อุณหภูมิอากาศจากช่วงเวลา 06:00-18:00 น.
อุณหภูมิอากาศในช่วงเวลา 06:00 น. มีค่า 24๐C
และอุ ณ หภู มิ จ ะค่ อ ยๆสู ง ขึ้ น และสู ง ที่ สุ ด ในช่ ว งเวลา
15:00-16:00 น. หลังจากนั้นอุณหภูมิจะค่อยๆลดลงจน
เมื่อเวลา 18:00 น. อุณหภูมิอากาศมีค่า 28 ๐C
- 37. ? แนวโน้มของอุณหภูมิอากาศในช่วงเวลา
กลางคืน ควรเป็นอย่างไร
ต่ากว่ากลางวัน เนื่องจากในเวลากลางคืนพื้นโลกได้รับ
รังสีจากดวงอาทิตย์คิดเป็นปริมาณต่อพื้นที่ลดลงเรื่อยๆ จนเกือบ
ไม่ได้รับ ซึ่งถึงแม้ว่าที่บริเวณผิวโลกยังคงมีพลังงานความร้อน
ส่วนหนึงสะสมไว้ และยังคงคายพลังงานความร้อนให้อากาศเหนือ
่
บริเวณนั้น แต่ก็ไม่มากเท่าในเวลากลางวัน
- 39. ? แนวโน้มการเปลียนแปลงอุณหภูมิของแต่ละภาค
่
ในประเทศไทยเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
เหมื อนกัน คือ ในเดื อนมกราคม อุณหภูมิอากาศ
ต่าสุด และอุณหภูมิอากาศจะเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน
กุมภาพันธ์ จนกระทั่งถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิอากาศจะ
สูงสุด หลังจากนั้นอุณหภูมิอากาศจะค่อยๆลดลงจนต่าสุดใน
เดือนมกราคม
- 43. กิจกรรม 1,3
จุดประสงค์ อุณหภูมิกับความดันอากาศ
1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมอากาศกับการเคลื่อนที่
ิ
ของโมเลกุลอากาศ
2. ทดลองและสรุปได้ว่าจานวนโมเลกุลของอากาศในปริมาตร
หนึ่งมีผลต่อความดันอากาศของพืนทีนน
้ ่ ั้
3. ทดลองและสรุปได้ว่าโมเลกุลอากาศมีแรงดันและความดัน
อากาศมีความสัมพันธ์กบอุณหภูมอากาศ
ั ิ
- 45. สรุปผลการทากิจกรรม
อุณหภูมิอากาศมีผลต่อการเคลื่อนที่ของ
โมเลกุลของอากาศและความดันอากาศ
- 46. ตอบคาถาม
? จานวนโมเลกุลของอากาศในลูกโป่งก่อน
และหลังวางบนน้าร้อนเท่ากันหรือไม่
เท่ากัน เนื่องจากหลังจากที่เป่าลมใส่ในลูกโป่งจะมัด
ปากลูกโป่งแน่น จนโมเลกุลของอากาศไม่สามารถออกมา
จากลูกโป่งได้
- 47. ? เมื่อวางลูกโป่งบนน้าร้อน ขนาดของลูกโป่ง
เปลี่ยนแปลงอย่างไร
ขยายใหญ่ขึ้น เนื่องจากอากาศภายในลูกโป่งเมื่อได้รับพลังงาน
ความร้อนจากการถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากน้าร้อนในภาชนะ ทา
ให้โมเลกุลของอากาศมีพลังงานมากขึ้น จึงเคลื่อนที่เร็วขึ้นอยู่ภายใน
ลูกโป่งชนผนังลูกโป่งทุกทิศทุกทางบ่อยครังขึน มีแรงดันบนพื้นผิวลูกโป่ง
้ ้
มากขึน ส่งผลให้ความดันอากาศภายในลูกโป่งเพิมขึนและมากกว่าความ
้ ่ ้
ดันอากาศภายนอก ผนังลูกโป่งยืดออกตามแรงดันอากาศที่อยู่ภายใน
ขนาดลูกโป่งจึงขยายใหญ่ขึ้น
- 48. ? อะไรเป็นสาเหตุททาให้ขนาดของลูกโป่งเปลี่ยนแปลงไป
ี่
ปริ ม าตรอากาศภายในลู ก โป่ ง ซึ่ ง อยู่ ใ นระบบปิ ด เมื่ อ
ขยายตัว เนื่องจากโมเลกุลอากาศได้รับพลังงานมากขึ้น เคลื่อนที่
ชนผนั ง ลู ก โป่ ง มากขึ้ น ผนั ง ลู ก โป่ ง จะยื ด หรื อ ขยายออกตาม
แรงดั นของโมเลกุ ล อากาศที่ อ ยู่ ภ ายในลู กโป่ ง ทาให้ ปริม าตร
อากาศภายในลูกโป่งมีปริมาตรเพิ่มขึ้น ลูกโป่งมีขนาดใหญ่ขึ้น
ตามลาดับ
- 51. กิจกรรม 1,4
การวัดอัตราเร็วลมและทิศทางลม
จุดประสงค์
1. ประดิษฐ์เครื่องมือวัดอัตราเร็วลมและทิศทางลม
อย่างง่ายได้
2. อธิบายหลักการทางานของเครื่องมือที่สร้างขึ้นได้
- 52. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. กระดาษ A4 ขนาด 120 gm 1 แผ่น
2. ไม้มีความยาว 20 cm 1 อัน
3. วงเวียน 1 อัน
4. กระดาษว่าว ขนาด 1x10 cm 1 แผ่น
5. เทปใส 1 ม้วน
6. กาว 1 หลอด
7. กรรไกร 1 อัน
8. ด้ายเย็บผ้าขนาดเล็ก 1 หลอด
- 53. ผลการทากิจกรรม
บริเวณ ระดับอัตราเร็วลม ทิศทางลม
หน้าเสาธง ระดับ 4 ตะวันออกเฉียงใต้
กลางสนาม ระดับ 5 ตะวันออกเฉียงใต้
หลังตึกอานวยการ ระดับ 2 ตะวันออก
- 54. สรุปผลการทากิจกรรม
เครื่องมือวัดอัตราเร็วลมและทิศทางลม
อย่างง่ายที่ประดิษฐ์ขึ้นนั้น สามารถใช้วัด
และเปรียบเทียบอัตราเร็วและทิศทางลมได้
ดังตัวอย่างคือ......
- 55. ตอบคาถาม
? จากข้อมูลบริเวณทีมีอตราเร็วลมมากทีสด
่ ั ่ ุ
คือบริเวณใด
บริเวณกลางสนาม
- 58. กิจกรรม 1,5
จุดประสงค์ ความชื้นอากาศ
1. ออกแบบการทดลองโดยใช้สารละลายโคบอลต์
(II) คลอไรด์
2. ตรวจสอบความชื้นอากาศที่บริเวณต่างๆใน
โรงเรียนหรือที่บ้าน
- 59. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมี
1. กระดาษกรอง 1 แผ่น
2. สารละลายโคบอลต์ (II) คลอไรด์ 5% 10 cm3
3. บีกเกอร์ 100 cm3 1 ใบ
4. ปากคีบโลหะ 1 อัน
5. เทปใส 1 ม้วน
6. เครื่องเป่าผม 1 อัน
7. กรรไกร 1 อัน
- 60. ผลการทากิจกรรม
1. กระดาษกรองชุบสารละลายโคบอลต์ (II) คลอไรด์
ขณะเปียก จะมีสชมพู
ี
ขณะแห้ง จะมีสนาเงิน
ี ้
2. สีกระดาษกรองทีวางไว้บริเวณต่าง ๆ
่
สถานทีตรวจวัด
่ สีของกระดาษชุบโคบอลต์ (II) คลอไรด์
ในห้องปรับอากาศ ม่วง
ในเรือนเพาะชา ชมพู
กลางแจ้ง น้าเงิน
ระเบียง ม่วง
ห้องน้า ชมพู-ม่วง
หมายเหตุ เก็บข้อมูลวันที.่ ...........
- 61. สรุปผลการทากิจกรรม
ในบริเวณสิ่งแวดล้อมต่างกันจะมีจานวนไอน้าใน
อากาศหรือความชื้นอากาศต่างกัน สถานที่ที่ใกล้แหล่ง
น้าและอุณหภูมิอากาศสูงย่อมทาให้น้าระเหยกลายเป็น
ไอน้าในอากาศได้มากกว่าดังเช่นใน......ส่วนบริเวณที่
แห้งหรือไม่มแหล่งนาย่อมจะมีน้าระเหยกลายเป็นไอน้า
ี
ในอากาศได้น้อย ดังเช่น.....
- 62. ตอบคาถาม
? ความชื้นของอากาศมีผลต่อสีของโคบอลต์
(II) คลอไรด์ อย่างไร
เปลี่ ย นจากสารละลายสี น้ าเงิ น เป็ น
สารละลายสีชมพู
- 63. ? ความชื้นอากาศที่บริเวณต่าง ๆ เหมือนหรือ
แตกต่างกันอย่างไร
แตกต่างกัน บริเวณที่มีความชื้นมาก เช่น ห้องน้า เรือน
เพาะชา กระดาษที่ชุบสารละลายโคบอลต์ (II) คลอไรด์ จะ
ยังคงเป็นสีชมพู ส่วนบริเวณที่มีความชื้นน้อยมาก เช่น ที่ระเบียง
และที่ กลางแจ้ ง น้ าจะระเหยออกจากกระดาษชุ บสารละลาย
โคบอลต์ (II) คลอไรด์ และเปลี่ยนเป็นสีน้าเงิน
- 65. อากาศอยู่ในสภาวะอิมตัวด้วยไอน้า คือ
่
สภาวะที่อากาศรับไอน้าได้ปริมาณสูงสุด ณ
อุณหภูมิอากาศขณะนั้น
ปริ ม าณไอน้ าอิ่ ม ตั ว คื อ ปริ ม าณไอน้ า
สูงสุดที่อากาศสามารถรับไว้ได้
- 68. กิจกรรม 1,6
จุดประสงค์ การหาความชื้นสัมพัทธ์
1. ทดลองและอธิบายการหาค่าความชื้นสัมพัทธ์ด้วย
ไซครอมิเตอร์
2. แปลความหมายและอธิบายค่าความชื้นสัมพัทธ์ของ
อากาศที่วัดได้
- 70. ผลการทากิจกรรม
การวัดความชื้นสัมพัทธ์โดยใช้ ไซครอมิเตอร์ ในพื้นที่..............
เมื่อวันที.่ .............
อุณหภูมิ (๐C) ผลต่างของ ค่าความชืน้
สถานทีตรวจวัด
่
กระเปาะแห้ง กระเปาะเปียก อุณหภูมิ (๐C) สัมพัทธ์(ร้อยละ)
ในห้องปรับอากาศ 25 22 3 76
ในเรือนเพาะชา 32 29 3 79
กลางแจ้ง 33 28 5 67
ระเบียง 30 26 4 72
ห้องน้า 29 27 2 85
- 71. สรุปผลการทากิจกรรม
อากาศในห้องน้ามีปริมาณไอน้าจริงในอากาศ
ใกล้เคียงกับปริมาณไอน้าอิมตัวมากกว่าอากาศบริเวณ
่
กลางแจ้ง ซึ่งมีปริมาณไอน้าจริงในอากาศแตกต่างกับ
ปริมาณไอน้าอิ่มตัวค่อนข้างมาก ค่าความชื้นสัมพัทธ์
ของอากาศในห้องน้ามีค่าสูงกว่าค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่
บริเวณกลางแจ้ง
- 72. ตอบคาถาม
? ค่าความชื้นสัมพัทธ์ทวัดได้จากบริเวณที่
ี่
ต่างกันมีค่าเป็นอย่างไร
ต่ า งกั น คื อ อากาศในห้ อ งน้ ามี ค่ า ความชื้ น
สั มพั ทธ์ สูงกว่ าอากาศในเรื อนเพาะชา ในห้ องปรั บ
อากาศที่ระเบียง และบริเวณกลางแจ้ง ตามลาดับ
- 74. ? ถ้าอุณหภูมกระเปาะแห้งอ่านได้ 28๐C และอุณหภูมิ
ิ
กระเปาะเปียกอ่านได้ 24๐C ค่าความชืนสัมพัทธ์จะเป็นเท่าใด
้
ผลต่างของอุณหภูมิ คือ 4๐C
อ่านค่าจากการเทียบหาจุดตัดระหว่างค่าอุณหภูมกระเปาะ
ิ
แห้งกับผลต่างอุณหภูมิ (28,4) จะได้ค่าความชื้นสัมพัทธ์
=72%
- 78. กิจกรรม 1,7
จุดประสงค์ มาดูเมฆกัน
1. สังเกตและอธิบายรูปร่างลักษณะของเมฆบนท้องฟ้า
2. สังเกต จาแนกและอธิบายชนิดของเมฆ และ
ปริมาณเมฆในท้องฟ้า
3.เปรียบเทียบและอธิบายชนิดของเมฆในท้องฟ้ากับ
แผนภาพจากเมฆในหนังสือ
- 81. สรุปผลการทากิจกรรม
ท้องฟ้าในวันที่...........ณ......... มีลักษณะเป็น
ท้องฟ้าโปร่ง มีเมฆน้อย เพียง 2/10 ของท้องฟ้า
และเมฆอยู่ในระดับสูง ขนาดเล็ก ๆ ทั้งนี้อาจ
เนื่องมาจากในอากาศมีปริมาณไอน้าในอากาศน้อย
ความชื้นสัมพัทธ์ต่า อากาศจะค่อนข้างเย็นและแห้ง
เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูหนาว
- 82. กลุ่มคา
ซีร์โร (CIRRO) เมฆระดับสูง เป็นริ้ว ๆ
อัลโต (ALTO) เมฆระดับกลาง
คิวมูลัส (CUMULUS) เมฆเป็นก้อน เป็นแผ่น
สเตรตัส (STRATUS) เมฆเป็นชัน ๆ้
นิมบัส (NIMBUS) เมฆที่ก่อให้เกิดฝน
- 83. ตอบคาถาม
? สังเกตเมฆลักษณะอย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่เมฆอยู่ในระดับสูงมีทั้งที่มีรูปร่างเป็น
ก้อนเล็กๆ และเป็นแผ่นบางๆ กระจายอยู่บนท้องฟ้า
- 85. ? นักเรียนคิดว่าสถานะของละอองน้าในเมฆที่อยู่
ในที่สูงๆ กับที่อยู่ในที่ต่า เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
เมฆที่อยู่ระดับสูงจะประกอบด้วยผลึกน้าแข็งเกือบทั้งหมด
เพราะอุณหภูมที่ระดับสูงต่ากว่าจุดเยือกแข็ง ส่วนเมฆที่ระดับปาน
ิ
กลางจะประกอบด้วยผลึกน้าแข็งและละอองน้า เนื่องจากเมฆมี
อุณหภูมิไม่ต่าพอที่จะเป็ นผลึ กน้าแข็ ง สาหรับเมฆที่ระดับต่าจะ
ประกอบด้วยละอองน้าเกือบทั้งหมด
- 86. ? ในท้องฟ้าที่มีปริมาณแสงอาทิตย์เท่ากัน เมฆที่เห็น
เป็นสีขาว และเมฆที่เห็นเป็นสีเข้ม เมฆกลุ่มใดมีจานวน
ละอองน้ามากกว่ากัน
เมฆที่เห็นเป็นสีขาวจ้า แสดงว่ากลุ่มของละอองน้าในเมฆ
มีน้อยดูดแสงไว้น้อยแล้วสะท้อนแสงจานวนมากมาเข้าตา แต่ถ้า
สิ่งกระทบเมฆแล้วทาให้เราเห็นเป็นแสงเข้ม แสดงว่ากลุ่มของ
ละอองน้าในเมฆมีมาก ดูดแสงไว้ได้มากแล้วสะท้อนแสงจานวน
น้อยมาเข้าตา จึงเห็นเป็นแสงสีเข้ม
- 91. กิจกรรม 1,8
การวัดปริมาณน้าฝนอย่างง่าย
จุดประสงค์
1. อธิบายหลักการของเครื่องวัดปริมาณน้าฝน
2. ทดลองสร้างเครื่องวัดปริมาณน้าฝนอย่างง่ายและ
แสดงวิธีการวัด
- 95. ? จากปัญหาของการทดลองดังกล่าว ตัว
แปรต้น ตัวแปรตม ตัวแปรควบคุม คืออะไร
ตัวแปรต้น คือ ขนาดของภาชนะ
ตัวแปรตาม คือ ระดับความสูงของน้าในภาชนะ
ตัวแปรควบคุม คือ ภาชนะรูปทรงกระบอกมีลักษณะใส,
การฉีดน้าเป็นฝอยเหนือภาชนะทุกใบอย่างสม่าเสมอ, ภาชนะทุก
ใบวางตั้งฉากกับพื้น
- 98. สรุปผลการทากิจกรรม
ขนาดของภาชนะทรงกระบอกไม่มผลต่อความสูง
ี
ของระดับน้าในภาชนะ ดังนั้นในการสร้างเครื่องมือ
วัดปริมาณน้าฝนในธรรมชาติจึงนิยมใช้ภาชนะ
ทรงกระบอกปากกว้างขนาดใหญ่ เพื่อสามารถวัด
ระดับความสูงของน้าฝนที่ตั้งฉากกับพื้นผิวก้นภาชนะ
ที่รองรับน้าฝนที่ตกลงมาในช่วงเวลาที่กาหนด โดยไม่
มีการระเหยหรือซึมลงไปในพื้นดิน
- 99. ตอบคาถาม
? ปริมาณน้าฝนในภาชนะทีมีขนาดต่างๆ
่
แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
แตกต่างกั น เพราะภาชนะมี ข นาดของ
พื้นที่หน้าตัดต่างกันตามขนาดของภาชนะ
- 102. ถ้าอากาศมีความชืน 20 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่อุณหภูมิ
้
30๐C และที่อณหภูมิ 40๐C มีความชืนสัมพัทธ์เป็นเท่าใด
ุ ้
ตามลาดับ กาหนด
ที่อุณหภูมิ 30๐C มีปริมาณไอน้าอิมตัวที่ 20 กรัมต่อ
่
ลูกบาศก์เมตร
ที่อุณหภูมิ 40 ๐C มีปริมาณไอน้าอิ่มตัวที่ 40 กรัมต่อ
ลูกบาศก์เมตร
- 104. 2
ความดัน 1 บรรยากาศ มีค่าเท่ากับข้อใด
ก. 760 มิลลิเมตรของปรอท
ข. 660 มิลลิเมตรของปรอท
ค. 560 มิลลิเมตรของปรอท
ง. 460 มิลลิเมตรของปรอท
- 128. 26
ความชื้นสัมพัทธ์ 60 % หมายความว่าอย่างไร
ก. อากาศมีไอน้าอิมตัวอยู่ 60 %
่
ข. อากาศมีไอน้าอิมตัวอยู่ 40 %
่
ค. อากาศมีไอน้าอยู่ 40 % ของไอน้าอิมตัว
่
ง. อากาศมีไอน้าอยู่ 60 % ของไอน้าอิมตัว
่
- 130. 28
บริเวณทีมีหย่อมความกดอากาศต่าพัดผ่าน
่
ลักษณะอากาศจะเป็นอย่างไร
ก. ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศร้อนอบอ้าว
ข. ท้องฟ้ามีเมฆมาก อากาศหนาวเย็น
ค. ท้องฟ้ามีเมฆฝน อากาศร้อนอบอ้าว
ง. ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศหนาวเย็น
- 137. 35
ข้อใดไม่ถกต้อง
ู
ก. อากาศทีอยู่ในสภาวะทีมความชืนมากทีสด เป็นอากาศทีอมตัวด้วย
่ ่ ี ้ ่ ุ ่ ิ่
ไอน้ามากทีสด ่ ุ
ข. เมื่อระดับความสูงเพิมขึน ความดันของอากาศลดลง เพราะความ
่ ้
หนาแน่นของอากาศเพิมขึน่ ้
ค. ความแตกต่างของอุณหภูมกระเปาะเปียกและกระเปาะแห้งมีมากขึน
ิ ้
ค่าความชืนสัมพัทธ์จะน้อยลง
้
ง. น้าค้างเกิดจากอากาศมีไอน้ามากเย็นตัวลงจนไม่สามารถรับไอน้าได้
อีกจึงเปลียนเป็นหยดน้าเล็ก ๆ
่
- 138. 36
ข้อใดไม่ถกต้อง
ู
ก. ความหนาแน่นของอากาศจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อสูงจากผิวโลก
มากขึน้
ข. ในบรรยากาศของโลก อุณหภูมจะลดลงตามระดับความสูง
ิ
ค. มีปัจจัยหลายอย่างทีทาให้อณหภูมในทีต่าง ๆ แตกต่างกัน
่ ุ ิ ่
ง. ความดันของอากาศจะลดลงตามระดับความสูง
- 140. 38
บรรยากาศคือข้อใด
ก. สภาพแวดล้อมรอบโลก
ข. สิ่งที่มองเห็นเป็นท้องฟ้า
ค. อากาศเหนือก้อนเมฆทังหมด ้
ง. อากาศทีอยู่รอบตัวเราและห่อหุ้มโลก
่
- 151. 49
ถ้าโลกของเราไม่มชนบรรยากาศห่อหุ้มจะเกิดสิ่งใด
ี ั้
ก. เกิดเมฆ ลม ฝน พายุตลอดเวลา
ข. เครื่องบินและเครื่องร่อนบินอยู่ไม่ได้
ค. ผิวโลกจะเรียบไม่มหลุมและบ่อเหมือนผิวของดวง
ี
จันทร์
ง. โลกจะมีอุณหภูมิสูงตลอดเวลาและอุณหภูมิสูงเท่ากัน
ทั่วโลก