More Related Content
Similar to 2562 final-pai2
Similar to 2562 final-pai2 (20)
2562 final-pai2
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน บาสเกตบอล
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นายปายนที พฤกษาสกุล เลขที่ 41 ม.6/14
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานร่วม (ถ้ามี)…………………………………………………
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
- 2. 2
สมาชิกในกลุ่ม 1 คน
1นายปายนที พฤกษาสกุล เลขที่ 41
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
บาสเกตบอลเพื่อสุขภาพ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
basketball
ประเภทโครงงาน เพื่อสุขภาพ
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายปายนที พฤกษาสกุล
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม -
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
บาสเกตบอลได้รับการบรรจุในกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2479 ถึงแม้ว่าเคยจัดการแข่งขันเป็น
กีฬาสาธิตก่อนหน้านั้นนานมากเมื่อ พ.ศ. 2447 สหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่เก่งกีฬานี้ และทีมชาติสหรัฐพลาด
เหรียญทองเพียงสามครั้งเท่านั้น โดยครั้งแรกที่พลาดแข่งที่มิวนิกในปี พ.ศ. 2515 โดยแพ้ให้กับทีมสหภาพโซ
เวียต การแข่งขันเวิลด์แชมป์ เปียนชิปส์ (World Championships) สาหรับบาสเกตบอลชายเริ่มแข่งปี พ.ศ. 2493 ที่
ประเทศอาร์เจนตินา ส่วนประเภทหญิงเริ่มแข่งสามปีถัดมาใน ประเทศชิลี กีฬาบาสเกตบอลหญิงเริ่มแข่งใน
โอลิมปิกปี พ.ศ. 2519 โดยมีทีมที่โดดเด่นเช่น บราซิล ออสเตรเลีย และ สหรัฐอเมริกาฟีบายกเลิกการแบ่งผู้เล่นเป็น
สมัครเล่นและอาชีพเมื่อ พ.ศ. 2532 และปี พ.ศ. 2535 ผู้เล่นอาชีพก็ได้แข่งในกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรก ความ
ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกากลับมาอีกครั้งโดยการส่งดรีมทีม ที่ประกอบด้วยผู้เล่นจากเอ็นบีเอ แต่ปัจจุบันประเทศอื่น
สามารถพัฒนาตามทันสหรัฐอเมริกา ทีมที่มีผู้เล่นเอ็นบีเอล้วนๆ ได้ที่หกในการแข่งเวิลด์แชมเปียนชิปส์ในปี พ.ศ.
2545 ที่เมืองอินเดียแนโพลิส รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา ตามหลัง เซอร์เบียและมอนเตเนโกร
อาร์เจนตินา เยอรมนี นิวซีแลนด์ และ สเปน ในโอลิมปิกปี พ.ศ. 2547 สหรัฐแพ้เป็นครั้งแรกนับจากที่เริ่มใช้ผู้เล่น
อาชีพ โดยพ่ายให้กับทีมชาติเปอร์โตริโก และสุดท้ายได้เป็นอันดับสาม รองจากอาร์เจนตินา และอิตาลี ปัจจุบัน มี
การแข่งขันทัวร์นาเมนต์บาสเกตบอลทั่วโลกในทุกระดับอายุ ตั้งแต่ห้าจนถึงหกสิบปี ระดับไฮสกูล (มัธยมปลาย)
มหาวิทยาลัย ไปจนถึงระดับลีกอาชีพ และมีแข่งทั้งประเภทชายและหญิง
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่ออนุรักษ์การเล่นบาสเกตบอล
2. เพื่อฝึกการทางานเป็นกลุ่ม
3. เป็นการสร้างร่างกายไห้แข็งแรง
4. เพื่อฝึกการเล่นบาสเกตบอล
5. เพื่อศึกษาประวัติและวิธีเล่นบาสเกตบอล
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามบุคคลที่รู้เกี่ยวกับการเล่นบาสเกตบอล
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
หลักปฏิบัติในการเลี้ยงลูกบาสเกตบอล
การใช้นิ้วและปลายนิ้วทั้ง 5 แตะลูกบาสเกตบอลกดลงกระทบพื้นแล้วให้กระดอนขึ้นลง ครั้งเดียว หรือหลายครั้ง
จะเป็นการเลี้ยงลูกอยู่กับที่ หรือเคลื่อนที่ หรือเลี้ยงลูกสูง หรือต่า ก็ขึ้นอยู่กับโอกาส หรือความต้องการของผู้
เลี้ยง การเลี้ยงลูกบาสเกตบอลจะใช้ในกรณีที่นาลูกเข้าไปยิงประตู เพื่อหลอกล่อและหลบหลีกคู่ต่อสู้ หรือในกรณี
ที่ไม่สามารถ ส่งลูกให้ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันได้ทัน การเลี้ยงลูกในขณะแข่งขันโดยไม่มีความจาเป็น เช่น เลี้ยงลูกเพื่อ
โชว์ลวดลายจะทาให้เสียเวลาและโอกาสในการทาประตู หรืออาจจะถูกผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามแย่งลูกไปครอบครอง
ได้ การเลี้ยงลูกบอลต่ามีเป้าหมายเพื่อการครอบครองบอลไว้จากการป้องกัน และบางครั้งก็จาเป็นต้องใช้เพื่อ การ
หลบหลีกคู่ต่อสู้ การหลบหลีกทาได้หลายวิธี บางวิธีก็ง่าย บางวิธีก็ยากต่อการฝึก วิธีที่ยากอาจจะมีการเสี่ยง ต่อการ
เสียการครอบครองลูกบอล เช่น การเลี้ยงลูกบอลต่า โดยลอดระหว่าง เท้าหรือตวัดอ้อมด้านหลัง เป็นต้น แต่ถ้า
ผู้สอนได้แนะนาให้ถูกวิธี ถูกขั้นตอน และฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความชานาญแล้วอัตราการเสี่ยงก็ลดน้อยลง ทั้งยัง
เป็นการเพิ่มคุณค่าของผู้เล่นให้มีความสามารถสูงขึ้น การที่ผู้เล่นมีความสามารถในการเลี้ยงลูก หลบหลีก ได้
หลายๆ วิธี ก็มิใช่ว่าจะหลบหลีกได้ผลทุกครั้งไปแต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้เลี้ยงลูกบอลจะสามารถใช้ไหวพริบเลือก วิธีการ
เลี้ยงหลบหลีกการเลี้ยงลูกบาสเกตบอลเป็นทักษะที่จาเป็นกับผู้เล่นทุกคน
- 4. 4
กีฬาบาสเกตบอล
ทักษะพื้นฐานของกีฬาบาสเกตมี 3 อย่างดังนี้
1.การเลี้ยงบอล
หากเรามีทักษะการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว การจะครองเกมย่อมไม่ใช่เรื่องยาก หากสามารถเลี้ยง
บอลได้โดยไม่ต้องมองลูกก็ถือว่าฝึกสาเร็จมาขั้นนึงแล้ว
2.การส่งบอล
หากเราสามารถส่งบอลจากทุกที่ในสนามไปถึงทุกคนในทีมได้ การทาเกมย่อมดาเนินไปได้อย่าง
ราบรื่น ซึ่งการตัดลูกส่งของอีกฝ่ ายก็ถือเป็นทักษะที่ดีเหมือนกัน แต่หากส่งได้ดีย่อมไม่มีใครตัดบอลได้
แล้วถ้าไม่มีใครตัดบอลได้ เราก็สามารถทาแต้มได้อย่างง่ายดาย
3.การทาแต้ม
แม้ว่าการทาแต้มจะสาคัญมากกับก็ฬาบาสเก็ตบอล แต่การฝึกเพื่อให้สามารถทาแต้มได้ในทุก
สถานการณ์นั้นยากยิ่งกว่า ยิ่งนักกีฬาดังๆเขาสามารถทาแต้มได้แม้มีคนตามประกบด้วยซ้า หากเรา
สามารถทาแต้มได้ในทุกสถานการณ์ เพื่อนย่อมต้องการที่จะส่งบอลมาให้เราแน่นอน
ทักษะข้างต้นที่ว่ามานั้นเป็นทักษะพื้นฐานในการเรียนบาสเกตสบอล
ทฤษฎีการการเรียนรู้ของbloom
Bloom เป็นนักการศึกษาชาวอเมริกัน เชื่อว่า การเรียนการสอนที่จะประสบความสาเร็จและมี
ประสิทธิภาพนั้น ผู้สอนจะต้องกาหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน และได้แบ่งประเภทของพฤติกรรมโดย
อาศัยทฤษฎีการเรียนรู้และจิตวิทยาพื้นฐานว่า มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้ใน 3 ด้านคือ ด้านสติปัญญา ด้าน
ร่างกาย และด้านจิตใจ และนาหลักการนี้จาแนกเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาเรียกว่า Taxonomy of
Educational objectives โดยในวิชาการสอนบาสเกตบอลนั้นจะเน้นด้านการใช่ร่างกายเป็นส่วนใหญ่
จึงจะยกด้านทักษะพิสัยมาใช้ในการเรียนการสอน
ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) (พฤติกรรมด้านกล้ามเนื้อประสาท) พฤติกรรมที่บ่งถึง
ความสามารถในการปฏิบัติงานได้อย่างคล่องแคล่วชานิชานาญ ซึ่งแสดงออกมาได้โดยตรงโดยมีเวลา
และคุณภาพของงานเป็นตัวชี้ระดับของทักษะประกอบด้วย 5 ขั้น ดังนี้
- 5. 5
1.การรับรู้ คือ การที่เราทาให้ผู้เรียนรับรู้ถึงเนื้อหาหรือสิ่งที่ต้องปฏิบัติในการเรียนวิชาบาสเกตบอล
2.กระทาตามแบบ คือ เริ่มให้ผู้เรียนฝึกปฏิตามที่ผู้สอนทาให้ดู ผู้สอนก็จะบอกเทคนิกวิธีการทาแต่ละ
ท่าอย่างถูกต้อง
3.การหาความถูกต้อง คือ ผู้เรียนจะเริ่มฝึกฝนด้วยตนเองและหาวิธีการทาที่ถูกต้องตามที่ผู้สอนบอก
4.การกระทาอย่างต่อเนื่องหลังจากตัดสินใจ คือการที่ผู้เรียนมีความรู้มากขึ้นแล้วจึงนาทักษะแต่ละด้าน
มารวมกันให้เกิดความต่อเนื่อง
5. การกระทาได้อย่างเป็นธรรมชาติ คือ เมื่อฝึกมากขึ้นผู้เรียนจะมีความคุ้นเคยกับทักษะนั้นและเกิด
ความชานาญในที่สุดทาให้เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- 6. 6
กติกาบาสเกตบอล
1. สามารถโยนลูกบอลด ้วยมือข ้างเดียวหรือสองมือ
2. สามารถตีลูกบอลด ้วยมือข ้างเดียวหรือสองมือ แต่ต ้องไม่ใช ้กาปั้น
3. ห ้ามถือลูกบอลวิ่งต ้องโยนลูกบอลจากจุดที่ถือลูกบอล ผู้เล่นสามารถวิ่งเพื่อคว ้าบอล
4. ต ้องถือลูกบอลด ้วยมือ แขนหรือลาตัว ห ้ามดึงลูกบอล
5. ห ้ามใช ้ไหล่ดัน ผลัก ดึง ตบหรือตี ฝ่ ายตรงข ้าม หากเกิดการละเมิดให ้ถือเป็น ฟาล์ว หาก
กระทาซ้าอีก ถือเป็น ฟาล์วเสียสิทธิ์ จนกว่าจะเกิดการยิงประตูเป็นผลในคราวต่อไป หรือเกิดผู้เล่น
บาดเจ็บของผู้เล่นตลอดการแข่งขัน ห ้ามเปลี่ยนตัวผู้เล่น
6. การฟาล์วเป็นการกระแทกลูกบอลด ้วยกาปั้นและการผิดระเบียบของกติกา ข ้อ 3, 4 และ
ตาม รายละเอียดตามกติกาข ้อ 5
7. หากผู้เล่นฝ่ ายเดียวกันกระทาฟาล์วติดต่อกัน 3 ครั้ง ให ้นับคะแนน (การฟาล์วติดต่อกัน
หมายถึง เป็นการฟาล์วที่ไม่มีการฟาล์วของฝ่ ายตรงข ้ามคั่นระหว่างการฟาล์วติดต่อนั้น)
8. เมื่อลูกบอลถูกตี หรือโยนจากพื้นเสข ้าประตู ให ้นับคะแนน หากลูกบอลค ้างก ้านห่วงโดยผู้ เล่น
ฝ่ ายป้องกันสัมผัสหรือกระทบประตู ให ้นับคะแนน
9. เมื่อลูกบอลออกนอกสนามให ้ส่งบอลเข ้าเล่นที่สัมผัสลูกบอลครั้งแรกในกรณี ที่มีผู้คัดค ้าน
กรรมการผู้ร่วมตัดสิน (Umpire) จะโยนบอลเข ้าไปในสนาม ผู้เล่น ที่ส่งบอลสามารถใช ้เวลาได ้ 5 วินาที
หากเกินกว่านั้นฝ่ ายตรงข ้ามได ้ส่งบอลแทน หากมีการคัดค ้านและทาให ้การแข่งขัน ล่าช ้า กรรมการผู้
ร่วมตัดสิน (Umpire) สามารถขานฟาล์วเทคนิค
10. กรรมการผู้ร่วมตัดสิน (Umpire) มีหน้าที่ตัดสินและจดบันทึดการฟาล์ว เกิดฟาล์วต่อกัน ครบ 3
ครั้ง ให ้แจ ้งต่อผู้ตัดสิน (Referee) และสามารถให ้ฟาล์วเสียสิทธิ์ ตามกติกาข ้อ 5
11. ผู้ตัดสิน (Referee) มีหน้าที่ตัดสินชี้ขาด เมื่อลูกบอลเข ้าสู่การเล่นในพื้นที่ของเขาและเป็นผู้
จับเวลา, ให ้คะแนนเมื่อเกิดการยิงประตูเป็นผล, จดบันทึกคะแนนและรับผิดชองตามพื้นที่
12. เวลาการแข่งขัน แบ่งเป็น 2 ครึ่ง ๆละ 15 นาที พัก 5 นาที
13. เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน ฝ่ ายที่ทาคะแนนมากกว่าเป็นผู้ชนะ กรณีมีคะแนนเท่ากันให ้หัวหน้า
ทีมตกลงกันเพื่อแข่งขันต่อจนกว่ามีฝ่ ายใดทาคะแนนได ้
- 7. 7
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. ปรึกษาเลือกหัวข้อ
2. ศึกษารวบรวมข้อมูล
3. ปรับปรุงและแก้ไข
4. นาเสนอครู
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
-อินเตอร์เน็ต
-คอมพิวเตอร์
-โทรศัพท์
งบประมาณ
200บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน