โครงงานคอม

1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ความทรงจาของมนุษย์
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นายภควัต ชื่นวิไลทรัพย์ เลขที่35 ชั้น ม.6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34

2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1.นายภควัต ชื่นวิไลทรัพย์ เลขที่ 35
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ความทรงจาของมนุษย์
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Brain of human
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา(Education media)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายภควัต ชื่นวิไลทรัพย์
ชื่อที่ปรึกษา คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
สาเหตุที่สนใจศึกษาเรื่องนี้เพราะว่าโดยส่วนตัวเป็นคนที่ขี้หลงขี้ลืม บางเรื่องที่สาคัญๆกลับลืมแต่
บางเรื่องที่เราอยากลืมกลับจามันได้โดยที่บางครั้งเราไม่ได้ตั้งใจที่จะจามันเลยด้วยซ้า เช่น เวลาที่เรา
อ่านหนังสือเราก็จะจามันไม่ค่อยได้ต้องอ่านมันหลายๆรอบทวนมันหลายๆรอบจึงจะจามันได้แต่
กลับกันบางเรื่องที่ไร้สาระหรือเรื่องตลกที่เราพบเจอมาเรากลับจามันได้อย่างชัดเจนเป็นต้น เราจึงมีข้อ
สงสัยที่ว่าจริงๆแล้วความทรงจาของเราคืออะไรกันแน่ ทาไมสมองเราถึงจาเรื่องนี้หรือไม่จาเรื่องนี้
มีวิธีไหนบางที่ทาให้ความทรงจาของคนเราดีขึ้นมาหรือมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
ความทรงจา (Memories) อาจเป็นหนึ่งในหลักฐานสาคัญที่ทาให้มนุษย์‘เป็นมนุษย์’ ที่เราเฝ้าสงสัยมา
เป็นเวลานับพันๆ ปี ความทรงจานั้นยากเกินที่เราจะทาความเข้าใจหรือไม่ เราเก็บเกี่ยวความทรงจาที่

3. 3
ล้าค่าพอๆ กับความทรงจาที่โหดร้ายอย่างไร เราจึงได้จัดทาโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้รับความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับความทรงจาของมนุษย์เราและให้ผู้คนที่สนใจได้ศึกษาข้อมูลและสามารถนาข้อมูล
ที่เราศึกษามาไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความทรงจาของมนุษย์
2.เพื่อทราบสาเหตุของอาการหลงลืมหรือโรคความจาเสื่อม
3.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับประเภทของความทรงจา
4.เพื่อศึกษาวิธีที่ทาให้สามารถทาให้ความทรงจาของเราดียิ่งขึ้น
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาขอมูลเกี่ยวกับสมองและความทรงจาของมนุษย์สาเหตุของอาการหลงลืมหรือโรคความจาเสื่อมและ
ประเภทของความจามนุษย์นอกจากนี้ยังศึกษาเกี่ยวกับวิธีที่สามารถทาให้เรามีความทรงจาที่ดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา
เกี่ยวกับโรคความจาเสื่อม
หลักการและทฤษฎี(ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ความรู้และทฤษฎีต่างๆ ที่ผู้จัดทาโครงงานทาการศึกษามาอ้างอิงมาจากเว็บไซต์ออนไลน์และสื่อออนไลน์อื่นๆ
ที่น่าเชื่อถือ เช่น
1. https://thestandard.co/science-find-remembrance/ เว็บไซต์นี้เป็นบทความที่เกี่ยวกับหน่วยของ
จาทางชีวภาพและงานวิจัยด้านการเรียนรู้ความทรงจาและสมอง
2. https://ngthai.com/science/19208/human-memory/ เป็นบทความที่พูดเกี่ยวกับความทรงจาของ
มนุษย์ประเภทของความทรงจาและภาวะการสูญเสียความทรงจา
3. https://thematter.co/byte/how-we-had-learned-memory-throughout-centuries/39669 บทความ
ที่พูดเกี่ยวกับการศึกษาความทรงจาในอดีตจนถึงปัจจุบัน

4. 4
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. ค้นหาหัวข้อที่ตัวเองสนใจที่จะนามาทาโครงงาน
2. รวบรวมข้อมูลของโครงงานที่สนใจ
3. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาสื่อที่น่าสนใจ เช่น นาเสนอผ่าน powerpoint แผ่นผับ เว็บไซต์ เป็นต้น
4. ประเมินผลงาน
5. ปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของโครงงาน
6. เผยแพร่ให้ผู้อื่นได้มาศึกษา
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. แหล่งข้อมูลจากหนังสือและอินเทอร์เน็ต
งบประมาณ
200 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ(ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.ได้รับความรู้เกี่ยวกับความทรงจาของมนุษย์
2.ได้ทราบสาเหตุของอาการหลงลืมหรือโรคความจาเสื่อม
3.ได้นาเสนอข้อมูลให้กับคนที่สนใจ
สถานที่ดาเนินการ
1.โรงเรียน
2.ห้องสมุด

5. 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.เทคโนโลยีสารสนเทศ
2.ชีวะวิทยา
3.วิทยาศาสตร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://ngthai.com/science/19208/human-memory/
https://www.wegointer.com/2014/09/harvard-healthbeat/
https://thematter.co/science-tech/how-we-had-learned-memory-throughout-centuries/39669
https://thestandard.co/science-find-remembrance/
https://storylog.co/story/5858009a6decfcbe1b45323a