Classroom Action Research

1. บทที่ 3
วิธีดาเนินการวิจัย
การวิจัยนี้เป็นการวิจัย โดยการใช้วิธีสอนเขียนและอ่าน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่าน
ข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 มี
จุดมุ่งหมายเพื่อ
1) สร้างแบบฝึกพัฒนาทักษะการเขียนและการอ่านข้อความ ที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple
Tense สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง Past
Simple Tense สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
3) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียน และการอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค
Past Simple Tense ที่จัดขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80
4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเขียน และการอ่านข้อความที่
ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense ซึ่งผู้วิจัยจะนาเสนอวิธีการดาเนินการวิจัยตามลาดับดังนี้
3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
3.2 ตัวแปรในการวิจัย
3.3 รูปแบบของการวิจัย
3.4 เครื่องมือในการวิจัย
3.5 การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือ
3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.7 การวิเคราะห์ข้อมูล
3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสา อาเภอเวียงสา
จังหวัดน่าน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ซึ่งกาลังเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ 5
รหัสวิชา อ33101 จานวนนักเรียนทั้งสิ้น 328 คน
กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนสา อาเภอเวียงสา
จังหวัดน่าน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ซึ่งกาลังเรียนรายวิชาอังกฤษ 5 รหัสวิชา อ33101
จานวน 44 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยมีเหตุผลในการเลือกกลุ่ม
ตัวอย่างดังนี้
1) เป็นห้องเรียนที่มีนักเรียนมีปัญหาเรื่องการเขียนและอ่านประโยคภาษาอังกฤษเป็นจานวนมาก
2) เป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยได้รับความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างดี
3) เป็นห้องเรียนที่มีจานวนนักเรียนเหมาะสมสาหรับการวิจัย
4) เป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยเป็นครูที่ปรึกษาหรือครูประจาชั้น
3.2 ตัวแปรในการวิจัย
3.2.1 ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ แบบฝึกทักษะการเขียน และการอ่านข้อความที่
ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense
3.2.2 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษการเขียน
และการอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense และความสามารถในการเขียนและอ่าน
ข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense

2. 22
3.3 รูปแบบของการวิจัย
รูปแบบของการวิจัย เป็นการวิจัย โดยวิธีสอนเขียนและอ่าน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนและการ
อ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense ตามรูปแบบ Pre – test และ Post – test
3.4 เครื่องมือในการวิจัย
เครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วยเครื่องมือ 4 ชนิด คือ
3.4.1 แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 รหัสวิชา อ33101 โดยใช้แบบฝึกทักษะการ
เขียนและการอ่านประโยค Past Simple Tense สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น
จานวน 1 แผน 15 คาบ
3.4.2 แบบฝึกทักษะการเขียนและการอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จานวน 12 ชุด
3.4.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนและอ่าน ก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre – test
และ Post – test) จานวน 2 ชุด ๆ ละ 10 ข้อ
3.4.4 สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI จานวน 1 เรื่อง คือเรื่อง The Past Simple Tense
3.5 การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือ
ขั้นตอนการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านก่อนเรียน
และหลังเรียน (Pre – test และ Post – test) ผู้วิจัยทาตามขั้นตอนดังนี้
1) ศึกษาความมุ่งหมายของหลักสูตร เนื้อหา และจุดประสงค์การเรียนวิชาภาษาอังกฤษ 5 จาก
โรงเรียน
2) กาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้
3) ศึกษาและเลือกเนื้อหาที่จะใช้ในการสอน โดยนามาจากหนังสือไวยากรณ์ (Grammar) ต่าง ๆ
และการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต และพิจารณาถึงความยากง่ายของคาศัพท์ สานวนและ
โครงสร้างไวยากรณ์ในระดับเดียวกับเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
นาเนื้อหาทั้งหมดมาปรับปรุง แล้วนาไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อคัดเลือกเรื่องที่มีความ
เหมาะสมมาใช้ในการทดลองกับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3.5.1 ขั้นตอนการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้แบบฝึกทักษะการเขียน และการอ่านข้อความที่
ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense จากรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ผู้วิจัยดาเนินการสร้างดังนี้
3.5.1.1 ศึกษาเนื้อหาเรื่องประโยค Past Simple Tense
3.5.1.2 ศึกษารูปแบบการสอนเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple
Tense
3.5.1.3 ศึกษาเทคนิควิธีการสอนเขียน และอ่านแบบอื่น ๆ ที่นามาใช้ในการสอนโดยใช้แบบฝึก
ทักษะการเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense
3.5.1.4 พัฒนาเป็นรูปแบบการสอนเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple
Tense
3.5.1.5 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้การสอนเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past
Simple Tense ให้สัมพันธ์กับเนื้อหา จานวน 1 แผน 15 คาบ
3.5.1.6 นาแผนการสอนที่สร้างขึ้นเสนอต่อหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และ
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการของโรงเรียนสา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และนาไปปรับปรุงแก้ไขจนได้
แผนการจัดการเรียนรู้การสอนเขียนและอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense

3. 23
3.5.1.7 นาแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้รับการปรับปรุงแล้วไปใช้สอนกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3/2 โรงเรียนสา อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จานวน 44 คน
3.5.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่าน ก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre–test และ Post–
test) มีขั้นตอนการสร้างดังนี้
3.5.2.1 ศึกษาหลักการวัดผลสาหรับวิชาภาษาอังกฤษ 5 และแนวการจัดทาแบบทดสอบ
3.5.2.2 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนและอ่าน ก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre –
test และ Post – test) แบบปรนัย ชุดละ 10 ข้อ
3.5.2.3 นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre – test
และ Post – test) ที่สร้างขึ้นเสนอต่อหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และครูชาว
ต่างประเทศ ของโรงเรียนสา เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม แล้วนามาปรับปรุงแก้ไข
3.5.2.4 นาแบบทดสอบที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว เสนอต่อหัวหน้ากลุ่มสาระฯ อีกครั้ง
3.5.2.5 นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านก่อนเรียนและหลังเรียน (Pre – test
และ Post – test) ไปสอบกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนสา อาเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จานวน 44 คน ในวันจันทร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ถึงวันพุธ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554 ใช้เวลาทดสอบ ครั้งละ 20 นาที
3.5.3 สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เรื่อง The past simple tense มีขั้นตอนการสร้างดังนี้
3.5.3.1 ศึกษาและรวบรวมเนื้อหาเรื่องประโยค Past Simple Tense จากตาราภาษาอังกฤษ
หลายๆ เล่ม และจากอินเตอร์เน็ต
3.5.3.2 ศึกษารูปแบบการสร้างสื่อ CAI ที่มีเนื้อหาประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense
จากอินเตอร์เน็ต
3.5.3.3 ศึกษาเทคนิควิธีการใช้สื่อ CAI ในการสอนในเนื้อหาเรื่องอื่น ๆ จากอินเตอร์เน็ต แล้ว
นามาใช้ในการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple
Tense
3.5.3.4 พัฒนาและเลือกโปรแกรมในการผลิตสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เรื่อง The Past
Simple Tense
3.5.3.5 ผลิตสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยใช้โปรแกรม Adobe Captivate เวอร์ชั่น 4.0 ในการ
สร้างสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง The Past Simple Tense ให้สัมพันธ์กับเนื้อหา จานวน 1 ชิ้น
3.5.3.6 นาสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ที่สร้างขึ้น เสนอต่อหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการของโรงเรียนสา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และ
นาไปปรับปรุงแก้ไขจนได้ สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง The Past Simple Tense
3.5.3.7 นาสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ไปใช้สอนกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3/2 โรงเรียนสา จังหวัดน่าน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จานวน 44 คน
3.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.6.1 ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล กระทาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 การเก็บข้อมูลแต่ละครั้งใช้
เวลา 1 คาบ คาบละ 50 นาที ทั้งหมด 1 เดือน เป็นเวลาทั้งสิ้นรวม 15 คาบ เริ่มทาการเก็บ
ข้อมูล ในวันจันทร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ถึงวันพุธ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

4. 24
3.6.2 ขั้นตอนในการสอน หรือ การวิจัย
3.6.2.1 ทาการทดสอบก่อนเรียน (Pre – test) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2
จานวน 44 คน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียน และอ่านข้อความที่ประกอบด้วย
ประโยค Past Simple Tense ก่อนเรียน (Pre – test) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3.6.2.2 ดาเนินการสอนวิชาภาษาอังกฤษ โดยสอนเนื้อหาตามแผนการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ โดยสอนเขียนและอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค Past Simple Tense ใช้เวลาในการสอน 15
คาบ คาบละ 50 นาที
3.6.2.3 ให้นักเรียนศึกษาสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เรื่อง Past simple tense ซึ่ง
ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อประกอบการสอน
3.6.2.4 ทาการทดสอบหลังเรียน (Post – test) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2
จานวน 44 คน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนและอ่านข้อความที่ประกอบด้วยประโยค
Past Simple Tense หลังเรียน (Post – test) ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3.6.2.5 ตรวจผลการทดสอบแล้วนาผลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติเพื่อทดสอบ
สมมุติฐาน
3.7 การวิเคราะห์ข้อมูล
1. เปรียบเทียบผลการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลให้อยู่ในรูปของ
ร้อยละ (เปอร์เซ็นต์)
2. หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนและอ่านตามเกณฑ์ 80/80 ด้วยสูตร E1/E2
3. วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นโดยการวิเคราะห์เนื้อหา