SlideShare a Scribd company logo
1 of 41
Download to read offline
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
maruays@hotmail.com
24 มิถุนายน 2564
Edward D. Hess
Publisher : Berrett-Koehler Publishers (September 1, 2020)
Hyper-Learning is continual learning, unlearning, and relearning.
–Edward D. Hess
เกี่ยวกับผู้ประพันธ์
 Ed Hess เป็นศาสตราจารย์ด้านบริหารธุรกิจ, Batten Fellow และ Batten
Executive-in-Residence ที่ Darden Graduate School of Business แห่ง
มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
 เขาใช้เวลามากกว่า 20 ปีในโลกธุรกิจในฐานะผู้บริหารระดับสูงที่ Warburg
Paribas Becker, Boettcher & Company, Robert M. Bass Group และ Arthur
Andersen
 เขาเป็นผู้เขียนหนังสือ 13 เล่มและบทความมากกว่า 150 บทความ ที่เกี่ยวข้อง
กับการเติบโต นวัตกรรมและวัฒนธรรมการเรียนรู้ ระบบและกระบวนการ
โดยย่อ
 การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-learning) แสดงให้เห็นว่า ผู้คนและบริษัทสามารถ
ปรับตัวเข้ากับโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
 ผู้ประพันธ์อธิบายกรอบความคิดการเติบโต ในการทางานร่วมกัน และการลดอัตตาของ
คุณ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นว่า คุณสามารถคงความเกี่ยวข้องและแข่งขันได้ ในขณะที่
โลกรอบตัวคุณมีการเร่งความเร็ว
เราเกี่ยวข้องอย่างไรกับยุคดิจิตอล?
 ท่ามกลางการพัฒนาทางเทคโนโลยีตั้งแต่ AI และ machine learning ไปจนถึงวิทยาการ
หุ่นยนต์ เราอาจรู้สึกว่า อีกไม่นานเราจะแพ้การต่อสู้เพื่อรักษาความเกี่ยวข้อง
 ศาสตราจารย์ Ed Hess ยืนยันว่า คาตอบนี้ คือ การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (hyper-
learner) ไม่เพียงแต่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยของคนที่ประสบความสาเร็จมากที่สุด
ในทุกยุคทุกสมัย ที่เป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส
 บรรดาผู้ที่ปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็นอย่างต่อเนื่อง จะมีโอกาสมาก
ขึ้น และเป็นหัวใจของการพัฒนาตนเอง
การเรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร ทาไมจึงมีความสาคัญสูง
 การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning) คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การเลิกเรียนรู้
ของเดิม และการเรียนรู้ของใหม่ (continual learning, unlearning and relearning)
 โดยคาว่า hyper ไม่ได้หมายถึงความตื่นตัว คลั่งไคล้ ประหม่า หรือกระสับกระส่าย แต่ใช้
คานี้ เพื่ออ้างอิงความหมายดั้งเดิมของกรีก ว่า เหนือกว่า (over) หรือ อยู่เหนือ
(above)
 Hyper-Learning คือการเรียนรู้ที่รู้มากกว่าปกติ เป็นการเรียนรู้คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Being a Hyper-Learner)
 การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส เป็นวิธีที่ทาให้เรามีความเกี่ยวข้องในที่ทางาน นั่นคือเราจะ
มีงานที่มีความหมายในยุคดิจิตอล
 ยุคดิจิตอลจะเปลี่ยนวิธีการทางานของเราและการทางานโดยพื้นฐาน
 ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของปัญญาประดิษฐ์ นาโนเทคโนโลยี ความเป็นจริงเสมือน
และความเป็นจริงแบบเสริม การคานวณแบบควอนตัม และบิ๊กดาต้า จะนาไปสู่การ
สร้างความรู้ใหม่ ๆ ที่เร็วขึ้นมาก และจะส่งผลให้มีการทางานอัตโนมัติมากขึ้นหลายสิบ
ล้านงานอย่างเห็นได้ชัด ในทศวรรษนี้
การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)
 ระบบอัตโนมัติจะเกิดขึ้นในงานทุกประเภท รวมถึงงานระดับมืออาชีพ ด้านกฎหมาย, การ
บัญชี, การจัดการ, การให้คาปรึกษา, การแพทย์ และอื่นๆ
 เพื่อทาให้มีความเกี่ยวข้องในที่ทางาน เราต้องอัปเดตสิ่งที่เรารู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับ
การเปลี่ยนแปลง และเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ในขณะที่เทคโนโลยียังคงฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ
 เราจะต้องอัปเดต แบบจาลองทางความคิด (mental models) อย่างต่อเนื่อง ว่าโลกทางาน
อย่างไร เช่นเดียวกับที่เราอัปเดตซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ของเรา
 การเปลี่ยนแปลงจะมีตลอดเวลา เราต้องสามารถปรับตัวได้ และนั่นหมายถึงการเป็ นเลิศ
ในการเรียนรู้เหนือกระแส
 การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning) คือวิธีที่ทาให้เรานาหน้าเครื่องอัจฉริยะ
ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร จะรู้ได้อย่างไร?
 การเรียนรู้เหนือกระแสคือ การรับรู้ อารมณ์ และพฤติกรรม (cognitive, emotional and
behavioral)
 เราสามารถระบุ ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner) ได้จากพฤติกรรมและวิธีที่พวก
เขาคิดอย่างไร ฟังอย่างไร เชื่อมโยงทางอารมณ์และสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไร และทางาน
ร่วมกันอย่างไร
 พวกเขาประพฤติตนในลักษณะที่เป็นหลักฐานได้แก่ ความอยากรู้อยากเห็น ความใจ
กว้าง มีอัตตาเงียบๆ มีสติอยู่กับปัจจุบัน ความเห็นอกเห็นใจ ความกล้าหาญที่จะลอง
ความยืดหยุ่น และพฤติกรรมการเอาใจใส่ที่ดี
ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)
 พวกเขาเป็นคนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่ทาโดยปฏิกิริยาอัตโนมัติ
 ผู้เรียนรู้เหนือกระแส ยอมรับความไม่แน่นอนและความคลุมเครือ พวกเขาพยายาม
"สร้างความหมาย (make-meaning)" กับผู้อื่น ฟังเพื่อการเข้าใจแต่ไม่ยืนยัน และพวก
เขาจะไม่แสดงอารมณ์ เมื่อความคิดเห็นของพวกเขาถูกท้าทาย
 ผู้เรียนรู้เหนือกระแส ยอมรับวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เราทุกคนเป็นผู้เรียน
ที่ด้อยประสิทธิภาพอยู่ และพวกเขาจะมีส่วนร่วมในการปฏิบัติประจาวัน เพื่อเป็นผู้เรียน
ที่ดีขึ้น
ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)
 ผู้เรียนรู้เหนือกระแส มักถามคาถามเช่น ทาไม? เกิดอะไรขึ้นถ้า? แล้วทาไมไม่ได้ล่ะ?
(Why? What if? and Why Not?)
 พวกเขาแสดงการเห็นด้วยว่า "ใช่แล้ว และ..." ซึ่งตรงข้ามกับ "ใช่แล้ว แต่..."
 พวกเขาใช้รายการตรวจสอบ เพื่อคิดอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
 พวกเขาใช้วลีเช่น "สมมติฐานของฉันคือ..." ปล่อยให้ตัวเองเปิดกว้างเพื่อเปลี่ยนแปลง
หากมีข้อมูลที่ดีขึ้น
 พวกเขามักจะไม่ขัดจังหวะผู้คน
ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)
 พวกเขาถามคาถามเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขามีความเข้าใจคนอื่น ก่อนที่จะสนับสนุนหรือ
บอกกล่าว
 พวกเขาไม่ได้ระบุด้วยสิ่งที่พวกเขารู้ แต่เน้นที่การปรับปรุงคุณภาพการคิด การฟัง การ
เชื่อมโยงและการทางานร่วมกัน
 พวกเขามีความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ จริงใจ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และยอมรับ "ความ
เป็นอื่นได้อีก (otherness)" แทนที่จะแข่งขันด้วยความคิดที่ว่า ผู้แข็งแรงที่สุดจึงอยู่รอด
(survival of the fittest)
อุปสรรคการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส
 เราทุกคนมีอุปสรรคหลักสองประการในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส
 ประการแรก กระบวนทัศน์ของเรา (our wiring) ศาสตร์แห่งการเรียนรู้ของผู้ใหญ่แสดง
ให้เห็นชัดเจนว่า สมองและจิตใจของเรา ได้รับการปรับให้เป็นนักคิดที่มีประสิทธิภาพ
อย่างรวดเร็ว
 โดยธรรมชาติแล้ว เราพยายามที่จะยืนยันสิ่งที่เรารู้หรือเชื่อ ปกป้องอัตตาของเรา เพื่อ
ตีความสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ในลักษณะที่เหมาะสมกับเรื่องราวที่เราเชื่อว่า โลกทางาน
อย่างไร
 เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในระบบอัตโนมัตินี้
อุปสรรคการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)
 ประการที่สองคือ เราทุกคนต่างมีปัญหากับตัวยับยั้งการเรียนรู้ที่สาคัญสองอย่าง นั่นคือ
อัตตาและความกลัวของเรา (our ego and fears)
 อัตตาของเรา สามารถขัดขวางการเรียนรู้ได้ เพราะมันนาไปสู่ความใจแคบ ความ
เย่อหยิ่ง เชื่อตนเองด้วยสิ่งที่เรารู้ ทักษะการฟังที่ไม่ดี และการทางานร่วมกันที่ไม่มี
ประสิทธิภาพ
 ความกลัว ขัดขวางการเรียนรู้ เมื่อคนเรากลัวที่จะทาผิดพลาด กลัวผิด กลัวว่าจะดูแย่
หรือไม่เป็นที่ชอบใจ หรือกลัวว่าจะทาให้คนอื่นขุ่นเคือง โดยการถามคาถามยากๆ
3 ขั้นตอนสู่การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (3 steps to become a Hyper-Learner)
 1. ปลูกฝังความสงบภายใน (Cultivate inner peace)
 2. ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด (NewSmart Mindset)
 3. การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning Behavioral
Diagnostic)
1. ปลูกฝังความสงบภายใน (Cultivate inner peace)
 ความสงบภายใน เกิดขึ้นได้โดยการมี อัตตาที่เงียบสงบ จิตใจที่สงบ ร่างกายที่เงียบสงบ
และสภาวะอารมณ์เชิงบวก (Quiet Ego; a Quiet Mind; a Quiet Body; and a Positive
Emotional State)
 ความสงบภายใน เป็นกระบวนการควบคุมความเป็นเจ้าของ คือตัวของคุณ วิธีคิด วิธี
จัดการอารมณ์ วิธีปฏิบัติตน อิทธิพลต่อเคมีในร่างกาย และวิธีเอาชนะปฏิกิริยาสะท้อน
กลับที่ฝังแน่น
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน
 วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นกระบวนการนี้คือ การนาแนวปฏิบัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่ง
คุณใช้ทุกวันเพื่อฝึกฝนตัวเอง ให้บรรลุสภาวะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)
 อย่างแรกคือ คุณต้องเชื่อวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า เราทุกคนเป็นผู้เรียนที่ด้อยประสิทธิภาพ
 จากนั้นคุณต้องสร้าง ทาไม (WHY) ของคุณ คือสร้างเหตุผลส่วนตัว (แรงจูงใจของคุณ
ว่า ทาไมคุณจึงต้องการทางานประจาวัน และทาให้ตัวเองเป็นผู้เรียนที่ดีขึ้น)
 หลายคนต้องการที่จะได้งานที่มีความหมายอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิตอล แรงจูงใจของ
พวกเขาคือ ความกลัวว่าจะไม่มีงานทา หรือทางานที่ไร้ความหมาย
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)
 ผู้คนต้องการเป็นคนที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถเป็นได้ การบรรลุความเป็นเลิศของมนุษย์
ในที่ทางาน ไม่ต่างไปจากการบรรลุความเป็นเลิศในฐานะนักกีฬาหรือนักรบ ที่ต้องใช้การ
ฝึกฝนอย่างรอบคอบทุกวัน
 หลักปฏิบัติประจาวันเริ่มต้นโดยทั่วไปคือ การทาสมาธิ การสแกนร่างกาย ฝึกหัดการ
หายใจลึก ๆ ความกตัญญูกตเวที การสร้างมโนภาพ สร้างและยืนยันความตั้งใจประจาวัน
ของคุณที่คุณต้องการประพฤติตน (Mindfulness Meditation; Body Scan Meditation; Deep
Breathing Exercises; Gratitude Practices; Visualization; and creating and affirming your
Daily Intentions)
วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)
 หากคุณยังใหม่ต่อการปฏิบัติเหล่านี้ คุณควรเริ่มนั่งสมาธิ 2-3 นาทีทุกเช้า และหายใจ
ลึกๆ 5 นาทีหลายๆ ครั้งในหนึ่งวัน เมื่อคุณรู้สึกว่าร่างกายหรือจิตใจของคุณเต้นรัว
 ในแต่ละคืน ทบทวนวันของคุณและพฤติกรรมของคุณ เทียบกับความตั้งใจรายวันของ
คุณ (วิธีที่คุณต้องการประพฤติตน)
 เริ่มเล็ก ๆ ฝึกเป็นนิสัยในชีวิตประจาวัน คุณจะก้าวไปสู่จุดที่คุณจะใช้เวลา 20-30 นาที
ในการนั่งสมาธิทุกวัน และ 30 นาทีเพื่อไตร่ตรองว่า คุณอยากจะประพฤติอย่างไรและ
ได้ประพฤติตนแล้วอย่างไร
การเรียนรู้จากการไตร่ตรอง
 การเรียนรู้ทั้งหมดมาจากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ ง หรือการสนทนากับผู้อื่น
 การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ ง เกิดขึ้นเมื่อคุณเรียนรู้การสนทนากับตัวเอง
 การไตร่ตรองคือวิธีที่เรา "สร้างความหมาย (make-meaning)" มันเป็นวิธีที่เราสร้าง
เรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการทางานของโลก และวิธีที่เราต้องการอยู่ในโลกนั้น ๆ
 เวลาที่ใช้ทบทวนไตร่ตรอง เป็นสิ่งจาเป็นในการเรียนรู้และเพื่อการพัฒนาตนเอง
การเรียนรู้จากการไตร่ตรอง (ต่อ)
 เราต้องลงทุนในเวลา เพื่อใช้เวลาในการเป็นเจ้าของอัตตา จิตใจ ร่างกาย และอารมณ์
ของคุณ ไม่เช่นนั้นคุณจะกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีงานทา
 ถ้าคุณบอกว่าไม่มีเวลา แสดงว่าคุณมีเวลาแต่คุณไม่ได้ถามตนเองว่า "ทาไม (WHY)"
 ทาไมคุณควรให้ความสาคัญกับเรื่องนี้?
 เพราะหากไม่มี "ทาไม (WHY)" ที่น่าสนใจ คุณก็จะไม่มีแรงจูงใจในการทางานนี้
 คุณมีทางเลือก เลือกอย่างชาญฉลาด (You have a choice. Choose wisely.)
2. ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด NewSmart Mindset
 ประการที่สอง ให้เน้นที่ ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด (NewSmart Mindset) ซึ่งออกแบบมา
เพื่อช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีการระบุตัวเองว่า ยังเป็นผู้เรียน
 วิธีนี้ ช่วยให้คุณลดอัตตาที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งแย่งชิงความสามารถในการเรียนรู้
อุปสรรคในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner)
 หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ในการเป็น ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner) คืออัตตาของเรา
 พวกเราหลายคนนิยามตัวเองว่า "ฉันฉลาด (I am smart)" และเพื่อให้ประสบ
ความสาเร็จ ฉันต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้องนี้
 นั่นอาจเริ่มต้นในโรงเรียนประถม เมื่อเราได้เรียนรู้ว่า ความฉลาดถูกกาหนดโดยเกรดที่
ครูมอบให้เรา คนฉลาดได้เกรดสูงสุดและได้คะแนนสูงสุด เพราะพวกเขาทาผิดพลาด
น้อยที่สุด
อุปสรรคในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)
 กรอไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสู่โลกแห่งการทางาน หลายคนเมื่ออายุมากขึ้น กลายเป็นคน
ที่มีอัตตาที่ฉลาดหลักแหลมในการ รู้ (knowing) ที่นาไปสู่ความคิดคับแคบ ความ
เย่อหยิ่ง ทักษะการฟังที่ไม่ดี และการมองว่าการทางานร่วมกันเป็นการแข่งขัน
 ทั้งหมดนี้ ขัดขวางการเป็น ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner)
 ดังนั้น บางทีเราอาจต้องการวิธีใหม่ในการกาหนดตัวเอง
ความฉลาดใหม่ (NewSmart)
 จุดประสงค์ของ ความฉลาดใหม่ (NewSmart) คือ "ฉันไม่ได้ถูกกาหนดโดยสิ่งที่ฉันรู้หรือ
รู้มากแค่ไหน แต่ด้วยคุณภาพของความคิด การฟัง ความสัมพันธ์และการทางานร่วมกัน
(I’m defined not by what I know or how much I know, but by the quality of my thinking,
listening, relating and collaborating)"
 เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สาหรับคุณ มันอาจทาให้คุณป้องกันตนน้อยลงเมื่อมีคนไม่เห็นด้วย
กับคุณ อาจทาให้คุณเปิดใจมากขึ้น อาจทาให้คุณต้องเป็นผู้ฟังที่ไตร่ตรอง มันช่วยให้คุณ
ยอมรับความจริงที่ว่า ขนาดของความเขลาของคุณมีมากกว่าขนาดของสิ่งที่คุณคิดว่าคุณ
รู้ ทั้งหมดนี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงการเรียนรู้ได้ดีขึ้น
 ความฉลาดใหม่ (NewSmart) ช่วยให้อัตตาของคุณเงียบ
3. การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning Behavioral Diagnostic)
 ประการที่สาม ใช้ การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning
Behavioral Diagnostic) และปฏิบัติตามคาแนะนาอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เห็นถึง
พฤติกรรมย่อยที่คุณต้องปรับปรุง
 เลือกหนึ่งหรือสองพฤติกรรมเพื่อปรับปรุง และสร้างแผนการปรับปรุงของคุณ โดยใช้
เทมเพลตในหนังสือ และเริ่มทาเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมนั้น
แนวทางปฏิบัติเพื่อเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-learning practices)
 หนังสือเล่มนี้ ยังเป็นหนังสือ "วิธีการ (how-to)" ซึ่งเป็นหนังสือ "เรียนรู้โดยการทา
(learn by doing)" ที่มี เทมเพลต รายการตรวจสอบ และกระบวนการต่างๆ มากมาย ที่
สามารถใช้เพื่อเป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ที่ดีขึ้น เป็นนักคิดเชิงนวัตกรรมที่ดีกว่า เป็นนัก
สารวจที่สามารถเข้าไปในสิ่งที่ไม่รู้จักและคิดออก เป็นผู้ฟังไตร่ตรอง เชื่อมต่อกับผู้อื่น
ทางอารมณ์ในเชิงบวก สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ค้นพบข้อมูลเชิงลึกใหม่ เป็นผู้
ทางานร่วมกันที่ดีขึ้น บททดสอบความเครียด สมมติฐานที่รองรับความเชื่อของคุณ ฯลฯ
แนวทางปฏิบัติเพื่อเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)
 จากนั้น นาเครื่องมือในหนังสือมาจัดการอารมณ์ของคุณ วิธีสร้างอารมณ์เชิงบวก และวิธี
จัดการอารมณ์เชิงลบ
 ทั้งหมดนี้ เกี่ยวกับการที่คุณเป็นเจ้าของความคิด จิตใจ อัตตา และอารมณ์ของคุณ
เพื่อให้คุณสามารถจัดการตัวเอง โดยการเลือกวิธีปฏิบัติที่ดี
 ฟังดูเหมือนเยอะ นั่นคือเหตุผลที่คุณเริ่มต้นเล็ก ๆ และเชื่อในความเป็นจริงที่ว่า การ
พัฒนาตนเองไม่สิ้นสุด (self-improvement never ends)
สรุป
 ยุคดิจิตอลจะทาให้เกิดคาถามว่า มนุษย์เราจะมีความเกี่ยวข้องในที่ทางานได้อย่างไร
 เพื่อให้มีความเกี่ยวข้อง เราต้องพัฒนาความรู้ความเข้าใจ พฤติกรรม และอารมณ์ ใน
แบบที่เทคโนโลยีไม่สามารถทาได้
 ศาสตราจารย์ Ed Hess เชื่อว่า เราต้องเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส คือ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
เลิกเรียนรู้ของเดิม และเรียนรู้ใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเท่าทันการเปลี่ยนแปลง
—HENRY FORD
สามบทเรียนจากหนังสือ (3 key lessons from the book)
 1. หากต้องการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส คุณต้องเปลี่ยนความคิดก่อน (To become a
hyper-learner, you must first change your mindset)
 2. การปรับปรุงพฤติกรรมของคุณ เป็นขั้นตอนต่อไปในการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแส
(Improving your behavior is the next step in becoming a hyper-learner)
 3. มีสี่เสาหลักธุรกิจที่การเรียนรู้เหนือกระแสนาไปใช้ประโยชน์ได้ (There are four pillars
on which a hyper-learning business stands)
ประการที่ 1 เปลี่ยนความคิด (first change your mindset)
 ขั้นตอนแรกในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแสคือ การทาให้อัตตาของคุณสงบลง สิ่งนี้
เริ่มต้นด้วยการปลดปล่อยชื่อ ป้ายกากับ และตัวตนที่คุณมี ให้ใช้ทัศนคติอยากรู้อยาก
เห็นและสามารถถูกสอนได้ ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ
 วิธีที่ดียิ่งขึ้นคือ การทาสมาธิ ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญในการทาให้จิตใจที่ยุ่งวุ่นวายสงบลง เพื่อ
เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการฝึกฝน คุณต้องจดจ่อกับลมหายใจและเปลี่ยน
ความคิดของคุณเมื่อจิตใจคุณซัดส่าย
 การระงับอัตตาและจิตใจที่ยุ่งวุ่นวายด้วยการทาสมาธิ จะช่วยให้คุณมีทัศนคติที่ดีขึ้น ซึ่ง
เป็นส่วนต่อไปของการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแสคือ ความคิด (mindset) ซึ่งมีสอง
ประเภทที่คุณสามารถมีได้คือ
 ความคิดยึดติด (Fixed mindset) เมื่อคุณเชื่อว่าสติปัญญาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณ
คิดว่าคุณติดอยู่กับที่โดยไม่สามารถเติบโตได้อีก
 ความคิดแบบเติบโต (A growth mindset ) เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่า คุณสามารถ
ปรับปรุงจิตใจ สติปัญญา ทัศนคติ และทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณได้ นี่คือความคิดของผู้
เรียนรู้เหนือกระแส
ประการที่ 2 ปรับปรุงพฤติกรรมของคุณ (Improve your behavior)
 ขั้นตอนต่อไปในการเรียนรู้เหนือกระแสคือ การเปลี่ยนแปลงการกระทาของคุณ แค่เชื่อ
ในการเติบโตไม่เพียงพอ คุณต้องทาเพื่อให้มันเกิดขึ้นจริง หมายถึงแม้แต่รายละเอียด
เช่น กิริยาท่าทางและคาที่คุณใช้
 เริ่มต้นด้วยการดูพฤติกรรมทั่วไปของผู้เรียนรู้เหนือกระแส ที่ทางานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
สอนได้ ยอมรับความไม่แน่นอน และเปิดใจกว้าง เป็นต้น
 สมมติว่าคุณต้องการเริ่มต้นด้วยการพัฒนาทักษะการทางานร่วมกัน คนที่ทางานร่วมกับ
ผู้อื่นได้ดีทาอย่างไร? คุณสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ฟังที่ดี แต่คุณต้องลงลึกกว่านี้
อะไรทาให้ใครบางคนเป็นผู้ฟังที่ดี? เมื่อพิจารณาคาตอบของคาถามนี้ เราจะเห็นว่าการ
ไม่รบกวนผู้อื่น มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และถามคาถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจ
 หากต้องการเจาะลึกลงไปอีก ให้ระบุสิ่งที่ผู้ทางานร่วมกันในอุดมคติไม่ทา บางทีคุณอาจ
ทราบตัวอย่างบางส่วนในสานักงานของคุณ ที่สอนวิธีที่ไม่ควรทา มันง่ายที่จะเห็นว่าพวก
เขาแย่แค่ไหนในการทางานเป็นทีมและสิ่งที่พวกเขาทา ดังนั้นคุณสามารถทาสิ่งที่ตรงกัน
ข้าม เพื่อเป็นสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น
ประการที่ 3 ทาตามแนวคิดสี่ข้อ (Follow four key ideas)
 หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจและไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทันกับเวลา คุณจะล้มเหลว
 ลองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Blockbuster และ Kodak ผู้ยึดติดกับวิถีเดิมๆ ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
และบรรดาผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ที่ทะยานสูงขึ้นกว่าที่ใครๆ คิดไว้
 สถานที่ทางานแบบดั้งเดิมเต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกลัว และความเป็นผู้นาจากบน
ลงล่าง สิ่งเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพสาหรับโลกที่กาลังก้าวหน้า เพราะไม่ส่งเสริม
ความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ และยับยั้งนวัตกรรมและโอกาสทั้งหมดสาหรับการ
เติบโต
จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับธุรกิจ และเริ่มต้นด้วยหลักการสี่ข้อนี้ :
 1. นาแนวคิดเรื่องคุณธรรม (idea of meritocracy) มาใช้ ซึ่ง Google ได้ทาสิ่งนี้ แล้ว และ
เป็นส่วนสาคัญว่า ทาไมพวกเขาจึงประสบความสาเร็จ พวกเขานาความคิดที่ดีที่สุดมาใช้
โดยไม่คานึงถึงว่าความคิดเหล่านั้นมาจากไหน
 2. เป็นบวก (Be positive) จากการวิจัยของ Barbara Fredrickson และ Alice Isen ที่บ่ง
บอกว่า เราสามารถเพิ่มความสามารถทางจิตด้วยอารมณ์เชิงบวก นั่นหมายความว่า คุณ
และทีมของคุณจะทางานได้ดีขึ้น เมื่อคุณมองในแง่ดี และจะแย่ลงเมื่อคุณไม่ทา
 3. สร้างบรรยากาศของความปลอดภัยทางจิตใจ (psychological safety) หมายความว่า มี
วัฒนธรรมที่พนักงานไม่กลัวที่จะแสดงออก พวกเขาต้องรู้สึกปลอดภัยจากการถูกไล่ออก
โดยไม่สมควร ไม่ได้รับการเลื่อนตาแหน่ง หรือถูกกีดกันจากความคิดหรือความรู้สึกใดๆ
 ซึ่งสิ่งนี้ จะทาให้พวกเขามีความกล้าหาญในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และช่วยให้คุณก้าว
ไปสู่ระดับต่อไป
 4. สนับสนุนทัศนคติการกาหนดตนเอง (self-determination) หมายความว่า ช่วยให้ผู้คน
เรียนรู้ที่จะกระตือรือร้นในการแสวงหาความท้าทายและพัฒนาทักษะของตนเอง ให้ผู้คน
รู้สึกว่า พวกเขาเป็นผู้ควบคุมงานของพวกเขาและประสิทธิภาพการทางาน มีความสุข
แล้วการมีส่วนร่วมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระดับที่คุณไม่เคยคิดว่าจะ
เป็นไปได้
 ถ้าคุณอยากจะสาเร็จ ต้องดีกับผู้คน (you need to be good to people if you want to
succeed!)
–Albert Einstein

More Related Content

Similar to เรียนรู้เหนือกระแส Hyper learning

เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning
เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learningเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning
เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative LearningUtai Sukviwatsirikul
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้Nona Khet
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1nattawad147
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1benty2443
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1nattawad147
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1nattawad147
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1nattawad147
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012gam030
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1wanneemayss
 
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันการเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันJiraprapa Suwannajak
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1kanwan0429
 

Similar to เรียนรู้เหนือกระแส Hyper learning (20)

เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning
เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learningเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning
เรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง Transformative Learning
 
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้เพื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
1 170819173012
1 1708191730121 170819173012
1 170819173012
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปันการเรียนรู้กับการแบ่งปัน
การเรียนรู้กับการแบ่งปัน
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

More from maruay songtanin

300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
299 โกมาริยปุตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
297 กามวิลาปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
294 ชัมพุขาทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
293 กายนิพพินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
292 สุปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
291 ภัทรฆฏเภทกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
290 สีลวีมังสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
289 นานาฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
288 มัจฉุททานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

เรียนรู้เหนือกระแส Hyper learning

  • 2. Edward D. Hess Publisher : Berrett-Koehler Publishers (September 1, 2020) Hyper-Learning is continual learning, unlearning, and relearning. –Edward D. Hess
  • 3. เกี่ยวกับผู้ประพันธ์  Ed Hess เป็นศาสตราจารย์ด้านบริหารธุรกิจ, Batten Fellow และ Batten Executive-in-Residence ที่ Darden Graduate School of Business แห่ง มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย  เขาใช้เวลามากกว่า 20 ปีในโลกธุรกิจในฐานะผู้บริหารระดับสูงที่ Warburg Paribas Becker, Boettcher & Company, Robert M. Bass Group และ Arthur Andersen  เขาเป็นผู้เขียนหนังสือ 13 เล่มและบทความมากกว่า 150 บทความ ที่เกี่ยวข้อง กับการเติบโต นวัตกรรมและวัฒนธรรมการเรียนรู้ ระบบและกระบวนการ
  • 4. โดยย่อ  การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-learning) แสดงให้เห็นว่า ผู้คนและบริษัทสามารถ ปรับตัวเข้ากับโลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ผู้ประพันธ์อธิบายกรอบความคิดการเติบโต ในการทางานร่วมกัน และการลดอัตตาของ คุณ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นว่า คุณสามารถคงความเกี่ยวข้องและแข่งขันได้ ในขณะที่ โลกรอบตัวคุณมีการเร่งความเร็ว
  • 5. เราเกี่ยวข้องอย่างไรกับยุคดิจิตอล?  ท่ามกลางการพัฒนาทางเทคโนโลยีตั้งแต่ AI และ machine learning ไปจนถึงวิทยาการ หุ่นยนต์ เราอาจรู้สึกว่า อีกไม่นานเราจะแพ้การต่อสู้เพื่อรักษาความเกี่ยวข้อง  ศาสตราจารย์ Ed Hess ยืนยันว่า คาตอบนี้ คือ การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (hyper- learner) ไม่เพียงแต่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยของคนที่ประสบความสาเร็จมากที่สุด ในทุกยุคทุกสมัย ที่เป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส  บรรดาผู้ที่ปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็นอย่างต่อเนื่อง จะมีโอกาสมาก ขึ้น และเป็นหัวใจของการพัฒนาตนเอง
  • 6. การเรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร ทาไมจึงมีความสาคัญสูง  การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning) คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การเลิกเรียนรู้ ของเดิม และการเรียนรู้ของใหม่ (continual learning, unlearning and relearning)  โดยคาว่า hyper ไม่ได้หมายถึงความตื่นตัว คลั่งไคล้ ประหม่า หรือกระสับกระส่าย แต่ใช้ คานี้ เพื่ออ้างอิงความหมายดั้งเดิมของกรีก ว่า เหนือกว่า (over) หรือ อยู่เหนือ (above)  Hyper-Learning คือการเรียนรู้ที่รู้มากกว่าปกติ เป็นการเรียนรู้คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
  • 7. การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Being a Hyper-Learner)  การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส เป็นวิธีที่ทาให้เรามีความเกี่ยวข้องในที่ทางาน นั่นคือเราจะ มีงานที่มีความหมายในยุคดิจิตอล  ยุคดิจิตอลจะเปลี่ยนวิธีการทางานของเราและการทางานโดยพื้นฐาน  ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของปัญญาประดิษฐ์ นาโนเทคโนโลยี ความเป็นจริงเสมือน และความเป็นจริงแบบเสริม การคานวณแบบควอนตัม และบิ๊กดาต้า จะนาไปสู่การ สร้างความรู้ใหม่ ๆ ที่เร็วขึ้นมาก และจะส่งผลให้มีการทางานอัตโนมัติมากขึ้นหลายสิบ ล้านงานอย่างเห็นได้ชัด ในทศวรรษนี้
  • 8. การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)  ระบบอัตโนมัติจะเกิดขึ้นในงานทุกประเภท รวมถึงงานระดับมืออาชีพ ด้านกฎหมาย, การ บัญชี, การจัดการ, การให้คาปรึกษา, การแพทย์ และอื่นๆ  เพื่อทาให้มีความเกี่ยวข้องในที่ทางาน เราต้องอัปเดตสิ่งที่เรารู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับ การเปลี่ยนแปลง และเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ในขณะที่เทคโนโลยียังคงฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ  เราจะต้องอัปเดต แบบจาลองทางความคิด (mental models) อย่างต่อเนื่อง ว่าโลกทางาน อย่างไร เช่นเดียวกับที่เราอัปเดตซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ของเรา  การเปลี่ยนแปลงจะมีตลอดเวลา เราต้องสามารถปรับตัวได้ และนั่นหมายถึงการเป็ นเลิศ ในการเรียนรู้เหนือกระแส  การเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning) คือวิธีที่ทาให้เรานาหน้าเครื่องอัจฉริยะ
  • 9. ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร จะรู้ได้อย่างไร?  การเรียนรู้เหนือกระแสคือ การรับรู้ อารมณ์ และพฤติกรรม (cognitive, emotional and behavioral)  เราสามารถระบุ ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner) ได้จากพฤติกรรมและวิธีที่พวก เขาคิดอย่างไร ฟังอย่างไร เชื่อมโยงทางอารมณ์และสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไร และทางาน ร่วมกันอย่างไร  พวกเขาประพฤติตนในลักษณะที่เป็นหลักฐานได้แก่ ความอยากรู้อยากเห็น ความใจ กว้าง มีอัตตาเงียบๆ มีสติอยู่กับปัจจุบัน ความเห็นอกเห็นใจ ความกล้าหาญที่จะลอง ความยืดหยุ่น และพฤติกรรมการเอาใจใส่ที่ดี
  • 10. ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)  พวกเขาเป็นคนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่ทาโดยปฏิกิริยาอัตโนมัติ  ผู้เรียนรู้เหนือกระแส ยอมรับความไม่แน่นอนและความคลุมเครือ พวกเขาพยายาม "สร้างความหมาย (make-meaning)" กับผู้อื่น ฟังเพื่อการเข้าใจแต่ไม่ยืนยัน และพวก เขาจะไม่แสดงอารมณ์ เมื่อความคิดเห็นของพวกเขาถูกท้าทาย  ผู้เรียนรู้เหนือกระแส ยอมรับวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เราทุกคนเป็นผู้เรียน ที่ด้อยประสิทธิภาพอยู่ และพวกเขาจะมีส่วนร่วมในการปฏิบัติประจาวัน เพื่อเป็นผู้เรียน ที่ดีขึ้น
  • 11. ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)  ผู้เรียนรู้เหนือกระแส มักถามคาถามเช่น ทาไม? เกิดอะไรขึ้นถ้า? แล้วทาไมไม่ได้ล่ะ? (Why? What if? and Why Not?)  พวกเขาแสดงการเห็นด้วยว่า "ใช่แล้ว และ..." ซึ่งตรงข้ามกับ "ใช่แล้ว แต่..."  พวกเขาใช้รายการตรวจสอบ เพื่อคิดอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์  พวกเขาใช้วลีเช่น "สมมติฐานของฉันคือ..." ปล่อยให้ตัวเองเปิดกว้างเพื่อเปลี่ยนแปลง หากมีข้อมูลที่ดีขึ้น  พวกเขามักจะไม่ขัดจังหวะผู้คน
  • 12. ผู้เรียนรู้เหนือกระแสคืออะไร (ต่อ)  พวกเขาถามคาถามเพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขามีความเข้าใจคนอื่น ก่อนที่จะสนับสนุนหรือ บอกกล่าว  พวกเขาไม่ได้ระบุด้วยสิ่งที่พวกเขารู้ แต่เน้นที่การปรับปรุงคุณภาพการคิด การฟัง การ เชื่อมโยงและการทางานร่วมกัน  พวกเขามีความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ จริงใจ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และยอมรับ "ความ เป็นอื่นได้อีก (otherness)" แทนที่จะแข่งขันด้วยความคิดที่ว่า ผู้แข็งแรงที่สุดจึงอยู่รอด (survival of the fittest)
  • 13. อุปสรรคการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส  เราทุกคนมีอุปสรรคหลักสองประการในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส  ประการแรก กระบวนทัศน์ของเรา (our wiring) ศาสตร์แห่งการเรียนรู้ของผู้ใหญ่แสดง ให้เห็นชัดเจนว่า สมองและจิตใจของเรา ได้รับการปรับให้เป็นนักคิดที่มีประสิทธิภาพ อย่างรวดเร็ว  โดยธรรมชาติแล้ว เราพยายามที่จะยืนยันสิ่งที่เรารู้หรือเชื่อ ปกป้องอัตตาของเรา เพื่อ ตีความสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ในลักษณะที่เหมาะสมกับเรื่องราวที่เราเชื่อว่า โลกทางาน อย่างไร  เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในระบบอัตโนมัตินี้
  • 14. อุปสรรคการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)  ประการที่สองคือ เราทุกคนต่างมีปัญหากับตัวยับยั้งการเรียนรู้ที่สาคัญสองอย่าง นั่นคือ อัตตาและความกลัวของเรา (our ego and fears)  อัตตาของเรา สามารถขัดขวางการเรียนรู้ได้ เพราะมันนาไปสู่ความใจแคบ ความ เย่อหยิ่ง เชื่อตนเองด้วยสิ่งที่เรารู้ ทักษะการฟังที่ไม่ดี และการทางานร่วมกันที่ไม่มี ประสิทธิภาพ  ความกลัว ขัดขวางการเรียนรู้ เมื่อคนเรากลัวที่จะทาผิดพลาด กลัวผิด กลัวว่าจะดูแย่ หรือไม่เป็นที่ชอบใจ หรือกลัวว่าจะทาให้คนอื่นขุ่นเคือง โดยการถามคาถามยากๆ
  • 15. 3 ขั้นตอนสู่การเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (3 steps to become a Hyper-Learner)  1. ปลูกฝังความสงบภายใน (Cultivate inner peace)  2. ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด (NewSmart Mindset)  3. การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning Behavioral Diagnostic)
  • 16. 1. ปลูกฝังความสงบภายใน (Cultivate inner peace)  ความสงบภายใน เกิดขึ้นได้โดยการมี อัตตาที่เงียบสงบ จิตใจที่สงบ ร่างกายที่เงียบสงบ และสภาวะอารมณ์เชิงบวก (Quiet Ego; a Quiet Mind; a Quiet Body; and a Positive Emotional State)  ความสงบภายใน เป็นกระบวนการควบคุมความเป็นเจ้าของ คือตัวของคุณ วิธีคิด วิธี จัดการอารมณ์ วิธีปฏิบัติตน อิทธิพลต่อเคมีในร่างกาย และวิธีเอาชนะปฏิกิริยาสะท้อน กลับที่ฝังแน่น
  • 18. วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)  อย่างแรกคือ คุณต้องเชื่อวิทยาศาสตร์ที่บอกว่า เราทุกคนเป็นผู้เรียนที่ด้อยประสิทธิภาพ  จากนั้นคุณต้องสร้าง ทาไม (WHY) ของคุณ คือสร้างเหตุผลส่วนตัว (แรงจูงใจของคุณ ว่า ทาไมคุณจึงต้องการทางานประจาวัน และทาให้ตัวเองเป็นผู้เรียนที่ดีขึ้น)  หลายคนต้องการที่จะได้งานที่มีความหมายอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิตอล แรงจูงใจของ พวกเขาคือ ความกลัวว่าจะไม่มีงานทา หรือทางานที่ไร้ความหมาย
  • 19. วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)  ผู้คนต้องการเป็นคนที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถเป็นได้ การบรรลุความเป็นเลิศของมนุษย์ ในที่ทางาน ไม่ต่างไปจากการบรรลุความเป็นเลิศในฐานะนักกีฬาหรือนักรบ ที่ต้องใช้การ ฝึกฝนอย่างรอบคอบทุกวัน  หลักปฏิบัติประจาวันเริ่มต้นโดยทั่วไปคือ การทาสมาธิ การสแกนร่างกาย ฝึกหัดการ หายใจลึก ๆ ความกตัญญูกตเวที การสร้างมโนภาพ สร้างและยืนยันความตั้งใจประจาวัน ของคุณที่คุณต้องการประพฤติตน (Mindfulness Meditation; Body Scan Meditation; Deep Breathing Exercises; Gratitude Practices; Visualization; and creating and affirming your Daily Intentions)
  • 20. วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสงบภายใน (ต่อ)  หากคุณยังใหม่ต่อการปฏิบัติเหล่านี้ คุณควรเริ่มนั่งสมาธิ 2-3 นาทีทุกเช้า และหายใจ ลึกๆ 5 นาทีหลายๆ ครั้งในหนึ่งวัน เมื่อคุณรู้สึกว่าร่างกายหรือจิตใจของคุณเต้นรัว  ในแต่ละคืน ทบทวนวันของคุณและพฤติกรรมของคุณ เทียบกับความตั้งใจรายวันของ คุณ (วิธีที่คุณต้องการประพฤติตน)  เริ่มเล็ก ๆ ฝึกเป็นนิสัยในชีวิตประจาวัน คุณจะก้าวไปสู่จุดที่คุณจะใช้เวลา 20-30 นาที ในการนั่งสมาธิทุกวัน และ 30 นาทีเพื่อไตร่ตรองว่า คุณอยากจะประพฤติอย่างไรและ ได้ประพฤติตนแล้วอย่างไร
  • 21. การเรียนรู้จากการไตร่ตรอง  การเรียนรู้ทั้งหมดมาจากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ ง หรือการสนทนากับผู้อื่น  การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ ง เกิดขึ้นเมื่อคุณเรียนรู้การสนทนากับตัวเอง  การไตร่ตรองคือวิธีที่เรา "สร้างความหมาย (make-meaning)" มันเป็นวิธีที่เราสร้าง เรื่องราวเกี่ยวกับวิธีการทางานของโลก และวิธีที่เราต้องการอยู่ในโลกนั้น ๆ  เวลาที่ใช้ทบทวนไตร่ตรอง เป็นสิ่งจาเป็นในการเรียนรู้และเพื่อการพัฒนาตนเอง
  • 22. การเรียนรู้จากการไตร่ตรอง (ต่อ)  เราต้องลงทุนในเวลา เพื่อใช้เวลาในการเป็นเจ้าของอัตตา จิตใจ ร่างกาย และอารมณ์ ของคุณ ไม่เช่นนั้นคุณจะกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีงานทา  ถ้าคุณบอกว่าไม่มีเวลา แสดงว่าคุณมีเวลาแต่คุณไม่ได้ถามตนเองว่า "ทาไม (WHY)"  ทาไมคุณควรให้ความสาคัญกับเรื่องนี้?  เพราะหากไม่มี "ทาไม (WHY)" ที่น่าสนใจ คุณก็จะไม่มีแรงจูงใจในการทางานนี้  คุณมีทางเลือก เลือกอย่างชาญฉลาด (You have a choice. Choose wisely.)
  • 23. 2. ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด NewSmart Mindset  ประการที่สอง ให้เน้นที่ ชุดความคิดใหม่ที่ฉลาด (NewSmart Mindset) ซึ่งออกแบบมา เพื่อช่วยให้คุณเปลี่ยนวิธีการระบุตัวเองว่า ยังเป็นผู้เรียน  วิธีนี้ ช่วยให้คุณลดอัตตาที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งแย่งชิงความสามารถในการเรียนรู้
  • 24. อุปสรรคในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner)  หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ในการเป็น ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner) คืออัตตาของเรา  พวกเราหลายคนนิยามตัวเองว่า "ฉันฉลาด (I am smart)" และเพื่อให้ประสบ ความสาเร็จ ฉันต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้องนี้  นั่นอาจเริ่มต้นในโรงเรียนประถม เมื่อเราได้เรียนรู้ว่า ความฉลาดถูกกาหนดโดยเกรดที่ ครูมอบให้เรา คนฉลาดได้เกรดสูงสุดและได้คะแนนสูงสุด เพราะพวกเขาทาผิดพลาด น้อยที่สุด
  • 25. อุปสรรคในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)  กรอไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสู่โลกแห่งการทางาน หลายคนเมื่ออายุมากขึ้น กลายเป็นคน ที่มีอัตตาที่ฉลาดหลักแหลมในการ รู้ (knowing) ที่นาไปสู่ความคิดคับแคบ ความ เย่อหยิ่ง ทักษะการฟังที่ไม่ดี และการมองว่าการทางานร่วมกันเป็นการแข่งขัน  ทั้งหมดนี้ ขัดขวางการเป็น ผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learner)  ดังนั้น บางทีเราอาจต้องการวิธีใหม่ในการกาหนดตัวเอง
  • 26. ความฉลาดใหม่ (NewSmart)  จุดประสงค์ของ ความฉลาดใหม่ (NewSmart) คือ "ฉันไม่ได้ถูกกาหนดโดยสิ่งที่ฉันรู้หรือ รู้มากแค่ไหน แต่ด้วยคุณภาพของความคิด การฟัง ความสัมพันธ์และการทางานร่วมกัน (I’m defined not by what I know or how much I know, but by the quality of my thinking, listening, relating and collaborating)"  เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สาหรับคุณ มันอาจทาให้คุณป้องกันตนน้อยลงเมื่อมีคนไม่เห็นด้วย กับคุณ อาจทาให้คุณเปิดใจมากขึ้น อาจทาให้คุณต้องเป็นผู้ฟังที่ไตร่ตรอง มันช่วยให้คุณ ยอมรับความจริงที่ว่า ขนาดของความเขลาของคุณมีมากกว่าขนาดของสิ่งที่คุณคิดว่าคุณ รู้ ทั้งหมดนี้ ช่วยให้คุณเข้าถึงการเรียนรู้ได้ดีขึ้น  ความฉลาดใหม่ (NewSmart) ช่วยให้อัตตาของคุณเงียบ
  • 27. 3. การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning Behavioral Diagnostic)  ประการที่สาม ใช้ การวินิจฉัยพฤติกรรมการเรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-Learning Behavioral Diagnostic) และปฏิบัติตามคาแนะนาอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เห็นถึง พฤติกรรมย่อยที่คุณต้องปรับปรุง  เลือกหนึ่งหรือสองพฤติกรรมเพื่อปรับปรุง และสร้างแผนการปรับปรุงของคุณ โดยใช้ เทมเพลตในหนังสือ และเริ่มทาเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมนั้น
  • 28. แนวทางปฏิบัติเพื่อเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (Hyper-learning practices)  หนังสือเล่มนี้ ยังเป็นหนังสือ "วิธีการ (how-to)" ซึ่งเป็นหนังสือ "เรียนรู้โดยการทา (learn by doing)" ที่มี เทมเพลต รายการตรวจสอบ และกระบวนการต่างๆ มากมาย ที่ สามารถใช้เพื่อเป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ที่ดีขึ้น เป็นนักคิดเชิงนวัตกรรมที่ดีกว่า เป็นนัก สารวจที่สามารถเข้าไปในสิ่งที่ไม่รู้จักและคิดออก เป็นผู้ฟังไตร่ตรอง เชื่อมต่อกับผู้อื่น ทางอารมณ์ในเชิงบวก สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ค้นพบข้อมูลเชิงลึกใหม่ เป็นผู้ ทางานร่วมกันที่ดีขึ้น บททดสอบความเครียด สมมติฐานที่รองรับความเชื่อของคุณ ฯลฯ
  • 29. แนวทางปฏิบัติเพื่อเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส (ต่อ)  จากนั้น นาเครื่องมือในหนังสือมาจัดการอารมณ์ของคุณ วิธีสร้างอารมณ์เชิงบวก และวิธี จัดการอารมณ์เชิงลบ  ทั้งหมดนี้ เกี่ยวกับการที่คุณเป็นเจ้าของความคิด จิตใจ อัตตา และอารมณ์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถจัดการตัวเอง โดยการเลือกวิธีปฏิบัติที่ดี  ฟังดูเหมือนเยอะ นั่นคือเหตุผลที่คุณเริ่มต้นเล็ก ๆ และเชื่อในความเป็นจริงที่ว่า การ พัฒนาตนเองไม่สิ้นสุด (self-improvement never ends)
  • 30. สรุป  ยุคดิจิตอลจะทาให้เกิดคาถามว่า มนุษย์เราจะมีความเกี่ยวข้องในที่ทางานได้อย่างไร  เพื่อให้มีความเกี่ยวข้อง เราต้องพัฒนาความรู้ความเข้าใจ พฤติกรรม และอารมณ์ ใน แบบที่เทคโนโลยีไม่สามารถทาได้  ศาสตราจารย์ Ed Hess เชื่อว่า เราต้องเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส คือ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เลิกเรียนรู้ของเดิม และเรียนรู้ใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วเท่าทันการเปลี่ยนแปลง
  • 32. สามบทเรียนจากหนังสือ (3 key lessons from the book)  1. หากต้องการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแส คุณต้องเปลี่ยนความคิดก่อน (To become a hyper-learner, you must first change your mindset)  2. การปรับปรุงพฤติกรรมของคุณ เป็นขั้นตอนต่อไปในการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแส (Improving your behavior is the next step in becoming a hyper-learner)  3. มีสี่เสาหลักธุรกิจที่การเรียนรู้เหนือกระแสนาไปใช้ประโยชน์ได้ (There are four pillars on which a hyper-learning business stands)
  • 33. ประการที่ 1 เปลี่ยนความคิด (first change your mindset)  ขั้นตอนแรกในการเป็นผู้เรียนรู้เหนือกระแสคือ การทาให้อัตตาของคุณสงบลง สิ่งนี้ เริ่มต้นด้วยการปลดปล่อยชื่อ ป้ายกากับ และตัวตนที่คุณมี ให้ใช้ทัศนคติอยากรู้อยาก เห็นและสามารถถูกสอนได้ ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ  วิธีที่ดียิ่งขึ้นคือ การทาสมาธิ ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญในการทาให้จิตใจที่ยุ่งวุ่นวายสงบลง เพื่อ เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการฝึกฝน คุณต้องจดจ่อกับลมหายใจและเปลี่ยน ความคิดของคุณเมื่อจิตใจคุณซัดส่าย
  • 34.  การระงับอัตตาและจิตใจที่ยุ่งวุ่นวายด้วยการทาสมาธิ จะช่วยให้คุณมีทัศนคติที่ดีขึ้น ซึ่ง เป็นส่วนต่อไปของการเป็นผู้ที่เรียนรู้เหนือกระแสคือ ความคิด (mindset) ซึ่งมีสอง ประเภทที่คุณสามารถมีได้คือ  ความคิดยึดติด (Fixed mindset) เมื่อคุณเชื่อว่าสติปัญญาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณ คิดว่าคุณติดอยู่กับที่โดยไม่สามารถเติบโตได้อีก  ความคิดแบบเติบโต (A growth mindset ) เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่า คุณสามารถ ปรับปรุงจิตใจ สติปัญญา ทัศนคติ และทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณได้ นี่คือความคิดของผู้ เรียนรู้เหนือกระแส
  • 35. ประการที่ 2 ปรับปรุงพฤติกรรมของคุณ (Improve your behavior)  ขั้นตอนต่อไปในการเรียนรู้เหนือกระแสคือ การเปลี่ยนแปลงการกระทาของคุณ แค่เชื่อ ในการเติบโตไม่เพียงพอ คุณต้องทาเพื่อให้มันเกิดขึ้นจริง หมายถึงแม้แต่รายละเอียด เช่น กิริยาท่าทางและคาที่คุณใช้  เริ่มต้นด้วยการดูพฤติกรรมทั่วไปของผู้เรียนรู้เหนือกระแส ที่ทางานร่วมกับผู้อื่นได้ดี สอนได้ ยอมรับความไม่แน่นอน และเปิดใจกว้าง เป็นต้น
  • 36.  สมมติว่าคุณต้องการเริ่มต้นด้วยการพัฒนาทักษะการทางานร่วมกัน คนที่ทางานร่วมกับ ผู้อื่นได้ดีทาอย่างไร? คุณสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ฟังที่ดี แต่คุณต้องลงลึกกว่านี้ อะไรทาให้ใครบางคนเป็นผู้ฟังที่ดี? เมื่อพิจารณาคาตอบของคาถามนี้ เราจะเห็นว่าการ ไม่รบกวนผู้อื่น มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และถามคาถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจ  หากต้องการเจาะลึกลงไปอีก ให้ระบุสิ่งที่ผู้ทางานร่วมกันในอุดมคติไม่ทา บางทีคุณอาจ ทราบตัวอย่างบางส่วนในสานักงานของคุณ ที่สอนวิธีที่ไม่ควรทา มันง่ายที่จะเห็นว่าพวก เขาแย่แค่ไหนในการทางานเป็นทีมและสิ่งที่พวกเขาทา ดังนั้นคุณสามารถทาสิ่งที่ตรงกัน ข้าม เพื่อเป็นสิ่งที่คุณต้องการจะเป็น
  • 37. ประการที่ 3 ทาตามแนวคิดสี่ข้อ (Follow four key ideas)  หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจและไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทันกับเวลา คุณจะล้มเหลว  ลองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Blockbuster และ Kodak ผู้ยึดติดกับวิถีเดิมๆ ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และบรรดาผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม ที่ทะยานสูงขึ้นกว่าที่ใครๆ คิดไว้  สถานที่ทางานแบบดั้งเดิมเต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกลัว และความเป็นผู้นาจากบน ลงล่าง สิ่งเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพสาหรับโลกที่กาลังก้าวหน้า เพราะไม่ส่งเสริม ความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ และยับยั้งนวัตกรรมและโอกาสทั้งหมดสาหรับการ เติบโต
  • 38. จะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับธุรกิจ และเริ่มต้นด้วยหลักการสี่ข้อนี้ :  1. นาแนวคิดเรื่องคุณธรรม (idea of meritocracy) มาใช้ ซึ่ง Google ได้ทาสิ่งนี้ แล้ว และ เป็นส่วนสาคัญว่า ทาไมพวกเขาจึงประสบความสาเร็จ พวกเขานาความคิดที่ดีที่สุดมาใช้ โดยไม่คานึงถึงว่าความคิดเหล่านั้นมาจากไหน  2. เป็นบวก (Be positive) จากการวิจัยของ Barbara Fredrickson และ Alice Isen ที่บ่ง บอกว่า เราสามารถเพิ่มความสามารถทางจิตด้วยอารมณ์เชิงบวก นั่นหมายความว่า คุณ และทีมของคุณจะทางานได้ดีขึ้น เมื่อคุณมองในแง่ดี และจะแย่ลงเมื่อคุณไม่ทา
  • 39.  3. สร้างบรรยากาศของความปลอดภัยทางจิตใจ (psychological safety) หมายความว่า มี วัฒนธรรมที่พนักงานไม่กลัวที่จะแสดงออก พวกเขาต้องรู้สึกปลอดภัยจากการถูกไล่ออก โดยไม่สมควร ไม่ได้รับการเลื่อนตาแหน่ง หรือถูกกีดกันจากความคิดหรือความรู้สึกใดๆ  ซึ่งสิ่งนี้ จะทาให้พวกเขามีความกล้าหาญในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และช่วยให้คุณก้าว ไปสู่ระดับต่อไป
  • 40.  4. สนับสนุนทัศนคติการกาหนดตนเอง (self-determination) หมายความว่า ช่วยให้ผู้คน เรียนรู้ที่จะกระตือรือร้นในการแสวงหาความท้าทายและพัฒนาทักษะของตนเอง ให้ผู้คน รู้สึกว่า พวกเขาเป็นผู้ควบคุมงานของพวกเขาและประสิทธิภาพการทางาน มีความสุข แล้วการมีส่วนร่วมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระดับที่คุณไม่เคยคิดว่าจะ เป็นไปได้  ถ้าคุณอยากจะสาเร็จ ต้องดีกับผู้คน (you need to be good to people if you want to succeed!)