More Related Content
Similar to Bubble milk tea (20)
Bubble milk tea
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปี การศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ชานมไข่มุก
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ น.ส. ชฎาธาร ตุ้ยคา เลขที่ 40 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปี การศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1. น.ส. ชฎาธาร ตุ้ยคา เลขที่ 40
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ชานมไข่มุก
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Bubble Milk Tea
ประเภทโครงงาน
สื่อการเรียนการสอนเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส. ชฎาธาร ตุ้ยคา
ชื่อที่ปรึกษา
ครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
- 3. 3
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เครื่องดื่มสุดฮิตอย่างหนึ่งของคนทุกเพศทุกวัย
มีขายแพร่หลายตั้งแต่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนา จนกระทั่งริมสองฝั่งถนน
เป็นเครื่องดื่มเย็น มีหลากรสชาติให้เลือกสรร ทั้งกาแฟและชารสผลไม้ต่างๆ
นอกจากหอมหวานยัง “เคี้ยว” ได้เพลินและสนุกปาก ราคาตั้งแต่ 20
บาทจนถึงหลายร้อยบาท “ผู้บริโภค” บางรายนิยมดื่มวันละแก้ว
บางรายหลายแก้วต่อวัน จนลืมคานึงถึง “ภัยร้าย” ที่แฝงตัวมา นั่นคือ “โรคอ้วนง่าย”
และ “แก่เร็ว”
เนื่องจากส่วนผสมหลักของชามุก ประกอบด้วยชา ครีมเทียม น้าตาลทราย
นมข้นหวาน ไข่มุก และผงเครื่องดื่มสาเร็จรูปที่แต่งกลิ่น อาทิ กลิ่นแอปเปิ้ล ส้ม
องุ่น ลิ้นจี่ และอื่นๆ จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีน้าตาลและไขมันสูงซึ่งสมองของคนเรานั้น
หากถูกกระตุ้นด้วยความหวาน มัน เค็ม จะชอบใจ และเข้าใจว่าอาหารนั้นอร่อย
เมื่อเกิดความอร่อยก็ยิ่งทาให้อยากจะหามารับประทานบ่อยๆ ยิ่งถ้ามี “กาเฟอีน”
ผสมอยู่ ก็ยิ่งทาให้สมองติดใจได้ง่ายขึ้นไปอีกเรียกได้ว่าความหวาน-มัน
และกาเฟอีนในชานมไข่มุก “เล่นกล” หลอกให้สมองติดใจ
ยิ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ ก็ยิ่งอันตรายสาหรับคนที่ต้องการ
“ลดน้าหนัก” เพราะเมื่อเกิด “ความเชื่อ” ที่ผิดๆ
ก็ส่งผลให้ผู้บริโภคจานวนไม่น้อยเลือกดื่มชานมไข่มุกแทนการรับประทานอาหาร
เนื่องจากคิดว่าจะช่วยลดน้าหนักได้ทั้งที่แท้จริงแล้ว การรับประทาน “เกาเหลา”
ทั้งชาม ยังอ้วนน้อยกว่าการกินชานมไข่มุก 1 แก้วด้วยซ้าไป
เนื่องจากปริมาณแคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 200
กิโลแคลอรี่ ถึง 400 กิโลแคลอรี่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือปริมาณน้าตาล ที่มีตั้งแต่ 8
ช้อนชาต่อแก้ว ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้วซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
ในหนึ่งวันเราไม่ควรบริโภคน้าตาลเกิน 6 ช้อนชาสาหรับผู้หญิง และ 9
ช้อนชาสาหรับผู้ชาย อีกทั้งไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่รวมอยู่ก็มีปริมาณไม่น้อย
บางสูตรใช้ “ครีมเทียม” ซึ่งมี “ไขมันทรานส์”
ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันชนิดอื่น
นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหลอดเลือดหัวใจ”
ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย ส่วน “เม็ดไข่มุก”
ที่ผู้บริโภคหลายคนต่างเพลิดเพลินกับการ “เคี้ยว” ด้วยความรู้สึกหนึบๆ หนับๆ
ก็คือ “แป้ง” เพราะทาจาก “มันสาปะหลัง” นามาต้มกับ “น้าตาล” ให้ “แคลอรี่”
แตกต่างกันไปแต่ละสูตร ตั้งแต่ 2-4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด
อีกทั้งยังไม่มีคุณค่าทางอาหาร ไม่ว่าวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระใดๆ
เลย
- 5. 5
และเครื่องดื่มชนิดนี้ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสาหรับคนที่กาลังลดน้าหนักและควบคุม
แป้งหรือน้าตาล
นอกจากนี้ ใครที่ชื่นชอบชานมไข่มุกจนขาดไม่ได้ ต้องกินอยู่บ่อย ๆ
ควรคานึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ได้ดังต่อไปนี้ด้วย
-มีคุณค่าทางสารอาหารน้อย
การได้รับน้าตาลจากชานมไข่มุกอาจทาให้ร่างกายมีพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่เครื่องดื่มชนิดนี้แทบไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ กากใย และสารอาหารใด ๆ
รวมทั้งหากกินไข่มุกมากเกินไปก็อาจทาให้มีอาการท้องผูกได้
-มีแคลอรี่สูง ชานมไข่มุก 1 แก้วที่เพิ่มนมสดและเม็ดไข่มุกจะให้พลังงานมากถึง
335 แคลอรี่ โดย 1 ใน 3 เป็นแคลอรี่จากเม็ดไข่มุก ซึ่งหากกินชานมไข่มุกวันละ 2
แก้ว ก็จะเทียบเท่ากับได้รับแคลอรี่ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน (1,800-
2,000 แคลอรี่) เลยทีเดียว อีกทั้งอาจมีน้าตาลมากถึง 6 ช้อนชา
ผู้ที่มีน้าหนักตัวเกินมาตรฐานหรือเป็ นโรคเบาหวานจึงควรกินชานมไข่มุกนาน ๆ
ครั้งเท่านั้น
-อาจมีวัตถุเจือปนอาหาร
เคยมีรายงานว่าชานมไข่มุกที่ผู้ผลิตบางรายนาเข้าไปยังอเมริกาได้ปนเปื้อนสารอัน
ตรายที่ใช้ในการทาพลาสติกอย่าง DEHP
ซึ่งผู้ผลิตรายดังกล่าวนามาเป็นส่วนผสมในชานมไข่มุก
เพื่อเพิ่มสีและรสสัมผัสแทนการใช้น้ามันปาล์มที่มีราคาแพงกว่า
โดยมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองที่พบว่า
สารชนิดนี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากและมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติได้
-อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระบบย่อยผิดปกติ
ขั้นตอนการผลิตหัวมันสาปะหลังให้เป็นเม็ดไข่มุกที่ไม่เหมาะสม เช่น ปรุงไม่สุก
แช่น้ามากเกินไป เก็บไว้นานเกิน หรือปนเปื้อนเปลือกของมันสาปะหลัง เป็นต้น
อาจทาให้ผู้บริโภคท้องอืด ได้รับพิษจากไซยาไนด์ ส่งผลเสียต่อระบบประสาท
และก่อให้เกิดโรคคอพอกได้ รวมทั้งบางครั้งก็อาจมีส่วนผสมของซัลไฟต์ด้วย
ซึ่งผู้ที่มีภาวะย่อยสารนี้ผิดปกติควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารชนิดนี้
กินชานมไข่มุกยังไงให้ดีต่อสุขภาพร่างกายมากที่สุด ?
ชานมไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่ควรกินนาน ๆ ครั้งเท่านั้น
ผู้ที่ห้ามใจไม่ได้จนต้องดื่มชานมไข่มุกอยู่บ่อย ๆ
หรือผู้ที่อยากดื่มแต่ก็กังวลว่าอาจไม่ดีต่อสุขภาพ
สามารถสั่งชานมไข่มุกแบบใส่น้าตาลน้อยหรือไม่ใส่น้าตาลเลยแทนได้
รวมทั้งอาจลดน้าเชื่อมและสารเพิ่มความหวานอื่น ๆ
โดยควรเลือกร้านที่ใช้นมสดหรือนมไขมันต่าแทนครีมเทียม
และอาจดื่มชาแบบไม่ใส่ไข่มุกเพื่อลดปริมาณแคลอรี่ด้วย
- 6. 6
แม้อาจทาให้ชานมไข่มุกไม่เป็นชานมไข่มุกเหมือนเดิมจากที่เคยบริโภคก็ตาม
แต่แบบนี้ก็ดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจมากกว่าที่เคย
4 โรคเสี่ยงจากชานมไข่มุก กินมากไป ป่วยได้ไม่รู้ตัว !
-โรคอ้วน
ชาไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง โดยชาไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ
240-360 กิโลแคลอรี ทั้งยังอุดมไปด้วยน้าตาล คาร์โบไฮเดรตจากตัวไข่มุก
ครีมเทียม นมข้นหวาน แถมบางคนยังเพิ่มท็อปปิ้งอื่น ๆ เพื่อความฟินอีกด้วย
ดังนั้นหากกินชานมไข่มุกทุกวัน น้าหนักก็ขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
-เบาหวาน
เห็นกันจะจะว่าชาไข่มุก 1 แก้ว ใส่น้าเชื่อมไปเท่าไร ใส่นมข้นหวานไปเท่าไร
นอกจากนี้ตัวไข่มุกเองก็เป็นแป้งที่ร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็ นน้าตาลได้อีก
เท่ากับว่าไม่เพียงแต่ปริมาณน้าตาลในน้าชาเท่านั้นที่ร่างกายจะได้รับ
แต่หลังจากการย่อยไข่มุกแล้วร่างกายก็จะได้รับน้าตาลจากตัวไข่มุกด้วยเช่นกัน
และแน่นอนว่ามันเกินปริมาณที่ร่างกายควรได้รับน้าตาลต่อวัน
กินบ่อยก็ยิ่งทาให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ง่าย ๆ
-ท้องผูก
ในกรณีที่กินชาไข่มุกแทนข้าว และมีพฤติกรรมไม่ค่อยกินผัก-ผลไม้
ก็มีสิทธิ์เจออาการท้องผูกได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ
ยิ่งกับคนที่ชอบกลืนไข่มุกแบบไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อน
ร่างกายก็อาจจะย่อยไข่มุกได้ลาบากกว่าปกติ
ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายมีปัญหาตามมาได้
เอาเป็นว่ากินชาไข่มุกให้น้อยกว่าผัก-ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์ก็แล้วกัน
-โรคหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งน้าตาลและไขมันอิ่มตัวในนมต่างก็เป็นโทษต่อสุขภาพของเรา
ยิ่งถ้าใช้ครีมเทียมที่มีไขมันทรานส์ก็ยิ่งอันตรายต่อหัวใจมากขึ้น
เพราะไขมันทรานส์เป็นไขมันตัวร้ายที่เข้าไปเพิ่มไขมันชนิดเลว (LDL) ในร่างกาย
เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ และลดปริมาณไขมันชนิดดี (HDL)
จึงอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้
ไขปริศนา 'ชานมไข่มุก' ทาไมยิ่งกิน ยิ่ง(เสพ)ติด?
- 7. 7
การบริโภคขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในรสชาติที่ผู้บริโภคต้องการ
ทาให้เกิดการรับประทานซ้า จนเกิดการรับประทานทุกวัน
จึงนาไปสู่การเสพติดในรสชาติ ทาให้สมองมีการจดจารสชาติ
เกิดความพึงพอใจในรสชาติที่ได้รับอย่างที่ผู้บริโภคต้องการ
เนื่องจากสารที่ประกอบในชานมไข่มุกจะประกอบไปด้วย น้าตาล แป้ง และไขมัน
เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมได้ทันที ทาให้ผู้ที่บริโภครู้สึกสดชื่น
แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่มีการกิน หรือฝืนต่อความต้องการรับประทาน
ก็จะทาให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
ถึงผู้บริโภคจะรู้ว่าการรับประทานอาหารที่มีรสชาติหวานส่งผลเสียต่อร่างกาย
แต่ก็ยังมีความต้องการ
อย่างไรก็ตาม ไขมันเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกแปรสภาพไปเป็นไตรกลีเซอร์ไรด์
(Thiglycerides) ซึ่งร่างกายจะนาไปสะสมไว้ตามอวัยวะส่วนต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามผนังหลอดเลือด จึงทาให้เสี่ยงต่อโรคกลุ่มเรื้อรังไม่ติดต่อ
(honestdocs) เช่น โรคเบาหวาน
คาเตือน ควรดื่มชานมไข่มุกไม่เกินวันละ 1 แก้ว
ล่าสุดจากข้อมูลของนิตยสารฉลาดซื้อ
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ทาการศึกษาชานมไข่มุก 25 ยี่ห้อ ที่ไม่ใส่น้าแข็ง พบว่า 23
ยี่ห้อ มีปริมาณของน้าตาลเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลก แนะนาให้บริโภค คือ
ไม่ควรบริโภคเกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา ต่อวัน และมีเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น
ที่ไม่เกินเกณฑ์
และมีการตรวจเม็ดไข่มุกของปริมาณสารกันบูด
มีการตรวจพบแต่ไม่เกินตามเกณฑ์ที่กาหนดคือ 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
โดยพบมากสุด 551 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
แต่หากกินในปริมาณที่มากและกินร่วมกับอาหารชนิดอื่นที่มีสารกันบูด
ก็อาจส่งผลต่อระบบขับถ่าย
และการทางานที่หนักของตับและไตในการขับของเสียออกจากร่างกาย
สาหรับการบริโภคชานมไข่มุก คือ ควรรับประทานให้พอเหมาะ
โดยปกติพลังงานเฉลี่ยของวัยรุ่นชาย/หญิง วัยทางานจะอยู่ที่ 2000 kcal
โดยเมื่อบริโภคชานมไข่มุก 1 แก้ว 360 กิโลแคลอรี จะเทียบเท่ากับพลังงาน 1 ใน
4 ของพลังงานที่ได้รับต่อวันซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงเทียบเท่าอาหารจานเดียว
1 จาน
ขณะที่สารอาหารของชานมไข่มุกส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานที่ได้รับจากน้าตาล
ในการเติมสารให้ความหวาน และตัวไข่มุกที่ทาจากแป้งมันสาปะหลัง
กับน้าตาลทรายแดง และผงโกโก้
โดยบางผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ชานมสาเร็จรูปแบบผงอาจมีการเติมไขมัน ชนิดอื่นๆ
ที่ให้พลังงานที่สูง
- 10. 10
มูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโคร
งงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงา
น
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
สถานที่ดาเนินการ
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
______________________________________________________
___________________
- 11. 11
______________________________________________________
___________________
แหล่งอ้างอิง
4 โรคเสี่ยงจากชานมไข่มุก กินมากไป ป่วยได้ไม่รู้ตัว !
https://health.kapook.com/view210938.html
ชานมไข่มุก กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง
https://www.thaihealth.or.th/Content/40698-ชานมไข่มุก%20กับทุกข์ที่คาดไม่ถึง.html
เปิดผลตรวจ 'ชานมไข่มุก' 25 ยี่ห้อ พบน้าตาลไม่เกินมาตรฐานเพียง 2 ยี่ห้อ
https://www.posttoday.com/life/healthy/594645?fbclid=IwAR3UBtPSFELk_rzTq2Re0zg4Nt0bfdi
G6vDSWooksitiJqvg0iD-zexUMX8
ไขปริศนา 'ชานมไข่มุก' ทาไมยิ่งกิน ยิ่ง(เสพ)ติด?
https://www.posttoday.com/life/healthy/594785?fbclid=IwAR1H-
ZK4lWqKkAj60ApVPcYjTGanx_6gq4KEmE64XPTId-ibYc93_QMH4Ds