SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2558
ชื่อโครงงาน วิตามินและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว ยุพาวดี วรรณผา เลขที่ 10 มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
นางสาว ยุพาวดี วรรณผา เลขที่ 10 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
ชื่อโครงงาน วิตามิน อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
ชื่อโครงงาน Vitamin good for health
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทสารวจ
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 30 กันยายน – 10 ตุลาคม พ.ศ 2558
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องจากปัจจุบันการกินอาหาร 3 มื้อจะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการไม่เพียงพออีกต่อไป วิตามินและ
อาหารเสริมจึงเป็นตัวช่วยอย่างดีในการบารุงและรักษาสุขภาพอย่างง่ายดาย วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้จึงเป็นที่
นิยมมากทั่วโลก ทั้งนี้นี้มีค่านิยมที่ถูกบ้างผิดบ้างกระตุ้นให้คนหันมาสนใจกินอาหารเสริม เช่น ถ้าอยากผิวสวยต้องกิน
อาหารเสริมที่สกัดจากปลาทะเลน้าลึก อยากสูงต้องกินแคลเซียมเสริม อยากความจาดีขึ้นต้องกินน้ามันตับปลา หรือ
ถ้าไม่อยากอ่อนเพลียให้กินวิตามินซี สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงแค่สรรพคุณข้างกล่องที่เชิญชวนให้ดูน่าซื้อมาบริโภค แต่
จะดีกว่าถ้าเรารู้หลักการทางานของอาหารเสริมเหล่านี้ และรับประทานอย่างถูกวิธีให้ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่กลับ
เป็นโทษต่อร่างกาย แต่อาหารเสริม และวิตามินบารุงสมอง อาหารเสริมและวิตามินส่วน ใหญ่จะพุ่งเป้าไปยังนักเรียน
นักศึกษาที่ต้องเรียนหนักใช้สมองมาก เวลาพักผ่อนน้อย ลดอาหารเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียด อาหารพวกนี้ก็
จะเป็นพวกน้ามันปลา ใบแปะก๊วย วิตามินบี จะเห็นได้ว่าอาหารเสริมและวิตามินสาคัญต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่ง
ประโยชน์มากมายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนข้าพเจ้าจึงจัดทาโครงงานนี้เพื่อศึกษารวบรวม
ข้อมูล ชนิดของวิตามินและอาหารเสริม ตลอดจนข้อดีและข้อเสียของ อาหารเสริมเหล่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่
นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเป็นการเผยแพร่ความรู้ที่ควรรู้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษา
วัตถุประสงค์
1. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเอง หรือร่วมกัน
2. เพื่อศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน มีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้
3. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น
4. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรุ้ที่ได้ไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง
3
ขอบเขตโครงงาน
1. ทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ เรื่อง วิตามิน และอาหารเสริมสาหรับสุขภาพ(supplement food)
จากหนังสือเรียนและอินเทอร์เน็ต
2. ศึกษาและใช้โปรแกรม Microsoft word , Power Point , Slide share
3. ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาใช้เวลารวม 1 เดือน
หลักการและทฤษฎี
วิตามินคือสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยมากในแต่ละวันเพื่อการเจริญเติบโต และการ
สร้างพลังงานของทุกเซลในร่างกาย จาเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดี เราจาเป็นต้องได้รับวิตามินไม่ว่าจะจากอาหารที่
รับประทานหรือจากการได้รับอาหารเสริม วิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายเราไม่มีและไม่ได้สร้างขึ้นเอง มีวิตามินทั้งหมด 13
ชนิด ที่ร่างกายควรจะได้รับ วิตามินไม่ใช่อาหาร และไม่สามารถใช่ทดแทนอาหารได้ วิตามินไม่มีแคลอรี่ และไม่
สามารถให้พลังงานโดยตรงกับร่างกาย แต่เราก็ยังจาเป็นต้องได้รับวิตามินเพื่อไปทาหน้าที่เปลี่ยนอาหารให้เป็น
พลังงาน
วิตามินและอาหารเสริมคืออะไร?
อาหารเสริมสุขภาพ จัดเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ Dietary supplement products ซึ่งหมายถึง
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรง นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลัก ตามปกติมักจะอยู่ในลักษณะเป็นเม็ด
แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น มีจุดมุ่งหมายสาหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ (มิใช่สาหรับผู้ป่วย) เช่น
น้ามันปลาแคปซูล ใยอาหารอัดเม็ด ใยอาหารผงสาหรับชงหรือโรยอาหาร เป็นต้น
เมื่อไหร่ที่ควรกินอาหารเสริมและวิตามิน?
 กาลังตั้งครรภ์ เข้าสู่วัยหมดประจาเดือน หรือร่างกายปฏิเสธอาหาร
 อยู่ท่ามกลางสภาวะเป็นพิษ ภูมิต้านทานอ่อนกาลังลง สุขภาพอ่อนแอง่ายกว่าปกติ
 ใช้ชีวิตแบบแย่ ๆ เช่น สูบบุหรี่จัด หรือติดแอลกอฮอล์ ทาให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่
วิตามินและอาหารเสริมมีกี่ประเภท?
วิตามิน มี 2 ประเภท
1. วิตามินที่ละลายในน้าได้ ได้แก่ วิตามินซี,บี
2. วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ,ดี, อี, เค
4
 วิตามิน ประเภทที่ 1 วิตามินที่ละลายในน้าได้ได้แก่
1.วิตามินซี
ช่วยให้เซลล์ผิวหนัง เอ็น กล้ามเนื้อ ผนังเส้นเลือด และโครงสร้างภายในกระดูกและฟันแข็งแรงสมบูรณ์ มี
ความสาคัญต่อการสังเคราะห์เนื้อเยื่อคอลลาเจน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และยังช่วย
ต่อต้านสารอนุมูลอิสระด้วย ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีเองได้ ดังนั้น จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินซี
ได้แก่ ฝรั่ง มะขามป้อม มะนาว ส้ม สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ ผักใบเขียว กะหล่า บล็อกโคลี่ ซึ่งถ้าหากร่างกายขาด
วิตามินซี น้องๆ ก็จะมีอาการเลือดออกตามไรฟัน
2.วิตามินบี
กลุ่มวิตามินบี ประกอบด้วย
วิตามินบี 1 (ไธอะมีน), วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน),
วิตามิน 3 (ไนอะซีน), วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก แอซิด) ,
วิตามินบี 6 (ไพรดอกซิน) และวิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน)
วิตามินบีช่วยควบคุมการทางานในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ช่วยใน
การเปลี่ยนน้าตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน ช่วยการทางานของระบบกล้ามเนื้อและประสาท และช่วยในการเสริมเม็ด
เลือดแดง ฟ อาหารที่มีวิตามินบีอยู่มาก ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ผักใบเขียวต่างๆ นม ตับสัตว์ เนื้อสัตว์ ไข่ ปลา เป็น
ต้น
 กลุ่มวิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี 1 (ไธอะมีน)
ช่วยในการสร้างสัญญาณสื่อประสาทระหว่างสมองกับไขสันหลัง และจาเป็นต่อการทางานของ
เอนไซม์ที่ผลิตพลังงานให้ร่างกาย ร่างกายเราสะสมวิตามินบี 1 ได้น้อย จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินบี 1 อย่าง
สม่าเสมอ ได้แก่ ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ไข่แดง
 วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)
ช่วยสร้างสารที่จะทาหน้าที่เปลี่ยนพลังงานจากโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ให้อยู่ในรูปที่เซลล์
สามารถนาไปใช้ได้ และยังช่วยบารุงผิวหนัง ผม เล็บ และเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ อาหารที่มีวิตามินบี 2
มาก ได้แก่ ตับหมู เครื่องในสัตว์ นมสด
 วิตามินบี 3 (ไนอะซิน)
ช่วยในการผลิตเอนไซน์ที่ช่วยปล่อยพลังงานจากอาหารที่ย่อยแล้ว ร่างกายจะต้องการวิตามินชนิดนี้
มากขึ้นเมื่อออกกาลังกายหรือทากิจกรรมมากขึ้น วิตามินบี 3 ยังช่วยให้ผิวหนังเจริญตามปกติ สร้าง
เส้นประสาทที่สมบูรณ์ และช่วยบารุงรักษาระบบย่อยอาหารให้ดีอยู่เสมอ พบมากในเนื้อสัตว์ต่างๆ พวก เนื้อ
ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว จมูกข้าวสาลี
 วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก แอซิด)
ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานสม่าเสมอและเพียงพอ เพราะช่วยเปลี่ยนไขมันและน้าตาลในอาหารให้
เซลล์สามารถนาไปใช้ได้ จึงช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างปกติ และยังช่วยสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไต
ด้วย วิตามินบี 5 มามากในอาหารพวกตับวัว ถั่วลิสง งา
 วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน)
ช่วยสร้างและสลายโปรตีน เพื่อนาไปใช้สร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ช่วยในการทางาน
ของระบบประสาท สร้างภูมิต้านทาน และช่วยสร้างฮีโมโกลบินที่ทาหน้าที่ลาเลียงออกซิเจนในกระแสเลือด มี
มากในอาหารพวกจมูกข้าวสาลี ตับวัว กล้วย กะหล่าปลี
 วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน)
ช่วยในการนาเอนไซม์ที่สาคัญหลายตัวกลับมาใช้ใหม่ เพื่อใช้สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท บารุงสุขภาพ
5
เส้นประสาทและเซลล์อื่นๆ โดยเฉพาะเด็กๆ วิตามินบี 12 ช่วยให้เจริญเติบโต ทาให้อยากอาหาร และช่วย
ผลิตเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ ป้องกันการถูกทาลายของเส้นประสาท พบมากในอาหารพวก เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ไก่
 วิตามิน ประเภทที่ 2 วิตามินที่ละลายในไขมัน ประกอบด้วย
วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดีสอง (Vitamin D2) พบมากในน้ามันตับปลา นม ไข่แดง ยีสต์ เป็นต้น ส่วนวิตามินดีสาม
(Vitamin D3) ได้จากปฏิกิริยาระหว่างแสงอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดดกับสารสเตียรอยด์ที่
ผิวหนัง วิตามินดีช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็กและผู้ใหญ่ ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียม และ
ฟอสฟอรัส เด็กเล็กที่ขาดวิตามินดีจะเจริญเติบโตช้า
วิตามินเอ (Vitamin A)
พบมากในตับ ไข่แดง น้านม เนย น้ามันตับปลา พืชซึ่งมีสารประกอบพวกแคโรทีน
(Carotene) ได้แก่ ผักสีเขียว สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง มันเทศ มะละกอสุก ฟักทอง
ขนุน กล้วยหอม ผักบุ้ง คะน้า
มะเขือเทศ ฯลฯ
วิตามินอี (Vitamin E)
พบในน้ามันพืช โดยเฉพาะในน้ามันเมล็ดดอกคาฝอย และน้ามันถั่วเหลือง ไข่ปลา เนื้อ ตับ ข้าวกล้อง
วิตามินเค (Vitamin K or Coagulation Vitamin)
พบมากในผักใบเขียว มะเขือเทศ ดอกกะหล่า ไข่แดง น้ามันถั่ว ตับ เนื้อหมู
ทาหน้าที่ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนที่ทาหน้าที่ควบคุมการแข็งตัวของเลือด การขาดวิตามินเค เช่น จาก
การอุดตันของท่อน้าดี หรือจากการผ่าตัดลาไส้ จะทาให้เลือดแข็งตัวช้า และเลือดออกภายใต้ผิวหนังได้ง่าย ใน
ทารกแรกเกิดถ้าขาดวิตามินเคอาจทาให้เกิดเลือดออกจากสายสะดือได้ อย่างไรก็ดีการได้รับวิตามินเคมากเกินไป
อาจทาให้เป็นโรคโลหิตจางได้
 อาหารเสริม มี 4 ประเภท
อาหารเสริม (supplements) หมายถึง สิ่งช่วยเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกายเท่านั้น
ไม่ใช่อาหาร ที่สามารถกินแทนมื้อหลักได้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้คือ
1. มัลติวิตามิน(Multivitamins)
เป็นอาหารเสริมประเภท รวมวิตามินและแร่ธาตุสาคัญที่ร่างกาย ควรได้รับในแต่ละวัน มีส่วนประกอบ
หลักคือแคลเซียม และธาตุเหล็ก เหมาะสาหรับผู้ที่ต้องการบารุงร่างกายให้สดชื่นกระฉับกระเฉง มีพลังงานใน
การทากิจกรรมต่าง ๆ ผู้ที่ต้องการลดน้าหนักหรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร และในทางสูตินรีแพทย์นิยมให้
วิตามินชนิดนี้แก่ผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร เพื่อเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของครรภ์มารดา
อีกด้วย มัลติวิตามินที่เป็นที่นิยมกินเป็นอาหารเสริม คือ วิตามินบีคอมเพล็กซ์
2. โพรไบโอติก (Probiotics)
ร่างกายของคนเรา จาเป็นที่จะต้องได้รับ อาหารเสริมจาพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรีย เพื่อประโยชน์ใน
การย่อยอาหารอีกทั้งยังช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบการทางานของอวัยวะภายในร่างกายได้อีกด้วย
อาหารเสริมประเภทนี้ได้แก่ ไฟเบอร์ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว
3. สารสกัดจากพืช (Herbal)
อาหารเสริมประเภทที่ได้ จากสารสกัดจากพืชช่วยให้เราบริเวณได้ง่ายขึ้น ร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้
ประโยชน์ได้ในทันที เช่น ขมิ้นชันอัดเม็ด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด สารสกัดจากใบแปะก๊วยอัดเม็ด ช่วยบารุง
6
สมองและความจา เป็นต้น โดยส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นามาสกัดคือ ต้นอ่อน (ยอดใบ) ราก ดอก ผล ก้าน ใบ
อาหารเสริมประเภทนี้ไม่สะสมในร่างกายและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด
4. กรดอะมิโน (Amino acid)
อาหารเสริมประเภท กรดอะมิโน คือหน่วยย่อยโปรตีน ทาหน้าที่บารุงเส้นผม ผิวพรรณ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ
และเซลล์เนื้อเยื่อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย อาหารเสริมจาพวกนี้ช่วยกระตุ้นการ
เจริญเติบโต อาหารเสริมยอดนิยมประเภทนี้คือ น้ามันสกัดจากปลาทะเลน้าลึก และน้ามันสกัดจากเมล็ดพืช
วิธีการเลือกซื้อวิตามินและอาหารเสริม
1. อ่านฉลากให้ละเอียด เลือกที่มีตรา อย. รับรอง ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นาเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาก็ต้องมีตรา
FDA หรือ USP
2. วิตามินที่สกัดจากธรรมชาติจะดีและปลอดภัยกว่าพวกวิตามินสังเคราะห์และฉลากก็ควรอธิบายด้วยว่าที่
บอกว่ามาจากธรรมชาติน่ะ สกัดมาจากอะไร
3. ที่ฉลากข้างขวดจะมีตารางโภชนาการระบุว่า RDA หรือปริมาณที่แนะนาต่อวันอยู่ที่เท่าไร และความ
เข้มข้นของผลิตภัณฑ์นี้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ RDA ให้เลือกแบบที่ไม่เกิน 100% ก็พอ
4. เลือกกินแค่ที่เราต้องการเท่านั้นก็พอ พวกวิตามินที่ละลายในน้ายังไม่เท่าไร แต่วิตามินที่ละลายในไขมันจะ
สะสมในร่างกายและอาจจะกลายเป็นพิษ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้
5. คนที่มีโรคประจาตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อวิตามินมากินเอง เพราะวิตามินบางตัวอาจจะไม่ถูกกับโรค
ของคุณก็ได้
กินวิตามินและอาหารเสริมอย่างไรให้ได้ประโยชน์
เมื่อคุณซื้ออาหารเสริมคุณภาพดีมาแล้ว ต้องแน่ใจว่าคุณรับประทานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ประโยชน์
สูงสุดจากสารอาหารที่อยู่ในอาหารเสริมดังกล่าว
 ควรทานขณะท้องว่างหรือไม่
7
ช่วงเวลาดีที่สุดในการทานอาหารเสริมคือทานพร้อมอาหาร เนื่องจากจะช่วย ให้ร่างกายดูดซึม
สารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ควรอ่านฉลากให้แน่ชัดก่อนทานวิตามินที่เหมาะกับแต่ละคน
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากวิตามินรวม คุณอาจจาเป็นต้องทานสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเฉพาะ เพื่อให้ได้
สารอาหารนั้นเป็นพิเศษ เช่นเวลาในการรับประทาน
 วิตามินที่เหมาะกับแต่ละคน
แคลเซียม
หากคุณไม่ทานผลิตภัณฑ์นม หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุนอาหารเสริมจาพวก
แคลเซียมจะช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรง
How much : ผู้หญิงต้องได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม แต่ถ้าทานกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม จะก่อให้เกิดปัญหา
Best buy : แคลเซียมมีเฉพาะชนิดเม็ด เลือกซื้อแคลเซียมฟอสเฟต เนื่องจากดูดซึมได้ง่ายกว่า
Take with : ควรทานแคลเซียมร่วมกับอาหารในตอนค่าจะดีที่สุด หรือเลือกทานร่วมกับแมกนีเซียมก็ได้ผลดี
เช่นกัน เนื่องจากสารอาหารสองชนิดนี้ทางานร่วมกันได้ดี
วิตามินซี
ถ้าคุณสูบบุหรี่ ทานจั๊งค์ฟู้ดเป็นประจา หรือกาลังต่อกรกับโรคภัยไข้เจ็บ วิตามินซี จะช่วยเสริมสร้าง
ระบบภูมิต้านทานโรค
How much : ปริมาณแนะนาให้รับประทานคือ วันละ 60 มิลลิกรัม แต่ในช่วงที่เจ็บป่วยสามารถทานได้ถึง
วันละ 1,000 มิลลิกรัม นาน 2-3 วัน หลีกเลี่ยงการรับประทานในปริมาณมาก ๆ หากอยู่ในช่วงทานยา
คุมกาเนิดหรือมีอาการท้องเสีย
Best buy : เลือกชนิดออกฤทธิ์ได้นานหรือ time-release formulations เพราะร่างกายไม่สามารถเก็บ
สะสมวิตามินซี
Take with : ควรทานวิตามินซีร่วมกับอาหารในตอนเช้า หรือถ้าต้องทานมากกว่าหนึ่งโดส ให้แบ่งทานวันละ
มากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินซี
วิตามินอี
ใครก็ตามที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ระดับ คอเลสเตอรอล
สูง หรือผิวแห้ง เหล่านี้ล้วนได้ประโยชน์จากการรับประทานวิตามินอี
How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับวิตามินอี วันละ 10 มิลลิกรัม แต่ไม่ควรได้รับเกินกว่าวันละ450
มิลลิกรัม หากคุณอยู่ในระหว่างทานยารักษาโรคหัวใจ(เช่น ยา anticoagulant ซึ่งเป็นยาในกลุ่มวาร์ฟาริน)
ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
Best buy : ผลการวิจัยระบุว่าวิตามินอีสูตรธรรมชาติมีประสิทธิภาพดีกว่าสูตรสังเคราะห์ถึง 2 เท่า
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
เหล็ก
ถ้าคุณมีประจาเดือนมามาก (มักพบในช่วงก่อนเข้าวัยทอง) หรือทานมังสวิรัติ หรือรู้สึกอ่อนเพลียเป็น
ประจา อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดธาตุเหล็ก
How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับธาตุเหล็ก วันละ 14 มิลลิกรัม และไม่ควรทานเกินวันละ 17 มิลลิกรัม
อย่าทานอาหารเสริมจาพวกธาตุเหล็กนานติดต่อกันเกิน 6 เดือน โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือนัก
โภชนาการ เพราะหากทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจ
8
Best buy : ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กในรูปของเหลวได้ดีกว่า ในรูปยากเม็ดชนิดแตกตัวในลาไส้(iron
fumarate) หรือวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก (iron sulphate) ร่างกายดูดซึมได้ช้า ขณะที่เหล็กซัลเฟต
(iron sulphate) ร่างกายดูดซึมได้เร็ว แต่มักทาให้ท้องผูกเรื้อรัง
Take with : เลือกซื้อชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือทานคู่กับน้าส้ม 1 แก้วจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุ
เหล็กได้ดีขึ้น
แมกนีเซียม
อาการผิดปกติก่อนมีประจาเดือนหรืออาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบตามร่างกาย หรือดื่มเหล้าเป็น
ประจา อาจมีผลให้ระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่า
How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับวันละ 300 มิลลิกรัม แต่ไม่เกิน 400 มิลลิกรัม
Best buy : แมกนีเซียมในรูปของคีเลต (chelated) ดีที่สุด เพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายดูด
ซึมไปใช้ได้ดี
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
เซเลเนียม
หากแอนตี้ออกซิแดนท์ดังกล่าวอยู่ในระดับต่าก็จะทาให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และแก่ก่อนวัย
How much : ไม่มีคาแนะนาว่าควรรับประทานเซเลเนียมเท่าใดจึงจะเหมาะสม แต่ไม่ควรทานเกินวันละ
350 มิลลิกรัม
Best buy : เลือกเซเลเนียมคีเลตเพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยในการดูดซึม
Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า
การเลือกกินวิตามินตามอายุ
ร่างกายของผู้หญิงเราก็ต้องการสารอาหารที่ต่างกัน สารอาหารส่วนใหญ่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันมา
จากอาหารที่เลือกรับประทาน ซึ่งจะเพียงพอหรือไม่ เป็นสิ่งยากที่จะวัดค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับทางเลือกและ
ความชอบส่วนตัว
สาวๆ ส่วนใหญ่จึงเลือกกินวิตามินเสริม โดยยึดหลัก ‘เกินดีกว่าขาด' ก่อนพิจารณาเลือกวิตามินที่
เหมาะสมกับร่างกาย แต่จริงๆ แล้วการรับทราบถึงความจาเป็น บวกกับกิจกรรม และไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วง
วัย เป็นข้อพิจารณาที่ดีต่อการเลือกกินวิตามินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เภสัชกรหญิง ภัชราภรณ์ ปิ่น
สอาด จากร้านเพื่อสุขภาพและความงามวัตสัน ได้แนะนาทางเลือกวิตามินเสริมสาหรับสาววัยต่างๆ ที่ต้อง
เตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อรับมือกับงานและกิจกรรมต่างๆ คือ
สาวใสวัย 20
พนักงานบริษัทวัย 24 เริ่มต้นวันด้วยตารางการทางานที่รีบเร่ง แข่งกับเวลา ชอบกินผักและ
ผลไม้อยู่แล้ว จึงไม่เคยคิดว่าการกินวิตามินเสริมเป็นสิ่งที่จาเป็น แต่ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกว่าเป็นหวัด
บ่อยและอ่อนเพลียจากการทางาน จึงไม่แน่ใจว่าอาหารที่เลือกกินให้สิ่งที่ร่างกายต้องการได้อย่าง
เพียงพอรึเปล่า
 วิตามินซี
มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะไม่ใช่แค่เพียงป้องกันการเกิดหวัด แต่ยังช่วยขจัดอนุมูล
อิสระที่อาจก่อให้เกิดโรคหลายชนิด นอกจากนี้ วิตามินซียังมีส่วนสาคัญในการช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก
และการทางานของระบบประสาท ทั้งยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนด้วย
 แคลเซียม
เมื่ออายุ 25 แคลเซียมในร่ายกายจะเริ่มเสื่อมลง การเสริมแคลเซียมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควร
9
มองข้าม แคลเซียมยังเป็นส่วนสาคัญที่ช่วยให้ลิ่มเลือดจับตัวได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยการทางานของ
กล้ามเนื้อและการเต้นหัวใจ และถ้าจะให้ดี ควรกินแคลเซียมควบคู่กับวิตามินเค ซึ่งจะช่วยให้
ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
 เกรปซีด (Grape Seed)
เต็มไปด้วยวิตามินสาคัญๆ ทั้งวิตามินเอซึ่งมีส่วนช่วยในการมองเห็น และมีบทบาทต่อการ
สร้างเซลล์ใหม่ วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทาน บารุงผิวพรรณ และวิตามินอี
ช่วยเสริมการทางานของวิตามินเอและซี ช่วยปกป้องผิวจากรอยแผลและผิวอักเสบต่างๆ ที่สาคัญ
สารสกัดจากเมล็ดองุ่นเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
สาววัยเลข 30
สาววัย 33 ทุ่มเทให้กับการทางานอย่างจริงจังเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตข้างหน้า การโหม
งานหนักทาให้เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าของสมองและร่างกาย เภสัชกรหญิงจึงแนะให้มองหาวิตามินมา
ช่วยเสริมความฟิตของระบบประสาท
 วิตามินบีรวม
เสริมความพร้อมของระบบประสาทและสมอง ด้วยวิตามินบีรวม ทั้ง บี 1 บี 2 บี
3 บี 5 บี 6 บี 7 บี 9 และบี 12 เพื่อช่วยเสริมการทางานของระบบสมองและประสาทส่วนกลาง
การทางานของหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดงและระบบภูมิคุ้มกัน
 สารสกัดใบแปะก๊วย
เพิ่มประสิทธิภาพของสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ป้องกัน
การเสื่อมของเซลล์สมองจากการถูกทาลายด้วยอนุมูลอิสระ อีกทั้งปกป้องเซลล์ประสาทจากการ
ขาดออกซิเจน และยังมีส่วนทาให้ผนังหลอดเลือดแดงยืดหยุ่นและแข็งแรง
40 ยังสวยพริ้ง
สาววัยเลข 4 ยอมรับว่าตนเองพบกับภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นไม่เปล่งปลั่ง และมีสัญญาณของความ
หย่อนคล้อยตามกาลเวลา
 อีฟเวนนิง พริมโรส ออยล์ (Evening Primrose Oil)
เป็นกรดไขมันจาเป็น ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวหนัง ช่วย
ป้องกันการสูญเสียน้าของเซลล์ผิว ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น ลดริ้วรอย นอกจากนี้ ยังช่วย
บรรเทาอาการปวด ประจาเดือนและอาการผิดปกติของช่วงหมดประจาเดือนได้ดีอีกด้วย
สง่าแบบสาวเลข 50
เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ สาว (เหลือน้อย) วัยเลข 5 เริ่มประสบกับภาวะความดันโลหิตสูงและมีไขมันใน
เลือดสูง และเมื่อไปตรวจร่างกายประจาปี ก็พบว่ามีไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงกว่าระดับปกติมาก
 ฟิช ออยล์ (Fish Oil)
เป็นสารประกอบของกรดไขมันกลุ่มของโอเมก้า 3ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ซึ่งมี 2 ชนิด
ได้แก่ EPA ที่ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และ DHA ซึ่งช่วย
เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ความจา ตลอดจนระบบสายตาฟิชออยล์สามารถช่วยลดความดัน
โลหิต ทาให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดข้อรูมาตอยด์-ข้อเสื่อมได้
6 ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน
ต้องกิน 3 หยุด 1 เหรอคะ?
เป็นแค่ความเชื่อแต่ไม่ใช่ความจริง น่าจะเกิดจากความกลัวว่าจะเกิดการสะสมของวิตามิน
ประมาณว่ากล้า ๆ (อยากกิน) แต่ก็กลัว ๆ (ว่าจะมีอันตราย) แนะนาว่าสาหรับวิตามินที่ละลายในไขมัน
10
คือเอ ดี อี และเค ควรเลือกรับประทานปริมาณต่า ๆ หรือเจาะเลือดดูก่อนว่าจาเป็นต้องรับประทาน
หรือไม่ หรือง่ายที่สุดคือไม่ต้องรับประทาน เพราะมีโอกาสสะสมได้
กินวิตามินให้สวยช่วยได้จริงไหม
เรากินวิตามินและอาหารเสริมเพื่อความงามได้จริงหรือเปล่า เรามาไขข้อสงสัยกับคุณหมอก้อย
พ.ญ.รุจิรัตน์ วงศ์ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ผู้ก่อตั้งและผู้อานวยการ Genesis Skin Klinik ค่ะ ถ้า
การกินแล้วสวยหมายถึงกินแล้วผิวกระจ่างใสขึ้นนั้น ก็คงจะเน้นไปที่การกินพวกแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มี
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทาให้หน้าไม่หมอง ริ้วรอยลดลง ลดผลกระทบจากแสงแดด แล้วก็ทาให้หน้าดูเฟิร์
มขึ้นเล็กน้อยด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ก็จะประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินอี คิวเทน และโอเมก้า-3
Basic Set เพื่อผิวใส
เซตพื้นฐานที่สาว ๆ สามารถซื้อกินเองได้ทั่วไปและไม่อันตรายประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินอี
และคิวเทน โดยให้กินวิตามินซีวันละ 500-1,000 มิลลิกรัม วิตามินอี 100-300 หน่วย และคิวเทน 30-
100 มิลลิกรัม ที่จาเป็นต้องมีคิวเทนด้วยก็เพราะเจ้าตัวนี้จะทาให้วิตามินซีและอีทางานได้ทรง
ประสิทธิภาพมากขึ้น กินต่อเนื่องสักหนึ่งเดือนก็จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงค่ะ อ้อ ! การเลือกวิตามิน
ควรดูแบบที่เป็น Time Release คือจะค่อย ๆ ปล่อยวิตามินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อย ระดับวิตามินใน
ร่างกายจะได้คงที่และแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่กว่า โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในน้าได้อย่างวิตามินซี
ต้องเลือกให้ดี ไม่อย่างนั้นกินเข้าไปเดี๋ยวเดียวก็ขับออกมาทางปัสสาวะหมด (สาว ๆ ก็จะได้ปัสสาวะ
ราคาแพงมาแทน)
กินกลูต้าฯ-คอลลาเจนไม่ช่วยให้ขาวเด้ง
กลูต้าไธโอนเป็นสารที่ทาให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น แต่สารตัวนี้แทบจะไม่ดูดซึมในกระบวนการ
ย่อยอาหารเลย ดังนั้นต่อให้กินเข้าไปมากมายขนาดไหน ผิวก็จะไม่เปลี่ยนสีจากการกินกลูต้าฯ หรอกค่ะ
เสียเงินเปล่า ๆ ส่วนคอลลาเจนก็ยิ่งไม่เกี่ยวข้องเลย ไม่ว่าจะกินแบบผสมในเครื่องดื่มหรือแบบอัดเม็ด
บางคนกินแล้วรู้สึกดีอาจจะเป็นเพราะน้าตาลหรือสารตัวอื่นที่เขาใส่เข้าไปโดยไม่ได้โฆษณา หรือไม่ก็เป็น
Placebo Effect (อารมณ์เหมือนจิตนากาย พอเราเชื่อว่ากินแล้วดีร่างกายเราก็ดีไปด้วย) ร่างกายของ
เราจะสร้างคอลลาเจนได้เอง ซึ่งการกระตุ้นให้สร้างเพิ่มขึ้นได้มีแต่ต้องใช้เลเซอร์เท่านั้น
วิตามินมากมายจาไม่ไหว มัลติวิตามินก็เป็นตัวเลือกที่ดี
วิตามินรวมหรือมัลติวิตามินจะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สาคัญ ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันใน
ปริมาณที่พอเหมาะอยู่แล้ว ทาให้สาว ๆ สามารถกินได้โดยไม่ต้องมานั่งคานวณว่าตัวเองขาดแร่ธาตุอะไร
เท่าไร ส่วนมากจะมีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียมและธาตุเหล็ก
5 ข้อเท็จจริง ที่ควรรู้ เกี่ยวกับการฉีดวิตามินซี
หลายคนอาจจะเคยได้ยินวิธีการเสริมความงามของผิวพรรณ โดยการ ฉีดวิตามินซี แต่สาหรับ
อีกหลายๆคน วิธีการฉีดวิตามินซีนี้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่ง
หากใครกาลังสนใจวิธีการบารุงผิวพรรณ โดยการ ฉีดวิตามินซี อยู่ล่ะก็ มีข้อเท็จจริง 5 ประการ ที่คุณ
ควรทราบ ก่อนที่จะเข้ารับการฉีดวิตามินซี เพื่อเป็นการช่วยประกอบการตัดสินใจว่าการฉีดวิตามินซีนั้น
ดีสาหรับผิวพรรณ และสุขภาพของตัวคุณจริงๆหรือเปล่า?
1.วิตามินซีสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณที่จากัด
ถึงแม้ว่าการ ฉีดวิตามินซี เข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงนั้น ผลิตภัณฑ์วิตามินซีสาหรับฉีดจะมีปริมาณ
มิลลิกรัมที่เข้มข้นเพียงพอในการบารุงผิวพรรณก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักที่จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่
บุคคล นอกจากนี้ วิตามินซีที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถูกนาไปใช้ในการบารุง
ผิวพรรณ ซึ่งคุณสมบัติที่แท้จริงของวิตามินซี มักจะถูกใช้ในฐานะตัวเสริม ที่ช่วยทาให้สารดูแลผิวอื่นๆ
มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นมากกว่า
11
2.วิตามินซีสามารถได้รับจากการทาน การฉีดและอาหารเสริม
ทั้งสามแนวทางนี้ล้วนแล้วแต่มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป การฉีดวิตามินซีเข้าสู่ร่างกาย
โดยตรงจะมีปริมาณความเข้มข้นที่มาก ด้วยการข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แต่ก็ใช่ว่าวิตามิฯวีทั้งหมดจะ
ถูกนาไปใช้ประโยชน์ในการบารุงร่างกาย วิตามินซีส่วนใหญ่ยังคงยังถูกขับออกมาทางปัสสาวะอยู่ดี
ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้ว่าการทานผัก ผลไม้ จะให้ปริมาณวิตามินซีที่น้อยกว่า แต่ในอาหารเหล่านั้นก็
ยังมีวิตามิน และสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อการบารุงผิวพรรณ เช่น วิตมินเอ หรือวิตามินอี เป็นต้น
3.ตรวจสภาพร่างกายของตัวเองว่าแข็งแรงเพียงพอก่อนเข้ารับการฉีดวิตามินซี
ให้แน่ใจว่าไตและตับของคุณมีความแข็งแรง รวมไปถึงไม่มีประวัติของการเป็นโณคภูมิแพ้ ซึ่งสิ่ง
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายทั้งสิ้น
4.ไม่ควรฉีดวิตามินซีไม่เกิน 2-5 กรัม ต่อสัปดาห์
โดยการ ฉีดวิตามินซี เข้าสู่หลอดเลือดดา ตามคาวินิจฉัยของแพทย์ และควรหยุดฉีดวิตามินซี
ทันทีที่ปรากฏอาการข้างเคียงขึ้น ถึงแม้วิตามินซีจะค่อนข้างปลอดภัยกับส่วนใหญ่ แต่การได้รับใน
ปริมาณมากจนเกินไป ก็อาจจะทาให้เกิดอาการท้องเสีย ท้ออืด เป็นต้น
5.หลังฉีดวิตามินซีแนะนาให้ดื่มน้าปริมาณมากๆ
โดยเฉพาะกับคนที่ฉีดวิตามินซีในปริมาณสูง เพื่อช่วยลดโอกาสที่วิตามินซีจะไปทาการขัดขวาง
กระบวนการดูดซึมสารอาหารประเภทอื่นๆเข้าสู่ร่างกาย เช่น ซีลีเนียม ซึ่งเป็นองค์ประกอบของแร่ธาตุที่
มีความสาคัญเป็นอย่างมากต่อ่างกาย และทองแดง เป็นต้น สาหรับใครที่อยากเสริมสร้างความ
แข็งแรงให้กับร่างกาย ควบคู่ไปกับการบารุงความงามของผิวพรรณ ด้วยการรับประทานวิตามินซีเป็น
ประจา แต่มองว่าเป็นสิ่งที่ยากที่จะไปหาซื้ออาหาร ผัก และผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เนื่องจาก
ความเร่งรีบของสภาพสังคมในปัจจุบัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายๆ ด้วยการรับประทาน
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีเข้ามาช่วยทดแทน ซึ่งหากใครกาลังมองหาผลิตภัณฑ์วิตามินซี ดีๆสักชิ้น
อยู่นั้น เราอยากแนะนาให้รู้จักกับ Daily Vits ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีธรรมชาติสกัดจาก
Acerola Cherry ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงถึง 1500 mg. เพียงพอต่อความต้องการในการเสริมสร้าง
ร่างกาย บารุงผิวพรรณ และเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างพอเหมาะในหนึ่งวัน
3 วิตามินกินมากไปมีแต่ผลเสีย
เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน ถือเป็นสารอาหารสาคัญที่จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรง
ปัจจุบันวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมทั้งหลาย จึงขายดีเป็นเทน้าเทท่า แต่อะไรที่ได้มากเกินไป แทนที่จะ
ส่งผลดี ก็กลับส่งผลเสียทาคุณป่วยได้ง่ายๆ
วิตามินอี
สาวเราหลายคนนิยมทานวิตามินอี (Vitamin E) กันนัก เพราะขึ้นชื่อในเรื่องช่วยให้ผิวพรรณสวย
ใส เปล่งปลั่ง แถมคุณหนุ่มๆ ก็ยังเคยปลื้มกันนัก เนื่องจากเคยมีงานวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ระบุว่า
การรับประทานวิตามินอีเป็นอาหารเสริมทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้
ทั้งนี้วิตามินอีมีส่วนสาคัญในการทางานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบมากในอาหารเช่น
บรอกโคลี, ข้าวสาลี, เมล็ดทานตะวัน, ถั่ว, ธัญพืช ฯลฯ ซึ่งการได้รับวิตามินอีมากเกินไป ก็อาจทาให้เกิด
อาการปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, ตาพร่ามัว, แน่นท้อง, ท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก ก็อาจ
ขัดขวางการดูดซึมวิตามินเออีกด้วย
ดร. Eric Klein แห่งสถานพยาบาลคลีฟแลนด์ระบุว่า “คนมักคิดว่า วิตามินเป็นของที่ไม่อันตราย
12
แม้กินมากก็ไม่ได้ส่งผลเสีย แต่ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หากเรารับประทานอาหารครบ 5 หมู่อย่าง
สม่าเสมอแล้ว การกินวิตามินเสริมก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ซ้าร้ายยิ่งกินมาก ก็อาจเป็นอันตรายต่อ
ร่างกายได้”
วิตามินเอ
วิตามินเอ (Vitamin A) ขึ้นชื่อว่ามีประโยชน์ช่วยในการมองเห็น บารุงสายตา ทั้งยังมีส่วนช่วย
บารุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้เบต้าแคโรทีน(Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารอาหารที่พบใน
พืช (และจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย) ยังทาหน้าที่เป็นเสมือนสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วย
ป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย
ทว่าการได้รับเบต้าแคโรทีนมากเกินควร กลับส่งผลตรงข้าม เพราะจากการศึกษาใช้เบต้าแคโร
ทีน เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปอด โดยให้ตารวจจราจรในหลายประเทศ รับประทานเบต้าแคโรทีนชนิดเม็ด
เป็นอาหารเสริม ผลการวิจัยพบว่า แทนที่จะเป็นการลด แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มอัตราการเกิด
โรคมะเร็งปอดให้มากขึ้น
“คนจานวนมากไม่ทราบว่าการได้รับวิตามินเอ
มากเกินไปสามารถเกิดอันตรายได้”
วิตามินซี
วิตามินซี (Vitamin C) มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย, ป้องกันอนุมูล
อิสระ, ต่อต้านโรคหัวใจ, ช่วยให้สุขภาพเหงือกแข็งแรง ทั้งยังโด่งดังเรื่องบรรเทาอาการหวัด โดย
การศึกษาเมื่อปีคศ. 1995 พบว่า หากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่เริ่มมี
อาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายหวัดได้เร็วขึ้น 21% (แต่ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซีสามารถช่วย
ป้องกันโรคหวัดได้นะคะ)
แต่อย่างไรก็ตาม Gerard Mullin บอกว่า “การได้รับปริมาณวิตามินซีมากเกินไป..มากกว่า 500
มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน สามารถทาให้เกิดนิ่วในไตได้”
นอกจากนี้หากรับประทานวิตามินซีมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม ยังอาจทาให้เกิดอาการท้องเสีย และหาก
ทานตอนท้องว่างก็อาจเกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหาร เนื่องจากความเป็นกรดของวิตามินซี ทั้งยัง
อาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียน ได้ด้วย
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. กาหนดหัวข้อเรื่อง
2. ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาถึงเรื่องที่จะทา
3. วางแผนในการปฏิบัติ
4. แหล่งสืบค้นข้อมูล
4.1 ไปศึกษาในห้องสมุด
4.2 ไปศึกษาในห้องสมุด
4.3 ไปศึกษาใน Internet
5. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์
6. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Power Point
13
7. นาไฟล์งานไปแปลงใน Slide share
8. นาไปโพสลงในบล็อกของตัวเอง
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. อินเทอร์เน็ต
งบประมาณ
0 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ
บ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน สุภาวิตา
2 ศึกษาและค้นคว้า
ข้อมูล
สุภาวิตา
3 จัดทาโครงร่างงาน สุภาวิตา
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
สุภาวิตา
5 ปรับปรุงทดสอบ สุภาวิตา
6 การทาเอกสารรายงาน สุภาวิตา
7 ประเมินผลงาน สุภาวิตา
8 นาเสนอโครงงาน สุภาวิตา
14
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่อง วิตามินและอาหารเสริมต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
2) ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่อง วิตามินและอาหารเสริมมาประยุกต์ใช้
3) ผู้เรียนสามารถจัดทาสื่อนาเสนอได้ด้วยตนเองและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น
4) ได้นาเอาความรู้ที่ได้ ไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์และใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้อีกด้วย
5) ได้รู้จักการทางานเป็นทีม การทางานร่วมกัน
สถานที่ดาเนินการ
1. ห้องคอมพิวเตอร์
2. ห้องสมุด
3. บ้าน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1. วิชาสุขศึกษา
2. วิชาคอมพิวเตอร์
3. วิชา IS
แหล่งอ้างอิง
 กังสดาล กานพลู. มหัศจรรย์น้าผักผลไม้. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แสงดาว, 2550.
 รศ.ศิริวรรณสุทธจิตต์. วิตามิน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : The knowledge Center, 2550.
 วิกิพีเดีย.มะนาว. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/มะนาว.
 วิกิพีเดีย.ข้าว. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :http://th.wikipedia.org/ wiki/ข้าว. วิกิพีเดีย.เกลือ. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก:http://th.wikiped ia.org/wiki/เกลือ.
 วิกิพีเดีย.ทราย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:http://th.wikipedia.org/wiki/ทราย.
 ทีมงานทรูปลูกปัญญา.การหาวิตามิน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้
 จาก:http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/14358-026594
 สวนมะนาวแป้นท้ายไร่ บ้านวังกระทึง.คุณค่าทางอาหารของมะนาว.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก:

More Related Content

What's hot

โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพศิริวรรณ นามสวัสดิ์
 
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)Nuties Electron
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1Tewit Chotchang
 
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์tangkwakamonwan
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร Wichitchai Buathong
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ Warittha Nokmeerod
 
โครงร่าง1
โครงร่าง1โครงร่าง1
โครงร่าง1qnlivyatan
 
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์Kanoksak Kangwanwong
 
กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5qnlivyatan
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานPopeye Kotchakorn
 
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักโครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักPao Pro
 
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพCheeses 'Zee
 
ความลับของจมูกข้าว
ความลับของจมูกข้าวความลับของจมูกข้าว
ความลับของจมูกข้าวSakdinon Jaikanong
 

What's hot (15)

work
workwork
work
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อออนไลน์พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
 
Healthy food
Healthy foodHealthy food
Healthy food
 
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)
แบบเสนอโครงงาน (ล าส ด)
 
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
โครงงานถั่วกวนอบควันเทียน1 1
 
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
กิจกรรมที่1 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร
โครงงานคอมพิวเตอร์ ยาดมสมุนไพร
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่าง1
โครงร่าง1โครงร่าง1
โครงร่าง1
 
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5
 
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงานใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
ใบงานที่5 โครงร่างโครงาน
 
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนักโครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
โครงงานโปรตีนกับการลดน้ำหนัก
 
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพโครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
โครางงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
 
ความลับของจมูกข้าว
ความลับของจมูกข้าวความลับของจมูกข้าว
ความลับของจมูกข้าว
 

Similar to เค้าโครงร่างคู่คอม

หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งTanutkit Kinruean
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งTanutkit Kinruean
 
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษา
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษาโครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษา
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษาnammint
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอมjetaimej_
 
2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้น2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้นKanokwan Rapol
 
อาหารบำรุงสมอง
อาหารบำรุงสมองอาหารบำรุงสมอง
อาหารบำรุงสมองWisaruta
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพMewBesty
 
โครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าโครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าJah Jadeite
 
ข้าวผัดกะเพรา
ข้าวผัดกะเพราข้าวผัดกะเพรา
ข้าวผัดกะเพราSilver Bullet
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Vida Yosita
 
โครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารโครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารBenaun Pbll
 
เค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าเค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าJah Jadeite
 

Similar to เค้าโครงร่างคู่คอม (20)

Jirachaya jeein
Jirachaya jeeinJirachaya jeein
Jirachaya jeein
 
Jirachaya jeein
Jirachaya jeeinJirachaya jeein
Jirachaya jeein
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่ง
 
หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่ง
 
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษา
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษาโครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษา
โครงงานสื่อการสอนวิชาสุขศึกษา
 
1
11
1
 
Pitchayaporn N.
Pitchayaporn N.Pitchayaporn N.
Pitchayaporn N.
 
Pitchayaporn N.
Pitchayaporn N.Pitchayaporn N.
Pitchayaporn N.
 
Aaaaaaaaaaa
AaaaaaaaaaaAaaaaaaaaaa
Aaaaaaaaaaa
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้น2558 project-มิ้น
2558 project-มิ้น
 
อาหารบำรุงสมอง
อาหารบำรุงสมองอาหารบำรุงสมอง
อาหารบำรุงสมอง
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
 
โครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋าโครงร่าง จ๋า
โครงร่าง จ๋า
 
2558 project
2558 project 2558 project
2558 project
 
ข้าวผัดกะเพรา
ข้าวผัดกะเพราข้าวผัดกะเพรา
ข้าวผัดกะเพรา
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหารโครงงานคอมอาหาร
โครงงานคอมอาหาร
 
เค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋าเค้าโครงร่างจ๋า
เค้าโครงร่างจ๋า
 

เค้าโครงร่างคู่คอม

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2558 ชื่อโครงงาน วิตามินและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ยุพาวดี วรรณผา เลขที่ 10 มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 นางสาว ยุพาวดี วรรณผา เลขที่ 10 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 ชื่อโครงงาน วิตามิน อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ชื่อโครงงาน Vitamin good for health ประเภทโครงงาน โครงงานประเภทสารวจ ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว ปาริชาติ สุระณี เลขที่ 31 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 14 ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน 30 กันยายน – 10 ตุลาคม พ.ศ 2558 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เนื่องจากปัจจุบันการกินอาหาร 3 มื้อจะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการไม่เพียงพออีกต่อไป วิตามินและ อาหารเสริมจึงเป็นตัวช่วยอย่างดีในการบารุงและรักษาสุขภาพอย่างง่ายดาย วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้จึงเป็นที่ นิยมมากทั่วโลก ทั้งนี้นี้มีค่านิยมที่ถูกบ้างผิดบ้างกระตุ้นให้คนหันมาสนใจกินอาหารเสริม เช่น ถ้าอยากผิวสวยต้องกิน อาหารเสริมที่สกัดจากปลาทะเลน้าลึก อยากสูงต้องกินแคลเซียมเสริม อยากความจาดีขึ้นต้องกินน้ามันตับปลา หรือ ถ้าไม่อยากอ่อนเพลียให้กินวิตามินซี สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงแค่สรรพคุณข้างกล่องที่เชิญชวนให้ดูน่าซื้อมาบริโภค แต่ จะดีกว่าถ้าเรารู้หลักการทางานของอาหารเสริมเหล่านี้ และรับประทานอย่างถูกวิธีให้ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่กลับ เป็นโทษต่อร่างกาย แต่อาหารเสริม และวิตามินบารุงสมอง อาหารเสริมและวิตามินส่วน ใหญ่จะพุ่งเป้าไปยังนักเรียน นักศึกษาที่ต้องเรียนหนักใช้สมองมาก เวลาพักผ่อนน้อย ลดอาหารเหนื่อยล้าและบรรเทาความเครียด อาหารพวกนี้ก็ จะเป็นพวกน้ามันปลา ใบแปะก๊วย วิตามินบี จะเห็นได้ว่าอาหารเสริมและวิตามินสาคัญต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่ง ประโยชน์มากมายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนข้าพเจ้าจึงจัดทาโครงงานนี้เพื่อศึกษารวบรวม ข้อมูล ชนิดของวิตามินและอาหารเสริม ตลอดจนข้อดีและข้อเสียของ อาหารเสริมเหล่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเป็นการเผยแพร่ความรู้ที่ควรรู้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษา วัตถุประสงค์ 1. เพื่อฝึกการเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดี ฝึกทักษะกระบวนการทางานด้วยตนเอง หรือร่วมกัน 2. เพื่อศึกษา ค้นคว้า และแก้ปัญหาจากการทางาน มีบทบาทและส่วนร่วมในการเรียนรู้ 3. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ครูมีหน้าที่ให้คาปรึกษาเท่านั้น 4. เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสามารถนาความรุ้ที่ได้ไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง
  • 3. 3 ขอบเขตโครงงาน 1. ทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ เรื่อง วิตามิน และอาหารเสริมสาหรับสุขภาพ(supplement food) จากหนังสือเรียนและอินเทอร์เน็ต 2. ศึกษาและใช้โปรแกรม Microsoft word , Power Point , Slide share 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาใช้เวลารวม 1 เดือน หลักการและทฤษฎี วิตามินคือสารอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยมากในแต่ละวันเพื่อการเจริญเติบโต และการ สร้างพลังงานของทุกเซลในร่างกาย จาเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดี เราจาเป็นต้องได้รับวิตามินไม่ว่าจะจากอาหารที่ รับประทานหรือจากการได้รับอาหารเสริม วิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายเราไม่มีและไม่ได้สร้างขึ้นเอง มีวิตามินทั้งหมด 13 ชนิด ที่ร่างกายควรจะได้รับ วิตามินไม่ใช่อาหาร และไม่สามารถใช่ทดแทนอาหารได้ วิตามินไม่มีแคลอรี่ และไม่ สามารถให้พลังงานโดยตรงกับร่างกาย แต่เราก็ยังจาเป็นต้องได้รับวิตามินเพื่อไปทาหน้าที่เปลี่ยนอาหารให้เป็น พลังงาน วิตามินและอาหารเสริมคืออะไร? อาหารเสริมสุขภาพ จัดเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ Dietary supplement products ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานโดยตรง นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลัก ตามปกติมักจะอยู่ในลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผง เกล็ด ของเหลว หรือลักษณะอื่น มีจุดมุ่งหมายสาหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ (มิใช่สาหรับผู้ป่วย) เช่น น้ามันปลาแคปซูล ใยอาหารอัดเม็ด ใยอาหารผงสาหรับชงหรือโรยอาหาร เป็นต้น เมื่อไหร่ที่ควรกินอาหารเสริมและวิตามิน?  กาลังตั้งครรภ์ เข้าสู่วัยหมดประจาเดือน หรือร่างกายปฏิเสธอาหาร  อยู่ท่ามกลางสภาวะเป็นพิษ ภูมิต้านทานอ่อนกาลังลง สุขภาพอ่อนแอง่ายกว่าปกติ  ใช้ชีวิตแบบแย่ ๆ เช่น สูบบุหรี่จัด หรือติดแอลกอฮอล์ ทาให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่ วิตามินและอาหารเสริมมีกี่ประเภท? วิตามิน มี 2 ประเภท 1. วิตามินที่ละลายในน้าได้ ได้แก่ วิตามินซี,บี 2. วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ,ดี, อี, เค
  • 4. 4  วิตามิน ประเภทที่ 1 วิตามินที่ละลายในน้าได้ได้แก่ 1.วิตามินซี ช่วยให้เซลล์ผิวหนัง เอ็น กล้ามเนื้อ ผนังเส้นเลือด และโครงสร้างภายในกระดูกและฟันแข็งแรงสมบูรณ์ มี ความสาคัญต่อการสังเคราะห์เนื้อเยื่อคอลลาเจน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และยังช่วย ต่อต้านสารอนุมูลอิสระด้วย ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีเองได้ ดังนั้น จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง มะขามป้อม มะนาว ส้ม สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ ผักใบเขียว กะหล่า บล็อกโคลี่ ซึ่งถ้าหากร่างกายขาด วิตามินซี น้องๆ ก็จะมีอาการเลือดออกตามไรฟัน 2.วิตามินบี กลุ่มวิตามินบี ประกอบด้วย วิตามินบี 1 (ไธอะมีน), วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน), วิตามิน 3 (ไนอะซีน), วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก แอซิด) , วิตามินบี 6 (ไพรดอกซิน) และวิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) วิตามินบีช่วยควบคุมการทางานในระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ช่วยใน การเปลี่ยนน้าตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน ช่วยการทางานของระบบกล้ามเนื้อและประสาท และช่วยในการเสริมเม็ด เลือดแดง ฟ อาหารที่มีวิตามินบีอยู่มาก ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ผักใบเขียวต่างๆ นม ตับสัตว์ เนื้อสัตว์ ไข่ ปลา เป็น ต้น  กลุ่มวิตามินบี ได้แก่ วิตามินบี 1 (ไธอะมีน) ช่วยในการสร้างสัญญาณสื่อประสาทระหว่างสมองกับไขสันหลัง และจาเป็นต่อการทางานของ เอนไซม์ที่ผลิตพลังงานให้ร่างกาย ร่างกายเราสะสมวิตามินบี 1 ได้น้อย จึงควรกินอาหารที่มีวิตามินบี 1 อย่าง สม่าเสมอ ได้แก่ ธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ไข่แดง  วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) ช่วยสร้างสารที่จะทาหน้าที่เปลี่ยนพลังงานจากโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ให้อยู่ในรูปที่เซลล์ สามารถนาไปใช้ได้ และยังช่วยบารุงผิวหนัง ผม เล็บ และเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ อาหารที่มีวิตามินบี 2 มาก ได้แก่ ตับหมู เครื่องในสัตว์ นมสด  วิตามินบี 3 (ไนอะซิน) ช่วยในการผลิตเอนไซน์ที่ช่วยปล่อยพลังงานจากอาหารที่ย่อยแล้ว ร่างกายจะต้องการวิตามินชนิดนี้ มากขึ้นเมื่อออกกาลังกายหรือทากิจกรรมมากขึ้น วิตามินบี 3 ยังช่วยให้ผิวหนังเจริญตามปกติ สร้าง เส้นประสาทที่สมบูรณ์ และช่วยบารุงรักษาระบบย่อยอาหารให้ดีอยู่เสมอ พบมากในเนื้อสัตว์ต่างๆ พวก เนื้อ ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว จมูกข้าวสาลี  วิตามินบี 5 (แพนโทธีนิก แอซิด) ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานสม่าเสมอและเพียงพอ เพราะช่วยเปลี่ยนไขมันและน้าตาลในอาหารให้ เซลล์สามารถนาไปใช้ได้ จึงช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างปกติ และยังช่วยสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไต ด้วย วิตามินบี 5 มามากในอาหารพวกตับวัว ถั่วลิสง งา  วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) ช่วยสร้างและสลายโปรตีน เพื่อนาไปใช้สร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ช่วยในการทางาน ของระบบประสาท สร้างภูมิต้านทาน และช่วยสร้างฮีโมโกลบินที่ทาหน้าที่ลาเลียงออกซิเจนในกระแสเลือด มี มากในอาหารพวกจมูกข้าวสาลี ตับวัว กล้วย กะหล่าปลี  วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) ช่วยในการนาเอนไซม์ที่สาคัญหลายตัวกลับมาใช้ใหม่ เพื่อใช้สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท บารุงสุขภาพ
  • 5. 5 เส้นประสาทและเซลล์อื่นๆ โดยเฉพาะเด็กๆ วิตามินบี 12 ช่วยให้เจริญเติบโต ทาให้อยากอาหาร และช่วย ผลิตเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์ ป้องกันการถูกทาลายของเส้นประสาท พบมากในอาหารพวก เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ไก่  วิตามิน ประเภทที่ 2 วิตามินที่ละลายในไขมัน ประกอบด้วย วิตามินดี (Vitamin D) วิตามินดีสอง (Vitamin D2) พบมากในน้ามันตับปลา นม ไข่แดง ยีสต์ เป็นต้น ส่วนวิตามินดีสาม (Vitamin D3) ได้จากปฏิกิริยาระหว่างแสงอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดดกับสารสเตียรอยด์ที่ ผิวหนัง วิตามินดีช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็กและผู้ใหญ่ ช่วยในการดูดซึมของแคลเซียม และ ฟอสฟอรัส เด็กเล็กที่ขาดวิตามินดีจะเจริญเติบโตช้า วิตามินเอ (Vitamin A) พบมากในตับ ไข่แดง น้านม เนย น้ามันตับปลา พืชซึ่งมีสารประกอบพวกแคโรทีน (Carotene) ได้แก่ ผักสีเขียว สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง มันเทศ มะละกอสุก ฟักทอง ขนุน กล้วยหอม ผักบุ้ง คะน้า มะเขือเทศ ฯลฯ วิตามินอี (Vitamin E) พบในน้ามันพืช โดยเฉพาะในน้ามันเมล็ดดอกคาฝอย และน้ามันถั่วเหลือง ไข่ปลา เนื้อ ตับ ข้าวกล้อง วิตามินเค (Vitamin K or Coagulation Vitamin) พบมากในผักใบเขียว มะเขือเทศ ดอกกะหล่า ไข่แดง น้ามันถั่ว ตับ เนื้อหมู ทาหน้าที่ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนที่ทาหน้าที่ควบคุมการแข็งตัวของเลือด การขาดวิตามินเค เช่น จาก การอุดตันของท่อน้าดี หรือจากการผ่าตัดลาไส้ จะทาให้เลือดแข็งตัวช้า และเลือดออกภายใต้ผิวหนังได้ง่าย ใน ทารกแรกเกิดถ้าขาดวิตามินเคอาจทาให้เกิดเลือดออกจากสายสะดือได้ อย่างไรก็ดีการได้รับวิตามินเคมากเกินไป อาจทาให้เป็นโรคโลหิตจางได้  อาหารเสริม มี 4 ประเภท อาหารเสริม (supplements) หมายถึง สิ่งช่วยเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่อาหาร ที่สามารถกินแทนมื้อหลักได้ สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้คือ 1. มัลติวิตามิน(Multivitamins) เป็นอาหารเสริมประเภท รวมวิตามินและแร่ธาตุสาคัญที่ร่างกาย ควรได้รับในแต่ละวัน มีส่วนประกอบ หลักคือแคลเซียม และธาตุเหล็ก เหมาะสาหรับผู้ที่ต้องการบารุงร่างกายให้สดชื่นกระฉับกระเฉง มีพลังงานใน การทากิจกรรมต่าง ๆ ผู้ที่ต้องการลดน้าหนักหรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร และในทางสูตินรีแพทย์นิยมให้ วิตามินชนิดนี้แก่ผู้ป่วยสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงควบคุมอาหาร เพื่อเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของครรภ์มารดา อีกด้วย มัลติวิตามินที่เป็นที่นิยมกินเป็นอาหารเสริม คือ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 2. โพรไบโอติก (Probiotics) ร่างกายของคนเรา จาเป็นที่จะต้องได้รับ อาหารเสริมจาพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรีย เพื่อประโยชน์ใน การย่อยอาหารอีกทั้งยังช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบการทางานของอวัยวะภายในร่างกายได้อีกด้วย อาหารเสริมประเภทนี้ได้แก่ ไฟเบอร์ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว 3. สารสกัดจากพืช (Herbal) อาหารเสริมประเภทที่ได้ จากสารสกัดจากพืชช่วยให้เราบริเวณได้ง่ายขึ้น ร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้ ประโยชน์ได้ในทันที เช่น ขมิ้นชันอัดเม็ด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด สารสกัดจากใบแปะก๊วยอัดเม็ด ช่วยบารุง
  • 6. 6 สมองและความจา เป็นต้น โดยส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นามาสกัดคือ ต้นอ่อน (ยอดใบ) ราก ดอก ผล ก้าน ใบ อาหารเสริมประเภทนี้ไม่สะสมในร่างกายและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด 4. กรดอะมิโน (Amino acid) อาหารเสริมประเภท กรดอะมิโน คือหน่วยย่อยโปรตีน ทาหน้าที่บารุงเส้นผม ผิวพรรณ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเซลล์เนื้อเยื่อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย อาหารเสริมจาพวกนี้ช่วยกระตุ้นการ เจริญเติบโต อาหารเสริมยอดนิยมประเภทนี้คือ น้ามันสกัดจากปลาทะเลน้าลึก และน้ามันสกัดจากเมล็ดพืช วิธีการเลือกซื้อวิตามินและอาหารเสริม 1. อ่านฉลากให้ละเอียด เลือกที่มีตรา อย. รับรอง ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่นาเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาก็ต้องมีตรา FDA หรือ USP 2. วิตามินที่สกัดจากธรรมชาติจะดีและปลอดภัยกว่าพวกวิตามินสังเคราะห์และฉลากก็ควรอธิบายด้วยว่าที่ บอกว่ามาจากธรรมชาติน่ะ สกัดมาจากอะไร 3. ที่ฉลากข้างขวดจะมีตารางโภชนาการระบุว่า RDA หรือปริมาณที่แนะนาต่อวันอยู่ที่เท่าไร และความ เข้มข้นของผลิตภัณฑ์นี้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของ RDA ให้เลือกแบบที่ไม่เกิน 100% ก็พอ 4. เลือกกินแค่ที่เราต้องการเท่านั้นก็พอ พวกวิตามินที่ละลายในน้ายังไม่เท่าไร แต่วิตามินที่ละลายในไขมันจะ สะสมในร่างกายและอาจจะกลายเป็นพิษ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ 5. คนที่มีโรคประจาตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อวิตามินมากินเอง เพราะวิตามินบางตัวอาจจะไม่ถูกกับโรค ของคุณก็ได้ กินวิตามินและอาหารเสริมอย่างไรให้ได้ประโยชน์ เมื่อคุณซื้ออาหารเสริมคุณภาพดีมาแล้ว ต้องแน่ใจว่าคุณรับประทานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ประโยชน์ สูงสุดจากสารอาหารที่อยู่ในอาหารเสริมดังกล่าว  ควรทานขณะท้องว่างหรือไม่
  • 7. 7 ช่วงเวลาดีที่สุดในการทานอาหารเสริมคือทานพร้อมอาหาร เนื่องจากจะช่วย ให้ร่างกายดูดซึม สารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็ควรอ่านฉลากให้แน่ชัดก่อนทานวิตามินที่เหมาะกับแต่ละคน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากวิตามินรวม คุณอาจจาเป็นต้องทานสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเฉพาะ เพื่อให้ได้ สารอาหารนั้นเป็นพิเศษ เช่นเวลาในการรับประทาน  วิตามินที่เหมาะกับแต่ละคน แคลเซียม หากคุณไม่ทานผลิตภัณฑ์นม หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุนอาหารเสริมจาพวก แคลเซียมจะช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรง How much : ผู้หญิงต้องได้รับวันละ 800 มิลลิกรัม แต่ถ้าทานกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม จะก่อให้เกิดปัญหา Best buy : แคลเซียมมีเฉพาะชนิดเม็ด เลือกซื้อแคลเซียมฟอสเฟต เนื่องจากดูดซึมได้ง่ายกว่า Take with : ควรทานแคลเซียมร่วมกับอาหารในตอนค่าจะดีที่สุด หรือเลือกทานร่วมกับแมกนีเซียมก็ได้ผลดี เช่นกัน เนื่องจากสารอาหารสองชนิดนี้ทางานร่วมกันได้ดี วิตามินซี ถ้าคุณสูบบุหรี่ ทานจั๊งค์ฟู้ดเป็นประจา หรือกาลังต่อกรกับโรคภัยไข้เจ็บ วิตามินซี จะช่วยเสริมสร้าง ระบบภูมิต้านทานโรค How much : ปริมาณแนะนาให้รับประทานคือ วันละ 60 มิลลิกรัม แต่ในช่วงที่เจ็บป่วยสามารถทานได้ถึง วันละ 1,000 มิลลิกรัม นาน 2-3 วัน หลีกเลี่ยงการรับประทานในปริมาณมาก ๆ หากอยู่ในช่วงทานยา คุมกาเนิดหรือมีอาการท้องเสีย Best buy : เลือกชนิดออกฤทธิ์ได้นานหรือ time-release formulations เพราะร่างกายไม่สามารถเก็บ สะสมวิตามินซี Take with : ควรทานวิตามินซีร่วมกับอาหารในตอนเช้า หรือถ้าต้องทานมากกว่าหนึ่งโดส ให้แบ่งทานวันละ มากกว่าหนึ่งครั้ง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินซี วิตามินอี ใครก็ตามที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต ระดับ คอเลสเตอรอล สูง หรือผิวแห้ง เหล่านี้ล้วนได้ประโยชน์จากการรับประทานวิตามินอี How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับวิตามินอี วันละ 10 มิลลิกรัม แต่ไม่ควรได้รับเกินกว่าวันละ450 มิลลิกรัม หากคุณอยู่ในระหว่างทานยารักษาโรคหัวใจ(เช่น ยา anticoagulant ซึ่งเป็นยาในกลุ่มวาร์ฟาริน) ควรปรึกษาแพทย์ก่อน Best buy : ผลการวิจัยระบุว่าวิตามินอีสูตรธรรมชาติมีประสิทธิภาพดีกว่าสูตรสังเคราะห์ถึง 2 เท่า Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า เหล็ก ถ้าคุณมีประจาเดือนมามาก (มักพบในช่วงก่อนเข้าวัยทอง) หรือทานมังสวิรัติ หรือรู้สึกอ่อนเพลียเป็น ประจา อาจเป็นไปได้ว่าคุณขาดธาตุเหล็ก How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับธาตุเหล็ก วันละ 14 มิลลิกรัม และไม่ควรทานเกินวันละ 17 มิลลิกรัม อย่าทานอาหารเสริมจาพวกธาตุเหล็กนานติดต่อกันเกิน 6 เดือน โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือนัก โภชนาการ เพราะหากทานมากเกินไปอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจ
  • 8. 8 Best buy : ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กในรูปของเหลวได้ดีกว่า ในรูปยากเม็ดชนิดแตกตัวในลาไส้(iron fumarate) หรือวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก (iron sulphate) ร่างกายดูดซึมได้ช้า ขณะที่เหล็กซัลเฟต (iron sulphate) ร่างกายดูดซึมได้เร็ว แต่มักทาให้ท้องผูกเรื้อรัง Take with : เลือกซื้อชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือทานคู่กับน้าส้ม 1 แก้วจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุ เหล็กได้ดีขึ้น แมกนีเซียม อาการผิดปกติก่อนมีประจาเดือนหรืออาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบตามร่างกาย หรือดื่มเหล้าเป็น ประจา อาจมีผลให้ระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่า How much : ผู้หญิงจาเป็นต้องได้รับวันละ 300 มิลลิกรัม แต่ไม่เกิน 400 มิลลิกรัม Best buy : แมกนีเซียมในรูปของคีเลต (chelated) ดีที่สุด เพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายดูด ซึมไปใช้ได้ดี Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า เซเลเนียม หากแอนตี้ออกซิแดนท์ดังกล่าวอยู่ในระดับต่าก็จะทาให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และแก่ก่อนวัย How much : ไม่มีคาแนะนาว่าควรรับประทานเซเลเนียมเท่าใดจึงจะเหมาะสม แต่ไม่ควรทานเกินวันละ 350 มิลลิกรัม Best buy : เลือกเซเลเนียมคีเลตเพราะมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ช่วยในการดูดซึม Take with : ทานร่วมกับอาหารในตอนเช้า การเลือกกินวิตามินตามอายุ ร่างกายของผู้หญิงเราก็ต้องการสารอาหารที่ต่างกัน สารอาหารส่วนใหญ่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันมา จากอาหารที่เลือกรับประทาน ซึ่งจะเพียงพอหรือไม่ เป็นสิ่งยากที่จะวัดค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับทางเลือกและ ความชอบส่วนตัว สาวๆ ส่วนใหญ่จึงเลือกกินวิตามินเสริม โดยยึดหลัก ‘เกินดีกว่าขาด' ก่อนพิจารณาเลือกวิตามินที่ เหมาะสมกับร่างกาย แต่จริงๆ แล้วการรับทราบถึงความจาเป็น บวกกับกิจกรรม และไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วง วัย เป็นข้อพิจารณาที่ดีต่อการเลือกกินวิตามินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เภสัชกรหญิง ภัชราภรณ์ ปิ่น สอาด จากร้านเพื่อสุขภาพและความงามวัตสัน ได้แนะนาทางเลือกวิตามินเสริมสาหรับสาววัยต่างๆ ที่ต้อง เตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อรับมือกับงานและกิจกรรมต่างๆ คือ สาวใสวัย 20 พนักงานบริษัทวัย 24 เริ่มต้นวันด้วยตารางการทางานที่รีบเร่ง แข่งกับเวลา ชอบกินผักและ ผลไม้อยู่แล้ว จึงไม่เคยคิดว่าการกินวิตามินเสริมเป็นสิ่งที่จาเป็น แต่ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มรู้สึกว่าเป็นหวัด บ่อยและอ่อนเพลียจากการทางาน จึงไม่แน่ใจว่าอาหารที่เลือกกินให้สิ่งที่ร่างกายต้องการได้อย่าง เพียงพอรึเปล่า  วิตามินซี มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะไม่ใช่แค่เพียงป้องกันการเกิดหวัด แต่ยังช่วยขจัดอนุมูล อิสระที่อาจก่อให้เกิดโรคหลายชนิด นอกจากนี้ วิตามินซียังมีส่วนสาคัญในการช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก และการทางานของระบบประสาท ทั้งยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนด้วย  แคลเซียม เมื่ออายุ 25 แคลเซียมในร่ายกายจะเริ่มเสื่อมลง การเสริมแคลเซียมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควร
  • 9. 9 มองข้าม แคลเซียมยังเป็นส่วนสาคัญที่ช่วยให้ลิ่มเลือดจับตัวได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยการทางานของ กล้ามเนื้อและการเต้นหัวใจ และถ้าจะให้ดี ควรกินแคลเซียมควบคู่กับวิตามินเค ซึ่งจะช่วยให้ ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น  เกรปซีด (Grape Seed) เต็มไปด้วยวิตามินสาคัญๆ ทั้งวิตามินเอซึ่งมีส่วนช่วยในการมองเห็น และมีบทบาทต่อการ สร้างเซลล์ใหม่ วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทาน บารุงผิวพรรณ และวิตามินอี ช่วยเสริมการทางานของวิตามินเอและซี ช่วยปกป้องผิวจากรอยแผลและผิวอักเสบต่างๆ ที่สาคัญ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ สาววัยเลข 30 สาววัย 33 ทุ่มเทให้กับการทางานอย่างจริงจังเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตข้างหน้า การโหม งานหนักทาให้เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าของสมองและร่างกาย เภสัชกรหญิงจึงแนะให้มองหาวิตามินมา ช่วยเสริมความฟิตของระบบประสาท  วิตามินบีรวม เสริมความพร้อมของระบบประสาทและสมอง ด้วยวิตามินบีรวม ทั้ง บี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 7 บี 9 และบี 12 เพื่อช่วยเสริมการทางานของระบบสมองและประสาทส่วนกลาง การทางานของหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดงและระบบภูมิคุ้มกัน  สารสกัดใบแปะก๊วย เพิ่มประสิทธิภาพของสมอง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ป้องกัน การเสื่อมของเซลล์สมองจากการถูกทาลายด้วยอนุมูลอิสระ อีกทั้งปกป้องเซลล์ประสาทจากการ ขาดออกซิเจน และยังมีส่วนทาให้ผนังหลอดเลือดแดงยืดหยุ่นและแข็งแรง 40 ยังสวยพริ้ง สาววัยเลข 4 ยอมรับว่าตนเองพบกับภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นไม่เปล่งปลั่ง และมีสัญญาณของความ หย่อนคล้อยตามกาลเวลา  อีฟเวนนิง พริมโรส ออยล์ (Evening Primrose Oil) เป็นกรดไขมันจาเป็น ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวหนัง ช่วย ป้องกันการสูญเสียน้าของเซลล์ผิว ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้น ลดริ้วรอย นอกจากนี้ ยังช่วย บรรเทาอาการปวด ประจาเดือนและอาการผิดปกติของช่วงหมดประจาเดือนได้ดีอีกด้วย สง่าแบบสาวเลข 50 เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ สาว (เหลือน้อย) วัยเลข 5 เริ่มประสบกับภาวะความดันโลหิตสูงและมีไขมันใน เลือดสูง และเมื่อไปตรวจร่างกายประจาปี ก็พบว่ามีไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงกว่าระดับปกติมาก  ฟิช ออยล์ (Fish Oil) เป็นสารประกอบของกรดไขมันกลุ่มของโอเมก้า 3ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ EPA ที่ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และ DHA ซึ่งช่วย เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ความจา ตลอดจนระบบสายตาฟิชออยล์สามารถช่วยลดความดัน โลหิต ทาให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดข้อรูมาตอยด์-ข้อเสื่อมได้ 6 ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามิน ต้องกิน 3 หยุด 1 เหรอคะ? เป็นแค่ความเชื่อแต่ไม่ใช่ความจริง น่าจะเกิดจากความกลัวว่าจะเกิดการสะสมของวิตามิน ประมาณว่ากล้า ๆ (อยากกิน) แต่ก็กลัว ๆ (ว่าจะมีอันตราย) แนะนาว่าสาหรับวิตามินที่ละลายในไขมัน
  • 10. 10 คือเอ ดี อี และเค ควรเลือกรับประทานปริมาณต่า ๆ หรือเจาะเลือดดูก่อนว่าจาเป็นต้องรับประทาน หรือไม่ หรือง่ายที่สุดคือไม่ต้องรับประทาน เพราะมีโอกาสสะสมได้ กินวิตามินให้สวยช่วยได้จริงไหม เรากินวิตามินและอาหารเสริมเพื่อความงามได้จริงหรือเปล่า เรามาไขข้อสงสัยกับคุณหมอก้อย พ.ญ.รุจิรัตน์ วงศ์ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ผู้ก่อตั้งและผู้อานวยการ Genesis Skin Klinik ค่ะ ถ้า การกินแล้วสวยหมายถึงกินแล้วผิวกระจ่างใสขึ้นนั้น ก็คงจะเน้นไปที่การกินพวกแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทาให้หน้าไม่หมอง ริ้วรอยลดลง ลดผลกระทบจากแสงแดด แล้วก็ทาให้หน้าดูเฟิร์ มขึ้นเล็กน้อยด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ก็จะประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินอี คิวเทน และโอเมก้า-3 Basic Set เพื่อผิวใส เซตพื้นฐานที่สาว ๆ สามารถซื้อกินเองได้ทั่วไปและไม่อันตรายประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินอี และคิวเทน โดยให้กินวิตามินซีวันละ 500-1,000 มิลลิกรัม วิตามินอี 100-300 หน่วย และคิวเทน 30- 100 มิลลิกรัม ที่จาเป็นต้องมีคิวเทนด้วยก็เพราะเจ้าตัวนี้จะทาให้วิตามินซีและอีทางานได้ทรง ประสิทธิภาพมากขึ้น กินต่อเนื่องสักหนึ่งเดือนก็จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงค่ะ อ้อ ! การเลือกวิตามิน ควรดูแบบที่เป็น Time Release คือจะค่อย ๆ ปล่อยวิตามินเข้าสู่ร่างกายทีละน้อย ระดับวิตามินใน ร่างกายจะได้คงที่และแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่กว่า โดยเฉพาะวิตามินที่ละลายในน้าได้อย่างวิตามินซี ต้องเลือกให้ดี ไม่อย่างนั้นกินเข้าไปเดี๋ยวเดียวก็ขับออกมาทางปัสสาวะหมด (สาว ๆ ก็จะได้ปัสสาวะ ราคาแพงมาแทน) กินกลูต้าฯ-คอลลาเจนไม่ช่วยให้ขาวเด้ง กลูต้าไธโอนเป็นสารที่ทาให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น แต่สารตัวนี้แทบจะไม่ดูดซึมในกระบวนการ ย่อยอาหารเลย ดังนั้นต่อให้กินเข้าไปมากมายขนาดไหน ผิวก็จะไม่เปลี่ยนสีจากการกินกลูต้าฯ หรอกค่ะ เสียเงินเปล่า ๆ ส่วนคอลลาเจนก็ยิ่งไม่เกี่ยวข้องเลย ไม่ว่าจะกินแบบผสมในเครื่องดื่มหรือแบบอัดเม็ด บางคนกินแล้วรู้สึกดีอาจจะเป็นเพราะน้าตาลหรือสารตัวอื่นที่เขาใส่เข้าไปโดยไม่ได้โฆษณา หรือไม่ก็เป็น Placebo Effect (อารมณ์เหมือนจิตนากาย พอเราเชื่อว่ากินแล้วดีร่างกายเราก็ดีไปด้วย) ร่างกายของ เราจะสร้างคอลลาเจนได้เอง ซึ่งการกระตุ้นให้สร้างเพิ่มขึ้นได้มีแต่ต้องใช้เลเซอร์เท่านั้น วิตามินมากมายจาไม่ไหว มัลติวิตามินก็เป็นตัวเลือกที่ดี วิตามินรวมหรือมัลติวิตามินจะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สาคัญ ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันใน ปริมาณที่พอเหมาะอยู่แล้ว ทาให้สาว ๆ สามารถกินได้โดยไม่ต้องมานั่งคานวณว่าตัวเองขาดแร่ธาตุอะไร เท่าไร ส่วนมากจะมีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียมและธาตุเหล็ก 5 ข้อเท็จจริง ที่ควรรู้ เกี่ยวกับการฉีดวิตามินซี หลายคนอาจจะเคยได้ยินวิธีการเสริมความงามของผิวพรรณ โดยการ ฉีดวิตามินซี แต่สาหรับ อีกหลายๆคน วิธีการฉีดวิตามินซีนี้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่ง หากใครกาลังสนใจวิธีการบารุงผิวพรรณ โดยการ ฉีดวิตามินซี อยู่ล่ะก็ มีข้อเท็จจริง 5 ประการ ที่คุณ ควรทราบ ก่อนที่จะเข้ารับการฉีดวิตามินซี เพื่อเป็นการช่วยประกอบการตัดสินใจว่าการฉีดวิตามินซีนั้น ดีสาหรับผิวพรรณ และสุขภาพของตัวคุณจริงๆหรือเปล่า? 1.วิตามินซีสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณที่จากัด ถึงแม้ว่าการ ฉีดวิตามินซี เข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงนั้น ผลิตภัณฑ์วิตามินซีสาหรับฉีดจะมีปริมาณ มิลลิกรัมที่เข้มข้นเพียงพอในการบารุงผิวพรรณก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักที่จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ บุคคล นอกจากนี้ วิตามินซีที่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถูกนาไปใช้ในการบารุง ผิวพรรณ ซึ่งคุณสมบัติที่แท้จริงของวิตามินซี มักจะถูกใช้ในฐานะตัวเสริม ที่ช่วยทาให้สารดูแลผิวอื่นๆ มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นมากกว่า
  • 11. 11 2.วิตามินซีสามารถได้รับจากการทาน การฉีดและอาหารเสริม ทั้งสามแนวทางนี้ล้วนแล้วแต่มีข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป การฉีดวิตามินซีเข้าสู่ร่างกาย โดยตรงจะมีปริมาณความเข้มข้นที่มาก ด้วยการข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง แต่ก็ใช่ว่าวิตามิฯวีทั้งหมดจะ ถูกนาไปใช้ประโยชน์ในการบารุงร่างกาย วิตามินซีส่วนใหญ่ยังคงยังถูกขับออกมาทางปัสสาวะอยู่ดี ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้ว่าการทานผัก ผลไม้ จะให้ปริมาณวิตามินซีที่น้อยกว่า แต่ในอาหารเหล่านั้นก็ ยังมีวิตามิน และสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อการบารุงผิวพรรณ เช่น วิตมินเอ หรือวิตามินอี เป็นต้น 3.ตรวจสภาพร่างกายของตัวเองว่าแข็งแรงเพียงพอก่อนเข้ารับการฉีดวิตามินซี ให้แน่ใจว่าไตและตับของคุณมีความแข็งแรง รวมไปถึงไม่มีประวัติของการเป็นโณคภูมิแพ้ ซึ่งสิ่ง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ร่างกายทั้งสิ้น 4.ไม่ควรฉีดวิตามินซีไม่เกิน 2-5 กรัม ต่อสัปดาห์ โดยการ ฉีดวิตามินซี เข้าสู่หลอดเลือดดา ตามคาวินิจฉัยของแพทย์ และควรหยุดฉีดวิตามินซี ทันทีที่ปรากฏอาการข้างเคียงขึ้น ถึงแม้วิตามินซีจะค่อนข้างปลอดภัยกับส่วนใหญ่ แต่การได้รับใน ปริมาณมากจนเกินไป ก็อาจจะทาให้เกิดอาการท้องเสีย ท้ออืด เป็นต้น 5.หลังฉีดวิตามินซีแนะนาให้ดื่มน้าปริมาณมากๆ โดยเฉพาะกับคนที่ฉีดวิตามินซีในปริมาณสูง เพื่อช่วยลดโอกาสที่วิตามินซีจะไปทาการขัดขวาง กระบวนการดูดซึมสารอาหารประเภทอื่นๆเข้าสู่ร่างกาย เช่น ซีลีเนียม ซึ่งเป็นองค์ประกอบของแร่ธาตุที่ มีความสาคัญเป็นอย่างมากต่อ่างกาย และทองแดง เป็นต้น สาหรับใครที่อยากเสริมสร้างความ แข็งแรงให้กับร่างกาย ควบคู่ไปกับการบารุงความงามของผิวพรรณ ด้วยการรับประทานวิตามินซีเป็น ประจา แต่มองว่าเป็นสิ่งที่ยากที่จะไปหาซื้ออาหาร ผัก และผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เนื่องจาก ความเร่งรีบของสภาพสังคมในปัจจุบัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายๆ ด้วยการรับประทาน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีเข้ามาช่วยทดแทน ซึ่งหากใครกาลังมองหาผลิตภัณฑ์วิตามินซี ดีๆสักชิ้น อยู่นั้น เราอยากแนะนาให้รู้จักกับ Daily Vits ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีธรรมชาติสกัดจาก Acerola Cherry ที่มีปริมาณวิตามินซีสูงถึง 1500 mg. เพียงพอต่อความต้องการในการเสริมสร้าง ร่างกาย บารุงผิวพรรณ และเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างพอเหมาะในหนึ่งวัน 3 วิตามินกินมากไปมีแต่ผลเสีย เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน ถือเป็นสารอาหารสาคัญที่จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรง ปัจจุบันวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมทั้งหลาย จึงขายดีเป็นเทน้าเทท่า แต่อะไรที่ได้มากเกินไป แทนที่จะ ส่งผลดี ก็กลับส่งผลเสียทาคุณป่วยได้ง่ายๆ วิตามินอี สาวเราหลายคนนิยมทานวิตามินอี (Vitamin E) กันนัก เพราะขึ้นชื่อในเรื่องช่วยให้ผิวพรรณสวย ใส เปล่งปลั่ง แถมคุณหนุ่มๆ ก็ยังเคยปลื้มกันนัก เนื่องจากเคยมีงานวิจัยจากประเทศฟินแลนด์ระบุว่า การรับประทานวิตามินอีเป็นอาหารเสริมทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ทั้งนี้วิตามินอีมีส่วนสาคัญในการทางานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พบมากในอาหารเช่น บรอกโคลี, ข้าวสาลี, เมล็ดทานตะวัน, ถั่ว, ธัญพืช ฯลฯ ซึ่งการได้รับวิตามินอีมากเกินไป ก็อาจทาให้เกิด อาการปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, ตาพร่ามัว, แน่นท้อง, ท้องร่วง และถ้าร่างกายมีวิตามินอีสูงมาก ก็อาจ ขัดขวางการดูดซึมวิตามินเออีกด้วย ดร. Eric Klein แห่งสถานพยาบาลคลีฟแลนด์ระบุว่า “คนมักคิดว่า วิตามินเป็นของที่ไม่อันตราย
  • 12. 12 แม้กินมากก็ไม่ได้ส่งผลเสีย แต่ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หากเรารับประทานอาหารครบ 5 หมู่อย่าง สม่าเสมอแล้ว การกินวิตามินเสริมก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ซ้าร้ายยิ่งกินมาก ก็อาจเป็นอันตรายต่อ ร่างกายได้” วิตามินเอ วิตามินเอ (Vitamin A) ขึ้นชื่อว่ามีประโยชน์ช่วยในการมองเห็น บารุงสายตา ทั้งยังมีส่วนช่วย บารุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้เบต้าแคโรทีน(Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารอาหารที่พบใน พืช (และจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย) ยังทาหน้าที่เป็นเสมือนสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วย ป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย ทว่าการได้รับเบต้าแคโรทีนมากเกินควร กลับส่งผลตรงข้าม เพราะจากการศึกษาใช้เบต้าแคโร ทีน เพื่อป้องกันโรคมะเร็งปอด โดยให้ตารวจจราจรในหลายประเทศ รับประทานเบต้าแคโรทีนชนิดเม็ด เป็นอาหารเสริม ผลการวิจัยพบว่า แทนที่จะเป็นการลด แต่กลับกลายเป็นการเพิ่มอัตราการเกิด โรคมะเร็งปอดให้มากขึ้น “คนจานวนมากไม่ทราบว่าการได้รับวิตามินเอ มากเกินไปสามารถเกิดอันตรายได้” วิตามินซี วิตามินซี (Vitamin C) มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย, ป้องกันอนุมูล อิสระ, ต่อต้านโรคหัวใจ, ช่วยให้สุขภาพเหงือกแข็งแรง ทั้งยังโด่งดังเรื่องบรรเทาอาการหวัด โดย การศึกษาเมื่อปีคศ. 1995 พบว่า หากรับประทานวิตามินซี 1,000 ถึง 6,000 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่เริ่มมี อาการของโรคหวัด จะช่วยให้หายหวัดได้เร็วขึ้น 21% (แต่ยังไม่มีรายงานว่า วิตามินซีสามารถช่วย ป้องกันโรคหวัดได้นะคะ) แต่อย่างไรก็ตาม Gerard Mullin บอกว่า “การได้รับปริมาณวิตามินซีมากเกินไป..มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน สามารถทาให้เกิดนิ่วในไตได้” นอกจากนี้หากรับประทานวิตามินซีมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม ยังอาจทาให้เกิดอาการท้องเสีย และหาก ทานตอนท้องว่างก็อาจเกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหาร เนื่องจากความเป็นกรดของวิตามินซี ทั้งยัง อาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียน ได้ด้วย วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1. กาหนดหัวข้อเรื่อง 2. ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะศึกษาถึงเรื่องที่จะทา 3. วางแผนในการปฏิบัติ 4. แหล่งสืบค้นข้อมูล 4.1 ไปศึกษาในห้องสมุด 4.2 ไปศึกษาในห้องสมุด 4.3 ไปศึกษาใน Internet 5. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาสรุปและวิเคราะห์ 6. นาข้อมูลที่ได้มาจัดทาในรูปแบบ Power Point
  • 13. 13 7. นาไฟล์งานไปแปลงใน Slide share 8. นาไปโพสลงในบล็อกของตัวเอง เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ 2. อินเทอร์เน็ต งบประมาณ 0 บาท ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดั บ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอ บ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 1 7 1 คิดหัวข้อโครงงาน สุภาวิตา 2 ศึกษาและค้นคว้า ข้อมูล สุภาวิตา 3 จัดทาโครงร่างงาน สุภาวิตา 4 ปฏิบัติการสร้าง โครงงาน สุภาวิตา 5 ปรับปรุงทดสอบ สุภาวิตา 6 การทาเอกสารรายงาน สุภาวิตา 7 ประเมินผลงาน สุภาวิตา 8 นาเสนอโครงงาน สุภาวิตา
  • 14. 14 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่อง วิตามินและอาหารเสริมต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 2) ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่อง วิตามินและอาหารเสริมมาประยุกต์ใช้ 3) ผู้เรียนสามารถจัดทาสื่อนาเสนอได้ด้วยตนเองและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น 4) ได้นาเอาความรู้ที่ได้ ไปเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์และใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนได้อีกด้วย 5) ได้รู้จักการทางานเป็นทีม การทางานร่วมกัน สถานที่ดาเนินการ 1. ห้องคอมพิวเตอร์ 2. ห้องสมุด 3. บ้าน กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1. วิชาสุขศึกษา 2. วิชาคอมพิวเตอร์ 3. วิชา IS แหล่งอ้างอิง  กังสดาล กานพลู. มหัศจรรย์น้าผักผลไม้. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แสงดาว, 2550.  รศ.ศิริวรรณสุทธจิตต์. วิตามิน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : The knowledge Center, 2550.  วิกิพีเดีย.มะนาว. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/มะนาว.  วิกิพีเดีย.ข้าว. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :http://th.wikipedia.org/ wiki/ข้าว. วิกิพีเดีย.เกลือ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:http://th.wikiped ia.org/wiki/เกลือ.  วิกิพีเดีย.ทราย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:http://th.wikipedia.org/wiki/ทราย.  ทีมงานทรูปลูกปัญญา.การหาวิตามิน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้  จาก:http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/14358-026594  สวนมะนาวแป้นท้ายไร่ บ้านวังกระทึง.คุณค่าทางอาหารของมะนาว.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: