การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์
ครูกิ่งกาญจน์ สมจิตต์
การเขียนแสดงความรู้
คนสมัยโบราณมีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น
ด้วยการเขียนบันทึกไว้เป็ นลายลักษณ์อักษร เช่น
การจารึกไว้ในศิลาจารึก การบันทึกตารายาใน
สมุดข่อย ถ้าไม่มีการบันทึกไว้ความรู้ก็จะสูญหาย
ปัจจุบันมีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยผู้รู้
เขียนแสดงความรู้เป็ นตารา บทความ สารคดี
ต่างๆ ผู้เรียนจึงควรฝึ กเขียนแสดงความรู้ เพื่อ
ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองรู้ให้ผู้อื่นทราบและเพื่อเป็ น
การแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
หลักการเขียนแสดงความรู้
 ๑) มีจุดประสงค์ในการเขียนชัดเจนว่าต้องการจะสื่อสาร
เรื่องอะไร ให้ความรู้ ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างไร
 ๒) กาหนดหัวเรื่องที่ผู้เขียนต้องมีความรู้และมีข้อมูล
ประกอบการเขียน
 ๓) ศึกษาค้นคว้า รวบรวมความรู้ ความคิด ให้เป็ นระบบ
เพื่อจัดทาโครงเรื่องและลาดับเนื้อหาในการเขียน
ถ่ายทอดให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจน
 ๔) เขียนอธิบายตามลาดับโครงเรื่อง โดยใช้ภาษาให้
สละสลวย ใช้ประโยชน์ง่าย เหมาะสมกับวัยผู้อ่าน
การเขียนแสดงความคิดเห็น
 การเขียนแสดงความคิดเห็นเป็นการเขียนที่ประกอบด้วยเหตุผล มี
ข้อมูลมีหลักฐานที่ผู้อื่นจะเชื่อถือได้ การเขียนแสดงความคิดเห็นมี
หมายรูปแบบ บางครั้งก็เขียนออกมาในรูปของจดหมาย บทความ
บันทึก บรรยายพรรณนา ฯลฯ การเขียนในลักษณะดังกล่าวหากเขียน
เพื่อลงพิมพ์ในสื่อมวลชน งานเขียนนั้นจะต้องได้รับการกลั่นกรองมา
เป็นอย่างดี ภาษาที่ใช้ต้องสุภาพและไม่ทาให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
หลักการเขียนแสดงความคิดเห็น
 1) การเลือกเรื่องผู้เขียนควรเลือกเรื่องที่เป็นที่สนใจของสังคมหรือเป็นเรื่อง
ที่ทันสมัยอาจเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจสังคม ศาสนา ศิลปะ
วิทยาศาสตร์ หรือข่าวเหตุการณ์ประจาวัน ทั้งนี้ผู้เขียนต้องมีความรู้และ
เข้าใจเรื่องที่ตนจะแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างดี เพื่อที่จะแสดงความคิดเห็น
อย่างลึกซึ้ง
 2) การให้ข้อเท็จจริงข้อมูลที่เลือกมานั้นจะต้องมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ที่มา
ของเรื่อง ความสาคัญ และเหตุการณ์เป็นต้น
 3) การลาดับ ควรลาดับเรื่องให้มีความต่อเนื่องสอดคล้องกันตั้งแต่ต้นจน
จบไม่ควรเขียนวกไปวนมา เพราะผู้อ่านอาจเกิดความสับสนจนไม่สามารถ
แยกแยะได้ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริงและส่วนใดเป็นการแสดงความคิดเห็น
การเขียนแสดงความคิดเห็น ควรประกอบด้วย
 ที่มา คือ ส่วนที่เป็นเรื่องราวต่าง ๆ หรือต้นเรื่องที่ผู้เขียนต้องการจะแสดง
ความคิดเห็นที่มาของการแสดงคิดเห็นจะช่วยให้เห็นถึงความจาเป็นที่จะต้อง
แสดงความคิดเห็น ส่วนนี้จะช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจเรื่องราว และพร้อมที่จะรับ
ฟังความคิดเห็นนั้น
 ข้อสนับสนุนคือข้อเท็จจริง หลักการรวมทั้งข้อมูลอันเป็นความคิดเห็นของ
ผู้อื่นที่ผู้แสดงความคิดเห็นนามาประกอบเพื่อให้ความคิดเห็นของตนมี
น้าหนักน่าเชื่อถือ
 ข้อสรุป คือ สิ่งที่ต้องการสื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านยอมรับหรือนาไปปฏิบัติ
ข้อสรุปอาจเป็นข้อเสนอแนะ ข้อสันนิษฐาน หรือการประเมินค่าซึ่งผู้แสดง
ความคิดเห็นนาเสนอ
การเขียนแสดงภาพ / พรรณนาโวหาร
 มีจุดมุ่งหมายในการเขียนต่างจากบรรยาย
โวหาร คือ มุ่งให้ให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ซาบซึ้ง
เพลิดเพลินไปกับข้อความนั้น การเขียน
พรรณนาโวหารจึงยาวกว่าบรรยายโวหารมาก
แต่มิใช่การเขียนอย่างเยิ่นเย้อ เพราะพรรณนา
โวหารต้องมุ่งให้ภาพและอารมณ์ ดังนั้น จึงมัก
ใช้การเล่นคา เล่นเสียง ใช้ภาพพจน์ แม้
เนื้อความที่เขียนจะน้อยแต่เต็มด้วยสานวน
โวหารที่ไพเราะ อ่านได้รสชาติ
หลักการเขียนพรรณนาโวหาร
 1. ต้องใช้คาดี หมายถึง เลือกสรรถ้อยคาเพื่อให้สื่อ
ความหมาย สื่อภาพ สื่ออารมณ์เหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่
ต้องการ พรรณนา ควรเลือกคา ที่ให้ความหมายชัดเจน
ทั้งอาจต้องเลือกให้เสียงคาสัมผัสกัน เพื่อเกิดเสียง
เสนาะอย่างสัมผัสสระ สัมผัสอักษรในงานร้อยกรอง
 2. ต้องมีใจความดี แม้จะพรรณนายืดยาว แต่ใจความ
ต้องมุ่งให้เกิดภาพ และอารมณ์ความรู้สึกสอดคล้องกับ
เนื้อหาที่กาลังพรรณนา
หลักการเขียนพรรณนาโวหาร
 3. อาจต้องใช้โวหาร ภาพพจน์ คือ การเปรียบเทียบเพื่อให้
ได้ภาพชัดเจน และมักใช้ศิลปะการใช้คา ที่ เรียกว่า
ภาพพจน์ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ เป็ นวิธีการที่จะทาให้
พรรณนาโวหารเด่น ทั้งการใช้คาและการใช้ภาพที่แจ่มแจ้ง
อ่านแล้วเกิดจินตนาการและความรู้สึกคล้อยตาม
 4. ในบางกรณีอาจต้องใช้สาธกโวหารประกอบด้วย คือ
การยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความแจ่มแจ้ง โดยยกตัวอย่าง
สิ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน เพื่อให้เกิดภาพและอารมณ์
เด่นชัด พรรณนาโวหารมักใช้กับการชมความงาม ต่าง ๆ
เช่น ชมสถานที่ สรรเสริญบุคคล หรือใช้พรรณนาอารมณ์
ความรู้สึก เช่น รัก เกลียด โกธร แค้น เศร้าสลด เป็ นต้น
ตัวอย่างพรรณนาโวหารแบบร้อยแก้ว
 …ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรีนครคือรา
ชคฤห์ เป็ นเวลาจวนสิ้นทิวาวาร แดดในยามเย็น
กาลังลงสู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลี
เกษตร แลละลิ่วเห็นเป็ นทางสว่างไปทั่วประเทศสุด
สายตา ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อานวยสวัสดี
เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็ นคลื่นซับซ้อนสลับกันเป็ นทิว
แถว ต้องแสงแดดจับเป็ นสีระยับวะวับแววประหนึ่ง
เอาทรายทองมาโปรยปราย เลื่อนลอยละลิ่วๆ เรี่ยๆ
รายลงจดขอบฟ้ า
 (กามนิต : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป )
ตัวอย่างการเขียนแสดงภาพ
 เบื้องหน้าเป็ นความสดใสของดอกซากุระ ซึ่งผลิบานดอกสีชมพูเต็มต้น
ความอ่อนโยนที่สุขล้นนั้นเต็มเปี่ ยมในคลองสายตา หากในขณะเดียวกัน
ยังคงมองเห็นอาคารญี่ปุ่ นสูงหลายชั้นทางขวามือ เหลี่ยมโค้งที่ประณีต
สร้างสีสันที่บรรจงแต่ง ไม่ว่าผู้ใดได้พบเห็นย่อมเอ่ยชมถึงความ
ละเอียดลออได้เต็มปากว่าสวยงามยิ่งนัก ยามมองเลยผ่านความ
สวยงามทั้งที่มนุษย์เป็ นผู้สร้างขึ้นและธรรมชาติเป็ นผู้สร้างขึ้นแล้ว จะ
พบเห็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เมืองที่แม้จะมีขนาดใหญ่เปี่ ยมล้นด้วย
ผู้คน หากแต่เมื่อมองลงมาจากที่สูงเมืองอันแออัดใหญ่โตกลับดูเล็กลงไป
ถนัดตา ถัดออกไปคั่นด้วยผืนป่ าเขียวขจี ภูเขาสูงไกลตาตั้งเด่นเป็ นสง่า
ฐานภูเขาสีครามเข้มใต้ท้องฟ้ าสีครามอ่อน ความงามของภูเขาที่ขึ้นชื่อ
สวยที่สุดในญี่ปุ่ น เห็นเด่นชัดในเวลากลางวันที่แสงแดดกาลังเจิดจ้า พิศ
ไปแล้วยอดเขาซึ่งมีสีขาวเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มเมฆเบื้องหลังราวกับกาลัง
ส่องสว่างออกมามากกว่าปกติ ระยับตาประทับใจยิ่งนัก
(จากhttp://www.dek-d.com/board/view/2255074/)
ให้นักเรียนเขียนแสดงภาพ จากรูปภาพ
ต่อไปนี้ (เลือกเพียงรูปภาพเดียว)
การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์
การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์
การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์

การเขียนที่บรรลุวัตถุประสงค์

  • 1.
  • 2.
    การเขียนแสดงความรู้ คนสมัยโบราณมีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ด้วยการเขียนบันทึกไว้เป็ นลายลักษณ์อักษร เช่น การจารึกไว้ในศิลาจารึกการบันทึกตารายาใน สมุดข่อย ถ้าไม่มีการบันทึกไว้ความรู้ก็จะสูญหาย ปัจจุบันมีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยผู้รู้ เขียนแสดงความรู้เป็ นตารา บทความ สารคดี ต่างๆ ผู้เรียนจึงควรฝึ กเขียนแสดงความรู้ เพื่อ ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองรู้ให้ผู้อื่นทราบและเพื่อเป็ น การแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน
  • 3.
    หลักการเขียนแสดงความรู้  ๑) มีจุดประสงค์ในการเขียนชัดเจนว่าต้องการจะสื่อสาร เรื่องอะไรให้ความรู้ ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างไร  ๒) กาหนดหัวเรื่องที่ผู้เขียนต้องมีความรู้และมีข้อมูล ประกอบการเขียน  ๓) ศึกษาค้นคว้า รวบรวมความรู้ ความคิด ให้เป็ นระบบ เพื่อจัดทาโครงเรื่องและลาดับเนื้อหาในการเขียน ถ่ายทอดให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจน  ๔) เขียนอธิบายตามลาดับโครงเรื่อง โดยใช้ภาษาให้ สละสลวย ใช้ประโยชน์ง่าย เหมาะสมกับวัยผู้อ่าน
  • 4.
    การเขียนแสดงความคิดเห็น  การเขียนแสดงความคิดเห็นเป็นการเขียนที่ประกอบด้วยเหตุผล มี ข้อมูลมีหลักฐานที่ผู้อื่นจะเชื่อถือได้การเขียนแสดงความคิดเห็นมี หมายรูปแบบ บางครั้งก็เขียนออกมาในรูปของจดหมาย บทความ บันทึก บรรยายพรรณนา ฯลฯ การเขียนในลักษณะดังกล่าวหากเขียน เพื่อลงพิมพ์ในสื่อมวลชน งานเขียนนั้นจะต้องได้รับการกลั่นกรองมา เป็นอย่างดี ภาษาที่ใช้ต้องสุภาพและไม่ทาให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
  • 5.
    หลักการเขียนแสดงความคิดเห็น  1) การเลือกเรื่องผู้เขียนควรเลือกเรื่องที่เป็นที่สนใจของสังคมหรือเป็นเรื่อง ที่ทันสมัยอาจเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจสังคมศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือข่าวเหตุการณ์ประจาวัน ทั้งนี้ผู้เขียนต้องมีความรู้และ เข้าใจเรื่องที่ตนจะแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างดี เพื่อที่จะแสดงความคิดเห็น อย่างลึกซึ้ง  2) การให้ข้อเท็จจริงข้อมูลที่เลือกมานั้นจะต้องมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ที่มา ของเรื่อง ความสาคัญ และเหตุการณ์เป็นต้น  3) การลาดับ ควรลาดับเรื่องให้มีความต่อเนื่องสอดคล้องกันตั้งแต่ต้นจน จบไม่ควรเขียนวกไปวนมา เพราะผู้อ่านอาจเกิดความสับสนจนไม่สามารถ แยกแยะได้ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริงและส่วนใดเป็นการแสดงความคิดเห็น
  • 6.
    การเขียนแสดงความคิดเห็น ควรประกอบด้วย  ที่มาคือ ส่วนที่เป็นเรื่องราวต่าง ๆ หรือต้นเรื่องที่ผู้เขียนต้องการจะแสดง ความคิดเห็นที่มาของการแสดงคิดเห็นจะช่วยให้เห็นถึงความจาเป็นที่จะต้อง แสดงความคิดเห็น ส่วนนี้จะช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจเรื่องราว และพร้อมที่จะรับ ฟังความคิดเห็นนั้น  ข้อสนับสนุนคือข้อเท็จจริง หลักการรวมทั้งข้อมูลอันเป็นความคิดเห็นของ ผู้อื่นที่ผู้แสดงความคิดเห็นนามาประกอบเพื่อให้ความคิดเห็นของตนมี น้าหนักน่าเชื่อถือ  ข้อสรุป คือ สิ่งที่ต้องการสื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านยอมรับหรือนาไปปฏิบัติ ข้อสรุปอาจเป็นข้อเสนอแนะ ข้อสันนิษฐาน หรือการประเมินค่าซึ่งผู้แสดง ความคิดเห็นนาเสนอ
  • 7.
    การเขียนแสดงภาพ / พรรณนาโวหาร มีจุดมุ่งหมายในการเขียนต่างจากบรรยาย โวหาร คือ มุ่งให้ให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ซาบซึ้ง เพลิดเพลินไปกับข้อความนั้น การเขียน พรรณนาโวหารจึงยาวกว่าบรรยายโวหารมาก แต่มิใช่การเขียนอย่างเยิ่นเย้อ เพราะพรรณนา โวหารต้องมุ่งให้ภาพและอารมณ์ ดังนั้น จึงมัก ใช้การเล่นคา เล่นเสียง ใช้ภาพพจน์ แม้ เนื้อความที่เขียนจะน้อยแต่เต็มด้วยสานวน โวหารที่ไพเราะ อ่านได้รสชาติ
  • 8.
    หลักการเขียนพรรณนาโวหาร  1. ต้องใช้คาดีหมายถึง เลือกสรรถ้อยคาเพื่อให้สื่อ ความหมาย สื่อภาพ สื่ออารมณ์เหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่ ต้องการ พรรณนา ควรเลือกคา ที่ให้ความหมายชัดเจน ทั้งอาจต้องเลือกให้เสียงคาสัมผัสกัน เพื่อเกิดเสียง เสนาะอย่างสัมผัสสระ สัมผัสอักษรในงานร้อยกรอง  2. ต้องมีใจความดี แม้จะพรรณนายืดยาว แต่ใจความ ต้องมุ่งให้เกิดภาพ และอารมณ์ความรู้สึกสอดคล้องกับ เนื้อหาที่กาลังพรรณนา
  • 9.
    หลักการเขียนพรรณนาโวหาร  3. อาจต้องใช้โวหารภาพพจน์ คือ การเปรียบเทียบเพื่อให้ ได้ภาพชัดเจน และมักใช้ศิลปะการใช้คา ที่ เรียกว่า ภาพพจน์ประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ เป็ นวิธีการที่จะทาให้ พรรณนาโวหารเด่น ทั้งการใช้คาและการใช้ภาพที่แจ่มแจ้ง อ่านแล้วเกิดจินตนาการและความรู้สึกคล้อยตาม  4. ในบางกรณีอาจต้องใช้สาธกโวหารประกอบด้วย คือ การยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความแจ่มแจ้ง โดยยกตัวอย่าง สิ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน เพื่อให้เกิดภาพและอารมณ์ เด่นชัด พรรณนาโวหารมักใช้กับการชมความงาม ต่าง ๆ เช่น ชมสถานที่ สรรเสริญบุคคล หรือใช้พรรณนาอารมณ์ ความรู้สึก เช่น รัก เกลียด โกธร แค้น เศร้าสลด เป็ นต้น
  • 10.
    ตัวอย่างพรรณนาโวหารแบบร้อยแก้ว  …ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรีนครคือรา ชคฤห์ เป็นเวลาจวนสิ้นทิวาวาร แดดในยามเย็น กาลังลงสู่สมัยใกล้วิกาล ทอแสงแผ่ซ่านไปยังสาลี เกษตร แลละลิ่วเห็นเป็ นทางสว่างไปทั่วประเทศสุด สายตา ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อานวยสวัสดี เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็ นคลื่นซับซ้อนสลับกันเป็ นทิว แถว ต้องแสงแดดจับเป็ นสีระยับวะวับแววประหนึ่ง เอาทรายทองมาโปรยปราย เลื่อนลอยละลิ่วๆ เรี่ยๆ รายลงจดขอบฟ้ า  (กามนิต : เสฐียรโกเศศและนาคะประทีป )
  • 12.
    ตัวอย่างการเขียนแสดงภาพ  เบื้องหน้าเป็ นความสดใสของดอกซากุระซึ่งผลิบานดอกสีชมพูเต็มต้น ความอ่อนโยนที่สุขล้นนั้นเต็มเปี่ ยมในคลองสายตา หากในขณะเดียวกัน ยังคงมองเห็นอาคารญี่ปุ่ นสูงหลายชั้นทางขวามือ เหลี่ยมโค้งที่ประณีต สร้างสีสันที่บรรจงแต่ง ไม่ว่าผู้ใดได้พบเห็นย่อมเอ่ยชมถึงความ ละเอียดลออได้เต็มปากว่าสวยงามยิ่งนัก ยามมองเลยผ่านความ สวยงามทั้งที่มนุษย์เป็ นผู้สร้างขึ้นและธรรมชาติเป็ นผู้สร้างขึ้นแล้ว จะ พบเห็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เมืองที่แม้จะมีขนาดใหญ่เปี่ ยมล้นด้วย ผู้คน หากแต่เมื่อมองลงมาจากที่สูงเมืองอันแออัดใหญ่โตกลับดูเล็กลงไป ถนัดตา ถัดออกไปคั่นด้วยผืนป่ าเขียวขจี ภูเขาสูงไกลตาตั้งเด่นเป็ นสง่า ฐานภูเขาสีครามเข้มใต้ท้องฟ้ าสีครามอ่อน ความงามของภูเขาที่ขึ้นชื่อ สวยที่สุดในญี่ปุ่ น เห็นเด่นชัดในเวลากลางวันที่แสงแดดกาลังเจิดจ้า พิศ ไปแล้วยอดเขาซึ่งมีสีขาวเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มเมฆเบื้องหลังราวกับกาลัง ส่องสว่างออกมามากกว่าปกติ ระยับตาประทับใจยิ่งนัก (จากhttp://www.dek-d.com/board/view/2255074/)
  • 13.