SlideShare a Scribd company logo
นางสาวลาภิกา โยธาภักดี 4801228


การพูดในที่ชุมชน

การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ผู้พูดต้อง
สนใจผู้ฟังการพูดต่อหน้าประชุมชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความ
สามารถเฉพาะตัวเพราะทุกคนที่ไม่เป็นใบ้ย่อมพูดได้ แต่บางคนเท่านั้นที่พูดเป็น
เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ไม่จำาเป็นต้องอาศัยพรสวรรค์เสมอไปแต่สามารถพูดได้ เพราะการศึกษา การ
ฝึกฝน ฉะนันการฝึกพูดในที่ประชุมชน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุง
            ้
บุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อการเป็นนักพูดที่ดี

ในปัจจุบันผู้ที่มีความสามารถในการพูดในการนำาเสนอที่ดี จะทำาให้บุคคลผู้นั้น
ประสบความสำาเร็จในตำาแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้
ที่เป็นผู้บริหารหรือผู้ที่ทำาหน้าที่เป็นหัวหน้า จำาเป็นต้องใช้การสื่อสารด้วยการพูด
และการนำาเสนอต่อหน้าสาธารณชน เพื่อจะสรรสร้างลักษณะความเป็นผู้นำา ความ
น่าเชื่อถือการยอมรับจากสังคมหรือเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันในการทำางาน
เพื่อจะนำาไปสู่ความสำาเร็จขององค์กร

การพูดและการนำาเสนออย่างมั่นใจ จำาเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องด้วย
ความมุ่งมั่นตั้งใจ การนำาเสนออย่างมีประสิทธิภาพนั้น อาจมีการแสดงข้อมูลให้
ผู้รับฟังได้รับทราบโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์ประเภทต่างๆ เข้าช่วย เพื่อให้ข้อมูลที่
ต้องการนำาเสนอนั้น มีความน่าสนใจ น่าเชื่อถือ และสามารถทำาให้ผู้ฟังสามารถ
คล้อยตามได้

วิธีการพูดในที่ประชุมชนก็มีหลายแบบ เช่น การพูดแบบท่องจำา พูดแบบมี
ต้นฉบับ พูดจากความเข้าใจ พูดแบบกะทันหัน การพูดอย่างไม่เป็นทางการ การ
พูดกึ่งทางการ โดยที่การพูดแต่ละอย่างก็ย่อมมีความแตกต่างกันออกไป เช่น
โอวาท คำาปราศรัย คำาไว้อาลัย กล่าวอวยพร กล่าวสดุดี กล่าวมอบรางวัล
หรือตำาแหน่ง กล่าวต้อนรับ ปาฐกถา การพูดเป็นพิธีกร การเตรียมตัวพูดต่อที่
ชุมชน

การพูดในที่ชุมชน เนื่องจากมีผู้ฟังเป็นจำานวนมากแล้ว ผู้ฟังมักจะตั้งความหวังว่า
จะได้รับความรู้และสาระประโยชน์จากการฟัง ผู้พูดจึงต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี มี
ความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออกจะช่วยให้ผู้พูดประสบความสำาเร็จได้ ดังนัน          ้
ผู้พูดจึงกำาหนดจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนว่าจะพูดอะไร เพื่ออะไร มีขอบข่ายกว้าง
ขวางมากน้อย เพียงใด และวิเคราะห์ผู้ฟัง พิจารณาจำานวนผู้ฟัง เพศ วัย การ
ศึกษา สถานภาพทางสังคม อาชีพ ความสนใจ ความมุ่งหวัง และทัศนคติ ที่กลุ่มผู้
ฟังมีต่อเรื่องที่พูด และตัวผู้พูดเพื่อนำาข้อมูลมาเตรียมพูด เตรียมวิธีการใช้ภาษาให้
เหมาะกับผู้ฟัง กำาหนดขอบเขตของเรื่อง โดยคำานึงถึงเนื้อเรื่องและเวลาที่จะพูด
กำาหนดประเด็นสำาคัญให้ชัดเจน           รวบรวมเนื้อหา ต้องจัดเนื้อหาที่ผู้ฟังได้รับ
ประโยชน์มากที่สุด การสัมภาษณ์ ถามผู้รู้ ใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง
แล้วจดบันทึก เรียบเรียงเนื้อเรื่อง ผู้พูดจัดทำาเค้าโครงเรื่องให้ชัดเจนเป็นไปตาม
ลำาดับ จะกล่าวเปิดเรื่องอย่างไร
เตรียมการใช้ภาษาให้เหมาะสม กะทัดรัด เข้าใจง่าย ตรงประเด็น พอเหมาะกับ
เวลา

การซ้อมพูด เพื่อให้แสดงความมั่นใจต้องซ้อมพูด ออกเสียงพูดอักขรวิธี มีลีลา
จังหวะ ท่าทาง สีหน้า สายตา นำ้าเสียง มีผู้ฟังช่วยติชมการพูด มีการบันทึกเสียง
เป็นอุปกรณ์การฝึกซ้อม
การพัฒนาสมรรถภาพในการพูดเป็นสิ่งที่มีความจำาเป็นในทุกยุคสมัย การพูดเป็น
ทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ มีหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ ที่สามารถสอน เรียน
รู้ ฝึกฝนได้เช่นเดียวกับศาสตร์อื่น ๆ แล้ว การพูดยังเป็นพรสวรรค์หรือความ
สามารถพิเศษเฉพาะบุคคลด้วย
ดังนันการจะเป็นนักพูดที่ดี มีความสามารถจึงต้องศึกษาหลักและวิธีการพูด แล้ว
     ้
หมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ หมั่นฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ

การพูดอย่างมีประสิทธิภาพนั้นก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำาเนินชีวิตในการทำางาน
ซึ่งจะส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อไป




กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน

         เพื่อนๆ เชื่อมั้ยค่ะว่า สังคมไทยทุกวันนี้มนเสื่อมโทรมลงไปทุกที ทุกที
                                                    ั
แล้ว ก็ดังเช่นข่าวที่ดิฉนจะเล่าให้เพื่อนๆฟัง ต่อไปนี้นะคะ มันอาจจะไม่ค่อยน่า
                           ั
ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะมันได้เกิดขึ้นซำ้าแล้วซำ้าเล่าอยู่เป็นประจำานั่นเอง

ข่าวที่ว่านี้ก็คือ เด็กนักเรียนถูกข่มขืนนั่นเองค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือว่า ด.ญ.นำ้า (
นามสมมติ) และ ด.ญ.หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เป็นเพื่อนกัน ได้ออกจากบ้าน
ไปเพื่อที่จะไปเที่ยวบ้านเพื่อนในละแวกใกล้เคียงกัน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป
จนถึง 3 ทุ่ม เด็กหญิงทั้งสองนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน แม่ ด้วยความเป็นห่วงจึงไปตาม
ที่บ้านเพื่อนแต่ก็ไม่พบ ทราบว่ามีนายวิชัยกับนายจำานงซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนขี่รถ
จักรยานยนต์มาชวนไปเที่ยว ก่อนที่จะหายไปทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นแม่จึงไปตามที่
บ้านเพื่อนอีกครั้ง พบทั้งสองนั่งอยู่ในบ้านด้วยอาการซึมเศร้า สอบถามก็ไม่ยอม
ตอบ จนกระทั่งพยายามเค้นถามเอาความจริงอีกครั้งจึงรู้ว่า ทั้งสองถูกนายวิชัย
และนายจำานงพาไปข่มขืนและผลัดเปลี่ยนสลับคู่ตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งพูดข่มขู่ไม่
ให้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องไปประจานที่โรงเรียน

ข่าวนี้ดิฉันอ่านแล้วก็ได้ให้สัจธรรมอย่างหนึ่ง นะค่ะ ว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก
ค่ะ บางทีเค้าอาจมาทำาดีกับเราเพื่อให้เราตายใจแล้วก็หวังผลอะไรสักอย่าง อีก
อย่างที่ชี้ให้เห็นว่า สังคมไทยกำาลังเสื่อมนั่นก็คือ รุ่นพี่ที่ก่อเรื่องนี้อายุเพิ่งจะ 20
เอง ซึ่งตามปกติคนอายุประมาณนี้น่าจะมีกำาลังกายและกำาลังสมองที่จะคิดและ
สร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ แต่ก็ต้องมาทำาเรื่องที่ตัดอนาคตของตนเอง ซึ่งมันไม่คุ้มกัน
เลย และเด็กหญิงทั้งสองคนนั้น อายุแค่ 14 เท่านั้น
แต่ก็ต้องมาเจอเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับใครเลย

สุดท้ายดิฉันก็อยากจะฝากเพื่อนๆ ไว้ นะค่ะว่า เหรียญยังมีสองด้าน โลกของเราก็
มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี คนก็มีหลายแบบปะปนกันไป ดิฉนไม่ได้บอกให้เพื่อนๆ
                                                      ั
มองโลกในแง่ร้ายนะค่ะ แต่การที่บางครั้งเรามองโลกในแง่ดีเกินไป มันก็จะส่งผล
ร้ายแก่เราได้นะค่ะ

                                             นางสาวลาภิกา โยธาภักดี 4801228



บทพูดให้ความรู้

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ

         ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดี เพื่อนๆ เคยได้ยินคำากล่าวที่ว่า “ คนเรา
            ั
ทุกคนเกิดมาล้วนพูดได้ แต่จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่พูดเป็น ” ใช่แล้วค่ะ วันนี้
เราจะมาพูดกันในเรื่องของ การพูดเป็นนั้นเป็นอย่างไร แต่ก่อนอื่น นะคะ เรามาดู
ก่อนว่า การพูดนั้น คืออะไร การพูดคือ การสื่อสารความคิด จากคนหนึ่งไปยังอีก
คนหนึ่ง โดยใช้ ภาษา นำ้าเสียง สีหน้า ท่าทาง เป็นสื่อ การพูดนั้นมีหลายแบบ
นะคะ อย่างแรก คือ การพูดแบบจูงใจหรือชักชวน แบบบอกเล่าหรือแบบ
บรรยาย และแบบบันเทิง ซึ่งการพูดทั้ง ٣ แบบนี้ ในทางปฏิบัติอาจแยกกันไม่
ออก นักพูดบางคนอาจจะมีลีลาในการพูด หนักไปทางใดทางหนึง แต่ก็ต้องใช้
                                                              ่
ทั้ง ٣ แบบ คละกันตามโอกาสและสถานการณ์ จึงจะทำาให้การพูดนั้นประสบผล
สำาเร็จ
         การพูดนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในขณะเดียวกัน ก็อย่างเช่น วิชาการ
พูด ทุกคนเรียนได้ สอนกันได้ ถ่ายทอดกันได้ มีกฎมีเกณฑ์ เช่นเดียวกับศาสตร์
แขนงอื่นๆ แต่ถ้าจะให้ทุกคนเก่งเท่ากันหมดนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะ
มันต้องอาศัย ศิลป์ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล การที่เราจะ
เป็นนักพูดที่ดีได้นั้น การเตรียมตัวค่ะ เป็นสิ่งที่สำาคัญที่สุด ผู้พูดควรกำาหนดจุด
มุ่งหมาย ว่าจะพูดอะไร พูดอย่างไร และพูดให้ใครฟัง ภาษาที่ใช้ก็จะแตกต่างกัน
ไปตามสถานการณ์ นักพูดไม่ใช่สักแต่ว่าพูดอย่างเดียวเท่านั้น ต้องเป็นผู้ฟังด้วย
เช่น การยอมรับคำาติ-ชม จากผู้อื่น เพราะดิฉันเชื่อค่ะว่า ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ
ไปซะทุกอย่าง ทุกคนมีจุดด้อยของตัวเอง เว้นแต่ว่าเราจะมองเห็นจุดด้อยนั้นหรือ
ไม่ เท่านั้นเองค่ะ และนิสัยอีกอย่างหนึ่งที่นักพูดพึงมีเลย นั้นก็คือ การมีนิสัยรัก
การอ่านค่ะ เพราะการอ่านเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับเรา และมันยังทำาให้การพูด
ของเรานั้นไม่ล้มเหลวและไม่น่าเบื่อด้วย นักพูดต้องมีบุคลิกเป็นของตัวเอง ไม่
ลอกเลียนแบบใคร และมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง
         ดังที่ดิฉันได้บอกกับเพื่อนๆแล้วนะคะว่า การพูดนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ในตัวเดียวกัน มันไม่ได้ใช้ความรู้เพียวๆ และก็ไม่ได้ใช้ความสามารถเพียวๆ แต่มัน
ต้องใช้ความอุตสาหะอย่างมากในการฝึกฝนและต้องหมั่นหาความรู้ใหม่ๆเสมอ จึง
จะทำาให้การพูดนั้นประสบผลสำาเร็จ หลังจากที่จบคอร์สนี้แล้ว ดิฉันเชื่อว่าเพื่อนๆ
ทุกคนจะเป็นคนที่ “ พูดได้และพูดเป็น ” อย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ



ปากกา

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ

ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดี เพื่อนๆเคยใช้ปากกาวาดรูปกันมั้ยค่ะ เป็นยังไง
   ั
บ้างล่ะคะมันออกมาไม่สวย ไม่เหมือนกับที่เราตั้งใจไว้ใช่มั้ยละคะ ดิฉันก็เคยค่ะ
ตอนนันดิฉันกำาลังจะวาดรูปหน้าเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดิฉันเผลอไปวาดตาโตเกิน
      ้
ไป

เพื่อนๆรู้มั้ยค่ะว่าดิฉันทำายังไง ดิฉันเปลี่ยนตากลมโตคู่นั้นเป็น แว่นตาแทน ถึงแม้
ดิฉนไม่เคยคิดที่จะวาดรูปคนใส่แว่นตามาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่
    ั
ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า สามารถวาดภาพนันๆด้วยความมั่นใจและก็ไม่ต้องใช้
                                                ้
กระดาษแผ่นใหม่เพื่อที่จะเริ่มวาดภาพนั้นใหม่ด้วย แต่มนได้สอนอะไรให้เรา
                                                           ั
หลายๆอย่างค่ะ

นันก็คือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาดไงล่ะคะ ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่
   ่
เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคนและในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่เราได้พบมันโดยไม่ได้
ตั้งใจ

สิ่งหนึ่งที่ทำาให้เรายอมรับความผิดพลาดเหล่านั้นและรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหา
ต่างๆ นั่นก็คือ การที่เราเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาดคือ การที่มันเกิด
ขึนแล้วจะคงอยู่อย่างถาวร เราจำาเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของเรา
   ้
ให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง

ดังนัน การที่เราจะมานั่งร้องไห้ อ้อนวอนขอกระดาษแผ่นใหม่เพื่อที่จะกลับไป
     ้
แก้ไขมันนัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำาได้ก็คือ รูจักพลิกแพลงแก้ไขสิ่ง
           ้                                             ้
เหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากยิ่งขึ้น

ดังนันเราต้องตั้งใจและมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น ถึงแม้ภาพที่เราวาดออกมาจะไม่
     ้
เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา เราก็ควรจะ
ภูมใจกับมันนะคะ
   ิ


             ผู้นำา

ปากใจไม่ตรงกัน                     ความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืน
ใจเกลียดแต่ปากฝืน                  พูดแต่ลิ้นสิ้นความหมาย
ปากใจตรงกันเถิด                    ผลจะเกิดทั้งต้นปลาย
ผู้พูดฟังสบาย                       ผู้ฟังเล่าเข้าใจตรง

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ            ดิฉนนางสาวลาภิ
                                                                         ั
กา โยธาภักดี

เพื่อนๆคะ โลกทุกวันนี้เป็นโลกของการติดต่อสื่อสาร “การพูด” เป็นวิธีการ
สื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คนที่จะเป็น “ผู้นำา” ต่อไปในอนาคตจะอยู่ใน
ประเภทมีปากเหมือนไม่มีไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำาหรับผู้นำาแล้ว แค่พูดได้เท่านั้นยัง
ไม่พอ ต้องถึงขันพูดเป็น จึงจะถือว่าใช้ได้ แต่การพูดใช่ว่าอยากจะพูดอะไรก็
                 ้
พูด เพราะผู้นำาต้องรู้ตัวและเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ควรพูดเรื่องอะไร พูดเมื่อ
ไหร่ และควรพูดอย่างไร พูดสั้นยาวแค่ไหน ทั้งยังต้องพูดให้ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้
อีกด้วย

เพื่อนๆเคยนึกไหมคะว่า ทำาไมผู้นำาต้องพูดเป็น นันก็เพราะว่าผู้นำา เกิดมาเพื่อพูด
                                                   ่
มากกว่าทำา ในขณะที่ผู้ตามเกิดมาเพื่อทำามากกว่าพูด ผู้นำาที่ดีนนต้องสามารถ
                                                              ั้
ทำาให้คนอื่นเชื่อถือ สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมาได้ ผู้นำา
นอกจากจะเป็นที่ยอมรับแล้ว ยังต้องเป็นที่เชื่อด้วย ความน่าเชื่อถือของผู้นำาเกิด
จากสิ่งที่พูดและวิธีการพูด ผู้นำาที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่พูดอะไรให้เลิศ
เลอดีเด่นเกินความเป็นจริง พูดแต่สิ่งที่เป็นไปได้ และที่สำาคัญก็คือ ผู้นำาต้องรู้จัก
เลือกว่าควรจะพูดอะไรและไม่ควรจะพูดอะไร

บ่อยครั้งที่ผู้นำาต้องใช้หลักจิตวิทยาเข้ามามีส่วนเสริมการพูดของผู้นำา เป็นต้นว่า
ผู้นำาต้องรู้จักยกย่องชมเชยให้กำาลังใจลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาในโอกาสอัน
ควร ตลอดจนรู้จักชี้แจงข้อบกพร่องผิดพลาดแทนการตำาหนิติเตียนอย่างตรงไป
ตรงมา ทั้งนี้เพราะผู้นำาทุกคนรู้ดีว่าการพูดนั้นสร้างมิตรได้เท่าๆกับสร้างศัตรู

ถึงแม้ว่าบุคลิกภาพที่เป็นมิตรและเป็นตัวของตัวเองไม่เลียนแบบใครของผู้นำาจะมี
ส่วนเสริมให้การพูดนั้นน่าสนใจ แต่หัวใจของการพูดไม่ได้ขนอยู่กับบุคลิกภาพ
                                                                 ึ้
เท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับวิธีการพูดอีกด้วย การพูดนันอยู่คู่กับผู้นำาเป็นทักษะที่ผู้นำาทั้ง
                                                 ้
หลายตั้งแต่ระดับท้องถิ่นระดับประเทศขึ้นไปจนถึงระดับโลกใช้กันบ่อยที่สุด แต่จะ
พูดได้ดีมีประสิทธิภาพแค่ไหนขึนอยู่กับว่าผู้นั้นมีความตั้งใจจริงและมีความ
                              ้
พยายามที่จะฝึกฝนปรับปรุงตนเองเพียงใด เพราะไม่มีใครพูดเป็นมาตั้งแต่เกิด
เป็นเรื่องของการสั่งสม การพัฒนาที่มากพอ ผู้นำาที่พูดไม่เป็น สื่อความรู้สึก
นึกคิดของตัวเองออกมาไม่ได้ก็มีสภาพไม่ผิดอะไรกับที่พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในบทละครพูดสลับลำาเรื่อง “วิวาห์
พระสมุทร” ตอนหนึงว่า่

“ถึงรู้มากไม่มีปากลำาบากตาย   มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ”

บทพูดโน้มน้าวใจ

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ
ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดีคะ ใกล้สอบแล้วเพื่อนๆเตรียมตัวกันรึยังคะ วันนี้
     ั
ดิฉนมีเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ฟังกันคะ ณ ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ในมุม
       ั
หนึ่งของห้องมีเด็กหญิงคนหนึ่งกำาลังนั่งมองดูหนังสือที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวรอให้
อ่าน “ต้องลองดูสิ สักครั้ง ” หญิงสาวพูดกับตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่า
เดี๋ยว... ยังขี้เกียจอยู่ เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน เวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน แล้ว
เธอก็เผลอหลับไปบนกองหนังสือเหล่านั้น
พบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่ มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียน
ข้อความว่า “มีเวลาขาย” ข้างในมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งประจำาโต๊ะ ไม่นานลูกค้า
คนแรกก็มาถึง “ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไปห้าปี ” นำ้าเสียงเขาแหบแห้งอย่างคนที่
กำาลังป่วยหนัก “หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงมีวิธี
รักษาให้หายได้” ยังไม่ทันที่ชายแก่คนนันจะก้าวพ้นประตูออกไป หญิงสาวคน
                                                ้
หนึ่งก็เดินสวนเข้ามา หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำา ใบหน้ายังเปื้อนคราบนำ้าตา “
อยากได้เวลาคะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้ ” หล่อนพูดด้วยนำ้าเสียงที่
เศร้าโศก
เด็กหญิงคนนั้นนึกเวทนาในลูกค้าทั้งสองคนที่เพิ่งมาคิดอะไรได้ก็เมื่อมันสายไป
แล้ว วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง พร้อมๆกับนึกเสียดายแทนทั้งสองคนที่เขา
ผ่านเวลาเป็นปีๆไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น
เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว ทั
นใดนั้นเองเด็กหญิงคนนั้นก็ได้ตกใจตื่นด้วยเสียงเตือนได้เวลาปิดของห้องสมุด
เด็กหญิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ หล่อนรู้สึกดีใจที่เขายังมีเวลาเหลือ
อยู่และยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มลงมือทำาอะไรอย่างมีความหวัง
เพื่อนๆคะ เวลาเป็นสิ่งเดียวในโลกที่ทุกคนในโลกได้รับเสมอกัน ไม่มีใครได้
เปรียบหรือเสียเปรียบกันเลยแม้แต่คนเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้เวลาใน
แต่ละวินาทีอย่างมีค่าและคุ้มค่ากว่ากัน.... สวัสดีค่ะ

หลักการกล่าวอวยพร

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ใกล้ถึงปีใหม่แล้ว
ดิฉนก็เลยมีหลักการอวยพรมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ เผื่อว่าจะได้เอาไปใช้กันในวันขึ้น
     ั
ปีใหม่ที่จะถึงนี้
การพูดอวยพร ใช้ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด งานสังสรรค์ งานมงคลสมรส ขึนบ้าน        ้
ใหม่ เปิดกิจการใหม่ ลาไปรับตำาแหน่งใหม่ การโยกย้าย วันขึ้นปีใหม่ ซึ่งมีหลักการ
พูดดังนี้ค่ะ
๑. ใช้คำาพูดง่ายๆ สันๆ ได้ใจความดีน่าประทับใจ
                     ้
๒. ใช้ข้อความที่มีความหมายและถ้อยคำาเหมาะสมกับผู้ฟัง
๓. คำาพูดต้องสอดคล้องกับโอกาสหรืองานนั้นๆ
๔. การกล่าวอวยพรวันขึ้นปีใหม่ การกล่าวถึงโอกาสอันดีซึ่งเป็นวันสำาคัญที่จะเริ่ม
ชีวิตใหม่ พูดในนามของใคร พร้อมทั้งอวยพรอย่างสุภาพ และเหมาะสมกับสภาพ
ของผู้ฟัง
๕. ถ้าเป็นการอวยพรผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพเชื่อถือ ต้องอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย
ประทานพร
๖. ในงานมงคลสมรส ควรพูดดังนี้
       ๖.๑ พูดอวยพรในนามของใคร
       ๖.๒ พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดทั้งคู่บ่าวสาว
       ๖.๓ พูดแนะนำาการปฏิบัติในทางที่ถูกเพื่อความสุขของคู่สมรสในอนาคต
       ๖.๔ คำาอวยพรที่สุภาพ น่าฟัง
เมื่อได้หลักการกล่าวอวยพรกันแล้ว ทีนี้มันก็ไม่ยากเลยใช่มั้ยละคะถ้าเราจะกล่าว
อวยพรให้กับใคร ในโอกาสไหนไม่ต้องมัวแต่กังวลว่าจะพูดยังไง เริ่มต้นยังไง
แล้ว ดิฉนหวังว่าสิ่งเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์เพื่อนๆนะคะ.........สวัสดีค่ะ
           ั
 นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228



หลักการพูด
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิ
                                                                  ั
กา โยธาภักดี เช่นเคยค่ะ วันนี้ดิฉันมีบันไดสิบขั้นสำาหรับการเป็นนักพูดที่ดีมาฝาก
เพื่อนๆกัน ลองฟังกันดูนะคะ
ขันที่๑ การออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักภาษา ได้แก่ คำาควบกลำ้า ร, ล, ว หรือ
  ้
สระ พยัญชนะให้ชัดเจนถูกต้อง
ขันที่๒ ไม่ควรออกเสียงให้ห้วนสั้น ตัดคำา หรือรัวลิ้นจนฟังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะ
    ้
คำาหลายพยางค์ เช่น มหาวิทยาลัย ไม่ควรออกเสียงว่าหมา–ลัย
ขันที่๓ ไม่ควรใช้ภาษาพูด ภาษาตลาด ภาษาสื่อมวลชนหรือภาษาโฆษณา ในการ
      ้
พูดกับคนทั่วไปซึ่งจะทำาให้ผู้ฟัง
              เข้าใจยากและไม่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล เช่น “สาวคนนั้นจัดอยู่
ในวัยเอ๊าะ
ขันที่๔ การออกเสียงคำาแผลง ควรออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักภาษาและความ
        ้
นิยม
ขันที่๕ การใช้ภาษาต้องเลือกใช้ถ้อยคำาที่เข้าใจง่ายเหมาะสมกับวัยของผู้ฟัง
          ้
ขันที่๖ ผู้พูดและผู้ฟังมีจุดมุ่งหมายตรงกัน ผู้พูดมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการสื่อความ
            ้
หมายไปยังผู้ฟัง เพื่อให้เข้าใจ เรื่องราวต่างๆ ผู้ฟังก็มีความตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้พูดสื่อ
ความหมายให้
ขันที่๗ ออกเสียงพูดให้ชัดเจน ดังพอประมาณ อย่าตะโกนหรือพูดค่อยเกินไป
  ้
ขันที่๘ สีหน้า ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง ไม่เคร่งเครียด
    ้
ขันที่๙ ท่าทางในการยืน นั่ง ควรสง่าผ่าเผย การใช้ท่าทางประกอบการพูดก็มี
      ้
ความสำาคัญ เช่น การใช้มือ จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายยิ่งขึ้น
ขันที่๑๐ ต้องรักษามารยาทการพูดให้เคร่งครัดในเรื่องเวลาในการพูด พูดตรงเวลา
        ้
และจบทันเวลา
เป็นยังไงบ้างค่ะ บันไดสิบขั้นสำาหรับการเป็นนักพูดที่ดี หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์
กับเพื่อนๆนะคะ......สวัสดีคะ
 นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228



หลักการพูด

กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิ
                                                                ั
กา โยธาภักดี ค่ะเพื่อนๆก็ได้ฟังหลักการพูดที่ดีๆไปหลายแบบแล้วนะคะ หวังว่า
คงยังไม่เบื่อกัน งั้นลองมาฟังลักษณะการพูดที่ดีในแบบฉบับของดิฉันบ้างนะคะ
การพูดที่ดีมีลักษณะสำาคัญ 5 ประการ คือ
    ๑ มีถ้อยคำาดี มีความไพเราะ พูดจาสุภาพอ่อนหวาน มีหางเสียง ไม่กระโชก
โฮกฮาก และไม่ขู่
         ตะคอก
๒       เป็นความจริง สิ่งที่พูดออกไปต้องไตรตรองแล้วว่าเป็นความจริงจึงพูดออก
ไป มีประโยชน์ แม้สิ่งที่พูดเป็นความจริง แต่ต้องพิจารณาว่าความจริงนั้นเมื่อพูดไป
แล้วมีประโยชน์ด้วย
๓        ไม่ควรพูดให้ใครต้องเสียหาย ควรพูดไปแล้วให้เกิดพันธมิตรไมตรีต่อกัน
มีความเหมาะสม ในการพูดจะต้องคำานึงถึงความเหมาะสมกับสิ่งต่อไปนี้
- เหมาะสมกับกาล ต้องรู้ว่าเวลานี้ควรพูดหรือไม่ และพูดอย่างไร
- เหมาะสมกับเทศะ สถานที่ใดควรพูดเรื่องอะไร เช่น ไม่ควรพูดเรื่องบันเทิงใน
งานศพ
- เหมาะสมกับบุคคล ต้องคำานึงถึงเพศ วัย สถานะ ของผู้ฟัง
๔        มีความมุ่งหมาย การรู้ว่าพูดทำาไม เพื่ออะไร จะช่วยให้การพูดได้เนื้อหา
สาระไม่เสียเวลา
๕        มีศิลปะ เช่น การใช้สหน้า ท่าทาง นำ้าเสียงและสายตา รวมทั้งใจจิตวิทยา
                               ี
ในการพูดด้วย
เว้นวจีทุจริต ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำาหยาบ เพ้อเจ้อ และส่อเสียด
เป็นยังไงบ้างล่ะคะ หลักการพูดของดิฉัน ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะคะ มีแค่ ๕ วิธีเอง
ถ้าเพื่อนๆหมันลองฝึก การเป็นนักพูดที่ดีก็ไม่หนีไปไหนหรอกคะ....... สวัสดีคะ
               ่

นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228
บทพูด น.หนู

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ
                                                                  ั
กา โยธาภักดีคะ เมื่อคาบที่แล้วพวกเราได้เปรียบความรักเหมือนกับฉิ่งใช่มั้ยล่ะ
คะ แต่วันนี้คะ ดิฉันจะเปรียบความรักเหมือนกับนำ้าเปล่าคะ ถึงมันไม่มีรสชาติแต่
เราก็ขาดมันไม่ได้ ใช่มั้ยล่ะคะ มันทำาให้เรารู้สึกสดชื่นและมีกำาลังใจที่จะทำาอะไร
ต่อ แม้ว่านำ้าเปล่าจะซาบซ่าไม่เทียบเท่ากับนำ้าหวานหรือนำ้าอัดลม แม้ว่านำ้าเปล่า
จะไร้นำ้าตาลซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพลัง แต่นำ้าเปล่ามันแทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
เลย มันยังรักษาคุณค่าเอาไว้ได้ดีกว่านำ้าใดใด สังเกตมั้ยคะว่า นำ้าเปล่าจะเป็น
ตัวทำาละลายเสมอ เมื่อเจอกับเกลือ มันก็จะละลายเกลือ เมื่อเจอกับนำ้าตาล มัน
ก็จะละลายนำ้าตาล เหมือนกับความรักคะ คนที่รักเราจริงๆ อย่างพ่อ-แม่เรา เมื่อ
เราเจอกับความทุกข์ ท่านก็จะพยายามรับความทุกข์จากเราไว้ให้มากทีสุด อย่า
ลืมนะคะ ความรักเปรียบได้อีกอย่างก็เหมือนกับนก ถ้าเราจับมันไว้แน่นเกินไปมัน
ก็จะตาย แต่ถ้าเราไม่จับมันไว้มันก็จะบินหนีจากเราไป......... สวัสดีค่ะ




บทพูด โน้มน้าวใจ “ความฟุ่มเฟือย”

ปัจจุบนวัยรุ่นมีนิสัยใช้จ่ายเกินตัวและฟุ่มเฟือยเอามากๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ นั่น
         ั
ก็คือ โทรศัพท์มือถือค่ะ และวัยรุ่นก็ยังมีค่านิยมที่ผิดๆเกี่ยวกับการบริโภคสินค้าที่มี
ต้นทุนการผลิตที่สูงอย่างต่างประเทศอีกด้วย ที่เห็นๆกันอยู่ นันก็คือ นักศึกษาผู้
                                                                 ่
หญิงในมอของเรานี่แหละค่ะ จะสังเกตได้ว่า กระเป๋าที่หิ้วมาเรียน ส่วนใหญ่ก็จะ
เป็นแบรนด์ต่างประเทศ เช่น LV บ้างล่ะ C ไขว้กันบ้างล่ะ ซึ่งแน่นอนคะว่า
ราคามันต้องสูงอยู่แล้ว ซึ่งดิฉันคิดว่า มันไม่จำาเป็นเลยที่วัยของเราจะต้องใช้ของ
ที่มีราคาแพงขนาดนี้ เพราะว่า กำาลังอยู่ในวัยที่กำาลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ยังไม่
สามารถทำางานหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อที่จะมาสนองความต้องการของตัวเองได้
และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่ทำาให้วัยรุ่นไม่รู้ค่าของเงิน ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
สุรุ่ยสุร่าย เพราะพวกเค้าไม่ได้ทำางานแล้วก็หามันเอง ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่ากว่าจะได้
มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์มันยากแล้วก็เหนื่อยขนาดไหน
แล้วอีกอย่างที่มันตอกยำ้าให้ดิฉันหยุดการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยลง นันก็คือ ก่อน
                                                                       ่
หน้านี้ดิฉนได้รับ forword mail จากเพื่อนคนนึงค่ะ เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้า
            ั
รุ่งริ่ง แต่ที่สะดุดตาของดิฉันนั่นเป็นรองเท้าที่เค้าใส่อยู่คะ เค้าใช้ขวดนำ้าพลาสติก
ที่เราดื่มกันนี่แหละคะ มาบีบให้แบน แล้วก็ใช้เชือกฟางร้อยทำาเป็นรองเท้าแตะ
เมื่อดิฉันเห็นแล้วก็รู้สึกหดหู่ว่า ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งใช้เงินเป็นหลักพันเพื่อที่
จะซื้อรองเท้าสักคู่มาใส่ แต่คนอีกซีกโลกหนึ่ง เค้าต้องใส่รองเท้าที่มาจากสิ่งที่มัน
ไม่น่าจะเป็นวัสดุทำารองเท้า
พวกเราอยู่ตรงนี้โชคดีมากนะคะ ในขณะที่พวกเรามีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสน
ดิฉนจึงอยากให้ทุกคน ก่อนที่จะซื้ออะไรสักอย่างนึง ควรจะหยุดคิดสักนิดก่อนว่า
     ั
มันคุ้มแล้วหรือไม่กับเงินที่เราจะเสียไป ดิฉันอยากให้ทุกคนใช้เงินที่มีอยู่ใน
กระเป๋าทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุดค่ะ

                                                    นางสาว ลาภิกา โยธาภักดี
4801228



บทพูด สุนทรพจน์

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ
                                                                  ั
กา โยธาภักดีคะ สำาหรับคาบนี้ก็เป็นคาบสุดท้ายแล้วนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งดีดีมาฝาก
ให้เพื่อนๆก่อนที่จะจากกันในวันนี้คะ ซึ่งดิฉนจะเรียกว่า “สูตรสู่ความสำาเร็จคะ” ถ้า
                                           ั
สมมติให้ A-Z มีค่า 1-26 แล้วเพื่อนๆจะพบว่า
H+A+R+D+W+O+R+K = ทำางานหนัก / ขยัน
เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 98
K+N+O+W+L+E+D+G+E = ความรู้
เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 96
L+O+V+E = ความรัก
เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 54
L+U+C+K = โชค
เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 47

แล้วคำาว่าอะไรละคะ ที่มันมีค่าเท่ากับ 100 เต็ม นันคือ คำาว่า “ATTITUDE ” หรือ
                                                  ่
“ทัศนคติ” นันเองคะ ซึ่งดิฉนกำาลังจะบอกเพื่อนๆว่า เมื่อเราเจอกับอุปสรรคหรือ
              ่              ั
ปัญหาไม่วาจะเป็นทั้งด้านการเรียนหรือว่าการทำางาน ทุกปัญหามีทางออกคะ
            ่
เพียงแค่เราเปลี่ยนทัศนคติของเราเสียใหม่มันก็เท่านั้นเอง ทัศนคติเป็นตัวสำาคัญ
ที่ช่วยให้เราประสบผลสำาเร็จในชีวิตทั้งด้านการเรียนและการทำางาน แต่ 4 อย่างที่
ดิฉนได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนแรกก็มีส่วนสำาคัญไม่แพ้กับทัศนคติเลยนะคะ อย่าง
    ั
ตัวแรก HARDWORK หรือความขยัน เพื่อนๆเคยได้ยินมั้ยคะว่า เก่งแพ้ขยัน ถึง
แม้ว่าเราจะเก่งขนาดไหน แต่เราขี้เกียจ เราก็ไม่มีทางที่จะประสบผลสำาเร็จได้
หรอกคะ

ตัวที่สอง KNOWLEDGE หรือความรู้ ความรู้เป็นสิ่งสำาคัญที่จะช่วยให้เราประสบผล
สำาเร็จในชีวิตนะคะ ความรู้ไม่จำาเป็นต้องอยู่ในตำาราหรือว่าในห้องเรียนเสมอไป
เพราะโลกทั้งใบคือห้องเรียนใหญ่ของเรา

ตัวที่สาม LOVE หรือความรัก เชื่อได้เลยคะว่าในการทำางาน ต้องมีสิ่งที่เราทั้ง
ชอบและก็ไม่ชอบ แต่ไอ้สิ่งที่เราไม่ชอบเราก็ควรที่จะทำาใจยอมรับและรักงานชิ้น
นัน ทำามันด้วยใจ เพราะดิฉันเชื่อว่า อะไรก็ตามที่เราทำามันด้วยใจ มันมักจะออกมา
  ้
ดีเสมอคะ และตัวสุดท้าย LUCK น้อยคนนักคะที่จะมีสิ่งนี้ บางคนไม่อ่านหนังสือ
เลย แต่หวังว่าจะได้เอ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วตามหลักของความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นคะ อย่าเลยคะ อย่ามัวแต่นั่งคอยบุญ คอยวาสนาอยู่เลยคะ อย่าคิด
ว่าเอจะลอยมาหาถ้าไม่อ่านหนังสือ

สุดท้ายดิฉัน อยากให้เพื่อนๆ “ จงทำาตัวเหมือนนำ้าครึ่งแก้วไปตลอดชีวิต เพื่อที่จะ
ได้เรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา ” สวัสดีคะ



การพูดในฐานะพิธีกร

กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ
                                                                 ั
กา โยธาภักดีค่ะ สำาหรับวันนีนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งดีๆอีกเช่นเคยคะ มาแบ่งปันให้
                               ้
เพื่อนๆได้ฟังกัน เพื่อนๆลองคิดดูสิค่ะว่า รายการต่างๆหรือว่า งานพิธีต่างๆ ใคร
ค่ะที่เป็นตัวเด่น นอกจาก แขกรับเชิญ ใช่แล้วค่ะ นันก็คือ “พิธีกร” นั่นเองคะ
                                                    ่
พิธีกร คือ ผู้กล่าวแทนเพื่อประสานเชื่อมโยงหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนกับผู้
ชม ผู้ฟังให้ดำาเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีระเบียบ เห็นมั้ยละคะ ว่าพิธีกรนั้นมีความ
สำาคัญมากแค่ไหน ดิฉนคิดว่าพิธีกรนี่แหละที่เป็นตัวสำาคัญยิ่งกว่า แขกที่ได้รับ
                       ั
เชิญมาเสียอีก รายการจะดีไม่ดี หรือ น่าสนใจหรือไม่ก็ขนอยู่กับพิธีกรนี่แหละ
                                                        ึ้
ค่ะ แล้วคุณสมบัติของการเป็นพิธีกรที่ดีมีอะไรบ้างหรือค่ะ ลองไปฟังกันเลยค่ะ
บุคลิกภาพดี ได้แก่ การแต่งกาย สีหน้าท่าทาง มีมนุษยสัมพันธ์ดี
การใช้เสียง นำ้าเสียงควรให้มีชีวิตชีวาเหมาะสมกับกาลเทศะ
การใช้ภาษาดี ได้แก่ การเว้นวรรค การออกเสียงคำาได้ถูกต้องชัดเจน การใช้
ภาษากระชับ สละสลวย เข้าใจง่าย
ปฏิภาณไหวพริบ ได้แก่ ความฉับไวที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้มีบรรยากาศดีขึ้น มี
อารมณ์ขัน
มีวจารณญาณพิจารณาว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด
    ิ
เห็นมั้ยละคะว่าการเป็นพิธีกรที่ดีนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่เราหมั่นฝึกฝนตนเองอยู่
เสมอ ก็ทำาให้เรากลายเป็นพิธีกรที่ดีได้แค่ใช้หลัก 5 ข้อ ที่ดิฉันได้บอกกับเพื่อนๆ
ไป นันก็คือ บุคลิกดี เสียงดี ภาษาดี ไหวพริบดีและมีวิจารณญาณค่ะ
       ่
 จากหนังสือ หลักการพูด ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุณฑลีย์ ไวทยะวณิช หน้า
133

นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228

www.human.cmu.ac.th/~thai/sompong/laphika.htm - แคช - ใกล้เคียง

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาการพูด

ในตอนแรกที่ดิฉันได้รู้ว่าต้องเรียนวิชานี้ บอกตามตรงเลยว่าดิฉันมีความรู้สึกที่ไม่
อยากเรียน เพราะดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบการพูดต่อหน้าคนจำานวนมาก และรู้สึก
ประหม่าทุกครั้งที่ได้ออกไปพูด ยิ่งถ้าได้พูดเป็นคนหลังๆด้วยแล้วจะยิ่งรู้สึกกดดัน
มาก เพราะเพื่อนๆทุกคนพูดดีและเก่งกันมาก แต่อาจารย์สมพงศ์และเพื่อนๆ ก็
คอยให้กำาลังใจ แนะนำาอยู่เสมอ ทำาให้ดิฉนรู้สึกมีกำาลังใจที่จะพยายามต่อไป
                                           ั
อาจารย์สมพงศ์จะไม่ตำาหนิโดยตรงแต่อาจารย์จะใช้คำาว่า “ควร” หรือ ”น่าจะ”
แทนคำาว่า “อย่า” ซึ่งมันทำาให้เรารู้สึกดี อาจารย์จะรู้จักใช้คำาพูดที่ไม่หักหาญ
นำ้าใจนักศึกษาจนเกินไป ทำาให้การเรียนวิชานี้ของดิฉนสนุกมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่
                                                       ั
ดิฉนได้รับจากการเรียนวิชานี้ก็คือ
    ั
๑. ความมั่นใจ เพราะดิฉันจะรู้สึกประหม่าเวลาได้ออกไปพูดหน้าห้อง แต่เมื่อได้
เรียนวิชานี้แล้วทำาให้ดิฉันมีความมันใจมากขึ้น คือ เวลาที่จะออกไปพูดนั้น
                                   ่
อาจารย์จะสอนว่า ให้สูดหายใจลึกๆ เพื่อเป็นกำาลังใจให้ตนเอง และสิ่งสำาคัญ คือ
ต้องยิ้ม เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับผู้ฟัง เมื่อเรายิ้มให้เค้า แล้วเค้าก็จะยิ้มให้เรา
เอง
๒. การรู้จักวางแผน ในการพูดตอนแรกดิฉันพูดไม่น่าสนใจเลย เพราะดิฉันไม่มี
การวางแผนมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะวางโครงเรื่องยังไง แบบไหน พูดยังไง ให้
ดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังให้ได้มากที่สุด
๓. มีทัศนคติที่ดีขึ้น จากการที่มีความรู้สึกที่ไม่อยากเรียนกลับอยากไปเรียนเพื่อที่
จะได้ฝึกฝนตนเองให้พูดดีและเก่งยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนแรกดิฉันพูดได้แย่มากๆ แต่
หลังๆมาก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้น เพราะได้รับคำาแนะนำาจากอาจารย์และเพื่อนๆทุกคน
๔. พัฒนาบุคลิกภาพ นันเป็นสิ่งที่สำาคัญมาก เวลาที่เราออกไปพูด ถ้าเกิดเรา
                           ้
เดินหลังค่อมออกไป หรือ เกร็งมือให้ชิดติดลำาตัวตลอด ไม่ปล่อยให้เป็นไปตาม
ธรรมชาติ ก็จะทำาให้บุคลิกภาพของเรานั้นดูแย่ ถึงแม้ว่าเราจะพูดเก่งขนาดไหนแต่
ถ้าบุคลิกภาพไม่ดี ก็จะทำาให้การพูดของเราไม่ประสบผลสำาเร็จได้
         สุดท้าย ดิฉันขอขอบคุณท่านอาจารย์สมพงศ์เป็นอย่างมาก ทีได้ทำาให้  ่
ดิฉนเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น ทำาให้ได้รู้ว่า การที่เราจะพูดเป็นนั้นเป็น
      ั
อย่างไร วิธีการพูดแบบไหนที่เราจะดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้มากที่สุด และ
ตอนนี้ดิฉนมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาที่ได้ออกไปพูดหน้าชั้นเรียนแล้วค่ะ
          ั
DOC]
หลักการพูด
รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - ดูในรูปแบบ HTML
ข้อแนะนำาที่สำาคัญในการพูดต่อชุมชน. ๑. คำานำา สิ่งที่ไม่ควรพูดได้แก่ .....
จากหลักการพูดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเพียงย่นย่อเป็นสังเขป ...
www.ais.rtaf.mi.th/.../หมวดวิชาที%203%20 ทักษะการสอน/51 หลักการพูด.doc
                                    ่
การพูดในที่ชุมชน
การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ... และ
ทัศนคติ ที่กลุ่มผู้ฟังมีต่อเรื่องที่พูด และตัวผู้พูดเพื่อนำาข้อมูลมาเตรียมพูด
เตรียมวิธีการใช้ภาษาให้เหมาะกับผู้ฟัง .... มีหลักการแสดงปาฐกถาดังนี้ •
พูดตรงตามหัวข้อกำาหนด ...
www.prlabschools.com/PR/talk.htm - แคช - ใกล้เคียง
ศิลปการพูดต่อที่ชุมชน doc Ebook Download
9 ต.ค. 2009 ... ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน. หลักการพูดในที่สาธารณะ; การเตรี
ยมตัวก่อนพูด; การเริ่มต้น และการสรุป; หลักการออกเสียงให้มีพลัง น่าฟัง
...
www.osun.org/ศิลปการพูดต่อที่ชุมชน-doc.html - แคช
หลักการพูดที่ดี
หลักการพูดที่ดี๑.ก่อนพูดควรคิดก่อนเสมอ ... ชุมชนการศึกษา ที่มีสมาชิก
และผู้ชม สูงที่สุดในประเทศ ... เราต้องมีบุคคริกภาพที่ดีต่อการพูดให้
มากกว่านี้ ...
blog.eduzones.com/nunthidaka/63 - แคช - ใกล้เคียง
[DOC]
การพูดในที่ชุมชน
รูปแบบไฟล์: Microsoft Word
ไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ
การพูดในที่ประชุมชนตามโอกาสต่างๆ, 7. การเตรียมตัวพูดต่อที่ประชุมชน,
7 ... หลักการพูดเบื้องต้น. การพูดที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้นจะเกิดได้จาก 4
ปัจจัย คือ ...
fphc.anamai.moph.go.th/MHPM/.../การพูดในที่ชุมชน.doc - ใกล้เคียง
ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน - :: ระบบบริหารงานบุคคล :: มหาวิทยาลัย ...
ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน. รายละเอียดของหลักสูตร : ศิลปะการพูดต่อที่
ชุมชน • หลักการพูดในที่สาธารณะ • การเตรียมตัวก่อนพูด • การเริ่มต้น
และการสรุป ...
hrd.rmutsb.ac.th/training/course_detail.php?id_course=id_course... - แคช
LOVE
นอกจากการพูดต่อชุมชนโดยการประชุมร่วมกัน หรือการพูดในที่สาธารณะ
เช่น การหาเสียงการพูดโฆษณาสินค้าต่าง ๆ แล้วยังมีการพูดอีกวิธีหนึ่ง ...
dnfe5.nfe.go.th/ilp/thainew/th31_4_2.html - แคช
การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ หลักการพูดต่อที่ชุมชน
หลักการ พูด แสดง       หลักการ พูด        หลักการ         การ พูด ต่อ ที่
ความ คิดเห็น           สุนทรพจน์          พูด พิธีกร      ประ ชุมชน


                             1234567891 ถัด
                                      0 ไป


หลักการพูดที่ดี

หลักการพูดที่ดี
๑.ก่อนพูดควรคิดก่อนเสมอ ระมัดระวังคำาพูดที่จะทำาให้คนอื่นไม่พอใจ อย่าพูดพล่อยๆ โดยไม
ฐาน
๒.ควรใช้คำาพูดที่สุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล
๓.ออกเสียงสระ พยัญชนะ และตัวควบกลำ้าให้ชัดเจน
๔.ควรคำานึงถึงหลักจิตวิทยาของการพูด เช่น
                       ๔.๑ มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในการพูด      ๔.๒ มีคำายกย่องชมเชย
ตามสมควร         ๔.๓ ไม่พูดตำาหนิ นินทาผู้อื่นต่อหน้าคนฟังมากๆ    ๔.๔ ไม่พูดขัดคอคน
ทำานองทะลุกลางปล้อง         ๔.๕ ไม่พูดถึงจุดอ่อนของคนฟังบ่อยๆ        ๔.๖ ไม่ควรแสดงอ
รุนแรง

๕.ไม่ควรใช้ภาษาที่ผิดแบบแผนหรือภาษาที่ใช้กันเฉพาะกลุ่ม
       Posted by : กองบรรณาธิการ Eduzones.com

www.mwit.ac.th/~saktong/th%20101/lesson4_1.htm - แคช - ใกล้เคียง

แสดงผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก www.mwit.ac.th
การพูดในที่ชุมชน
การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ผู้พูด
ต้องสนใจปฏิกิริยาตอบสนองผู้ฟัง

พูดต่อประชุมชน
ในสังคมปัจจุบัน เป็นสังคมประชาธิปไตย บุคคลมีสิทธิที่จะแสดงออกอย่าง
กว้างขวาง คือมีโอกาสพูดทั้งที่เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม อาจพูดแสดง
ความรู้ ความคิด ทรรศนะ ความรู้สึกความทั้งข้อเสนอแนะต่างๆต่อผู้ฟังเป็น
จำานวนมากในที่ประชุมชนหรือในที่สาธารณะก็ได้ ซึ่งข้อควรคำานึงที่สำาคัญ
ที่สุดในการพูดต่อประชุมชนคือสารที่พูดออกไป ต้องไม่ใช่เรื่องที่เป็นความ
ลับ หยาบโลน หรือกล่าวพาดพิงถึงผู้อื่นในทางเสียหาย เรื่องล้อเลียนให้
เป็นที่อับอาย
ความหมายของการพูดต่อประชุมชน
การพูดต่อประชุมชนหรือการพูดในที่สาธารณะ หมายถึง การติดต่อสื่อสารที่
เป็นไปอย่างมีระบบ โดยใช้วิธีการสื่อความหมายด้วยการพูดและอากัปกิริยา
ท่าทาง เพื่อเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ฟัง หรือเพื่อให้เกิดมี
อิทธิพลต่อทัศนคติและพฤติกรรม หรือการประพฤติปฏิบัติของผู้อื่น
การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ ซึ่งเป็นพฤติกรรมการสื่อสารอย่างหนึ่งก็คือ การใช้ความ
พยายามเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และการกระทำาของบุคคลอื่น
โดยใช้กลวิธีที่เหมาะสมให้มีผลกระทบใจของบุคคลนั้นทั้งโดยวัจนภาษา
และอวัจนภาษา จนเกิดการยอมรับและยอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจ
ประสงค์ เช่น การโฆษณาสินค้า, การหาเสียงของ ส.ส. ฯลฯ เป็นต้นการ
โฆษณาสินค้า เป็นการพูดจูงใจผู้ซื้อสินค้าให้เกิดสนใจ หรือยอมรับสินค้า
หรือบริการของผู้โฆษณาการโฆษณาหาเสียง เป็นการพูดจูงใจให้ผู้ฟังเกิด
ความเชื่อถือศรัทธา ในตัวผู้พูดและนโยบายของผู้พูด
ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์กับการโน้มน้าวใจ สิ่งเหล่านี้เป็นแรง
ผลักดันให้มนุษย์สร้างทัศนคติ ความเชื่อและค่านิยม รวมทั้งการกระทำาที่
เพื่อสนองความต้องการของตน ซึ่งเป็นสาเหตุสำาคัญที่ผู้โน้มน้าวชี้แจงหรือ
ชักนำา เพื่อจะได้รับผลที่ตอบสนองตามความต้องการ
กลวิธีการโน้มน้าวใจ ที่สำาคัญมี ๖ วิธีคือ
๑. แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ คือบุคคลผู้โน้ม
น้าวใจต้องมีความรู้จริง มีคุณธรรมและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น จึงจะได้
รับความเชื่อถือ
๒. แสดงให้เห็นความหนักแน่นของเหตุผล ยิ่งจะทำาให้การโน้มน้าวใจ
ประสบความสำาเร็จมากขึ้น และมีคุณค่าแก่การยอมรับแท้จริง
๓. แสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน บุคคลที่มีความรู้สึก
หรืออารมณ์ร่วมกัน ย่อมคล้อยตามกันได้ง่าย จึงชักจูงได้ง่าย
๔. แสดงให้เห็นทางเลือกทั้งในด้านดีและด้านเสีย เพื่อให้บุคคลอื่นเกิด
ความนึกคิด เชื่อถือหรือปฏิบัติตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ
๕. สร้างความหรรษาแก่ผู้รับสาร เป็นสิ่งที่สำาคัญมากเพราะหากเอาจริงเอา
จังเกินไป การโน้มน้าวใจจะไม่ได้ผล
๖. เร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เมื่อมนุษย์เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า คือ
ไม่ว่าดีใจ เสียใจ วิตกกังวล หวาดกลัว ย่อมขาดเหตุผล ขาดการพินิจ
พิเคราะห์ที่ดี ทำาให้ตัดสินใจคล้อยตามผู้โน้มน้าวใจได้โดยง่าย
ภาษาที่โน้มน้าวใจ เราควรใช้ภาษาที่วิงวอน ข้อร้องด้วยนำ้าเสียงที่นุ่มนวล
การพิจารณาสารโน้มน้าวใจ ที่อาจพบได้บ่อยมีดังนี้
๑. คำาเชิญชวน มีกลวิธี คือ กระตุ้นให้ผู้ถูกโน้มน้าวใจเกิดความภูมิใจว่า ถ้า
ปฏิบัติตามคำาเชิญชวนก็จะได้ชื่อว่าเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นเกียรติในสังคม
๒. โฆษณาสินค้าหรือโฆษณาบริการ การโน้มน้าวใจประเภทนี้มีลักษณะ
สำาคัญดังนี้
๒.๑ บทโฆษณาส่วนมากจะมีส่วนนำาที่สะดุด ซึ่งทำาให้สะดุดใจผู้อ่าน ด้วย
การใช้ถ้อยคำาแปลกๆใหม่ๆ
๒.๒ ตัวสารจะไม่ใช้ถ้อยคำาที่ยืดยาว ครอบคลุมเนื้อหาครบถ้วน ละเอียด
ลออ
๒.๓ ตัวสารจะมักนำาเสนอที่เลิศเลอ วิเศษพยายามบรรยายสรรพคุณของ
สินค้า ที่นำาเสนอส่วนมากจะเกินความจริง
๒.๔ ผู้โฆษณาจะพยายามจับจุดอ่อนของกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งก็คือ
มุ่งสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์นนเอง    ั่
๒.๕ เนื้อหาของสารมักขาดเหตุผลที่หนักแน่นและรัดกุม ขาดความถูกต้อง
ในทางวิชาการ
๒.๖ สารโฆษณาจะปรากฏทางสื่อชนิดต่างๆซำ้าๆกันหลายครั้งหลายหน
๓. โฆษณาชวนเชื่อ เป็นการพยายามโดยจะเปลี่ยนความเชื่อและการกระทำา
ของบุคคลจำานวนมากให้เป็นไปในทางที่ฝ่ายตนต้องการโดยแบ่งได้ ๒
ประเภทคือการโฆษณาชวนเชื่อในด้านการค้าและการเมืองและมีกลวิธีดังนี้
๓.๑ ตราชื่อ เป็นกลวิธีที่เบนความสนใจของผู้รับสารไปจากเหตุผลและข้อ
เท็จจริงเพื่อให้หมดความเชื่อถือในฝ่ายตรงข้าม
๓.๒ใช้ถ้อยคำาหรูหรา กลวิธีนี้ใช้ในผู้โน้มน้าวใจที่มักจะใช้ถ้อยคำา หรือเรียบ
เรียงข้อความให้ผูกพันกับความคิด หลักการ อุดมการณ์ ที่ทำาให้นาเชื่อถือ
                                                                  ่
เลื่อมใสความคิด
๓.๓ อ้างบุคคลหรือสถาบัน ที่ทรงคุณวุฒิ หรือเป็นที่เคารพนับถือ เพื่อให้
เกิดทัศนคติที่ดี
๓.๔ ทำาเหมือนชาวบ้านธรรมดา กลวิธีนี้ ผู้โฆษณาชวนเชื่อจะเชื่อมโยง
ตนเองให้เข้ากับชาวบ้าน เพื่อแสดงว่าตนเป็นพวกเดียวกับชนเหล่านั้น ซึ่ง
ทำาให้ไว้เนื้อเชื่อใจได้แล้วจะได้ชักจูงคนเหล่านั้นให้คล้อยตาม
๓.๕ อ้างแต่ประโยชน์ของตน กลวิธีนี้ผู้โฆษณาจะเลือกนำาแต่เฉพาะในด้าน
เป็นประโยชน์ของฝ่ายตนเท่านั้น แต่พยายามกลบเกลื่อนแง่ที่เป็นโทษแก่
ฝ่ายตนไม่ให้ผู้ฟังมีโอกาสทราบได้
๓.๖ อ้างคนส่วนใหญ่ กลวิธีนี้เพื่อชักจูงว่าบุคคลอื่นๆจำานวนมากมายต่างพา
กันเชื่อ ฉะนั้นผู้รับสารควรจะเชื่อปฏิบัติตามให้เหมือนคนส่วนใหญ่

การพูดในที่ชุมชน
การพูดในที่ชุมชน
      การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก
ผู้พูดต้องสนใจปฏิกิริยาตอบสนองผู้ฟัง ทั้งเป็นวัจนภาษาและอวัจนภาษา
การพูดต่อหน้าประชุมชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความ
สามารถเฉพาะตัวเพราะทุกคนที่ไม่เป็นใบ้ย่อมพูดได้ แต่บางคนเท่านั้นที่
พูดเป็น เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่จำาเป็นต้องอาศัย
พรสวรรค์เสมอไปแต่สามารถพูดได้ เพราะการศึกษา การฝึกฝน ฉะนั้น
การฝึกพูดในที่ประชุมชนซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุง
บุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อการเป็นนักพูดที่ดี
•    กล่าวถึงประวัติผู้ตายหรือผู้ที่จากไปอย่างสั้นๆ
      •    กล่าวถึงผลงานของผู้นั้น ( ข้อ ١)
      •    สาเหตุของการเสียชีวิต หรือจากไป
      •    กล่าวถึงความอาลัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
      •    แสดงความว่าที่ผู้จากไป จะไปอยู่สถานที่ดีและมีความสุข
   5. กล่าวอวยพร
        ١. อวยพรขึ้นบ้านใหม่
           กล่าวถึงความสำาเร็จของครอบครัวในการสร้างหลักฐานความ
ซื่อสัตย์สุจริต และขยันหมันเพียรของเจ้าของบ้านอวยพรให้ประสบ
                              ่
ความสุข
        ٢. อวยพรวันเกิด
           ความสำาคัญของวันนี้ คุณความดีของเจ้าภาพ และ ความเจริญ
เติบโต ก้าวหน้า หรือเป็นที่พึ่งของบุตรหลาน อวยพรให้เป็นสุขอายุ
ยืนยาว
        ٣. อวยพรคู่สมรส
           ความสัมพันธ์ของผู้กล่าวกับคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความดีที่
ทั้งสองรักกัน และการแนะนำาหลักการครองชีวิต อวยพรให้เป็นสุข
    6. กล่าวสดุดี
         ١. กล่าวมอบวุฒิบัตร หรือประกาศนียบัตร
           บอกความหมาย และความสำาคัญของวุฒิบัตร ความเหมาะสม
ของผู้ได้รับประกาศนียบัตร มอบวุฒิบัตร และปรบมือให้เกียรติ
         ٢. กล่าวสดุดีบุคคลสำาคัญ
           กล่าวนาม , กล่าวชีวประวัติ ผลงาน งานที่เป็นมรดกตกทอด
ยืนยันสืบทอดคุณความดี แสดงคารวะและปฏิญาณร่วมตนร่วมกัน

    7. กล่าวมอบรางวัล หรือตำาแหน่ง
        ١. กล่าวมอบรางวัล หรือตำาแหน่ง
          ชมเชยความสามารถ และความดีเด่นของผู้ได้รับรางวัล หรือ
ตำาแหน่ง ความหมายและเกียรตินิยมของรางวัลหรือตำาแหน่ง ฝากความ
หวังไว้กับผู้ที่จะรับรางวัล หรือดำารงตำาแหน่งมอบรางวัล หรือของที่
ระลึกปรบมือให้เกียรติสำาหรับผู้ที่ได้รับรางวัลกล่าวขอบคุณ กล่าวยืนยัน
ที่จะรักษารางวัลเกียรติยศนี้
        ٢. กล่าวรับมอบตำาแหน่ง
          ขอบคุณที่ได้รับความไว้วางใจ และให้เกียรติ ชมเชยคณะ
กรรมการชุดเก่า ( ในข้อดีจริงๆ )) ที่กำาลังหมดวาระ แถลงนโยบายโดย
ย่อ ใช้คำาสัญญาที่จะรักษาเกียรติ และทำาหน้าที่ดีที่สุด พร้อมกับขอ
ความร่วมมือจาก คณะกรรมการและสมาชิกทุกคน


    8. กล่าวต้อนรับ
       ١. ต้อนรับสมาชิกใหม่
       ความสำาคัญและความหมายของสถาบัน หน้าที่และสิทธิ์ที่
สมาชิกจะพึงได้รับกล่าวต้อนรับมอบของที่ระลึก ( เข็มหรืออื่น ๆ ) ถ้ามี
เน็ตพูด

More Related Content

Viewers also liked

การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ
kingkarn somchit
 
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะการพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
Thanaporn Prommas
 
PPT โน้มน้าวใจ
PPT โน้มน้าวใจPPT โน้มน้าวใจ
PPT โน้มน้าวใจKruBowbaro
 
5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
Rubric
RubricRubric
Rubric
Theresapp
 
ไตรภูมิ Pdf
ไตรภูมิ Pdfไตรภูมิ Pdf
ไตรภูมิ Pdf
Mameaw Pawa
 
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
Phasu Wichitchon
 
บทบรรยายพระคุณแม่
บทบรรยายพระคุณแม่บทบรรยายพระคุณแม่
บทบรรยายพระคุณแม่
niralai
 
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปรายหน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
ณรงค์ศักดิ์ กาหลง
 
Persuasive language
Persuasive languagePersuasive language
Persuasive language
Winn Khemdaeng
 
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
Drsek Sai
 

Viewers also liked (20)

การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ
 
การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ
 
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะการพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
การพูดโน้มน้าวใจ เรื่อง ช็อกโกแลตก็มีดีเหมือนกันนะ
 
PPT โน้มน้าวใจ
PPT โน้มน้าวใจPPT โน้มน้าวใจ
PPT โน้มน้าวใจ
 
5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
5.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
 
Rubric
RubricRubric
Rubric
 
Thai
ThaiThai
Thai
 
5.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-495.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-49
 
ไตรภูมิ Pdf
ไตรภูมิ Pdfไตรภูมิ Pdf
ไตรภูมิ Pdf
 
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญติว O  net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
ติว O net วิชา ภาษาไทย โดยครูเจริญ
 
บทบรรยายพระคุณแม่
บทบรรยายพระคุณแม่บทบรรยายพระคุณแม่
บทบรรยายพระคุณแม่
 
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วงใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
ใบความรู้ไตรภูมิพระร่วง
 
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปรายหน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
หน่วยที่ 4 การพูดอภิปราย
 
Persuasive language
Persuasive languagePersuasive language
Persuasive language
 
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทยใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
ใบความรู้ ลักษณะภาษาไทย
 
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
 
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
การสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจ
 
คำนาม
คำนามคำนาม
คำนาม
 
คำกริยา
คำกริยาคำกริยา
คำกริยา
 
คำอุทาน
คำอุทานคำอุทาน
คำอุทาน
 

Similar to เน็ตพูด

6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)อัมพร ศรีพิทักษ์
 
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูดถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
pyopyo
 
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
Prachoom Rangkasikorn
 
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integrationการสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
Prachoom Rangkasikorn
 
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพ
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพสรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพ
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพnunaka
 
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตงานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
rtv1
 
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียวภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
Thunyalak Thumphila
 
072อริยสัจจสี่ม.๕
072อริยสัจจสี่ม.๕072อริยสัจจสี่ม.๕
072อริยสัจจสี่ม.๕
niralai
 
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้าน
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้านครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้าน
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้านkrupornpana55
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยPiyatida Prayoonprom
 
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
chartphysic
 
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วย
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วยสรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วย
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วยkrunakhonch
 
South thailand conflict
South thailand conflictSouth thailand conflict
South thailand conflict
Teeranan
 
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน putjohn
 
หลักการทำงาน
หลักการทำงาน หลักการทำงาน
หลักการทำงาน putjohn
 
03 modelof integration+188
03 modelof integration+18803 modelof integration+188
03 modelof integration+188
Prachoom Rangkasikorn
 

Similar to เน็ตพูด (20)

6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
 
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูดถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
ถอดเทปโครงการศิลปะการพูด
 
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
ใบความรู้+การสอนแบบบูรณาการ(A model of Integration)+ป.1+103+dltvengp1+21 inte...
 
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integrationการสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
การสอนแบบบูรณาการ+ป.2+120+dltvengp2+21 integration
 
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพ
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพสรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพ
สรุปทักษะการสื่อสารและการประสานงานอย่างมืออาชีพ
 
ทักษะการบอกความต้องการ
ทักษะการบอกความต้องการทักษะการบอกความต้องการ
ทักษะการบอกความต้องการ
 
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ตงานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
งานอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต
 
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียวภาษาจีนง่ายนิดเดียว
ภาษาจีนง่ายนิดเดียว
 
072อริยสัจจสี่ม.๕
072อริยสัจจสี่ม.๕072อริยสัจจสี่ม.๕
072อริยสัจจสี่ม.๕
 
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้าน
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้านครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้าน
ครูเพื่อศิษย์สร้างห้องเรียนกลับด้าน
 
ครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วยครูผู้ช่วย
ครูผู้ช่วย
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
 
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรมระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
 
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรมระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
ระดับครูผู้ช่วยนวัตกรรม
 
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
แผนการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษแผนที่1
 
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วย
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วยสรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วย
สรุปแบบย้อนกลับ แก้ไขด้วย
 
South thailand conflict
South thailand conflictSouth thailand conflict
South thailand conflict
 
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
การปฏิบัติงานของครูในโรงเรียน
 
หลักการทำงาน
หลักการทำงาน หลักการทำงาน
หลักการทำงาน
 
03 modelof integration+188
03 modelof integration+18803 modelof integration+188
03 modelof integration+188
 

เน็ตพูด

  • 1. นางสาวลาภิกา โยธาภักดี 4801228 การพูดในที่ชุมชน การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ผู้พูดต้อง สนใจผู้ฟังการพูดต่อหน้าประชุมชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความ สามารถเฉพาะตัวเพราะทุกคนที่ไม่เป็นใบ้ย่อมพูดได้ แต่บางคนเท่านั้นที่พูดเป็น เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่จำาเป็นต้องอาศัยพรสวรรค์เสมอไปแต่สามารถพูดได้ เพราะการศึกษา การ ฝึกฝน ฉะนันการฝึกพูดในที่ประชุมชน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุง ้ บุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อการเป็นนักพูดที่ดี ในปัจจุบันผู้ที่มีความสามารถในการพูดในการนำาเสนอที่ดี จะทำาให้บุคคลผู้นั้น ประสบความสำาเร็จในตำาแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ ที่เป็นผู้บริหารหรือผู้ที่ทำาหน้าที่เป็นหัวหน้า จำาเป็นต้องใช้การสื่อสารด้วยการพูด และการนำาเสนอต่อหน้าสาธารณชน เพื่อจะสรรสร้างลักษณะความเป็นผู้นำา ความ น่าเชื่อถือการยอมรับจากสังคมหรือเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกันในการทำางาน เพื่อจะนำาไปสู่ความสำาเร็จขององค์กร การพูดและการนำาเสนออย่างมั่นใจ จำาเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องด้วย ความมุ่งมั่นตั้งใจ การนำาเสนออย่างมีประสิทธิภาพนั้น อาจมีการแสดงข้อมูลให้ ผู้รับฟังได้รับทราบโดยใช้โสตทัศนูปกรณ์ประเภทต่างๆ เข้าช่วย เพื่อให้ข้อมูลที่ ต้องการนำาเสนอนั้น มีความน่าสนใจ น่าเชื่อถือ และสามารถทำาให้ผู้ฟังสามารถ คล้อยตามได้ วิธีการพูดในที่ประชุมชนก็มีหลายแบบ เช่น การพูดแบบท่องจำา พูดแบบมี ต้นฉบับ พูดจากความเข้าใจ พูดแบบกะทันหัน การพูดอย่างไม่เป็นทางการ การ พูดกึ่งทางการ โดยที่การพูดแต่ละอย่างก็ย่อมมีความแตกต่างกันออกไป เช่น โอวาท คำาปราศรัย คำาไว้อาลัย กล่าวอวยพร กล่าวสดุดี กล่าวมอบรางวัล หรือตำาแหน่ง กล่าวต้อนรับ ปาฐกถา การพูดเป็นพิธีกร การเตรียมตัวพูดต่อที่ ชุมชน การพูดในที่ชุมชน เนื่องจากมีผู้ฟังเป็นจำานวนมากแล้ว ผู้ฟังมักจะตั้งความหวังว่า
  • 2. จะได้รับความรู้และสาระประโยชน์จากการฟัง ผู้พูดจึงต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดี มี ความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าแสดงออกจะช่วยให้ผู้พูดประสบความสำาเร็จได้ ดังนัน ้ ผู้พูดจึงกำาหนดจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนว่าจะพูดอะไร เพื่ออะไร มีขอบข่ายกว้าง ขวางมากน้อย เพียงใด และวิเคราะห์ผู้ฟัง พิจารณาจำานวนผู้ฟัง เพศ วัย การ ศึกษา สถานภาพทางสังคม อาชีพ ความสนใจ ความมุ่งหวัง และทัศนคติ ที่กลุ่มผู้ ฟังมีต่อเรื่องที่พูด และตัวผู้พูดเพื่อนำาข้อมูลมาเตรียมพูด เตรียมวิธีการใช้ภาษาให้ เหมาะกับผู้ฟัง กำาหนดขอบเขตของเรื่อง โดยคำานึงถึงเนื้อเรื่องและเวลาที่จะพูด กำาหนดประเด็นสำาคัญให้ชัดเจน รวบรวมเนื้อหา ต้องจัดเนื้อหาที่ผู้ฟังได้รับ ประโยชน์มากที่สุด การสัมภาษณ์ ถามผู้รู้ ใช้ความรู้ความสามารถของตนเอง แล้วจดบันทึก เรียบเรียงเนื้อเรื่อง ผู้พูดจัดทำาเค้าโครงเรื่องให้ชัดเจนเป็นไปตาม ลำาดับ จะกล่าวเปิดเรื่องอย่างไร เตรียมการใช้ภาษาให้เหมาะสม กะทัดรัด เข้าใจง่าย ตรงประเด็น พอเหมาะกับ เวลา การซ้อมพูด เพื่อให้แสดงความมั่นใจต้องซ้อมพูด ออกเสียงพูดอักขรวิธี มีลีลา จังหวะ ท่าทาง สีหน้า สายตา นำ้าเสียง มีผู้ฟังช่วยติชมการพูด มีการบันทึกเสียง เป็นอุปกรณ์การฝึกซ้อม การพัฒนาสมรรถภาพในการพูดเป็นสิ่งที่มีความจำาเป็นในทุกยุคสมัย การพูดเป็น ทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ มีหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ ที่สามารถสอน เรียน รู้ ฝึกฝนได้เช่นเดียวกับศาสตร์อื่น ๆ แล้ว การพูดยังเป็นพรสวรรค์หรือความ สามารถพิเศษเฉพาะบุคคลด้วย ดังนันการจะเป็นนักพูดที่ดี มีความสามารถจึงต้องศึกษาหลักและวิธีการพูด แล้ว ้ หมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ หมั่นฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ การพูดอย่างมีประสิทธิภาพนั้นก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำาเนินชีวิตในการทำางาน ซึ่งจะส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อไป กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน เพื่อนๆ เชื่อมั้ยค่ะว่า สังคมไทยทุกวันนี้มนเสื่อมโทรมลงไปทุกที ทุกที ั แล้ว ก็ดังเช่นข่าวที่ดิฉนจะเล่าให้เพื่อนๆฟัง ต่อไปนี้นะคะ มันอาจจะไม่ค่อยน่า ั ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะมันได้เกิดขึ้นซำ้าแล้วซำ้าเล่าอยู่เป็นประจำานั่นเอง ข่าวที่ว่านี้ก็คือ เด็กนักเรียนถูกข่มขืนนั่นเองค่ะ เรื่องของเรื่องก็คือว่า ด.ญ.นำ้า ( นามสมมติ) และ ด.ญ.หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เป็นเพื่อนกัน ได้ออกจากบ้าน ไปเพื่อที่จะไปเที่ยวบ้านเพื่อนในละแวกใกล้เคียงกัน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไป จนถึง 3 ทุ่ม เด็กหญิงทั้งสองนี้ก็ยังไม่กลับบ้าน แม่ ด้วยความเป็นห่วงจึงไปตาม
  • 3. ที่บ้านเพื่อนแต่ก็ไม่พบ ทราบว่ามีนายวิชัยกับนายจำานงซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนขี่รถ จักรยานยนต์มาชวนไปเที่ยว ก่อนที่จะหายไปทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นแม่จึงไปตามที่ บ้านเพื่อนอีกครั้ง พบทั้งสองนั่งอยู่ในบ้านด้วยอาการซึมเศร้า สอบถามก็ไม่ยอม ตอบ จนกระทั่งพยายามเค้นถามเอาความจริงอีกครั้งจึงรู้ว่า ทั้งสองถูกนายวิชัย และนายจำานงพาไปข่มขืนและผลัดเปลี่ยนสลับคู่ตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งพูดข่มขู่ไม่ ให้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องไปประจานที่โรงเรียน ข่าวนี้ดิฉันอ่านแล้วก็ได้ให้สัจธรรมอย่างหนึ่ง นะค่ะ ว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก ค่ะ บางทีเค้าอาจมาทำาดีกับเราเพื่อให้เราตายใจแล้วก็หวังผลอะไรสักอย่าง อีก อย่างที่ชี้ให้เห็นว่า สังคมไทยกำาลังเสื่อมนั่นก็คือ รุ่นพี่ที่ก่อเรื่องนี้อายุเพิ่งจะ 20 เอง ซึ่งตามปกติคนอายุประมาณนี้น่าจะมีกำาลังกายและกำาลังสมองที่จะคิดและ สร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ แต่ก็ต้องมาทำาเรื่องที่ตัดอนาคตของตนเอง ซึ่งมันไม่คุ้มกัน เลย และเด็กหญิงทั้งสองคนนั้น อายุแค่ 14 เท่านั้น แต่ก็ต้องมาเจอเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับใครเลย สุดท้ายดิฉันก็อยากจะฝากเพื่อนๆ ไว้ นะค่ะว่า เหรียญยังมีสองด้าน โลกของเราก็ มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี คนก็มีหลายแบบปะปนกันไป ดิฉนไม่ได้บอกให้เพื่อนๆ ั มองโลกในแง่ร้ายนะค่ะ แต่การที่บางครั้งเรามองโลกในแง่ดีเกินไป มันก็จะส่งผล ร้ายแก่เราได้นะค่ะ นางสาวลาภิกา โยธาภักดี 4801228 บทพูดให้ความรู้ กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดี เพื่อนๆ เคยได้ยินคำากล่าวที่ว่า “ คนเรา ั ทุกคนเกิดมาล้วนพูดได้ แต่จะมีเพียงบางคนเท่านั้นที่พูดเป็น ” ใช่แล้วค่ะ วันนี้ เราจะมาพูดกันในเรื่องของ การพูดเป็นนั้นเป็นอย่างไร แต่ก่อนอื่น นะคะ เรามาดู ก่อนว่า การพูดนั้น คืออะไร การพูดคือ การสื่อสารความคิด จากคนหนึ่งไปยังอีก คนหนึ่ง โดยใช้ ภาษา นำ้าเสียง สีหน้า ท่าทาง เป็นสื่อ การพูดนั้นมีหลายแบบ นะคะ อย่างแรก คือ การพูดแบบจูงใจหรือชักชวน แบบบอกเล่าหรือแบบ บรรยาย และแบบบันเทิง ซึ่งการพูดทั้ง ٣ แบบนี้ ในทางปฏิบัติอาจแยกกันไม่ ออก นักพูดบางคนอาจจะมีลีลาในการพูด หนักไปทางใดทางหนึง แต่ก็ต้องใช้ ่ ทั้ง ٣ แบบ คละกันตามโอกาสและสถานการณ์ จึงจะทำาให้การพูดนั้นประสบผล สำาเร็จ การพูดนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในขณะเดียวกัน ก็อย่างเช่น วิชาการ พูด ทุกคนเรียนได้ สอนกันได้ ถ่ายทอดกันได้ มีกฎมีเกณฑ์ เช่นเดียวกับศาสตร์ แขนงอื่นๆ แต่ถ้าจะให้ทุกคนเก่งเท่ากันหมดนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะ มันต้องอาศัย ศิลป์ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล การที่เราจะ
  • 4. เป็นนักพูดที่ดีได้นั้น การเตรียมตัวค่ะ เป็นสิ่งที่สำาคัญที่สุด ผู้พูดควรกำาหนดจุด มุ่งหมาย ว่าจะพูดอะไร พูดอย่างไร และพูดให้ใครฟัง ภาษาที่ใช้ก็จะแตกต่างกัน ไปตามสถานการณ์ นักพูดไม่ใช่สักแต่ว่าพูดอย่างเดียวเท่านั้น ต้องเป็นผู้ฟังด้วย เช่น การยอมรับคำาติ-ชม จากผู้อื่น เพราะดิฉันเชื่อค่ะว่า ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบ ไปซะทุกอย่าง ทุกคนมีจุดด้อยของตัวเอง เว้นแต่ว่าเราจะมองเห็นจุดด้อยนั้นหรือ ไม่ เท่านั้นเองค่ะ และนิสัยอีกอย่างหนึ่งที่นักพูดพึงมีเลย นั้นก็คือ การมีนิสัยรัก การอ่านค่ะ เพราะการอ่านเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับเรา และมันยังทำาให้การพูด ของเรานั้นไม่ล้มเหลวและไม่น่าเบื่อด้วย นักพูดต้องมีบุคลิกเป็นของตัวเอง ไม่ ลอกเลียนแบบใคร และมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง ดังที่ดิฉันได้บอกกับเพื่อนๆแล้วนะคะว่า การพูดนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ในตัวเดียวกัน มันไม่ได้ใช้ความรู้เพียวๆ และก็ไม่ได้ใช้ความสามารถเพียวๆ แต่มัน ต้องใช้ความอุตสาหะอย่างมากในการฝึกฝนและต้องหมั่นหาความรู้ใหม่ๆเสมอ จึง จะทำาให้การพูดนั้นประสบผลสำาเร็จ หลังจากที่จบคอร์สนี้แล้ว ดิฉันเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะเป็นคนที่ “ พูดได้และพูดเป็น ” อย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ ปากกา กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดี เพื่อนๆเคยใช้ปากกาวาดรูปกันมั้ยค่ะ เป็นยังไง ั บ้างล่ะคะมันออกมาไม่สวย ไม่เหมือนกับที่เราตั้งใจไว้ใช่มั้ยละคะ ดิฉันก็เคยค่ะ ตอนนันดิฉันกำาลังจะวาดรูปหน้าเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดิฉันเผลอไปวาดตาโตเกิน ้ ไป เพื่อนๆรู้มั้ยค่ะว่าดิฉันทำายังไง ดิฉันเปลี่ยนตากลมโตคู่นั้นเป็น แว่นตาแทน ถึงแม้ ดิฉนไม่เคยคิดที่จะวาดรูปคนใส่แว่นตามาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ ั ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า สามารถวาดภาพนันๆด้วยความมั่นใจและก็ไม่ต้องใช้ ้ กระดาษแผ่นใหม่เพื่อที่จะเริ่มวาดภาพนั้นใหม่ด้วย แต่มนได้สอนอะไรให้เรา ั หลายๆอย่างค่ะ นันก็คือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาดไงล่ะคะ ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ ่ เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคนและในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่เราได้พบมันโดยไม่ได้ ตั้งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำาให้เรายอมรับความผิดพลาดเหล่านั้นและรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหา ต่างๆ นั่นก็คือ การที่เราเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาดคือ การที่มันเกิด ขึนแล้วจะคงอยู่อย่างถาวร เราจำาเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของเรา ้ ให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง ดังนัน การที่เราจะมานั่งร้องไห้ อ้อนวอนขอกระดาษแผ่นใหม่เพื่อที่จะกลับไป ้
  • 5. แก้ไขมันนัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำาได้ก็คือ รูจักพลิกแพลงแก้ไขสิ่ง ้ ้ เหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากยิ่งขึ้น ดังนันเราต้องตั้งใจและมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น ถึงแม้ภาพที่เราวาดออกมาจะไม่ ้ เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา เราก็ควรจะ ภูมใจกับมันนะคะ ิ ผู้นำา ปากใจไม่ตรงกัน ความสัมพันธ์ไม่ยั่งยืน ใจเกลียดแต่ปากฝืน พูดแต่ลิ้นสิ้นความหมาย ปากใจตรงกันเถิด ผลจะเกิดทั้งต้นปลาย ผู้พูดฟังสบาย ผู้ฟังเล่าเข้าใจตรง กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิ ั กา โยธาภักดี เพื่อนๆคะ โลกทุกวันนี้เป็นโลกของการติดต่อสื่อสาร “การพูด” เป็นวิธีการ สื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คนที่จะเป็น “ผู้นำา” ต่อไปในอนาคตจะอยู่ใน ประเภทมีปากเหมือนไม่มีไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำาหรับผู้นำาแล้ว แค่พูดได้เท่านั้นยัง ไม่พอ ต้องถึงขันพูดเป็น จึงจะถือว่าใช้ได้ แต่การพูดใช่ว่าอยากจะพูดอะไรก็ ้ พูด เพราะผู้นำาต้องรู้ตัวและเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ควรพูดเรื่องอะไร พูดเมื่อ ไหร่ และควรพูดอย่างไร พูดสั้นยาวแค่ไหน ทั้งยังต้องพูดให้ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้ อีกด้วย เพื่อนๆเคยนึกไหมคะว่า ทำาไมผู้นำาต้องพูดเป็น นันก็เพราะว่าผู้นำา เกิดมาเพื่อพูด ่ มากกว่าทำา ในขณะที่ผู้ตามเกิดมาเพื่อทำามากกว่าพูด ผู้นำาที่ดีนนต้องสามารถ ั้ ทำาให้คนอื่นเชื่อถือ สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมาได้ ผู้นำา นอกจากจะเป็นที่ยอมรับแล้ว ยังต้องเป็นที่เชื่อด้วย ความน่าเชื่อถือของผู้นำาเกิด จากสิ่งที่พูดและวิธีการพูด ผู้นำาที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่พูดอะไรให้เลิศ เลอดีเด่นเกินความเป็นจริง พูดแต่สิ่งที่เป็นไปได้ และที่สำาคัญก็คือ ผู้นำาต้องรู้จัก เลือกว่าควรจะพูดอะไรและไม่ควรจะพูดอะไร บ่อยครั้งที่ผู้นำาต้องใช้หลักจิตวิทยาเข้ามามีส่วนเสริมการพูดของผู้นำา เป็นต้นว่า ผู้นำาต้องรู้จักยกย่องชมเชยให้กำาลังใจลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาในโอกาสอัน ควร ตลอดจนรู้จักชี้แจงข้อบกพร่องผิดพลาดแทนการตำาหนิติเตียนอย่างตรงไป ตรงมา ทั้งนี้เพราะผู้นำาทุกคนรู้ดีว่าการพูดนั้นสร้างมิตรได้เท่าๆกับสร้างศัตรู ถึงแม้ว่าบุคลิกภาพที่เป็นมิตรและเป็นตัวของตัวเองไม่เลียนแบบใครของผู้นำาจะมี ส่วนเสริมให้การพูดนั้นน่าสนใจ แต่หัวใจของการพูดไม่ได้ขนอยู่กับบุคลิกภาพ ึ้ เท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับวิธีการพูดอีกด้วย การพูดนันอยู่คู่กับผู้นำาเป็นทักษะที่ผู้นำาทั้ง ้
  • 6. หลายตั้งแต่ระดับท้องถิ่นระดับประเทศขึ้นไปจนถึงระดับโลกใช้กันบ่อยที่สุด แต่จะ พูดได้ดีมีประสิทธิภาพแค่ไหนขึนอยู่กับว่าผู้นั้นมีความตั้งใจจริงและมีความ ้ พยายามที่จะฝึกฝนปรับปรุงตนเองเพียงใด เพราะไม่มีใครพูดเป็นมาตั้งแต่เกิด เป็นเรื่องของการสั่งสม การพัฒนาที่มากพอ ผู้นำาที่พูดไม่เป็น สื่อความรู้สึก นึกคิดของตัวเองออกมาไม่ได้ก็มีสภาพไม่ผิดอะไรกับที่พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในบทละครพูดสลับลำาเรื่อง “วิวาห์ พระสมุทร” ตอนหนึงว่า่ “ถึงรู้มากไม่มีปากลำาบากตาย มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ” บทพูดโน้มน้าวใจ กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิกา โยธาภักดีคะ ใกล้สอบแล้วเพื่อนๆเตรียมตัวกันรึยังคะ วันนี้ ั ดิฉนมีเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ฟังกันคะ ณ ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ในมุม ั หนึ่งของห้องมีเด็กหญิงคนหนึ่งกำาลังนั่งมองดูหนังสือที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวรอให้ อ่าน “ต้องลองดูสิ สักครั้ง ” หญิงสาวพูดกับตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่า เดี๋ยว... ยังขี้เกียจอยู่ เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน เวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน แล้ว เธอก็เผลอหลับไปบนกองหนังสือเหล่านั้น พบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่ มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียน ข้อความว่า “มีเวลาขาย” ข้างในมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งประจำาโต๊ะ ไม่นานลูกค้า คนแรกก็มาถึง “ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไปห้าปี ” นำ้าเสียงเขาแหบแห้งอย่างคนที่ กำาลังป่วยหนัก “หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงมีวิธี รักษาให้หายได้” ยังไม่ทันที่ชายแก่คนนันจะก้าวพ้นประตูออกไป หญิงสาวคน ้ หนึ่งก็เดินสวนเข้ามา หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำา ใบหน้ายังเปื้อนคราบนำ้าตา “ อยากได้เวลาคะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้ ” หล่อนพูดด้วยนำ้าเสียงที่ เศร้าโศก เด็กหญิงคนนั้นนึกเวทนาในลูกค้าทั้งสองคนที่เพิ่งมาคิดอะไรได้ก็เมื่อมันสายไป แล้ว วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง พร้อมๆกับนึกเสียดายแทนทั้งสองคนที่เขา ผ่านเวลาเป็นปีๆไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว ทั นใดนั้นเองเด็กหญิงคนนั้นก็ได้ตกใจตื่นด้วยเสียงเตือนได้เวลาปิดของห้องสมุด เด็กหญิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ หล่อนรู้สึกดีใจที่เขายังมีเวลาเหลือ อยู่และยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มลงมือทำาอะไรอย่างมีความหวัง เพื่อนๆคะ เวลาเป็นสิ่งเดียวในโลกที่ทุกคนในโลกได้รับเสมอกัน ไม่มีใครได้ เปรียบหรือเสียเปรียบกันเลยแม้แต่คนเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้เวลาใน แต่ละวินาทีอย่างมีค่าและคุ้มค่ากว่ากัน.... สวัสดีค่ะ หลักการกล่าวอวยพร กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ใกล้ถึงปีใหม่แล้ว
  • 7. ดิฉนก็เลยมีหลักการอวยพรมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ เผื่อว่าจะได้เอาไปใช้กันในวันขึ้น ั ปีใหม่ที่จะถึงนี้ การพูดอวยพร ใช้ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด งานสังสรรค์ งานมงคลสมรส ขึนบ้าน ้ ใหม่ เปิดกิจการใหม่ ลาไปรับตำาแหน่งใหม่ การโยกย้าย วันขึ้นปีใหม่ ซึ่งมีหลักการ พูดดังนี้ค่ะ ๑. ใช้คำาพูดง่ายๆ สันๆ ได้ใจความดีน่าประทับใจ ้ ๒. ใช้ข้อความที่มีความหมายและถ้อยคำาเหมาะสมกับผู้ฟัง ๓. คำาพูดต้องสอดคล้องกับโอกาสหรืองานนั้นๆ ๔. การกล่าวอวยพรวันขึ้นปีใหม่ การกล่าวถึงโอกาสอันดีซึ่งเป็นวันสำาคัญที่จะเริ่ม ชีวิตใหม่ พูดในนามของใคร พร้อมทั้งอวยพรอย่างสุภาพ และเหมาะสมกับสภาพ ของผู้ฟัง ๕. ถ้าเป็นการอวยพรผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพเชื่อถือ ต้องอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วย ประทานพร ๖. ในงานมงคลสมรส ควรพูดดังนี้ ๖.๑ พูดอวยพรในนามของใคร ๖.๒ พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดทั้งคู่บ่าวสาว ๖.๓ พูดแนะนำาการปฏิบัติในทางที่ถูกเพื่อความสุขของคู่สมรสในอนาคต ๖.๔ คำาอวยพรที่สุภาพ น่าฟัง เมื่อได้หลักการกล่าวอวยพรกันแล้ว ทีนี้มันก็ไม่ยากเลยใช่มั้ยละคะถ้าเราจะกล่าว อวยพรให้กับใคร ในโอกาสไหนไม่ต้องมัวแต่กังวลว่าจะพูดยังไง เริ่มต้นยังไง แล้ว ดิฉนหวังว่าสิ่งเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์เพื่อนๆนะคะ.........สวัสดีค่ะ ั นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228 หลักการพูด กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิ ั กา โยธาภักดี เช่นเคยค่ะ วันนี้ดิฉันมีบันไดสิบขั้นสำาหรับการเป็นนักพูดที่ดีมาฝาก เพื่อนๆกัน ลองฟังกันดูนะคะ ขันที่๑ การออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักภาษา ได้แก่ คำาควบกลำ้า ร, ล, ว หรือ ้ สระ พยัญชนะให้ชัดเจนถูกต้อง ขันที่๒ ไม่ควรออกเสียงให้ห้วนสั้น ตัดคำา หรือรัวลิ้นจนฟังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะ ้ คำาหลายพยางค์ เช่น มหาวิทยาลัย ไม่ควรออกเสียงว่าหมา–ลัย ขันที่๓ ไม่ควรใช้ภาษาพูด ภาษาตลาด ภาษาสื่อมวลชนหรือภาษาโฆษณา ในการ ้ พูดกับคนทั่วไปซึ่งจะทำาให้ผู้ฟัง เข้าใจยากและไม่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล เช่น “สาวคนนั้นจัดอยู่ ในวัยเอ๊าะ ขันที่๔ การออกเสียงคำาแผลง ควรออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักภาษาและความ ้ นิยม ขันที่๕ การใช้ภาษาต้องเลือกใช้ถ้อยคำาที่เข้าใจง่ายเหมาะสมกับวัยของผู้ฟัง ้ ขันที่๖ ผู้พูดและผู้ฟังมีจุดมุ่งหมายตรงกัน ผู้พูดมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการสื่อความ ้
  • 8. หมายไปยังผู้ฟัง เพื่อให้เข้าใจ เรื่องราวต่างๆ ผู้ฟังก็มีความตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้พูดสื่อ ความหมายให้ ขันที่๗ ออกเสียงพูดให้ชัดเจน ดังพอประมาณ อย่าตะโกนหรือพูดค่อยเกินไป ้ ขันที่๘ สีหน้า ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง ไม่เคร่งเครียด ้ ขันที่๙ ท่าทางในการยืน นั่ง ควรสง่าผ่าเผย การใช้ท่าทางประกอบการพูดก็มี ้ ความสำาคัญ เช่น การใช้มือ จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายยิ่งขึ้น ขันที่๑๐ ต้องรักษามารยาทการพูดให้เคร่งครัดในเรื่องเวลาในการพูด พูดตรงเวลา ้ และจบทันเวลา เป็นยังไงบ้างค่ะ บันไดสิบขั้นสำาหรับการเป็นนักพูดที่ดี หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆนะคะ......สวัสดีคะ นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228 หลักการพูด กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาวลาภิ ั กา โยธาภักดี ค่ะเพื่อนๆก็ได้ฟังหลักการพูดที่ดีๆไปหลายแบบแล้วนะคะ หวังว่า คงยังไม่เบื่อกัน งั้นลองมาฟังลักษณะการพูดที่ดีในแบบฉบับของดิฉันบ้างนะคะ การพูดที่ดีมีลักษณะสำาคัญ 5 ประการ คือ ๑ มีถ้อยคำาดี มีความไพเราะ พูดจาสุภาพอ่อนหวาน มีหางเสียง ไม่กระโชก โฮกฮาก และไม่ขู่ ตะคอก ๒ เป็นความจริง สิ่งที่พูดออกไปต้องไตรตรองแล้วว่าเป็นความจริงจึงพูดออก ไป มีประโยชน์ แม้สิ่งที่พูดเป็นความจริง แต่ต้องพิจารณาว่าความจริงนั้นเมื่อพูดไป แล้วมีประโยชน์ด้วย ๓ ไม่ควรพูดให้ใครต้องเสียหาย ควรพูดไปแล้วให้เกิดพันธมิตรไมตรีต่อกัน มีความเหมาะสม ในการพูดจะต้องคำานึงถึงความเหมาะสมกับสิ่งต่อไปนี้ - เหมาะสมกับกาล ต้องรู้ว่าเวลานี้ควรพูดหรือไม่ และพูดอย่างไร - เหมาะสมกับเทศะ สถานที่ใดควรพูดเรื่องอะไร เช่น ไม่ควรพูดเรื่องบันเทิงใน งานศพ - เหมาะสมกับบุคคล ต้องคำานึงถึงเพศ วัย สถานะ ของผู้ฟัง ๔ มีความมุ่งหมาย การรู้ว่าพูดทำาไม เพื่ออะไร จะช่วยให้การพูดได้เนื้อหา สาระไม่เสียเวลา ๕ มีศิลปะ เช่น การใช้สหน้า ท่าทาง นำ้าเสียงและสายตา รวมทั้งใจจิตวิทยา ี ในการพูดด้วย เว้นวจีทุจริต ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำาหยาบ เพ้อเจ้อ และส่อเสียด เป็นยังไงบ้างล่ะคะ หลักการพูดของดิฉัน ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะคะ มีแค่ ๕ วิธีเอง ถ้าเพื่อนๆหมันลองฝึก การเป็นนักพูดที่ดีก็ไม่หนีไปไหนหรอกคะ....... สวัสดีคะ ่ นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228
  • 9. บทพูด น.หนู กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ ั กา โยธาภักดีคะ เมื่อคาบที่แล้วพวกเราได้เปรียบความรักเหมือนกับฉิ่งใช่มั้ยล่ะ คะ แต่วันนี้คะ ดิฉันจะเปรียบความรักเหมือนกับนำ้าเปล่าคะ ถึงมันไม่มีรสชาติแต่ เราก็ขาดมันไม่ได้ ใช่มั้ยล่ะคะ มันทำาให้เรารู้สึกสดชื่นและมีกำาลังใจที่จะทำาอะไร ต่อ แม้ว่านำ้าเปล่าจะซาบซ่าไม่เทียบเท่ากับนำ้าหวานหรือนำ้าอัดลม แม้ว่านำ้าเปล่า จะไร้นำ้าตาลซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพลัง แต่นำ้าเปล่ามันแทบไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลย มันยังรักษาคุณค่าเอาไว้ได้ดีกว่านำ้าใดใด สังเกตมั้ยคะว่า นำ้าเปล่าจะเป็น ตัวทำาละลายเสมอ เมื่อเจอกับเกลือ มันก็จะละลายเกลือ เมื่อเจอกับนำ้าตาล มัน ก็จะละลายนำ้าตาล เหมือนกับความรักคะ คนที่รักเราจริงๆ อย่างพ่อ-แม่เรา เมื่อ เราเจอกับความทุกข์ ท่านก็จะพยายามรับความทุกข์จากเราไว้ให้มากทีสุด อย่า ลืมนะคะ ความรักเปรียบได้อีกอย่างก็เหมือนกับนก ถ้าเราจับมันไว้แน่นเกินไปมัน ก็จะตาย แต่ถ้าเราไม่จับมันไว้มันก็จะบินหนีจากเราไป......... สวัสดีค่ะ บทพูด โน้มน้าวใจ “ความฟุ่มเฟือย” ปัจจุบนวัยรุ่นมีนิสัยใช้จ่ายเกินตัวและฟุ่มเฟือยเอามากๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ นั่น ั ก็คือ โทรศัพท์มือถือค่ะ และวัยรุ่นก็ยังมีค่านิยมที่ผิดๆเกี่ยวกับการบริโภคสินค้าที่มี ต้นทุนการผลิตที่สูงอย่างต่างประเทศอีกด้วย ที่เห็นๆกันอยู่ นันก็คือ นักศึกษาผู้ ่ หญิงในมอของเรานี่แหละค่ะ จะสังเกตได้ว่า กระเป๋าที่หิ้วมาเรียน ส่วนใหญ่ก็จะ เป็นแบรนด์ต่างประเทศ เช่น LV บ้างล่ะ C ไขว้กันบ้างล่ะ ซึ่งแน่นอนคะว่า ราคามันต้องสูงอยู่แล้ว ซึ่งดิฉันคิดว่า มันไม่จำาเป็นเลยที่วัยของเราจะต้องใช้ของ ที่มีราคาแพงขนาดนี้ เพราะว่า กำาลังอยู่ในวัยที่กำาลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ ยังไม่ สามารถทำางานหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อที่จะมาสนองความต้องการของตัวเองได้ และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่ทำาให้วัยรุ่นไม่รู้ค่าของเงิน ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย เพราะพวกเค้าไม่ได้ทำางานแล้วก็หามันเอง ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่ากว่าจะได้ มาแต่ละบาทแต่ละสตางค์มันยากแล้วก็เหนื่อยขนาดไหน แล้วอีกอย่างที่มันตอกยำ้าให้ดิฉันหยุดการใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยลง นันก็คือ ก่อน ่ หน้านี้ดิฉนได้รับ forword mail จากเพื่อนคนนึงค่ะ เป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้า ั รุ่งริ่ง แต่ที่สะดุดตาของดิฉันนั่นเป็นรองเท้าที่เค้าใส่อยู่คะ เค้าใช้ขวดนำ้าพลาสติก ที่เราดื่มกันนี่แหละคะ มาบีบให้แบน แล้วก็ใช้เชือกฟางร้อยทำาเป็นรองเท้าแตะ เมื่อดิฉันเห็นแล้วก็รู้สึกหดหู่ว่า ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งใช้เงินเป็นหลักพันเพื่อที่ จะซื้อรองเท้าสักคู่มาใส่ แต่คนอีกซีกโลกหนึ่ง เค้าต้องใส่รองเท้าที่มาจากสิ่งที่มัน ไม่น่าจะเป็นวัสดุทำารองเท้า พวกเราอยู่ตรงนี้โชคดีมากนะคะ ในขณะที่พวกเรามีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสน ดิฉนจึงอยากให้ทุกคน ก่อนที่จะซื้ออะไรสักอย่างนึง ควรจะหยุดคิดสักนิดก่อนว่า ั
  • 10. มันคุ้มแล้วหรือไม่กับเงินที่เราจะเสียไป ดิฉันอยากให้ทุกคนใช้เงินที่มีอยู่ใน กระเป๋าทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุดค่ะ นางสาว ลาภิกา โยธาภักดี 4801228 บทพูด สุนทรพจน์ กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ ั กา โยธาภักดีคะ สำาหรับคาบนี้ก็เป็นคาบสุดท้ายแล้วนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งดีดีมาฝาก ให้เพื่อนๆก่อนที่จะจากกันในวันนี้คะ ซึ่งดิฉนจะเรียกว่า “สูตรสู่ความสำาเร็จคะ” ถ้า ั สมมติให้ A-Z มีค่า 1-26 แล้วเพื่อนๆจะพบว่า H+A+R+D+W+O+R+K = ทำางานหนัก / ขยัน เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 98 K+N+O+W+L+E+D+G+E = ความรู้ เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 96 L+O+V+E = ความรัก เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 54 L+U+C+K = โชค เมื่อนำามาบวกกันแล้วมีค่าเท่ากับ 47 แล้วคำาว่าอะไรละคะ ที่มันมีค่าเท่ากับ 100 เต็ม นันคือ คำาว่า “ATTITUDE ” หรือ ่ “ทัศนคติ” นันเองคะ ซึ่งดิฉนกำาลังจะบอกเพื่อนๆว่า เมื่อเราเจอกับอุปสรรคหรือ ่ ั ปัญหาไม่วาจะเป็นทั้งด้านการเรียนหรือว่าการทำางาน ทุกปัญหามีทางออกคะ ่ เพียงแค่เราเปลี่ยนทัศนคติของเราเสียใหม่มันก็เท่านั้นเอง ทัศนคติเป็นตัวสำาคัญ ที่ช่วยให้เราประสบผลสำาเร็จในชีวิตทั้งด้านการเรียนและการทำางาน แต่ 4 อย่างที่ ดิฉนได้กล่าวไปแล้วเมื่อตอนแรกก็มีส่วนสำาคัญไม่แพ้กับทัศนคติเลยนะคะ อย่าง ั ตัวแรก HARDWORK หรือความขยัน เพื่อนๆเคยได้ยินมั้ยคะว่า เก่งแพ้ขยัน ถึง แม้ว่าเราจะเก่งขนาดไหน แต่เราขี้เกียจ เราก็ไม่มีทางที่จะประสบผลสำาเร็จได้ หรอกคะ ตัวที่สอง KNOWLEDGE หรือความรู้ ความรู้เป็นสิ่งสำาคัญที่จะช่วยให้เราประสบผล สำาเร็จในชีวิตนะคะ ความรู้ไม่จำาเป็นต้องอยู่ในตำาราหรือว่าในห้องเรียนเสมอไป เพราะโลกทั้งใบคือห้องเรียนใหญ่ของเรา ตัวที่สาม LOVE หรือความรัก เชื่อได้เลยคะว่าในการทำางาน ต้องมีสิ่งที่เราทั้ง ชอบและก็ไม่ชอบ แต่ไอ้สิ่งที่เราไม่ชอบเราก็ควรที่จะทำาใจยอมรับและรักงานชิ้น นัน ทำามันด้วยใจ เพราะดิฉันเชื่อว่า อะไรก็ตามที่เราทำามันด้วยใจ มันมักจะออกมา ้ ดีเสมอคะ และตัวสุดท้าย LUCK น้อยคนนักคะที่จะมีสิ่งนี้ บางคนไม่อ่านหนังสือ เลย แต่หวังว่าจะได้เอ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วตามหลักของความเป็นจริง
  • 11. เพราะฉะนั้นคะ อย่าเลยคะ อย่ามัวแต่นั่งคอยบุญ คอยวาสนาอยู่เลยคะ อย่าคิด ว่าเอจะลอยมาหาถ้าไม่อ่านหนังสือ สุดท้ายดิฉัน อยากให้เพื่อนๆ “ จงทำาตัวเหมือนนำ้าครึ่งแก้วไปตลอดชีวิต เพื่อที่จะ ได้เรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา ” สวัสดีคะ การพูดในฐานะพิธีกร กราบสวัสดีอาจารย์ที่เคารพและสวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉนนางสาว ลาภิ ั กา โยธาภักดีค่ะ สำาหรับวันนีนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งดีๆอีกเช่นเคยคะ มาแบ่งปันให้ ้ เพื่อนๆได้ฟังกัน เพื่อนๆลองคิดดูสิค่ะว่า รายการต่างๆหรือว่า งานพิธีต่างๆ ใคร ค่ะที่เป็นตัวเด่น นอกจาก แขกรับเชิญ ใช่แล้วค่ะ นันก็คือ “พิธีกร” นั่นเองคะ ่ พิธีกร คือ ผู้กล่าวแทนเพื่อประสานเชื่อมโยงหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนกับผู้ ชม ผู้ฟังให้ดำาเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีระเบียบ เห็นมั้ยละคะ ว่าพิธีกรนั้นมีความ สำาคัญมากแค่ไหน ดิฉนคิดว่าพิธีกรนี่แหละที่เป็นตัวสำาคัญยิ่งกว่า แขกที่ได้รับ ั เชิญมาเสียอีก รายการจะดีไม่ดี หรือ น่าสนใจหรือไม่ก็ขนอยู่กับพิธีกรนี่แหละ ึ้ ค่ะ แล้วคุณสมบัติของการเป็นพิธีกรที่ดีมีอะไรบ้างหรือค่ะ ลองไปฟังกันเลยค่ะ บุคลิกภาพดี ได้แก่ การแต่งกาย สีหน้าท่าทาง มีมนุษยสัมพันธ์ดี การใช้เสียง นำ้าเสียงควรให้มีชีวิตชีวาเหมาะสมกับกาลเทศะ การใช้ภาษาดี ได้แก่ การเว้นวรรค การออกเสียงคำาได้ถูกต้องชัดเจน การใช้ ภาษากระชับ สละสลวย เข้าใจง่าย ปฏิภาณไหวพริบ ได้แก่ ความฉับไวที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้มีบรรยากาศดีขึ้น มี อารมณ์ขัน มีวจารณญาณพิจารณาว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด ิ เห็นมั้ยละคะว่าการเป็นพิธีกรที่ดีนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่เราหมั่นฝึกฝนตนเองอยู่ เสมอ ก็ทำาให้เรากลายเป็นพิธีกรที่ดีได้แค่ใช้หลัก 5 ข้อ ที่ดิฉันได้บอกกับเพื่อนๆ ไป นันก็คือ บุคลิกดี เสียงดี ภาษาดี ไหวพริบดีและมีวิจารณญาณค่ะ ่ จากหนังสือ หลักการพูด ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุณฑลีย์ ไวทยะวณิช หน้า 133 นางสาวลาภิกา โยธาภักดี รหัส 4801228 www.human.cmu.ac.th/~thai/sompong/laphika.htm - แคช - ใกล้เคียง สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาการพูด ในตอนแรกที่ดิฉันได้รู้ว่าต้องเรียนวิชานี้ บอกตามตรงเลยว่าดิฉันมีความรู้สึกที่ไม่ อยากเรียน เพราะดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบการพูดต่อหน้าคนจำานวนมาก และรู้สึก ประหม่าทุกครั้งที่ได้ออกไปพูด ยิ่งถ้าได้พูดเป็นคนหลังๆด้วยแล้วจะยิ่งรู้สึกกดดัน มาก เพราะเพื่อนๆทุกคนพูดดีและเก่งกันมาก แต่อาจารย์สมพงศ์และเพื่อนๆ ก็
  • 12. คอยให้กำาลังใจ แนะนำาอยู่เสมอ ทำาให้ดิฉนรู้สึกมีกำาลังใจที่จะพยายามต่อไป ั อาจารย์สมพงศ์จะไม่ตำาหนิโดยตรงแต่อาจารย์จะใช้คำาว่า “ควร” หรือ ”น่าจะ” แทนคำาว่า “อย่า” ซึ่งมันทำาให้เรารู้สึกดี อาจารย์จะรู้จักใช้คำาพูดที่ไม่หักหาญ นำ้าใจนักศึกษาจนเกินไป ทำาให้การเรียนวิชานี้ของดิฉนสนุกมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่ ั ดิฉนได้รับจากการเรียนวิชานี้ก็คือ ั ๑. ความมั่นใจ เพราะดิฉันจะรู้สึกประหม่าเวลาได้ออกไปพูดหน้าห้อง แต่เมื่อได้ เรียนวิชานี้แล้วทำาให้ดิฉันมีความมันใจมากขึ้น คือ เวลาที่จะออกไปพูดนั้น ่ อาจารย์จะสอนว่า ให้สูดหายใจลึกๆ เพื่อเป็นกำาลังใจให้ตนเอง และสิ่งสำาคัญ คือ ต้องยิ้ม เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับผู้ฟัง เมื่อเรายิ้มให้เค้า แล้วเค้าก็จะยิ้มให้เรา เอง ๒. การรู้จักวางแผน ในการพูดตอนแรกดิฉันพูดไม่น่าสนใจเลย เพราะดิฉันไม่มี การวางแผนมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะวางโครงเรื่องยังไง แบบไหน พูดยังไง ให้ ดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังให้ได้มากที่สุด ๓. มีทัศนคติที่ดีขึ้น จากการที่มีความรู้สึกที่ไม่อยากเรียนกลับอยากไปเรียนเพื่อที่ จะได้ฝึกฝนตนเองให้พูดดีและเก่งยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนแรกดิฉันพูดได้แย่มากๆ แต่ หลังๆมาก็มีการพัฒนาที่ดีขึ้น เพราะได้รับคำาแนะนำาจากอาจารย์และเพื่อนๆทุกคน ๔. พัฒนาบุคลิกภาพ นันเป็นสิ่งที่สำาคัญมาก เวลาที่เราออกไปพูด ถ้าเกิดเรา ้ เดินหลังค่อมออกไป หรือ เกร็งมือให้ชิดติดลำาตัวตลอด ไม่ปล่อยให้เป็นไปตาม ธรรมชาติ ก็จะทำาให้บุคลิกภาพของเรานั้นดูแย่ ถึงแม้ว่าเราจะพูดเก่งขนาดไหนแต่ ถ้าบุคลิกภาพไม่ดี ก็จะทำาให้การพูดของเราไม่ประสบผลสำาเร็จได้ สุดท้าย ดิฉันขอขอบคุณท่านอาจารย์สมพงศ์เป็นอย่างมาก ทีได้ทำาให้ ่ ดิฉนเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น ทำาให้ได้รู้ว่า การที่เราจะพูดเป็นนั้นเป็น ั อย่างไร วิธีการพูดแบบไหนที่เราจะดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้มากที่สุด และ ตอนนี้ดิฉนมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาที่ได้ออกไปพูดหน้าชั้นเรียนแล้วค่ะ ั DOC] หลักการพูด รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - ดูในรูปแบบ HTML ข้อแนะนำาที่สำาคัญในการพูดต่อชุมชน. ๑. คำานำา สิ่งที่ไม่ควรพูดได้แก่ ..... จากหลักการพูดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเพียงย่นย่อเป็นสังเขป ... www.ais.rtaf.mi.th/.../หมวดวิชาที%203%20 ทักษะการสอน/51 หลักการพูด.doc ่ การพูดในที่ชุมชน การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ... และ ทัศนคติ ที่กลุ่มผู้ฟังมีต่อเรื่องที่พูด และตัวผู้พูดเพื่อนำาข้อมูลมาเตรียมพูด เตรียมวิธีการใช้ภาษาให้เหมาะกับผู้ฟัง .... มีหลักการแสดงปาฐกถาดังนี้ • พูดตรงตามหัวข้อกำาหนด ... www.prlabschools.com/PR/talk.htm - แคช - ใกล้เคียง ศิลปการพูดต่อที่ชุมชน doc Ebook Download 9 ต.ค. 2009 ... ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน. หลักการพูดในที่สาธารณะ; การเตรี ยมตัวก่อนพูด; การเริ่มต้น และการสรุป; หลักการออกเสียงให้มีพลัง น่าฟัง ... www.osun.org/ศิลปการพูดต่อที่ชุมชน-doc.html - แคช
  • 13. หลักการพูดที่ดี หลักการพูดที่ดี๑.ก่อนพูดควรคิดก่อนเสมอ ... ชุมชนการศึกษา ที่มีสมาชิก และผู้ชม สูงที่สุดในประเทศ ... เราต้องมีบุคคริกภาพที่ดีต่อการพูดให้ มากกว่านี้ ... blog.eduzones.com/nunthidaka/63 - แคช - ใกล้เคียง [DOC] การพูดในที่ชุมชน รูปแบบไฟล์: Microsoft Word ไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ การพูดในที่ประชุมชนตามโอกาสต่างๆ, 7. การเตรียมตัวพูดต่อที่ประชุมชน, 7 ... หลักการพูดเบื้องต้น. การพูดที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้นจะเกิดได้จาก 4 ปัจจัย คือ ... fphc.anamai.moph.go.th/MHPM/.../การพูดในที่ชุมชน.doc - ใกล้เคียง ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน - :: ระบบบริหารงานบุคคล :: มหาวิทยาลัย ... ศิลปะการพูดต่อที่ชุมชน. รายละเอียดของหลักสูตร : ศิลปะการพูดต่อที่ ชุมชน • หลักการพูดในที่สาธารณะ • การเตรียมตัวก่อนพูด • การเริ่มต้น และการสรุป ... hrd.rmutsb.ac.th/training/course_detail.php?id_course=id_course... - แคช LOVE นอกจากการพูดต่อชุมชนโดยการประชุมร่วมกัน หรือการพูดในที่สาธารณะ เช่น การหาเสียงการพูดโฆษณาสินค้าต่าง ๆ แล้วยังมีการพูดอีกวิธีหนึ่ง ... dnfe5.nfe.go.th/ilp/thainew/th31_4_2.html - แคช การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ หลักการพูดต่อที่ชุมชน หลักการ พูด แสดง หลักการ พูด หลักการ การ พูด ต่อ ที่ ความ คิดเห็น สุนทรพจน์ พูด พิธีกร ประ ชุมชน 1234567891 ถัด 0 ไป หลักการพูดที่ดี หลักการพูดที่ดี ๑.ก่อนพูดควรคิดก่อนเสมอ ระมัดระวังคำาพูดที่จะทำาให้คนอื่นไม่พอใจ อย่าพูดพล่อยๆ โดยไม ฐาน ๒.ควรใช้คำาพูดที่สุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ๓.ออกเสียงสระ พยัญชนะ และตัวควบกลำ้าให้ชัดเจน ๔.ควรคำานึงถึงหลักจิตวิทยาของการพูด เช่น ๔.๑ มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในการพูด ๔.๒ มีคำายกย่องชมเชย ตามสมควร ๔.๓ ไม่พูดตำาหนิ นินทาผู้อื่นต่อหน้าคนฟังมากๆ ๔.๔ ไม่พูดขัดคอคน ทำานองทะลุกลางปล้อง ๔.๕ ไม่พูดถึงจุดอ่อนของคนฟังบ่อยๆ ๔.๖ ไม่ควรแสดงอ
  • 14. รุนแรง ๕.ไม่ควรใช้ภาษาที่ผิดแบบแผนหรือภาษาที่ใช้กันเฉพาะกลุ่ม Posted by : กองบรรณาธิการ Eduzones.com www.mwit.ac.th/~saktong/th%20101/lesson4_1.htm - แคช - ใกล้เคียง แสดงผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก www.mwit.ac.th การพูดในที่ชุมชน การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ผู้พูด ต้องสนใจปฏิกิริยาตอบสนองผู้ฟัง พูดต่อประชุมชน ในสังคมปัจจุบัน เป็นสังคมประชาธิปไตย บุคคลมีสิทธิที่จะแสดงออกอย่าง กว้างขวาง คือมีโอกาสพูดทั้งที่เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม อาจพูดแสดง ความรู้ ความคิด ทรรศนะ ความรู้สึกความทั้งข้อเสนอแนะต่างๆต่อผู้ฟังเป็น จำานวนมากในที่ประชุมชนหรือในที่สาธารณะก็ได้ ซึ่งข้อควรคำานึงที่สำาคัญ ที่สุดในการพูดต่อประชุมชนคือสารที่พูดออกไป ต้องไม่ใช่เรื่องที่เป็นความ ลับ หยาบโลน หรือกล่าวพาดพิงถึงผู้อื่นในทางเสียหาย เรื่องล้อเลียนให้ เป็นที่อับอาย ความหมายของการพูดต่อประชุมชน การพูดต่อประชุมชนหรือการพูดในที่สาธารณะ หมายถึง การติดต่อสื่อสารที่ เป็นไปอย่างมีระบบ โดยใช้วิธีการสื่อความหมายด้วยการพูดและอากัปกิริยา ท่าทาง เพื่อเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ฟัง หรือเพื่อให้เกิดมี อิทธิพลต่อทัศนคติและพฤติกรรม หรือการประพฤติปฏิบัติของผู้อื่น การโน้มน้าวใจ การโน้มน้าวใจ ซึ่งเป็นพฤติกรรมการสื่อสารอย่างหนึ่งก็คือ การใช้ความ พยายามเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และการกระทำาของบุคคลอื่น โดยใช้กลวิธีที่เหมาะสมให้มีผลกระทบใจของบุคคลนั้นทั้งโดยวัจนภาษา และอวัจนภาษา จนเกิดการยอมรับและยอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจ ประสงค์ เช่น การโฆษณาสินค้า, การหาเสียงของ ส.ส. ฯลฯ เป็นต้นการ โฆษณาสินค้า เป็นการพูดจูงใจผู้ซื้อสินค้าให้เกิดสนใจ หรือยอมรับสินค้า หรือบริการของผู้โฆษณาการโฆษณาหาเสียง เป็นการพูดจูงใจให้ผู้ฟังเกิด ความเชื่อถือศรัทธา ในตัวผู้พูดและนโยบายของผู้พูด ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์กับการโน้มน้าวใจ สิ่งเหล่านี้เป็นแรง ผลักดันให้มนุษย์สร้างทัศนคติ ความเชื่อและค่านิยม รวมทั้งการกระทำาที่ เพื่อสนองความต้องการของตน ซึ่งเป็นสาเหตุสำาคัญที่ผู้โน้มน้าวชี้แจงหรือ ชักนำา เพื่อจะได้รับผลที่ตอบสนองตามความต้องการ กลวิธีการโน้มน้าวใจ ที่สำาคัญมี ๖ วิธีคือ ๑. แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ คือบุคคลผู้โน้ม น้าวใจต้องมีความรู้จริง มีคุณธรรมและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น จึงจะได้
  • 15. รับความเชื่อถือ ๒. แสดงให้เห็นความหนักแน่นของเหตุผล ยิ่งจะทำาให้การโน้มน้าวใจ ประสบความสำาเร็จมากขึ้น และมีคุณค่าแก่การยอมรับแท้จริง ๓. แสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน บุคคลที่มีความรู้สึก หรืออารมณ์ร่วมกัน ย่อมคล้อยตามกันได้ง่าย จึงชักจูงได้ง่าย ๔. แสดงให้เห็นทางเลือกทั้งในด้านดีและด้านเสีย เพื่อให้บุคคลอื่นเกิด ความนึกคิด เชื่อถือหรือปฏิบัติตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ ๕. สร้างความหรรษาแก่ผู้รับสาร เป็นสิ่งที่สำาคัญมากเพราะหากเอาจริงเอา จังเกินไป การโน้มน้าวใจจะไม่ได้ผล ๖. เร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า เมื่อมนุษย์เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า คือ ไม่ว่าดีใจ เสียใจ วิตกกังวล หวาดกลัว ย่อมขาดเหตุผล ขาดการพินิจ พิเคราะห์ที่ดี ทำาให้ตัดสินใจคล้อยตามผู้โน้มน้าวใจได้โดยง่าย ภาษาที่โน้มน้าวใจ เราควรใช้ภาษาที่วิงวอน ข้อร้องด้วยนำ้าเสียงที่นุ่มนวล การพิจารณาสารโน้มน้าวใจ ที่อาจพบได้บ่อยมีดังนี้ ๑. คำาเชิญชวน มีกลวิธี คือ กระตุ้นให้ผู้ถูกโน้มน้าวใจเกิดความภูมิใจว่า ถ้า ปฏิบัติตามคำาเชิญชวนก็จะได้ชื่อว่าเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นเกียรติในสังคม ๒. โฆษณาสินค้าหรือโฆษณาบริการ การโน้มน้าวใจประเภทนี้มีลักษณะ สำาคัญดังนี้ ๒.๑ บทโฆษณาส่วนมากจะมีส่วนนำาที่สะดุด ซึ่งทำาให้สะดุดใจผู้อ่าน ด้วย การใช้ถ้อยคำาแปลกๆใหม่ๆ ๒.๒ ตัวสารจะไม่ใช้ถ้อยคำาที่ยืดยาว ครอบคลุมเนื้อหาครบถ้วน ละเอียด ลออ ๒.๓ ตัวสารจะมักนำาเสนอที่เลิศเลอ วิเศษพยายามบรรยายสรรพคุณของ สินค้า ที่นำาเสนอส่วนมากจะเกินความจริง ๒.๔ ผู้โฆษณาจะพยายามจับจุดอ่อนของกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งก็คือ มุ่งสนองความต้องการพื้นฐานของมนุษย์นนเอง ั่ ๒.๕ เนื้อหาของสารมักขาดเหตุผลที่หนักแน่นและรัดกุม ขาดความถูกต้อง ในทางวิชาการ ๒.๖ สารโฆษณาจะปรากฏทางสื่อชนิดต่างๆซำ้าๆกันหลายครั้งหลายหน ๓. โฆษณาชวนเชื่อ เป็นการพยายามโดยจะเปลี่ยนความเชื่อและการกระทำา ของบุคคลจำานวนมากให้เป็นไปในทางที่ฝ่ายตนต้องการโดยแบ่งได้ ๒ ประเภทคือการโฆษณาชวนเชื่อในด้านการค้าและการเมืองและมีกลวิธีดังนี้ ๓.๑ ตราชื่อ เป็นกลวิธีที่เบนความสนใจของผู้รับสารไปจากเหตุผลและข้อ เท็จจริงเพื่อให้หมดความเชื่อถือในฝ่ายตรงข้าม ๓.๒ใช้ถ้อยคำาหรูหรา กลวิธีนี้ใช้ในผู้โน้มน้าวใจที่มักจะใช้ถ้อยคำา หรือเรียบ เรียงข้อความให้ผูกพันกับความคิด หลักการ อุดมการณ์ ที่ทำาให้นาเชื่อถือ ่ เลื่อมใสความคิด ๓.๓ อ้างบุคคลหรือสถาบัน ที่ทรงคุณวุฒิ หรือเป็นที่เคารพนับถือ เพื่อให้ เกิดทัศนคติที่ดี ๓.๔ ทำาเหมือนชาวบ้านธรรมดา กลวิธีนี้ ผู้โฆษณาชวนเชื่อจะเชื่อมโยง ตนเองให้เข้ากับชาวบ้าน เพื่อแสดงว่าตนเป็นพวกเดียวกับชนเหล่านั้น ซึ่ง
  • 16. ทำาให้ไว้เนื้อเชื่อใจได้แล้วจะได้ชักจูงคนเหล่านั้นให้คล้อยตาม ๓.๕ อ้างแต่ประโยชน์ของตน กลวิธีนี้ผู้โฆษณาจะเลือกนำาแต่เฉพาะในด้าน เป็นประโยชน์ของฝ่ายตนเท่านั้น แต่พยายามกลบเกลื่อนแง่ที่เป็นโทษแก่ ฝ่ายตนไม่ให้ผู้ฟังมีโอกาสทราบได้ ๓.๖ อ้างคนส่วนใหญ่ กลวิธีนี้เพื่อชักจูงว่าบุคคลอื่นๆจำานวนมากมายต่างพา กันเชื่อ ฉะนั้นผู้รับสารควรจะเชื่อปฏิบัติตามให้เหมือนคนส่วนใหญ่ การพูดในที่ชุมชน
  • 17. การพูดในที่ชุมชน การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำานวนมาก ผู้พูดต้องสนใจปฏิกิริยาตอบสนองผู้ฟัง ทั้งเป็นวัจนภาษาและอวัจนภาษา การพูดต่อหน้าประชุมชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้พูดได้แสดงความ สามารถเฉพาะตัวเพราะทุกคนที่ไม่เป็นใบ้ย่อมพูดได้ แต่บางคนเท่านั้นที่ พูดเป็น เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่จำาเป็นต้องอาศัย พรสวรรค์เสมอไปแต่สามารถพูดได้ เพราะการศึกษา การฝึกฝน ฉะนั้น การฝึกพูดในที่ประชุมชนซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุง บุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อการเป็นนักพูดที่ดี
  • 18. กล่าวถึงประวัติผู้ตายหรือผู้ที่จากไปอย่างสั้นๆ • กล่าวถึงผลงานของผู้นั้น ( ข้อ ١) • สาเหตุของการเสียชีวิต หรือจากไป • กล่าวถึงความอาลัยของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง • แสดงความว่าที่ผู้จากไป จะไปอยู่สถานที่ดีและมีความสุข 5. กล่าวอวยพร ١. อวยพรขึ้นบ้านใหม่ กล่าวถึงความสำาเร็จของครอบครัวในการสร้างหลักฐานความ ซื่อสัตย์สุจริต และขยันหมันเพียรของเจ้าของบ้านอวยพรให้ประสบ ่ ความสุข ٢. อวยพรวันเกิด ความสำาคัญของวันนี้ คุณความดีของเจ้าภาพ และ ความเจริญ เติบโต ก้าวหน้า หรือเป็นที่พึ่งของบุตรหลาน อวยพรให้เป็นสุขอายุ ยืนยาว ٣. อวยพรคู่สมรส ความสัมพันธ์ของผู้กล่าวกับคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ความดีที่ ทั้งสองรักกัน และการแนะนำาหลักการครองชีวิต อวยพรให้เป็นสุข 6. กล่าวสดุดี ١. กล่าวมอบวุฒิบัตร หรือประกาศนียบัตร บอกความหมาย และความสำาคัญของวุฒิบัตร ความเหมาะสม ของผู้ได้รับประกาศนียบัตร มอบวุฒิบัตร และปรบมือให้เกียรติ ٢. กล่าวสดุดีบุคคลสำาคัญ กล่าวนาม , กล่าวชีวประวัติ ผลงาน งานที่เป็นมรดกตกทอด ยืนยันสืบทอดคุณความดี แสดงคารวะและปฏิญาณร่วมตนร่วมกัน 7. กล่าวมอบรางวัล หรือตำาแหน่ง ١. กล่าวมอบรางวัล หรือตำาแหน่ง ชมเชยความสามารถ และความดีเด่นของผู้ได้รับรางวัล หรือ ตำาแหน่ง ความหมายและเกียรตินิยมของรางวัลหรือตำาแหน่ง ฝากความ หวังไว้กับผู้ที่จะรับรางวัล หรือดำารงตำาแหน่งมอบรางวัล หรือของที่ ระลึกปรบมือให้เกียรติสำาหรับผู้ที่ได้รับรางวัลกล่าวขอบคุณ กล่าวยืนยัน ที่จะรักษารางวัลเกียรติยศนี้ ٢. กล่าวรับมอบตำาแหน่ง ขอบคุณที่ได้รับความไว้วางใจ และให้เกียรติ ชมเชยคณะ กรรมการชุดเก่า ( ในข้อดีจริงๆ )) ที่กำาลังหมดวาระ แถลงนโยบายโดย ย่อ ใช้คำาสัญญาที่จะรักษาเกียรติ และทำาหน้าที่ดีที่สุด พร้อมกับขอ ความร่วมมือจาก คณะกรรมการและสมาชิกทุกคน 8. กล่าวต้อนรับ ١. ต้อนรับสมาชิกใหม่ ความสำาคัญและความหมายของสถาบัน หน้าที่และสิทธิ์ที่ สมาชิกจะพึงได้รับกล่าวต้อนรับมอบของที่ระลึก ( เข็มหรืออื่น ๆ ) ถ้ามี