More Related Content
Similar to การเปรียบเทียบการลดความชื้นจากวัสดุธรรมชาติ (20)
การเปรียบเทียบการลดความชื้นจากวัสดุธรรมชาติ
- 5. บทที่1: บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ประเทศไทยอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศแบบAmหรือแบบ
ร้อนชื้นมรสุมทาให้มีความชื้นค่อนข้างมาก ในปัจจุบันเราประสบปัญหากับผ้าอับชื้นในช่วงที่
อากาศมีความชื้นจนเป็นสาเหตุทาให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับ หากเรานาเสื้อผ้าที่มีความชื้นมาสวม
ใส่อาจเกิดโรคผิวหนังจนเป็นผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ ข้าพเจ้าและกลุ่มของ
ข้าพเจ้าจึงได้ต้องการวัสดุจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณในการช่วยลดความชื้น ที่มีราคาไม่แพง
ความสามารถในการลดความชื้นสูง และไม่ทาลายสิ่งแวดล้อม
กลุ่มของข้าพเจ้าจึงคิดที่จะศึกษาวัสดุจากธรรมชาติที่จะช่วยลดความชื้น โดยที่ตัววัสดุนั้น
มีราคาไม่แพง หาได้ง่ายตามท้องตลาด หากสามารถลดความชื้นได้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สวมใส่
เพราะจะทาให้สวมใส่ได้อย่างดี โดยมีข้อเท็จจริงคือทาให้ไม่เกิดปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับ ที่เป็น
สาเหตุของโรคผิวหนัง ซึงทาให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต จนอาจต้องสูญเสีย
่
ทรัพย์สินจานวนมากได้
- 8. บทที่ 2: เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การหาปริมาณความชื้น (Measurement of Moisture Content)
การหาปริมาณความชื้น โดยหลักการแล้วสามารถทาโดยนาวัตถุดิบที่ต้องการหาความชื้น มาชั่ง
น้าหนักแล้วบันทึกค่าไว้เป็น มวลวัตถุเริ่มต้น จากนั้นจึงนามาอบในตู้อบที่อุณหภูมิ 80-100 ๐C
จนกระทังน้าหนักไม่เปลี่ยนแปลงจากนั้นบันทึกค่าไว้เป็น มวลวัตถุที่แห้ง แล้วนามาคานวณตาม
่
สูตร
% ความชื้น(ต่อน้าหนักเปียก) = ( มวลวัตถุเริ่มต้น - มวลวัตถุที่แห้ง)x100/ มวลวัตถุเริ่มต้น
% ความชื้น(ต่อน้าหนักแห้ง) = ( มวลวัตถุเริ่มต้น - มวลวัตถุที่แห้ง)x100 /มวลวัตถุที่แห้ง
- 9. ตัวอย่างการคานวณหา % ความชื้น (Percentage Moisture)
สมมิติว่ามีตัวอย่างดิน 100.0 กรัม หลังจากอบแห้งที่ 100 ๐C จนน้าหนักคงที่ ชั่งน้าหนักได้ 87.0
กรัม เปอร์เซ็นต์ความชื้น มีค่า เท่าไร (ให้ขึ้นกับน้าหนักเริ่มต้น)
น้าหนักของความชื้น = 100.0 - 87.0 = 13.0 กรัม
% ความชื้น (เปียก) =(100.0 - 87.0)*100/100 = 13%
% ความชื้นขึ้นกับน้าหนักแห้ง =(100.0 - 87.0)*87/100= 14.94%
- 10.
แกลบ (อังกฤษ: Rice Husk) คือ เปลือกแข็งของเมล็ดข้าวที่ได้จากการสีข้าว เป็นส่วนที่เหลือใช้จาก
การผลิตข้าวสาร เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปทรงรี เม็ดยาวสีเหลืองอมน้าตาล หรือเหลืองนวลแล้วแต่
ภูมิประเทศที่มีการปลูกข้าว แกลบประกอบด้วยเซลลูโลสเฮมิเซลลูโลส ลิกนิน และเถ้า และมีซิลิ
กาในเถ้ามาก แกลบไม่ละลายในน้า มีความคงตัวทางเคมี ทนทานต่อแรงกระทา จึงเป็นตัวดูดซับที่
ดีในการบาบัดน้าเสียที่มีโลหะหนัก การกาจัดโลหะหนักด้วยแกลบมีรายงานว่าสามารถใช้ได้
นอกจากการนาแกลบข้าวไปใช้เป็นเชือเพลิงต่างๆแล้ว ยังสามารถนาไปผสมกับวัสดุอื่นๆทาเป็น
้
วัสดุก่อสร้างแล้ว แกลบข้าวยังถูกนาไปผลิตเป็นขี้เถ้าแกลบ (Rice Husk Ash) เพื่อนาไปใช้
ประโยชน์ ส่วนประกอบหลักของขี้เถ้าแกลบ คือ ซิลิกา (SiO2) สามารถนาไปทาให้บริสุทธิ์ด้วย
กระบวนการทางเคมี และการเผาที่อุณหภูมิสูง ซิลกาในขี้เถ้าแกลบมีทั้งที่เป็น ซิลิกาผลึก
ิ
(Crystalline Silica) ซิลิกาผลึกสามารถแบ่งย่อยเป็นหลายชนิดตามความแตกต่างของรูปร่าง
ลักษณะผลึกและความหนาแน่นของซิลิกา รูปร่างของผลึกมีหลายแบบ เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม
หกเหลี่ยม สีเ่ หลี่ยมลูกบาศก์และเส้นยาว และซิลิกาอสัณฐาน (Amorphous Silica) ซึ่งเป็นซิลกาที่มี
ิ
รูปร่างไม่เป็นผลึก (Non-crystalline Silica)
- 12. ชื่อภาษาอังกฤษ Roasted uncooked rice
ลักษณะทั่วไป ต้องเป็นผงละเอียดหรือหยาบแห้ง ไม่จับตัวเป็นก้อน
สี : ต้องมีสีที่ดีตามธรรมชาติของข้าวคั่ว อาจมีสีคล้าได้บ้างแต่ต้องไม่ไหม้เกรียม
กลินรส : ต้องมีกลิ่นรสที่ดีตามธรรมชาติของข้าวคั่ว ปราศจากกลิ่นรสอื่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่น
่
อับ กลิ่นหืนรสขม
สิงแปลกปลอม : ต้องไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่ใช้ เช่น เส้นผม ดิน ทราย กรวด
่
ชิ้นส่วนหรือสิ่งปฏิกูลจากสัตว์
ความชื้น : ต้องไม่เกินร้อยละ 6 โดยน้าหนัก
- 13. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนาข้าวสารเจ้าหรือข้าวสารเหนียว หรือข้าวกล้องเจ้าหรือข้าวกล้อง
เหนียวที่แห้งและอยู่ในสภาพดี นาไปคั่วจนสุกกรอบ นาไปบด เมล็ดพืชทุกชนิดมีความสามารถ
ในการดูดและคายความชื้นในสภาพปกติเมล็ดที่มีความชื้นสูงจะคายน้าหรือความชื้นออกสู่
บรรยากาศ ส่วนเมล็ดที่มีความชื้นต่าหรือแห้งจัดจะดูดความชื้นจากอากาศได้ ถ้าหากเราอบเมล็ด
ให้แห้งมากเมล็ดนั้น ๆ ก็จะสามารถดูดความชื้นได้มาก เมื่อนามาอบหรือคั่วด้วยไฟ จะมี
ความชื้นเหลืออยู่น้อยมาก และเมื่อเย็นลงก็พร้อมที่จะดูดความชื้นได้อีก ข้าวสารที่คั่วเสร็จใหม่ ๆ
จึงถือว่าเป็นสารดูดความชื้นที่ดีเทียบเคียงได้กับซิลกาเจลและปูนเผาหากนาข้าวคั่วที่มีความชื้น
ิ
ต่าไปเก็บรวมกับเมล็ดพันธุ์ภายในภาชนะที่ปิดสนิท ข้าวคั่วจะดูดความชื้นจากอากาศภายใน
ภาชนะทาให้ความชื้นสัมพัทธ์ในภาชนะดังกล่าวลดลงหรืออากาศนั้นแห้งลง
- 14. เกลือ เป็นแร่ธาตุทางโภชนาการชนิดหนึ่ง โดยหลักแล้วคือโซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง) ซึง
่
สามารถสกัดได้จากสัตว์และพืช แต่เกลือจากพืชบางครั้งอาจเป็นพิษ เกลือบริโภคสามารถผลิต
ได้จากน้าทะเลหรือดินเค็ม เป็นเครื่องปรุงอาหารที่ให้รสเค็มที่มีมาตั้งแต่โบราณ สามารถใช้
ถนอมอาหาร
ลักษณะของเกลือโซเดียมคลอไรด์แบ่งเป็น 2 ชนิด
1.เกลือเม็ด ผลิตโดยชาวนาเกลือทะเลและผู้ผลิตเกลือสินเธาว์ด้วยวิธีตาก นิยมใช้ในอุตสาหกรรม
อาหาร เช่น การดองผักผลไม้ และไอศกรีม
2.เกลือป่น ผลิตโดยโรงงานเกลือป่นทีซื้อเกลือเม็ดจากชาวนาเกลือมาแปรรูปเป็นเกลือป่น และ
่
ผู้ผลิตเกลือสินเธาว์ด้วยวิธีการต้ม เกลือป่นที่ไม่ต้องผ่านการแปรรูปนิยมทาเป็นเกลือบริโภคตาม
บ้านเรือน
- 15. การใช้ประโยชน์
คุณสมบัตในการดูดซับกลิ่นและความชื้นของถ่าน เป็นที่รับรู้กันดีแล้วสาหรับผู้อ่าน แต่ใน
ิ
ต่างประเทศ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับจากถ่านเพื่อใช้ประโยชน์ในบ้านเรือนได้รับความ
นิยมมาก คนญี่ปุ่น เป็นตัวอย่างของผู้ทมองเห็นคุณประโยชน์ของถ่านอย่างชัดเจน
ี่
การใช้ถ่านเพื่อทาหน้าที่ลดกลิ่นในห้องปรับอากาศ มีประสิทธิภาพที่ดีมาก ในห้องแอร์
ที่ทางานหรือในรถ โดยเฉพาะที่ที่มีผู้สูบบุหรี่ หรืออาจจะมีเชื่อจุลินทรีย์ ควรนาถ่านไม้ไปวาง
ดักไว้ที่ช่องดูดอากาศกลับของเครื่องดูดอากาศ รูพรุนและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในถ่านไม้จะ
ดูดซับกลิ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ เอาไว้ ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างดี หรือจะใช้ถ่านเพื่อ
การบาบัดน้าเสียจากครัวเรือน ก่อนปล่อยสู่ท่อระบายสาธารณะก็ยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมอีก
ด้วยใช้ดูดกลิ่นและความชื้นในบ้าน ในห้องปรับอากาศ ในรถยนต์ ใส่ในถังข้าวสารเพื่อดูด
ความชื้นจากข้าว ใช้ดูดความชื้นใต้ถุนบ้าน
- 17. การทดลองที่ 2 ศึกษาการลดลงของความชื้นผ้า
ฝ้าย
1.ผ้าฝ้าย ขนาด 40x40 เซนติเมตร 4 ผืน
2.ถุงผ้าขาวบาง
4 ถุง
3.ข้าวคั่วป่น
50 กรัม
4.เกลือเม็ด
50 กรัม
5.แกลบป่น
50 กรัม
6.ถ่านป่น
50 กรัม
7.เครื่องชังน้าหนัก
่
1 เครื่อง
8.กล่องมีฝาปิด
4 กล่อง
การทดลองที่ 3 ศึกษาการลดลงของความชื้นผ้า
ลินิน
1.ผ้าลินิน ขนาด 40x40 เซนติเมตร
4 ผืน
2.ถุงผ้าขาวบาง
4 ถุง
3.ข้าวคั่วป่น
50 กรัม
4.เกลือเม็ด
50 กรัม
5.แกลบป่น
50 กรัม
6.ถ่านป่น
50 กรัม
7.เครื่องชังน้าหนัก
่
1 เครื่อง
8.กล่องมีฝาปิด
4 กล่อง
- 18. วิธีการทดลอง
การศึกษาทดลองที่ 1 ศึกษาการลดลงของความชื้นไนลอน
1.นาผ้าไนลอนที่มีความชื้น น้าหนักเท่ากัน มาวางไว้ในกล่องที่เตรียมไว้
2.นาข้าวคั่วป่น ข้าวคั่วป่น แกลบป่น ถ่านป่น ใส่ในถุงผ้าขาวบาง โดยน้าหนักเท่ากันจากนั้นนาไป
ใส่กับผ้าไนลอนที่เตรียมไว้ในกล่อง แล้วปิดฝา
3.จับเวลาการทดลอง 1 ชั่วโมง
4.นาไปชั่งน้าหนักเพื่อหาน้าหนักที่เปลี่ยนไป สังเกตและบันทึกผล
การศึกษาทดลองที่ 2 ศึกษาการลดลงของความชื้นผ้าฝ้าย
1.นาผ้าผ้าฝ้ายที่มีความชื้นน้าหนักเท่ากันมาวางไว้ในกล่องที่เตรียมไว้
2.นาข้าวคั่วป่น ข้าวคั่วป่น แกลบป่น ถ่านป่น ใส่ในถุงผ้าขาวบาง โดยน้าหนักเท่ากันจากนั้นนาไป
ใส่กับผ้าไนลอนที่เตรียมไว้ในกล่อง แล้วปิดฝา
3.จับเวลาการทดลอง 1 ชั่วโมง
4.นาไปชั่งน้าหนักเพื่อหาน้าหนักที่เปลี่ยนไป สังเกตและบันทึกผล
- 21. บทที่ 5: อภิปรายและสรุปผลการทดลอง
อภิปรายผลการทดลอง
ในปัจจุบันเราประสบปัญหากับผ้าอับชื้นในช่วงที่อากาศมีความชื้นจนเป็นสาเหตุทาให้
เกิดเชื้อราและกลิ่นอับ หากเรานาเสื้อผ้าที่มีความชื้นมาสวมใส่อาจเกิดโรคผิวหนังจนเป็นผลเสีย
ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเปรียบเทียบการลดความชื้นจากวัสดุธรรมชาติ
4 ชนิดได้แก่ ข้าวคั่วป่น เกลือเม็ด แกลบป่นและถ่านป่น จากการทดลองข้างต้นจะเห็นว่า ในผ้า
ฝ้ายใช้เกลือเม็ดลดความชื้นได้ดีที่สุด ผ้าไนลอนใช้ข้าคั่วและเกลือลดความชื้นได้ดี และในผ้า
ลินินใช้แกลบลดความชื้นได้ดีที่สุด
สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองผ้าที่ไม่ใช้วัสดุดูดความชื้นจะทาให้ความชื้นลดลงน้อยกว่าผ้าที่ใช้วัสดุลด
ความชื้น ซึ่งผ้าต่างชนิดมีผลต่อการดูดความชื้นของสารต่างชนิดกัน โดยในผ้าไนลอนผลการ
ทดลองข้าวคั่วและเกลือสามารถลดความชื้นได้มากที่สุด ในผ้าผ้าย เกลือเม็ดสามารถลดความชื้น
ได้มากที่สุด และในผ้าลินิน แกลบสมารถลดความชื้นได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นการจะใช้วัสดุที่
ลดความชื้นควรเลือกให้เหมาะสมตามเนื้อผ้าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน