โครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพ

จัดทาโดย

นางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง เลขที่ 12
นายจิราวัฒน์ วรรณวงค์

เลขที่ 1

นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์
ั

เลขที่ 2

นายนฤเบศร์ ยาติพฒ
ั

เลขที่ 3

ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/1

เสนอ
คุณครู ณฐพงษ์ ผ่องแผ้ว
ั

โครงงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของการเรี ยนวิชา สุขศึกษาและพลศึกษา
โรงเรี ยนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์
อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
ชื่อโครงงาน

น้ าหมักเพื่อสุขภาพ

ชื่อผู้ทาโครงงาน

1.นางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง เลขที่ 12
2.นายจิราวัฒน์ วรรณวงค์

เลขที่ 1

3.นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์
ั

เลขที่ 2

4.นายนฤเบศร์ ยาติพฒ
ั

เลขที่ 3

ระดับชั้น

ม.4-ม.6

ชื่อครูที่ปรึกษา

นายณัฐพงษ์ ผ่องแผ้ว

ชื่อโรงเรียน

รัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์

ปี พ.ศ.

2556
บทคัดย่อ
โครงงานเรื่ องน้ าหมักเพื่อสุขภาพเป็ นส่วนหนึ่งของวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาจัดทาขึ้นเพื่อให้ผคน
ู้

ในปัจจุบนหันมาทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่สามารถหาส่วนผสมได้จากสิ่งใกล้ตวและกรรมวิธีการหมักไม่ยาก
ั
ั
จนเกินไปโดยสมุนไพรและผลไม้ที่ใช้ ได้แก่ มังคุด ลิ้นจี่และบอระเพ็ด วัตถุประสงค์ในการทาโครงงาน
น้ าหมัก ชี ว ภาพนี้ คื อเพื่อใช้สมุ น ไพรและผลไม้ที่มี อยู่ใ นท้อ งถิ่น ให้เกิ ด ประโยชน์แ ละรู้ ถึงคุ ณ ค่ า ของ
สมุนไพรและผลไม้ อีกทั้งเพื่อศึกษาขั้นตอนในการทาน้ าหมักเพื่อสุ ขภาพด้วย ซึ่งการทาน้ าหมักสุ ขภาพนี้
ขึ้นมา เพื่ออยากจะให้เรามีสุขภาพที่ดีต่อร่ างกายคนเรา ซึ่งน้ าหมักผลไม้น้ ี มีสรรพคุณต่างๆมากมายสาหรับ
ทุก คน ในปั จจุ บันนี้ ทุ กคนส่ ว นใหญ่ ชอบดื่มน้ าอัด ลมซึ่ งมัน ไม่ดี ต่อสุ ขภาพ ถ้าทุ ก คนหันมาดื่มน้ าหมัก
สุขภาพนี้ ทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีเพราะดื่มน้ าผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ
กิตติกรรมประกาศ
ในการทาโครงงานเรื่ อง น้ าหมักเพื่อสุขภาพในครั้งนี้ คณะผูจดทาได้รับความอนุเคราะห์จากบุคคล
้ั
หลายๆฝ่ ายของท้องที่ ตาบลวังมะปรางที่ให้ความร่ วมมือเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ และบุคคลที่ทาให้การทา
โครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้สาเร็ จลุล่วงได้ดวยดี ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการทาโครงงานได้ดี อีกทั้ง
้
ให้คาปรึ กษาแนะนาในการทาโครงงานคือ ครู ณัฐพงศ์ ผ่องแผ้ว รวมทั้งผูปกครองที่ให้การสนับสนุนใน
้
ด้านงบประมาณและการให้ขอเสนอแนะต่างๆ คณะผูจดทาโครงงานจึงขอขอบพระคุณทุกท่านเป็ นอย่างสูง
้
้ั
มา ณ โอกาสนี้
จัดทาโดย
นางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง
นายจิราวัฒน์ วรรณวงศ์
นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์
ั
นายนฤเบศ

ยาติพตน์
ั
สารบัญ
เรื่ อง

หน้า

บทคัดย่อ

ก

กิตติกรรมประกาศ

ข

บทที่1บทนา

1

-ที่มาและความสาคัญของโครงงาน

1

-วัตถุประสงค์

1

-สมมติฐาน

1

-ขอบเขตการศึกษา

2

บทที่2เอกสารที่เกี่ยวข้อง

3

-มังคุด

3

-ลิ้นจี่

4

-บอระเพ็ด

6

บทที่3วัสดุและอุปกรณ์

7

บทที่4ผลการดาเนินงาน

8

บทที่5สรุ ปผลการทดลอง

10

ภาคผนวก
บรรณานุกรม
บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ในปัจจุบนประเทศไทยถือเป็ นประเทศที่เป็ นเมืองร้อนและมีผลไม้มากมายตามแต่ฤดูกาล ซึ่งก็จะมี
ั
ลักษณะและสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าในสังคมปัจจุบนจะมีการค้าขายและแข่งขัน
ั
เกิดขึ้นมากมายจากสิ่งเล็กๆน้อยๆไปจนกระทังถึงสิ่งใหญ่ๆ ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าต้นทุนมากแต่ดวยเหตุที่คน
้
่
ในสังคมส่วนใหญ่น้ นมีเวลาว่างให้กบตัวเองน้อยกว่าการทางาน จึงเลือกที่จะเป็ นผูบริ โภคมากกว่าและยอม
ั
ั
้
ที่จะซื้อน้ าและอาหารที่มีราคาสูงเพราะจะได้ไม่เสียเวลาและง่ายต่อการรับประทาน
ด้วยเหตุน้ ีทางกลุ่มของพวกเราจึงคิดจัดทาโครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพนี้ข้ ึนมาเพื่อให้ผคนใน
ู้
ปัจจุบนหันมาทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่สามารถหาส่วนผสมได้จากสิ่งใกล้ตวและไม่ยากจนเกินไป
ั
ั

ทั้งยังมี

ผลดีต่อร่ างกาย ไม่มีสารเคมีเจือปนและยังสามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย
วัตถุประสงค์
1.เพื่อใช้สมุนไพรและผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์
2.เพื่อให้รู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรและผลไม้
3.เพื่อศึกษาขั้นตอนในการทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพ
สมมติฐาน
1.ถ้าชนิดของสมุนไพร/ผลไม้มีผลต่อกลิ่นของน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่ผลิตขึ้น

ดังนั้น กลิ่นของน้ า

หมักเพื่อสุขภาพก็จะมีกลิ่นสมุนไพร/ผลไม้แตกต่างกันตามชนิดนั้น
2.ถ้าวิตามินหรื อสารในสมุนไพร/ผลไม้แต่ละชนิดมีผลต่อรสชาติของน้ าหมักเพื่อสุขภาพ
รสชาติของน้ าหมักเพื่อสุขภาพก็จะมีรสชาติแตกต่างกันไปตามความเข้มข้น
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
- บ้านของนางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง บ้านเลขที่ 6 ม.3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง
- ระยะเวลาการทา 1 เดือน ตั้งแต่วนที่ 1 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2556
ั
- สมุนไพรที่นามาทา ได้แก่ บอระเพ็ด มังคุด ลิ้นจี่
-

ดังนั้น
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

มังคุด
ชื่อภาษาอังกฤษ : mangosteen
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Garcinia mangostana Linn.
ชื่อวงศ์ : Clusiaceae
สกุล : Garcinia
อาณาจักร : Plantae
ที่มาของมังคุด
มีชื่อเรี ยกในภาษามลายูว่ามังกุสตาน (manggustan) ภาษาอินโดนี เซียเรี ยกมังกีส ภาษาพม่าเรี ยกมิง
กุทธี ภาษาสิงหลเรี ยกมังกุส เป็ นพันธุไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกาเนิ ดอยู่ที่หมู่เกาะซุน
์
ดาและหมู่เกาะโมลุกกะ แพร่ กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึง
ไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ในประเทศไทยมีการปลูกมังคุ ดมานานแล้ว
เช่ น กัน เพราะมีก ล่าวถึงในพระราชนิ พนธ์เรื่ องรามเกี ย รติ์ ในสมัย รั ชกาลที่ 1 นอกจากนั้น ในบริ เวณ
โรงพยาบาลศิริราชยังเคยเป็ นที่ต้งของวังที่มีชื่อว่า "วังสวนมังคุด" ในจดหมายเหตุของราชทูตจากศรี ลงกาที่
ั
ั
เข้ามาขอพระสงฆ์ไทย ได้กล่าวว่ามังคุดเป็ นหนึ่งในผลไม้ที่นาออกมารับรองคณะทูต
การใช้ ประโยชน์
มังคุดเป็ นผลไม้จากเอเชียที่ได้รับความนิ ยมมาก มังคุดได้รับขนานนามว่าเป็ น "ราชินีของผลไม้"
อาจเป็ นเพราะด้วยลักษณะภายนอกของผลที่มีกลีบเลี้ยงติด อยูที่หวขั้วของผลคล้ายมงกุฎของพระราชินีส่วน
่ ั
เนื้อในก็มีสีขาวสะอาด มีรสชาติที่แสนหวาน อร่ อยอย่างยากที่จะหาผลไม้อื่นมาเทียบได้มีการนามังคุดมา
ประกอบอาหารบ้างทั้งอาหารคาว เช่น แกง ยา และอาหารหวาน เช่น มังคุดลอยแก้ว แยมมังคุด มังคุดกวน
มังคุ ด แช่ อิ่ม ในจังหวัด นครศรี ธรรมราชมีก ารทามังคุ ด คัด ด้ว ยการแกะเนื้ อมังคุ ด ห่ ามออกมาเสี ย บไม้
รับประทาน ในขณะที่ส่วนใหญ่จะนิ ยมรับประทางมังคุดสุ กเป็ นผลไม้ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยต่อต้าน
อนุมลอิสระ ช่วยเสริ มสร้างภูมิตานทานให้กบร่ างกาย มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้ วรอย และยัง
ู
้
ั
มีส่วนช่วยบารุ งผิวพรรณให้เปล่งปลังสดใสอีกด้วย
่

ลินจี่
้
ชื่อภาษาอังกฤษ: Litchi
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Litchi chinensis Sonn.
ชื่อวงศ์ : Sapindaceae
สกุล: Litchi
อาณาจักร: Plantea
ที่มาของมังคุด
ลิ้น จี่ เป็ นชื่ อ ของผลไม้ป ระเภทผลเดี่ ย วซึ่ งมี ล ัก ษณะเปลื อ กสี แ ดงชนิ ด หนึ่ งที่ อ ยู่ใ นวงศ์
SAPINDACEAE (ซึ่ งก็คือวงศ์เดียวกับเงาะและลาไยนั้นเอง) ลิ้นจี่น้ ันเป็ นผลไม้ที่มีรสชาติอร่ อยให้ผลผลิต
คุมค่ากับการลงทุนจึงถือว่าเป็ นผลไม้ทางเศรษฐกิจที่สาคัญของประเทศไทยที่สามารถน าผลผลิตที่ได้มา
้
จาหน่ายในรู ปของผลไม้สดและผลไม้แปรรู ป ปัจจุบนนี้ลิ้นจี่ได้รับการพัฒนาสายพันธุให้มีความหลากหลาย
ั
์
ขึ้นเรื่ อยๆจากสายพันธุด้งเดิมที่มีอยู่แล้ว ลิ้นจี่ถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ จีนในสมัยราชวงศ์ถง โดยเป็ น
์ ั
ั
ผลไม้โปรดของหยางกุยเฟย พระสนมของจักรพรรดิถงเสวียนจงทรงบัญชาให้ทหารม้านาลิ้นจี่ จากแหล่ง
้
ั
ปลูกทางตอนใต้ของจีน เดินทางข้ามวันข้ามคืนมาถวายที่ปักกิ่ง
การใช้ ประโยชน์
สรรพคุณทางยา ตามที่ใช้ในประเทศจีนเป็ นส่ วนใหญ่ นับมาแต่โบราณ เนื้ อในผล กินเป็ นยา
บารุ ง แก้อาการไอเรื้ อรัง แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทา
อาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร ในประเทศจีนใช้เปลือกผลลิ้นจี่ทาเป็ นชา ใช้ชงเพื่อบรรเทาอาการ
หวัด แก้การติดเชื้อในลาคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส ตารายาจีนกล่าวเฉพาะ
เมล็ดลินจี่ ว่ามีรสหวาน ขมเล็กน้อย สรรพคุณอุ่น ทาให้พลังชี่ขบเคลื่อน ลดอาการปวด ใช้กรณี ปวดท้อง
ั
้
ปวดไส้เลื่อน ปวดบวมของอัณฑะ ใช้ขนาด 5-10 กรัม โดยมักผสมกับสมุนไพรอื่นอีก หนึ่ งหรื อสองชนิ ด
เมล็ดลิ้นจี่ ที่แห้ง ควรนามาบด คัวให้แห้งโดยผสมด้วยน้ าเกลือ แล้วจึงเติมน้ าลงไปต้ม น้ าดื่ม หรื อทาเป็ นผง
่
รับประทานหรื อใช้ ผงยาพอกบริ เวณมีอาการปวดบวม รากลินจี่หรือเปลือกต้ นใช้ แก้ อาการติดเชื้อ ไวรัส
้
อีสุกอีใส และเพิมความสามารถระบบภูมคุ้มกันของร่ างกาย สาหรับงานวิจยซึ่งยังต้องการพิสูจน์ซ้ าเพื่อให้
่
ิ
ั
ได้ผลยืนยัน พบว่า สารสกัดเมล็ด ด้วยน้ าขนาด 0.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้แก่ผที่เป็ นพาหะโรคไวรัสตับชนิด
ู้
บี ใช้ได้ผลดีในการยับยั้งเอ็นไซม์ตบที่สูงขึ้น งานวิจยเปลือกของผลลิ้นจี่มีสารกลุ่มฟลาโวนอลที่สาคัญคือ
ั
ั
โพรไซยาไนดินบี 4 ไพรไซยา- ไนดินบี 2 และอีพิคาเทชิน ส่วนที่สาคัญคือ ไซยาไนดิน - 3 - รู ตินโนไซด์
ไซยาไนดิน- 3 กลูโคไซด์ เควอเซทิน – 3 - รู ติโนไซด์ และเควอเซทิน - 3 - กลูโคไซด์ มีฤทธิ์ ต้านอนุ มูล
อิสระสูง และสารสกัดเปลือกยัง มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริ ญของเซลล์ มะเร็ งเต้านม ทั้งในห้องทดลองและใน
สัตว์ทดลอง โดยยับยั้งการขยายจานวนเซลล์ การควบคุมการสื่ อสารระหว่างเซลล์มะเร็ ง และเหนี่ ยวนาให้
เกิดการตายของเซลล์มะเร็ ง
รายงานวิจยที่ทาในประเทศจีนอื่นๆยังพบว่า สารสกัดลิ้นจี่ลดขนาดเนื้ องอกในสัตว์ทดลอง แต่
ั
ไม่ได้ระบุว่าเป็ นสารสกัดส่วนใดของลิ้นจี่ สาหรับงานวิจย นักวิทยาศาสตร์ของไทย พบว่าสารสกัดผลลิ้นจี่มี
ั
ฤทธิ์ในการปกป้ องตับ ในหนูที่เหนี่ยวนาให้ได้รับสารพิษ และเป็ นโรคตับ
บอระเพ็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f. & Thoms
ชื่อวงศ์ : HEART-LEAVED MOONSEED
ชื่อสามัญ : Menisspermaceae
ชื่ออื่น :เครื อเขาฮอ จุ่งจิง เจ็ต มูลย่าน จุ่งจิงตัว แม่(เหนื อ) เจตมูลหนาม(หนองคาย) หางหมู(อุบลราชธานี
สระบุรี) ตัวเจตมูลยาน เถาหัวด้วน(สระบุรี) เจ็ดหมุนปลูก(ภาคใต้)
ลักษณะ :
ไม้เถาเลื้อยพัน เป็ นไม้เนื้ออ่อน แต่เมื่อมีอายุมาก เนื้อของลาต้นอาจแข็งได้ ลาต้นมีขนาดเท่านิ้ วมือ
มีไส้เป็ นเส้นยาว ตามเปลือกของลาต้นมีปุ่มปมกระจายทัวไปเป็ นจานวนมาก ไม่มีขนหรื อหนาม ยางมีรสขม
่
จัด มีใบเดี่ยวเป็ นแบบสลับ ใบรู ปไข่ป้อม โคนใบรู ปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรี ยบขนาดกว้าง 3-10 ซม.
ยาว 6-13 ซม. ดอกออกเป็ นช่อยาว 7-25 ซม. ดอกมีขนาดเล็กสี เหลืองอมเขียว ผลรู ปไข่ สี เหลือง หรื อส้ม
ขนาด 2-3 ซม.
การขยายพันธุ์ :ใช้เถาปักชา ตัดเถาแกให้ยาวประมาณ 1 คืบ ชาลงในดินให้มีมุมเอียงเล็กน้อย ลึกประมาณ 10
ซม.รดน้ าให้ชุ่ม ขึ้นได้ในดินทัวไป ชอบดินร่ วนซุย ควรปลูกในฤดูฝน
่
สรรพคุณ
- ใบ แก้รามะนาด ปวดฟัน ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรค ผิวหนัง ดับพิษปวดแสบปวดร้อน บารุ ง
น้ าดี ฆ่าแมลงที่เข้าหู แก้โรคในกระเพาะอาหาร เป็ นยาเจริ ญอาหารลูก แก้ไข้ แก้เสมหะเป็ นพิษ
เถา แก้พิษฝี ดาษ แก้ไข้พิษไข้กาฬ แก้ไข้ทุกชนิด แก้ร้อนใน กระหายน้ า แก้สะอึก บารุ งกาลัง บารุ งน้ าดี บารุ ง
อาหาร แก้โรคกระเพาะ รากและเถา นามาตาผสมกับมะขามเปี ยกและเกลือ หรื อใส่ในยาดองเหล้า โดยจะกิน
ครั้งละ 1 ช้อนชา ซึ่งจะช่วยลดไข้ ช่วยให้เจริ ญอาหาร รักษาไข้มาลาเรี ยขึ้นสมองปัจจุบนองค์การเภสัชกรรม
ั
ได้ผลิ ต ทิ งเจอร์ บ อระเพ็ด เพื่อใช้แทนทิ งเจอร์ เจนเซี ยล ซึ่ งเป็ นส่ ว นผสมของยาธาตุ ที่ต ้องน าเข้าจาก
ต่างประเทศ และจากการทดลองในสัตว์พบว่าน้ าที่กสัดจากเถาใช้ลดไข้ได้ (ภูมิพิชญ์ สุชาวรรณ, 2535) ดอก
รักษาโรคในปากและช่องหู ขับพยาธิ
- ผลและลูก ใช้เป็ นยารั กษาโรคไข้พิษ อย่างแรงและเสมหะเป็ นพิษ รักษาโรคอุจจาระเป็ นเลือด
รวมทั้งโรคติดเชื้อในกระแสเลือด
- ต้นและเถา รักษาโรคพิษฝี ดาษ โรคไข้เหนื อ โรคไข้พิษทุกชนิ ด เป็ นยาบารุ งกาลัง บารุ งไฟธาตุ
รักษาอาการร้อนใน ทาให้เจริ ญอาหาร ขับน้ าย่อยในทางเดินอาหาร ระงับความร้อน รักษาโลหิ ตพิการ และ
ระงับอาการสะอึก (เสงี่ยม พงษ์บุญรอด, 2522) การที่บอระเพ็ดช่วยเจริ ญอาหาร เนื่ องจากบอระเพ็ดมีรสขม
ช่วยทาให้รู้สึกอยากอาหาร
รส (รสทางยา) : รสขมจัด เย็น มีสรรพคุณระงับความร้อน
บทที่ 3
วัสดุและอุปกรณ์
วัสดุ
1.มังคุด 15 ลิตร
2.ลิ้นจี่ 15 ลิตร
3.บอระเพ็ด 15 ลิตร
4.น้ าเปล่าสะอาด(ไม่มีคลอรี น)แบ่งเป็ น 3 ส่วน ส่วนละ 25 ลิตร
5.น้ าตาลทรายแดงป่ นส่วนละ 15 ลิตรแบ่งเป็ น 3 ส่วน
อุปกรณ์
1.ถังพลาสติก 50 ลิตร
2.ถุงพลาสติกขนาดใหญ่
3.ขวดพลาสติกแบบหนา
4.หนังยาง
วิธีทา
1.ผสมน้ า 25 ลิตร และน้ าตาลทรายแดงป่ น 5 ลิตรตามส่วนข้างต้น ละลายเข้าด้วยกัน
2. นาผลไม้/สมุนไพร คือ มังคุด ล้างน้ าสะอาดและผึ่งให้แห้ง
3. นาถุงมารองในถังหมัก 2 ชั้น แล้วเทน้ าตาลทรายที่ผสมน้ าแล้ว และมังคุดตามส่ วนเข้าด้วยกัน
แล้วมัดถุง
4. กดมังคุดให้จม เพื่อกันส่วนบนขึ้นรา ให้คอยดูและกดมังคุดให้จมอยู่ตลอด เมื่อนานไปมังคุด จะ
จม และจะเกิดน้ าพลาสมา คือน้ าใส
5. เมื่อเกิดฝ้ าขาวนิ่งแล้วจึงปิ ดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ ซึ่งส่วนนี้จะกลายเป็ นวุนในโอกาสต่อไป
้
6. เมื่อหมักมังคุดครบเวลาที่กาหนดแล้ว จึงนามาบริ โภคได้ ส่วนถังเก่าก็ให้เติมน้ าและน้ าตาลตาม
สูตร และหมักเหมือนเดิมต่อไป สามารถเติมได้เรื่ อย ๆ
7.ต่อไปนาลิ้นจี่และบอระเพ็ดมาหมักตามข้อ 1-6 ที่ได้กล่าวไปนั้น ตามลาดับ
บทที่ 4
ผลการดาเนินงาน
สถิติ

ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่เป็ นโรคผิวหนัง และได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพจากมังคุด
หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน

คนที่เป็ นโรค

ดีข้ ึน

เหมือนเดิม

แย่ลง

ผลที่เกิด
นางเหลื่อม
นายแหลม
นางลาภู
นางวรรณดี
รวม
สถิติ

แผ้วผ่องศรี
ขุนทอง
จาปาทัศน์
เม่งเอียด









ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่มีอาการปวดบวม และได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพจากลิ้นจี่
หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน

คนที่เป็ นโรค

ดีข้ ึน
ผลที่เกิด

เด็กชายธนพล
ชูยก
นางสาวประภัสสร สุขเสน
เด็กชายธนพล
เกิดไก่แก้ว
นางสาวนันทนาเม่งเอียด
รวม







เหมือนเดิม

แย่ลง
สถิติ

ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่รับประทานอาหารไม่ค่อยได้และได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพ
จากลินจี่หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน
้

คนที่เป็ นโรค

ดีข้ ึน
ผลที่เกิด

นางสาวเพ็ญนภา สุขเสน
นางสาวมุกตรา อ่อนรู้ที่
นางเพ็ญประภา แผ้วผ่องศรี
นายจิราวัตน์วรรณวงศ์
รวม







เหมือนเดิม

แย่ลง
บทที่ 5
สรุปอภิปรายผล
จากการที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้จดทาโครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพ และได้นาไปทดลองแจกให้คนใน
ั
ชุมชนอาเภอวังวิเศษได้รับประทาน จากผลการสารวจผูที่เป็ นโรคผิวหนัง เมื่อได้ดื่มน้ าหมักมังคุดอย่าง
้
ต่อเนื่องส่วนมากจะมีอาการดีข้ ึนมาก จากนั้นเราได้นาน้ าหมักลิ้นจี่ไปแจกจ่ายให้กบคนที่เป็ นแผลและมี
ั
อาการบวมหรื ออักเสบที่อยูในบริ เวณอาเภอวังวิเศษได้รับประทาน จากผลสารวจจากผูที่รับประทานได้ผล
่
้
ว่ามีอาการดีข้ ึน บางคนหายจากการเป็ นแผลและไม่มีอาการเจ็บปวดหรื อบวม และจากนั้นเราก็นาน้ าหมัก
บอระเพ็ดไปแจกจ่ายให้กบคนที่รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ที่อยูบริ เวณอาเภอวังวิเศษ จากผลสารวจคนที่
ั
่
รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ เจริ ญอาหารมากขึ้น จากนั้นพวกเราก็ไปสอนคนในชุมชนให้ทุกคนสามารถทา
น้ าหมักเพื่อสุขภาพเป็ นและกลับไปทาเองที่บาน ผลคือทุกคนมีความรู้ในการทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพและมี
้
การนาไปทาเองเพื่อใช้ดื่มรักษาโรคกันทุกคน

ประโยชน์ ที่ได้ รับ
1. มีความรู้เกี่ยวกับผลไม้และสมุนไพรมากขึ้น
2. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3. มีความสามัคคีกนภายในกลุ่ม
ั
4. มีประโยชน์ต่อร่ างกาย
5. คนในชุมชนมีวิธีรักษาโรคจากสมุนไพร
6.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค
บทที่ 5 สรุปผล

บทที่ 5 สรุปผล

  • 1.
    โครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพ จัดทาโดย นางสาวกัญธิมา เอียดชูทองเลขที่ 12 นายจิราวัฒน์ วรรณวงค์ เลขที่ 1 นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์ ั เลขที่ 2 นายนฤเบศร์ ยาติพฒ ั เลขที่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5/1 เสนอ คุณครู ณฐพงษ์ ผ่องแผ้ว ั โครงงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของการเรี ยนวิชา สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรี ยนรัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ อาเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
  • 2.
    ชื่อโครงงาน น้ าหมักเพื่อสุขภาพ ชื่อผู้ทาโครงงาน 1.นางสาวกัญธิมา เอียดชูทองเลขที่ 12 2.นายจิราวัฒน์ วรรณวงค์ เลขที่ 1 3.นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์ ั เลขที่ 2 4.นายนฤเบศร์ ยาติพฒ ั เลขที่ 3 ระดับชั้น ม.4-ม.6 ชื่อครูที่ปรึกษา นายณัฐพงษ์ ผ่องแผ้ว ชื่อโรงเรียน รัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ ปี พ.ศ. 2556 บทคัดย่อ โครงงานเรื่ องน้ าหมักเพื่อสุขภาพเป็ นส่วนหนึ่งของวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาจัดทาขึ้นเพื่อให้ผคน ู้ ในปัจจุบนหันมาทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่สามารถหาส่วนผสมได้จากสิ่งใกล้ตวและกรรมวิธีการหมักไม่ยาก ั ั จนเกินไปโดยสมุนไพรและผลไม้ที่ใช้ ได้แก่ มังคุด ลิ้นจี่และบอระเพ็ด วัตถุประสงค์ในการทาโครงงาน น้ าหมัก ชี ว ภาพนี้ คื อเพื่อใช้สมุ น ไพรและผลไม้ที่มี อยู่ใ นท้อ งถิ่น ให้เกิ ด ประโยชน์แ ละรู้ ถึงคุ ณ ค่ า ของ สมุนไพรและผลไม้ อีกทั้งเพื่อศึกษาขั้นตอนในการทาน้ าหมักเพื่อสุ ขภาพด้วย ซึ่งการทาน้ าหมักสุ ขภาพนี้ ขึ้นมา เพื่ออยากจะให้เรามีสุขภาพที่ดีต่อร่ างกายคนเรา ซึ่งน้ าหมักผลไม้น้ ี มีสรรพคุณต่างๆมากมายสาหรับ ทุก คน ในปั จจุ บันนี้ ทุ กคนส่ ว นใหญ่ ชอบดื่มน้ าอัด ลมซึ่ งมัน ไม่ดี ต่อสุ ขภาพ ถ้าทุ ก คนหันมาดื่มน้ าหมัก สุขภาพนี้ ทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีเพราะดื่มน้ าผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ
  • 3.
    กิตติกรรมประกาศ ในการทาโครงงานเรื่ อง น้าหมักเพื่อสุขภาพในครั้งนี้ คณะผูจดทาได้รับความอนุเคราะห์จากบุคคล ้ั หลายๆฝ่ ายของท้องที่ ตาบลวังมะปรางที่ให้ความร่ วมมือเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ และบุคคลที่ทาให้การทา โครงงานวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้สาเร็ จลุล่วงได้ดวยดี ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในการทาโครงงานได้ดี อีกทั้ง ้ ให้คาปรึ กษาแนะนาในการทาโครงงานคือ ครู ณัฐพงศ์ ผ่องแผ้ว รวมทั้งผูปกครองที่ให้การสนับสนุนใน ้ ด้านงบประมาณและการให้ขอเสนอแนะต่างๆ คณะผูจดทาโครงงานจึงขอขอบพระคุณทุกท่านเป็ นอย่างสูง ้ ้ั มา ณ โอกาสนี้ จัดทาโดย นางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง นายจิราวัฒน์ วรรณวงศ์ นายกิตติศกดิ์ รัตนพงศ์ ั นายนฤเบศ ยาติพตน์ ั
  • 4.
  • 5.
    บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ในปัจจุบนประเทศไทยถือเป็ นประเทศที่เป็นเมืองร้อนและมีผลไม้มากมายตามแต่ฤดูกาล ซึ่งก็จะมี ั ลักษณะและสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าในสังคมปัจจุบนจะมีการค้าขายและแข่งขัน ั เกิดขึ้นมากมายจากสิ่งเล็กๆน้อยๆไปจนกระทังถึงสิ่งใหญ่ๆ ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าต้นทุนมากแต่ดวยเหตุที่คน ้ ่ ในสังคมส่วนใหญ่น้ นมีเวลาว่างให้กบตัวเองน้อยกว่าการทางาน จึงเลือกที่จะเป็ นผูบริ โภคมากกว่าและยอม ั ั ้ ที่จะซื้อน้ าและอาหารที่มีราคาสูงเพราะจะได้ไม่เสียเวลาและง่ายต่อการรับประทาน ด้วยเหตุน้ ีทางกลุ่มของพวกเราจึงคิดจัดทาโครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพนี้ข้ ึนมาเพื่อให้ผคนใน ู้ ปัจจุบนหันมาทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่สามารถหาส่วนผสมได้จากสิ่งใกล้ตวและไม่ยากจนเกินไป ั ั ทั้งยังมี ผลดีต่อร่ างกาย ไม่มีสารเคมีเจือปนและยังสามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย วัตถุประสงค์ 1.เพื่อใช้สมุนไพรและผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ 2.เพื่อให้รู้ถึงคุณค่าของสมุนไพรและผลไม้ 3.เพื่อศึกษาขั้นตอนในการทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพ สมมติฐาน 1.ถ้าชนิดของสมุนไพร/ผลไม้มีผลต่อกลิ่นของน้ าหมักเพื่อสุขภาพที่ผลิตขึ้น ดังนั้น กลิ่นของน้ า หมักเพื่อสุขภาพก็จะมีกลิ่นสมุนไพร/ผลไม้แตกต่างกันตามชนิดนั้น 2.ถ้าวิตามินหรื อสารในสมุนไพร/ผลไม้แต่ละชนิดมีผลต่อรสชาติของน้ าหมักเพื่อสุขภาพ รสชาติของน้ าหมักเพื่อสุขภาพก็จะมีรสชาติแตกต่างกันไปตามความเข้มข้น ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า - บ้านของนางสาวกัญธิมา เอียดชูทอง บ้านเลขที่ 6 ม.3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง - ระยะเวลาการทา 1 เดือน ตั้งแต่วนที่ 1 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 2556 ั - สมุนไพรที่นามาทา ได้แก่ บอระเพ็ด มังคุด ลิ้นจี่ - ดังนั้น
  • 6.
    บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง มังคุด ชื่อภาษาอังกฤษ :mangosteen ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Garcinia mangostana Linn. ชื่อวงศ์ : Clusiaceae สกุล : Garcinia อาณาจักร : Plantae ที่มาของมังคุด มีชื่อเรี ยกในภาษามลายูว่ามังกุสตาน (manggustan) ภาษาอินโดนี เซียเรี ยกมังกีส ภาษาพม่าเรี ยกมิง กุทธี ภาษาสิงหลเรี ยกมังกุส เป็ นพันธุไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกาเนิ ดอยู่ที่หมู่เกาะซุน ์ ดาและหมู่เกาะโมลุกกะ แพร่ กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึง ไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ในประเทศไทยมีการปลูกมังคุ ดมานานแล้ว เช่ น กัน เพราะมีก ล่าวถึงในพระราชนิ พนธ์เรื่ องรามเกี ย รติ์ ในสมัย รั ชกาลที่ 1 นอกจากนั้น ในบริ เวณ โรงพยาบาลศิริราชยังเคยเป็ นที่ต้งของวังที่มีชื่อว่า "วังสวนมังคุด" ในจดหมายเหตุของราชทูตจากศรี ลงกาที่ ั ั เข้ามาขอพระสงฆ์ไทย ได้กล่าวว่ามังคุดเป็ นหนึ่งในผลไม้ที่นาออกมารับรองคณะทูต การใช้ ประโยชน์ มังคุดเป็ นผลไม้จากเอเชียที่ได้รับความนิ ยมมาก มังคุดได้รับขนานนามว่าเป็ น "ราชินีของผลไม้" อาจเป็ นเพราะด้วยลักษณะภายนอกของผลที่มีกลีบเลี้ยงติด อยูที่หวขั้วของผลคล้ายมงกุฎของพระราชินีส่วน ่ ั
  • 7.
    เนื้อในก็มีสีขาวสะอาด มีรสชาติที่แสนหวาน อร่อยอย่างยากที่จะหาผลไม้อื่นมาเทียบได้มีการนามังคุดมา ประกอบอาหารบ้างทั้งอาหารคาว เช่น แกง ยา และอาหารหวาน เช่น มังคุดลอยแก้ว แยมมังคุด มังคุดกวน มังคุ ด แช่ อิ่ม ในจังหวัด นครศรี ธรรมราชมีก ารทามังคุ ด คัด ด้ว ยการแกะเนื้ อมังคุ ด ห่ ามออกมาเสี ย บไม้ รับประทาน ในขณะที่ส่วนใหญ่จะนิ ยมรับประทางมังคุดสุ กเป็ นผลไม้ ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยต่อต้าน อนุมลอิสระ ช่วยเสริ มสร้างภูมิตานทานให้กบร่ างกาย มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้ วรอย และยัง ู ้ ั มีส่วนช่วยบารุ งผิวพรรณให้เปล่งปลังสดใสอีกด้วย ่ ลินจี่ ้ ชื่อภาษาอังกฤษ: Litchi ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Litchi chinensis Sonn. ชื่อวงศ์ : Sapindaceae สกุล: Litchi อาณาจักร: Plantea ที่มาของมังคุด ลิ้น จี่ เป็ นชื่ อ ของผลไม้ป ระเภทผลเดี่ ย วซึ่ งมี ล ัก ษณะเปลื อ กสี แ ดงชนิ ด หนึ่ งที่ อ ยู่ใ นวงศ์ SAPINDACEAE (ซึ่ งก็คือวงศ์เดียวกับเงาะและลาไยนั้นเอง) ลิ้นจี่น้ ันเป็ นผลไม้ที่มีรสชาติอร่ อยให้ผลผลิต คุมค่ากับการลงทุนจึงถือว่าเป็ นผลไม้ทางเศรษฐกิจที่สาคัญของประเทศไทยที่สามารถน าผลผลิตที่ได้มา ้ จาหน่ายในรู ปของผลไม้สดและผลไม้แปรรู ป ปัจจุบนนี้ลิ้นจี่ได้รับการพัฒนาสายพันธุให้มีความหลากหลาย ั ์ ขึ้นเรื่ อยๆจากสายพันธุด้งเดิมที่มีอยู่แล้ว ลิ้นจี่ถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ จีนในสมัยราชวงศ์ถง โดยเป็ น ์ ั ั ผลไม้โปรดของหยางกุยเฟย พระสนมของจักรพรรดิถงเสวียนจงทรงบัญชาให้ทหารม้านาลิ้นจี่ จากแหล่ง ้ ั ปลูกทางตอนใต้ของจีน เดินทางข้ามวันข้ามคืนมาถวายที่ปักกิ่ง
  • 8.
    การใช้ ประโยชน์ สรรพคุณทางยา ตามที่ใช้ในประเทศจีนเป็นส่ วนใหญ่ นับมาแต่โบราณ เนื้ อในผล กินเป็ นยา บารุ ง แก้อาการไอเรื้ อรัง แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระ-เพาะอาหาร และบรรเทา อาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร ในประเทศจีนใช้เปลือกผลลิ้นจี่ทาเป็ นชา ใช้ชงเพื่อบรรเทาอาการ หวัด แก้การติดเชื้อในลาคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส ตารายาจีนกล่าวเฉพาะ เมล็ดลินจี่ ว่ามีรสหวาน ขมเล็กน้อย สรรพคุณอุ่น ทาให้พลังชี่ขบเคลื่อน ลดอาการปวด ใช้กรณี ปวดท้อง ั ้ ปวดไส้เลื่อน ปวดบวมของอัณฑะ ใช้ขนาด 5-10 กรัม โดยมักผสมกับสมุนไพรอื่นอีก หนึ่ งหรื อสองชนิ ด เมล็ดลิ้นจี่ ที่แห้ง ควรนามาบด คัวให้แห้งโดยผสมด้วยน้ าเกลือ แล้วจึงเติมน้ าลงไปต้ม น้ าดื่ม หรื อทาเป็ นผง ่ รับประทานหรื อใช้ ผงยาพอกบริ เวณมีอาการปวดบวม รากลินจี่หรือเปลือกต้ นใช้ แก้ อาการติดเชื้อ ไวรัส ้ อีสุกอีใส และเพิมความสามารถระบบภูมคุ้มกันของร่ างกาย สาหรับงานวิจยซึ่งยังต้องการพิสูจน์ซ้ าเพื่อให้ ่ ิ ั ได้ผลยืนยัน พบว่า สารสกัดเมล็ด ด้วยน้ าขนาด 0.6 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้แก่ผที่เป็ นพาหะโรคไวรัสตับชนิด ู้ บี ใช้ได้ผลดีในการยับยั้งเอ็นไซม์ตบที่สูงขึ้น งานวิจยเปลือกของผลลิ้นจี่มีสารกลุ่มฟลาโวนอลที่สาคัญคือ ั ั โพรไซยาไนดินบี 4 ไพรไซยา- ไนดินบี 2 และอีพิคาเทชิน ส่วนที่สาคัญคือ ไซยาไนดิน - 3 - รู ตินโนไซด์ ไซยาไนดิน- 3 กลูโคไซด์ เควอเซทิน – 3 - รู ติโนไซด์ และเควอเซทิน - 3 - กลูโคไซด์ มีฤทธิ์ ต้านอนุ มูล อิสระสูง และสารสกัดเปลือกยัง มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริ ญของเซลล์ มะเร็ งเต้านม ทั้งในห้องทดลองและใน สัตว์ทดลอง โดยยับยั้งการขยายจานวนเซลล์ การควบคุมการสื่ อสารระหว่างเซลล์มะเร็ ง และเหนี่ ยวนาให้ เกิดการตายของเซลล์มะเร็ ง รายงานวิจยที่ทาในประเทศจีนอื่นๆยังพบว่า สารสกัดลิ้นจี่ลดขนาดเนื้ องอกในสัตว์ทดลอง แต่ ั ไม่ได้ระบุว่าเป็ นสารสกัดส่วนใดของลิ้นจี่ สาหรับงานวิจย นักวิทยาศาสตร์ของไทย พบว่าสารสกัดผลลิ้นจี่มี ั ฤทธิ์ในการปกป้ องตับ ในหนูที่เหนี่ยวนาให้ได้รับสารพิษ และเป็ นโรคตับ
  • 9.
    บอระเพ็ด ชื่อวิทยาศาสตร์ :Tinospora crispa(L.) Miers ex Hook.f. & Thoms ชื่อวงศ์ : HEART-LEAVED MOONSEED ชื่อสามัญ : Menisspermaceae ชื่ออื่น :เครื อเขาฮอ จุ่งจิง เจ็ต มูลย่าน จุ่งจิงตัว แม่(เหนื อ) เจตมูลหนาม(หนองคาย) หางหมู(อุบลราชธานี สระบุรี) ตัวเจตมูลยาน เถาหัวด้วน(สระบุรี) เจ็ดหมุนปลูก(ภาคใต้) ลักษณะ : ไม้เถาเลื้อยพัน เป็ นไม้เนื้ออ่อน แต่เมื่อมีอายุมาก เนื้อของลาต้นอาจแข็งได้ ลาต้นมีขนาดเท่านิ้ วมือ มีไส้เป็ นเส้นยาว ตามเปลือกของลาต้นมีปุ่มปมกระจายทัวไปเป็ นจานวนมาก ไม่มีขนหรื อหนาม ยางมีรสขม ่ จัด มีใบเดี่ยวเป็ นแบบสลับ ใบรู ปไข่ป้อม โคนใบรู ปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรี ยบขนาดกว้าง 3-10 ซม. ยาว 6-13 ซม. ดอกออกเป็ นช่อยาว 7-25 ซม. ดอกมีขนาดเล็กสี เหลืองอมเขียว ผลรู ปไข่ สี เหลือง หรื อส้ม ขนาด 2-3 ซม. การขยายพันธุ์ :ใช้เถาปักชา ตัดเถาแกให้ยาวประมาณ 1 คืบ ชาลงในดินให้มีมุมเอียงเล็กน้อย ลึกประมาณ 10 ซม.รดน้ าให้ชุ่ม ขึ้นได้ในดินทัวไป ชอบดินร่ วนซุย ควรปลูกในฤดูฝน ่ สรรพคุณ - ใบ แก้รามะนาด ปวดฟัน ฆ่าพยาธิไส้เดือน แก้ไข้ แก้โรค ผิวหนัง ดับพิษปวดแสบปวดร้อน บารุ ง น้ าดี ฆ่าแมลงที่เข้าหู แก้โรคในกระเพาะอาหาร เป็ นยาเจริ ญอาหารลูก แก้ไข้ แก้เสมหะเป็ นพิษ เถา แก้พิษฝี ดาษ แก้ไข้พิษไข้กาฬ แก้ไข้ทุกชนิด แก้ร้อนใน กระหายน้ า แก้สะอึก บารุ งกาลัง บารุ งน้ าดี บารุ ง อาหาร แก้โรคกระเพาะ รากและเถา นามาตาผสมกับมะขามเปี ยกและเกลือ หรื อใส่ในยาดองเหล้า โดยจะกิน ครั้งละ 1 ช้อนชา ซึ่งจะช่วยลดไข้ ช่วยให้เจริ ญอาหาร รักษาไข้มาลาเรี ยขึ้นสมองปัจจุบนองค์การเภสัชกรรม ั ได้ผลิ ต ทิ งเจอร์ บ อระเพ็ด เพื่อใช้แทนทิ งเจอร์ เจนเซี ยล ซึ่ งเป็ นส่ ว นผสมของยาธาตุ ที่ต ้องน าเข้าจาก ต่างประเทศ และจากการทดลองในสัตว์พบว่าน้ าที่กสัดจากเถาใช้ลดไข้ได้ (ภูมิพิชญ์ สุชาวรรณ, 2535) ดอก รักษาโรคในปากและช่องหู ขับพยาธิ - ผลและลูก ใช้เป็ นยารั กษาโรคไข้พิษ อย่างแรงและเสมหะเป็ นพิษ รักษาโรคอุจจาระเป็ นเลือด รวมทั้งโรคติดเชื้อในกระแสเลือด - ต้นและเถา รักษาโรคพิษฝี ดาษ โรคไข้เหนื อ โรคไข้พิษทุกชนิ ด เป็ นยาบารุ งกาลัง บารุ งไฟธาตุ รักษาอาการร้อนใน ทาให้เจริ ญอาหาร ขับน้ าย่อยในทางเดินอาหาร ระงับความร้อน รักษาโลหิ ตพิการ และ
  • 10.
    ระงับอาการสะอึก (เสงี่ยม พงษ์บุญรอด,2522) การที่บอระเพ็ดช่วยเจริ ญอาหาร เนื่ องจากบอระเพ็ดมีรสขม ช่วยทาให้รู้สึกอยากอาหาร รส (รสทางยา) : รสขมจัด เย็น มีสรรพคุณระงับความร้อน
  • 11.
    บทที่ 3 วัสดุและอุปกรณ์ วัสดุ 1.มังคุด 15ลิตร 2.ลิ้นจี่ 15 ลิตร 3.บอระเพ็ด 15 ลิตร 4.น้ าเปล่าสะอาด(ไม่มีคลอรี น)แบ่งเป็ น 3 ส่วน ส่วนละ 25 ลิตร 5.น้ าตาลทรายแดงป่ นส่วนละ 15 ลิตรแบ่งเป็ น 3 ส่วน อุปกรณ์ 1.ถังพลาสติก 50 ลิตร 2.ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ 3.ขวดพลาสติกแบบหนา 4.หนังยาง วิธีทา 1.ผสมน้ า 25 ลิตร และน้ าตาลทรายแดงป่ น 5 ลิตรตามส่วนข้างต้น ละลายเข้าด้วยกัน 2. นาผลไม้/สมุนไพร คือ มังคุด ล้างน้ าสะอาดและผึ่งให้แห้ง 3. นาถุงมารองในถังหมัก 2 ชั้น แล้วเทน้ าตาลทรายที่ผสมน้ าแล้ว และมังคุดตามส่ วนเข้าด้วยกัน แล้วมัดถุง 4. กดมังคุดให้จม เพื่อกันส่วนบนขึ้นรา ให้คอยดูและกดมังคุดให้จมอยู่ตลอด เมื่อนานไปมังคุด จะ จม และจะเกิดน้ าพลาสมา คือน้ าใส 5. เมื่อเกิดฝ้ าขาวนิ่งแล้วจึงปิ ดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ ซึ่งส่วนนี้จะกลายเป็ นวุนในโอกาสต่อไป ้ 6. เมื่อหมักมังคุดครบเวลาที่กาหนดแล้ว จึงนามาบริ โภคได้ ส่วนถังเก่าก็ให้เติมน้ าและน้ าตาลตาม สูตร และหมักเหมือนเดิมต่อไป สามารถเติมได้เรื่ อย ๆ 7.ต่อไปนาลิ้นจี่และบอระเพ็ดมาหมักตามข้อ 1-6 ที่ได้กล่าวไปนั้น ตามลาดับ
  • 12.
    บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน สถิติ ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่เป็ นโรคผิวหนังและได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพจากมังคุด หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน คนที่เป็ นโรค ดีข้ ึน เหมือนเดิม แย่ลง ผลที่เกิด นางเหลื่อม นายแหลม นางลาภู นางวรรณดี รวม สถิติ แผ้วผ่องศรี ขุนทอง จาปาทัศน์ เม่งเอียด       ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่มีอาการปวดบวม และได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพจากลิ้นจี่ หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน คนที่เป็ นโรค ดีข้ ึน ผลที่เกิด เด็กชายธนพล ชูยก นางสาวประภัสสร สุขเสน เด็กชายธนพล เกิดไก่แก้ว นางสาวนันทนาเม่งเอียด รวม      เหมือนเดิม แย่ลง
  • 13.
    สถิติ ผลที่เกิดขึ้นกับคนที่รับประทานอาหารไม่ค่อยได้และได้รับประทานน้ าหมักเพื่อสุขภาพ จากลินจี่หลังจากที่สอบถามจากคนในชุมชน ้ คนที่เป็ นโรค ดีข้ึน ผลที่เกิด นางสาวเพ็ญนภา สุขเสน นางสาวมุกตรา อ่อนรู้ที่ นางเพ็ญประภา แผ้วผ่องศรี นายจิราวัตน์วรรณวงศ์ รวม      เหมือนเดิม แย่ลง
  • 14.
    บทที่ 5 สรุปอภิปรายผล จากการที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้จดทาโครงงานน้ าหมักเพื่อสุขภาพและได้นาไปทดลองแจกให้คนใน ั ชุมชนอาเภอวังวิเศษได้รับประทาน จากผลการสารวจผูที่เป็ นโรคผิวหนัง เมื่อได้ดื่มน้ าหมักมังคุดอย่าง ้ ต่อเนื่องส่วนมากจะมีอาการดีข้ ึนมาก จากนั้นเราได้นาน้ าหมักลิ้นจี่ไปแจกจ่ายให้กบคนที่เป็ นแผลและมี ั อาการบวมหรื ออักเสบที่อยูในบริ เวณอาเภอวังวิเศษได้รับประทาน จากผลสารวจจากผูที่รับประทานได้ผล ่ ้ ว่ามีอาการดีข้ ึน บางคนหายจากการเป็ นแผลและไม่มีอาการเจ็บปวดหรื อบวม และจากนั้นเราก็นาน้ าหมัก บอระเพ็ดไปแจกจ่ายให้กบคนที่รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ที่อยูบริ เวณอาเภอวังวิเศษ จากผลสารวจคนที่ ั ่ รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ เจริ ญอาหารมากขึ้น จากนั้นพวกเราก็ไปสอนคนในชุมชนให้ทุกคนสามารถทา น้ าหมักเพื่อสุขภาพเป็ นและกลับไปทาเองที่บาน ผลคือทุกคนมีความรู้ในการทาน้ าหมักเพื่อสุขภาพและมี ้ การนาไปทาเองเพื่อใช้ดื่มรักษาโรคกันทุกคน ประโยชน์ ที่ได้ รับ 1. มีความรู้เกี่ยวกับผลไม้และสมุนไพรมากขึ้น 2. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 3. มีความสามัคคีกนภายในกลุ่ม ั 4. มีประโยชน์ต่อร่ างกาย 5. คนในชุมชนมีวิธีรักษาโรคจากสมุนไพร 6.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค