Chel
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน โรคภูมิแพ้กาเริบจนทนไม่ได้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1.บดินทร์ชัย สุทธิภิการัตน์ เลขที่ 29 ชั้น ม.6 ห้อง 5
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 นายบดินทร์ชัย สุทธิภิการัตน์ เลขที่ 29
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคภูมิแพ้กำเริบจนทนไม่ได้
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
The allergy increased
ประเภทโครงงาน โครงงำนเพื่อกำรศึกษำ
ชื่อผู้ทาโครงงาน นำยบดินทร์ชัย สุทธิภิกำรัตน์
ชื่อที่ปรึกษา คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน 1 เดือนเต็ม
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบำยถึงที่มำ แนวคิด และเหตุผล ของกำรทำโครงงำน)
เนื่องจำกในปัจจุบันสภำพอำกำศที่เปลี่ยนไป ไม่ว่ำจะเป็นอำกำศที่หนำวหรือร้อนจัด และอำกำศที่
เปลี่ยนแปลงไปอย่ำงรวดเร็ว รวมไปถึงมลภำวะที่เกิดจำกโรงงำนอุตสำหกรรมต่ำงๆ กำรสูบบุหรี่ กำรเผำขยะ ตลอด
จนถึงกำรใช้รถส่วนตัวที่มำกขึ้นทำให้เกิดแก๊สที่เป็นพิษในปริมำณมำก ส่งผลให้สภำพอำกำศในปัจจุบันไม่บริสุทธิ์อีก
ต่อไป ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ำเรำไม่สำมำรถหลีกเลี่ยงปัจจัยข้ำงต้นได้เลย ทำให้มีปริมำณของผู้เป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มมำกขึ้น
ทั้งในสังคมไทยและต่ำงประเทศ โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจำกกำรตอบสนองของร่ำงกำยต่อสำรกระตุ้น ในคนที่ปกติ
นั้นจะไม่ก่อให้เกิดอันตรำยกับร่ำงกำย เช่น ไรฝุ่น แต่ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะเกิดกำรตอบสนองที่มำกผิดปกติต่อสำร
เหล่ำนี้ จึงทำให้เกิดอำกำรอักเสบกับอวัยวะที่สัมผัสกับสำรก่อภูมิแพ้ เมื่อสำรก่อภูมิแพ้เข้ำสู่ร่ำงกำย ไม่ว่ำจะด้วยวิธี
ไหน เช่น กำรสูดดม กำรสัมผัสกับผิวหนัง หรือจำกกำรรับประทำน ระบบภูมิคุ้มกันของร่ำงกำยจะตอบสนองสำรก่อ
ภูมิแพ้เหล่ำนั้นด้วยกำรหลั่งสำรก่อกำรอักเสบต่ำงๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้มีกำรพัฒนำเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่สำมำรถผลิต
แอนติบอดี (antibody) ต่อสำรก่อภูมิแพ้นั้น ๆ เมื่อภำยในร่ำงกำยมีแอนติบอดีแล้ว ก็จะทำให้ร่ำงกำยมีควำมไว
(sensitive) ต่อสำรก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นเพิ่มมำกขึ้น
ดังนั้นทำงคณะผู้จัดทำจึงเล็งเห็นควำมสำคัญของโรคภูมิแพ้ และได้เริ่มศึกษำเพื่อจัดทำโครงงำนเกี่ยวกับโรคนี้
ให้เป็นแนวทำงสำคัญในกำรป้องกัน รักษำ รู้และเข้ำใจถึงสำเหตุสำคัญต่ำงๆของโรคนี้เพื่อลดปริมำณของผู้ป่วยโรค
ดังกล่ำวให้มำกยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษำสำเหตุ แนวทำงกำรป้องกัน และวิธีกำรรักษำโรคภูมิแพ้
2.เพื่อศึกษำชนิดของโรคภูมิแพ้ และผลข้ำงเคียงที่เกิดขึ้น
3.เพื่อในข้อมูลมำปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน
ศึกษำชนิดของโรคภูมิแพ้และผลข้ำงเคียงที่ตำมมำ โดยเจำะลึกในรำยละเอียดของโรคภูมิแพ้อำกำศ สำเหตุ
แนวทำงกำรป้องกันและวิธีกำรรักษำโรคภูมิแพ้
หลักการและทฤษฎี
โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นโรคที่สำมำรถพบเห็นได้บ่อยในทุกที่ทั่วโลก โดยเป็นโรคที่เกิดจำกกำรตอบสนอง
ของร่ำงกำยต่อสำรกระตุ้น ที่ในคนที่ปกตินั้นจะไม่ก่อให้เกิดอันตรำยกับร่ำงกำย เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรของพืช แต่ใน
คนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะเกิดกำรตอบสนองที่มำกผิดปกติต่อสำรเหล่ำนี้ จึงทำให้เกิดอำกำรอักเสบกับอวัยวะที่สัมผัสกับ
สำรก่อภูมิแพ้ ระยะเวลำที่อำกำรจะแสดงออกมำหลังจำกสัมผัสกับสำรก่อภูมิแพ้อำจจะใช้เวลำก่อนเกิดอำกำรเป็น
นำทีหรือเป็นชั่วโมงก็ได้ และคนที่เป็นภูมิแพ้ยังมีกำรตอบสนองไวกว่ำปกติต่อสิ่งที่ไม่ใช่สำรกระตุ้น หรือสำรก่อภูมิแพ้
เช่น ควำมเย็น ควำมร้อน ควำมชื้น ฝน ควำมกดอำกำศต่ำ ซึ่งภำวกำรณ์ตอบสนองนี้อำจจะอยู่นำนเป็นวัน หรือเป็น
เดือน และสำมำรถเกิดอำกำรได้โดยไม่ต้องสัมผัสสำรก่อภูมิแพ้
สำเหตุของกำรเกิดโรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้สำมำรถเกิดได้จำกทั้งเรื่องของพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม โดยมีกำรค้นพบว่ำ ถ้ำใครมีบิดำหรือมำรดำป่วย
เป็นโรคภูมิแพ้ บุคคลนั้นก็มีโอกำสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยเช่นกัน โดยมีโอกำสเป็นประมำณ 30 - 50% แต่ถ้ำเป็นโรค
ภูมิแพ้กันทั้งบิดำมำรดำ บุคคลนั้นก็จะมีโอกำสเป็นมำกขึ้นประมำณ 50 - 70% ในขณะที่ คนที่มีบิดำมำรดำไม่ได้เป็น
โรคภูมิแพ้เลยจะมีโอกำสเป็นอยู่ที่ 10% เท่ำนั้น ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังไม่มีหนทำงที่จะแก้ไขปัจจัยทำงพันธุกรรมได้ ดังนั้น
จึงควรป้องกันตัวเองไม่ให้โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นด้วยกำรหลีกเลี่ยงสำรก่อภูมิแพ้และสำรระคำยเคืองต่ำงๆ เช่น ควันบุหรี่
ไรฝุ่น เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดกำรเป็นภูมิแพ้ และป้องกันไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้
เริ่มต้นด้วยกำรสัมผัสกับสำรก่อภูมิแพ้ เมื่อสำรก่อภูมิแพ้เข้ำสู่ร่ำงกำย ไม่ว่ำจะด้วยวิธีไหน เช่น กำรสูดดม
กำรสัมผัสกับผิวหนัง หรือจำกกำรรับประทำน ระบบภูมิคุ้มกันของร่ำงกำยจะตอบสนองสำรก่อภูมิแพ้เหล่ำนั้นด้วย
กำรหลั่งสำรก่อกำรอักเสบต่ำงๆ ซึ่งจะกระตุ้นให้มีกำรพัฒนำเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันที่สำมำรถผลิตแอนติบอดี
(antibody) ต่อสำรก่อภูมิแพ้นั้น ๆ เมื่อภำยในร่ำงกำยมีแอนติบอดีแล้ว ก็จะทำให้ร่ำงกำยมีควำมไว (sensitive) ต่อ
สำรก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นเพิ่มมำกขึ้น จำกนั้นในครั้งต่อไปที่ร่ำงกำยได้รับหรือมีกำรสัมผัสกับสำรก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกัน
และแอนติบอดีก็จะตอบสนอง และก่อให้เกิดกำรกระตุ้นของเซลล์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่ำแมสต์เซลล์ (mast cell) ซึ่งจะ
หลั่งสำรที่เรียกว่ำฮีสตำมีน (histamine) ซึ่งเป็นตัวกำรสำคัญของอำกำรที่ไม่พึงประสงค์ของโรคภูมิแพ้
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
- ศึกษำข้อมูลและประเภทของภูมิแพ้
- เสนอหัวข้อกับอำจำรย์ที่ปรึกษำโครงงำน
- รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลตำมเนื้อหำของเรื่องที่ต้องกำรจะศึกษำ
- ริเริ่มทำโครงงำนตำมแผนงำนที่ร่ำงไว้
- นำเสนอโครงงำน
- นำข้อเสนอแนะต่ำงๆมำปรับปรุงแก้ไข
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
- อินเทอร์เน็ต
- กระดำษ A4
- เครื่องพิมพ์
งบประมาณ
- ประมำณ 100 บำท
- 4. 4
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงำน
2 ศึกษำและค้นคว้ำข้อมูล
3 จัดทำโครงร่ำงงำน
4 ปฏิบัติกำรสร้ำงโครงงำน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 กำรทำเอกสำรรำยงำน
7 ประเมินผลงำน
8 นำเสนอโครงงำน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ได้ทรำบถึงสำเหตุสำคัญของโรคภูมิแพ้ แนวทำงกำรป้องกันและกำรรักษำ และได้นำไปปรับใช้ในกำรใช้
ชีวิตประจำวันของตน อีกทั้งยังได้เผยแพร่ข้อมูลและควำมรู้ไปยังผู้คนต่ำงๆได้อีกด้วย
สถานที่ดาเนินการ
ห้องคอมพิวเตอร์ โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย
ห้องสมุด โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัย
บ้ำนของตนเอง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสำระวิชำวิทยำศำสตร์
กลุ่มสำระวิชำสุขศึกษำ
แหล่งอ้างอิง (เอกสำร หรือแหล่งข้อมูลต่ำง ๆ ที่นำมำใช้กำรทำโครงงำน)
https://www.honestdocs.co/allergies-causes-and-treatment