More Related Content
Similar to 2562 final-project 02-rungtiwa-finally (20)
More from RungtiwaWongchai (17)
2562 final-project 02-rungtiwa-finally
- 1. 1
โครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ความรู้เกี่ยวกับหลักจิตวิทยาและการนาหลักจิตวิทยามาใช้ในชีวิตประจาวัน
(importance of psychology in everyday life)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาว รุ่งทิวา วงศ์ชัย เลขที่ 2 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 นางสาว รุ่งทิวา วงศ์ชัย เลขที่2
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ความรู้เกี่ยวกับหลักจิตวิทยาและการนาหลักจิตวิทยามาใช้ในชีวิตประจาวัน
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
importance of psychology in everyday life
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว รุ่งทิวา วงศ์ชัย
ชื่อที่ปรึกษา คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
สาหรับที่มาและแนวคิดของโครงงานนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้คนในสังคมปัจจุบัน
พบว่าหลายๆคนมีปัญหาทางด้านจิตใจไม่สามารถแก้ปัญหาหลายๆอย่างด้วยตนเองได้ทาให้เกิดความเครียดสะสมและ
เกิดความวิตกกังวลมากจนเกินไปทาให้เกิดปัญหาทางจิตขึ้นและเมื่อได้ทาการค้นคว้าในหลักของการแก้ไขปัญหาที่
เกิดขึ้นนี้ทาให้ได้พบว่ามีหลักจิตวิทยาที่เราสามารถนามาปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ซึ่งถ้าหากได้นาหลักการเหล่านี้มา
นาเสนอเผยแพร่ให้ผู้คนได้รับรู้และเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและได้รู้ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหานี้นี้ก็จะเป็นประโยชน์
ต่อหลายๆฝ่ายทั้งต่อตัวบุคคลนั้นและบุคคลรอบข้างรวมไปถึงช่วยสร้างพื้นฐานความรู้ในด้านจิตวิทยาให้กับคนใน
สังคมอีกด้วยและอีกหนึ่งปัจจัยที่ทาให้อยากทาโครงงานนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ผู้ที่ประสบปัญหาในทางจิตไม่ถูกมองว่า
เป็นตัวประหลาดในสังคมอยากให้ทั้งตัวผู้ที่ประสบปัญหาทางจิตและผู้คนรอบข้างได้รับความรู้และเห็นความสาคัญใน
ด้านจิตวิยาและช่วยกันแก้ไขปัญหานี้มากกว่าที่จะปล่อยปะละเลยปัญหานี้ไป ดังนั้นจึงได้มีการคิดโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อ
ช่วยเหลือผู้ป่วยทางจิตและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับคนที่ปกติเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจาวันกับผู้ป่วยทางจิตได้
ถูกต้อง อีกทั้งยังทาให้สารถช่วยเหลือผู้ป่วยทางจิตได้ด้วย
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
อยากให้คนในสังคมได้รับความรู้ในด้านจิตวิทยารวมถึงพึงตระหนักถึงความสาคัญของจิตวิทยาและ
ต้องการที่จะให้ผู้ที่ประสบปัญหาทางจิตสามารถใช้ชีวิตประจาวันร่วมกับผู้อื่นได้
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
โครงงานนี้ศึกษาเกี่ยวกับหลักการทางจิตวิทยาและการนาหลักการทางจิตวิทยามาปรับใช้ใน
ชีวิตประจาวันเพื่อช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจถูกเข้าใจและยอมรับในสังคมมากขึ้นและเพื่อให้บุคคลธรรมดาเข้าใจผู้ที่
ประสบปัญหาทางจิตใจและพึงตระหนักถึงประโยชน์ของจิตวิทยา
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
1 ความสาคัญของจิตวิทยา
ทุกวันนี้เรื่องของจิตวิทยาเป็นเรื่องที่คนทั่วไปค่อนข้างให้ความสาคัญอย่างมาก เพราะมันเกี่ยวข้องถึงเรื่อง
ของสภาพจิตใจภายในที่หากไม่ได้ทาการดูแลให้ดีอาจจะส่งผลในเรื่องที่เราไม่คาดคิดได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผล
เรื่องการทาร้ายร่างกาย การฆ่าตัวตาย ส่วนหนึ่งก็มาจากการมีปัญหาทางด้านจิตใจด้วยกันทั้งสิ้น เรื่องของจิตวิทยาจึง
กลายเป็นเรื่องที่จาเป็นต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดสาหรับคนที่มีปัญหาทางเรื่องนี้ การใช้ชีวิตประจาวันของเราเองก็
ยังคงจาเป็นต้องมีเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
-ความสาคัญของจิตวิทยาในคนทั่วไป
ช่วยทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เมื่อเรามีจิตวิทยาที่
ดีในการดารงชีวิตเราก็จะรู้ว่าจริงแล้วอะไรคือสิ่งที่สาคัญในชีวิตของเรา สามารถจัดลาดับความสาคัญของการกระทา
ในชีวิตได้เป็นอย่างดี หรือ การสร้างแรงผลักดันให้กับชีวิตของตนเองเพื่อให้รู้สึกว่าชีวิตของตนเองยังคงมีค่าอยู่เสมอ
ช่วยในเรื่องการปรับตัวและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจิตของตนเอง การเรียนรู้ในเรื่องของจิตวิทยาจะช่วยทาให้เรารู้
ถึงวิธีในการปรับตัวเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจาวันของเราอย่างมีเหตุและผล อาทิเช่น หากรู้ว่าตอนนี้กาลัง
โกรธก็จะมีวิธีในการระงับความโกรธที่ดีเพราะเรารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จาเป็น การรู้ว่าไม่ควรไปสนใจในปมด้อยทั้งของ
ตนเองและผู้อื่น การรู้จักแก้ไขเรื่องความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี
ช่วยในเรื่องของการตัดสินใจเรื่องของตนเองและผู้อื่นได้ จริงแล้วมันเหมือนกับว่าเป็นการมีสติของเราด้วยส่วนหนึ่ง
เมื่อเราเรียนรู้และเข้าใจว่าการใช้หลักจิตวิทยาในการดาเนินชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่จะทาให้ชีวิตของเราไม่เกิดความ
ประมาท เมื่อไม่มีความประมาทก็จะทาให้สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยความยุติธรรมมากขึ้น ใช้เหตุและผลในการ
ตัดสินใจได้ดีขึ้น
ช่วยให้ชีวิตมีความสุข เมื่อเรามีหลักจิตวิทยาที่ดีในการดาเนินชีวิตเราก็จะรับรู้ได้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ควรทา สิ่งใดเป็นสิ่งที่
ควรหลีกเลี่ยง รวมไปถึงรู้วิธีในการค้นหาความสุขที่แท้จริงให้กับชีวิตว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
เช้าใจโลกและสังคมมากขึ้น จริงๆ แล้วคนเราในทุกวันนี้มีคนป่วยเกี่ยวกับจิตมากขึ้นทุกวันเพียงแต่ไม่ได้มีใครแสดง
อาการออกมาก็เท่านั้น หากเรารู้และเข้าใจในหลักจิตวิทยาที่ดีมันก็จะทาให้เราเข้าใจโลก เข้าใจสังคม เรียนรู้กับทุกสิ่ง
ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลดีกับตัวเราในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน
2 การนาหลักจิตวิทยามาใช้ในชีวิตประจาวัน
สาหรับคนวัยทางาน เรื่อยไปจนถึงวัยกลางคน แม้ชีวิตจะผ่านอะไรมามากรวมถึงเรามีอิสรภาพมากขึ้น มีเงินมากขึ้น
จากการทางานแต่หลายคนอาจจะไม่ได้มีความสุขสักเท่าไร อาจจะต้องเครียดจากการทางาน การใช้ชีวิตและอีก
มากมาย ทีนี้เราจะมาบอกวิธีสร้างความสุขและช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีวิธีการอะไรบ้าง
- 4. 4
-ยอมรับความเป็นตัวเอง
สิ่งแรกที่จะทาให้เรามีความสุขได้ก็คือ เราต้องยอมรับความเป็นตัวเองให้ได้ก่อน แน่นอนว่าไม่มีใครมีแต่ข้อดีหรอกทุก
คนต้องมีข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น เชื่อว่าข้อดีเราทุกคนคงรับได้ แต่ข้อเสียล่ะจะรับได้หรือไม่ ถ้าเรารับข้อเสียของ
ตัวเองได้ เราก็จะเข้าใจตัวเองได้ดีมากขึ้น การยอมรับตัวเองได้แม้จะเป็นข้อเสีย เราก็จะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ สุดท้าย
เราก็จะพัฒนาตัวเองเพื่อลดข้อเสียนั้นได้ จนทาให้เราเกิดความสุขขึ้นมา
-มองหาสิ่งที่ตัวเองชอบ
ความสุขของเราเกิดจากอะไร นี่เป็นคาถามทีเราคงต้องถามหาตัวเองกันหน่อย แน่นอนว่าเรื่องสาคัญก็คือ หากเรา
อยากมีความสุข เราต้องมองหาสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอแล้วทามันซะ ใครอยากจะทาอะไร กินอะไร กินหมูกระทะ กินซู
ชิ อยากเล่นฟุตบอล อยากไปเที่ยว อยากไปต่างประเทศ อยากใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ อยากเล่นกีฬา อยากได้รถใหม่ อยาก
ต่อโมเดลกันดั้ม และอีกมากมาย หากชีวิตเราเดินไปถึงวัยกลางคน บอกเลยว่าอะไรที่มีความสุขก็ทาเลย อย่าไปแคร์
อะไรคนอื่นมากนัก ลองคิดดูว่าเราจะแคร์คนอื่นจนเสียโอกาสทาในสิ่งที่เราอยากทาไปเลยไหม ถ้าคิดแบบนั้นก็แย่นะ
-ทดลองทาในสิ่งที่ไม่เคยทา
ถ้าเราหาอะไรที่ชอบทาแล้วมีความสุขเจอแล้วก็ทาต่อไป แต่ถ้าทาไปแล้วสักพัก เราขอแนะนาว่าให้ลองทาอะไรใหม่ๆ
ดูบ้าง ชีวิตในวัยทางาน วัยกลางคนอาจจะต้องทานั่นทานี่มากมาย จนทาให้ไม่มีเวลาไปทาอย่างอื่น รวมถึงความกล้า
ในการทาอะไรใหม่หมดลงไปด้วย แนะนาว่าลองไปทาอะไรใหม่ๆบ้างไปเที่ยวที่ใหม่ กินอะไรใหม่ ความตื่นเต้นจากการ
ทาอะไรใหม่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เรา
-ลองทาในสิ่งที่ไม่ชอบ
สุดท้าย เมื่อเราเดินทางไปในช่วงชีวิตหนึ่ง เราขอแนะนาว่าให้ลองทาในสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ถนัดดูบ้าง หลายคนอาจจะ
เถียงว่าทาไปทาไมในเมื่อไม่ชอบ อันนี้ก็จริง แต่เชื่อไหมว่ามีหลายคนมีสิ่งที่ไม่ชอบ แต่การไม่ชอบกลับเกิดจากการฟัง
หรือ โดนห้ามมาก่อน ไม่ได้ไม่ชอบจากการทดลองทาสิ่งนั้นด้วยตัวเอง เพราะงั้นอะไรที่ไม่ชอบให้ลองทาซะ เพื่อยืนยัน
กับตัวเองอีกทีว่า ของแบบนี้ไม่เหมาะกับเราเลย ไม่ชอบเลย จะได้เข้าใจตัวเองชัดเจนว่า อะไรชอบหรือไม่ชอบ
3 การเติบโตไปอีกขั้นจากการสนทนาและการรับฟัง
บ่อยครั้งกับการเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องราวของตนเองออกมาให้คนอื่นได้รับรู้เลยมันเป็นความรู้สึกแสนน่า
อึดอัดใจจนทาเอาหลายคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คนทั่วไปที่ไม่เข้าใจปัญหาของโรคนี้มักมองว่าเป็นโรคกระแส คือ
เอะอะอะไรก็บอกว่าตนเองป่วยเป็นภาวะซึมเศร้าเอาไว้ก่อน ทว่าคนที่เป็นจริงๆ เขาไม่ได้คิดแบบนี้ในทางกลับกันเขา
เลือกที่ไม่อยากบอกคนอื่นเพราะกลัวคนอื่นไม่เข้าใจหาว่าบ้า แต่สิ่งที่ควรทามากๆ ในการปรับตนเองให้โตขึ้นไปอีกขั้น
หนึ่งคือ การสนทนาและการรับฟัง
-การเติบโตไปอีกขั้นจากการสนทนาและการรับฟัง
ต้องบอกก่อนเลยว่าต่อให้คุณคือคนหนึ่งที่เป็นปกติ ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรก็ตามการสนทนาและการรับฟังยังคงเป็น
เรื่องสาคัญเสมอ ไม่ใช่แค่การบอกว่าฉันแข็งแรง ฉันสบายดี ฉันอยู่คนเดียวได้ แบบนี้ไม่น่าเกิดประโยชน์ ธรรมชาติ
ของมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้อยู่ตัวคนเดียวแต่มนุษย์คือสัตว์สังคมที่จาเป็นต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบ
ข้างอยู่เสมอ เราอาจถามว่าความช่วยเหลือของคนรอบข้างมาจากอะไรได้บ้าง สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการให้คาปรึกษาหรือ
การพูดคุยเพื่อระบายเรื่องราวต่างๆ นี่คือการใช้ชีวิตของคนปกติที่ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรทางจิตใจคน
แต่สาหรับคนที่มีอาการป่วยทางภาวะจิตใจโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคซึมเศร้าการสนทนาและการรับฟังจะช่วยให้ชีวิต
คุณพบเจออะไรดีๆ อีกมากเลย คือพื้นฐานของคนป่วยเป็นโรคนี้ความอ่อนแอที่สุดอยู่ตรงจิตใจ เพราะพวกเขาจะคิด
ลบตลอดเวลาดังนั้นคนป่วยเป็นภาวะซึมเศร้ายิ่งอยู่แค่ตัวเองมากเท่าไหร่อาการของโรคจะยิ่งเกิดขึ้นได้ง่ายและหนัก
กว่าเดิมเท่านั้น การปรึกษา พูดคุย รับฟังแค่คนทั่วไปอาจไม่ใช่เรื่องเพียงพอแต่จาเป็นต้องกระทาสิ่งเหล่านี้กับคนที่มี
ความเชี่ยวชาญนั่นคือจิตแพทย์ การพบจิตแพทย์ไม่ใช่การที่คนภายนอกมองว่าคุณคือคนบ้า แต่เราคือผู้ป่วยคนหนึ่งที่
ต้องการการรักษาอย่างถูกต้อง
- 5. 5
คนเป็นภาวะซึมเศร้าหากปรึกษากับคนทั่วไปอาจได้คาตอบแค่ ทาแบบนั้นสิ เลือกตรงนี้ก่อนสิ ไม่ต้องคิดแบบนั้นก็ได้
ทว่าจริงแล้วมันไม่เหมือนกันเพราะหากให้คาปรึกษาแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น จาเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ
อย่างบรรดาจิตแพทย์ที่เรียนเรื่องนี้มาโดยตรงเป็นคนช่วยเหลือ เขาจะมีวิธีการในเรื่องคาพูด การใช้ทักษะต่างๆ แล้ว
มันจะออกมาดีเอง คนที่ป่วยก็เหมือนได้ระบายความรู้สึกของตนเองออกมาให้คนอื่นฟังแล้วเข้ารับวิธีการรักษาอย่าง
ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อให้หายป่วยจากโรคดังกล่าว มีชีวิตแบบปกติเหมือนคนทั่วไป
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลจริงและนาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าข้อมูลไหนที่เรียนรู้แล้วเข้าใจง่ายและเกิดประโยชน์
มากที่สุดจากนั้นนาข้อมูลที่คัดมาแล้วมาจัดพิมพ์เป็นแผ่นพับโดยจัดรูปแบบของแผ่นพับให้น่าสนใจและเข้าใจได้ง่าย
และนาไปแจกตามสถานที่ต่างๆหรืออาจจะจัดเป็นนิทรรศการที่ให้ความรู้ทั้งในรูปแบบของการบรรยายและให้ความรู้
จากแผ่นพับที่จัดพิมพ์ไป
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1 คอมพิวเตอร์
2 แหล่งข้อมูลทั้งจากในอินเตอร์เน็ตและในหนังสือ
3 กระดาษที่ใช้ในการพิมพ์แผ่นพับ
งบประมาณ
ประมาณ 200-400 บาท (จัดพิมพ์แผ่นพับ)
- 6. 6
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
คาดว่าหลายๆคนจะได้ความรู้เพิ่มเติมในด้านของจิตวิทยาและเรียนรู้ที่จะปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ และ
คาดหวังว่าทั้งผู้ป่วยทางจิตและบุคคลปกติจะสามารถใช้ชีวิตประจาวันร่วมกันได้โดยไม่เกิดการแบ่งแยกกัน
สถานที่ดาเนินการ
1 โรงเรียน
2 งานนิทรรศการให้ความรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1 วิทยาศาสตร์(ชีววิทยา)
2 พละศึกษา
3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
4 ออกแบบ
5 ภาษาไทย
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
เว็บไซต์ https://www.washpsa.org/author/admin/