SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน โซเชียลมีเดีย สื่อไร้สายมหันตภัยวัยรุ่น
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวรักษ์สรา ปินคา เลขที่10 ชั้นม.6 ห้อง4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
2
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1.น.ส.รักษ์สรา ปินคา เลขที่10
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โซเชียลมีเดีย สื่อไร้สายมหันตภัยวัยรุ่น
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Social media Wireless media, teen disaster
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา(Education media)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวรักษ์สรา ปินคา ชั้นม.6/4 เลขที่10
ชื่อที่ปรึกษา คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน
ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสมัยนี้วัยรุ่นมักจะให้ความสนใจแก่โซเชียลมีเดียเป็นอย่างมากและใช้
ชีวิตประจาวันอยู่กับสิ่งนั้นยิ่งสมัยนี้มีสื่อแบบไร้สายออกมามากมายยิ่งพกพาง่ายสะดวกสบายต่อการใช้
งาน ทาให้เด็กรุ่นใหม่มีอาการติดสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนทานข้าว ก็เล่นไปด้วย อาบน้าก็ดูหนังไป
ด้วย เป็นต้น ถือว่าขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งการที่อยู่กับสิ่งเหล่านี้มากไปไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องที่
แย่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกันเพราะว่าสื่อสังคมโซเชียลมีเดียบางครั้งถูกน าเสนอออกไปโดยไม่ผ่านการคัด
กรองทาให้เด็กมีการลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี ทาให้เด็กเกิดการอยากรู้อยากลอง จึงทาให้น่ากังวล
ว่าสังคมวัยรุ่นไทยปัจจุบันเมื่อใช้สื่อชนิดนี้แล้วจะสามารถแยกแยะได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องน่าห่วงและ
สังคมควรให้ความสนใจหาทางป้องกัน มิฉะนั้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในอนาคตได้จึงจัดทา
โครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาต่อ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองได้เข้าใจเท่าทันพฤติกรรมวัยรุ่นใน
ปัจจุบันและเตรียมตัวรับมือพร้อมดูแลบุตรหลานให้ใช้สื่อเหล่านี้อย่างถูกต้อง พร้อมกับโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
ดังนั้นปัจจัยหนึ่งมาจากสื่อออนไลน์ ที่ทาให้เยาวชนสามารถระบายออกทางอารมณ์ได้อย่าง
เปิดเผย โดยขาดการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง และไม่มีผู้ใดตักเตือนสถาบันครอบครัวต้องมาดูแลควบคุม
พฤติกรรมบุตรหลานให้มากขึ้น ไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยสื่อเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อเด็กสามารถ
เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่อยู่ในโลกออนไลน์ที่มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ก็อาจทาให้ยิ่งยากเกินกว่าจะควบคุม การ
แก้ปัญหาเรื่องนี้ควรเริ่มตั้งแต่ครอบครัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น
3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ
1.เพื่อให้ผู้ปกครองได้คอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานว่าใช้สื่อในทางที่ควรหรือไม่
2.เพื่อให้วัยรุ่นใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการรับข่าวสาร และอย่าปักใจเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่เข้ามา
3.เพื่อให้วัยรุ่นคิดให้รอบคอบก่อนโพสต์ข้อมูลใดๆ เพราะการโพสต์ข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงก็อาจจะส่งผลร้ายต่อ
ตัวเราเองก็เป็นได้
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน
ทาโครงงานเกี่ยวกับผลจากสื่อประเภทต่างๆที่มีต่อวัยรุ่นในปัจจุบันโดยสังเกตจากพฤติกรรมต่างๆ
ซึงอาจจะมีทั้งผลในทางที่ดีและในทางที่แย่โดยเริ่มสังเกตผลจากพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อนสนิท คนใน
ครอบครัวจนไปถึงเพื่อนในห้องเรียน เพื่อรับรองว่าถ้าเราใช้สื่ออย่างถูกวิธีเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมี
ความสุขและปลอดภัยได้เมื่ออยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน
จากจิตแพทย์ที่มีงานวิจัยต่างประเทศยืนยันว่า หากใช้เวลาไปกับโลกโซเชียลมากไป อาจมีปัญหา
เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า วิตกกังวล และขาดความมั่นใจในตัวเอง
ตัวอย่างทฤษฎี1 มีผลสารวจของคนวัยหนุ่มสาวที่ทาโดย London-based Royal Society for
Public Health พบว่า โซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ซึ่งมักโฟกัสไปที่ลักษณะภายนอกของคน ทาให้
คนวัยหนุ่มสาวมีปัญหาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตัวเองและความมั่นใจ
ตัวอย่างทฤษฎี2 งานวิจัยที่ทาเมื่อปี ค.ศ.2015 ที่ทาโดย The University of Missouri พบว่า การ
ใช้ Facebook เป็นประจา สามารถนาไปสู่การเกิดอาการของโรคซึมเศร้า หากมันกระตุ้นให้เกิด
ความรู้สึกอิจฉาคนอื่น " Facebook สามารถเป็นกิจกรรมที่ทาให้เราสนุก ถ้าผู้ใช้งานฉกฉวยประโยชน์
จากมัน โดยอาจใช้เพื่อติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนเก่า และเพื่อแบ่งปันสิ่งที่สนใจหรือแง่มุมที่ส าคัญ
ของชีวิต " กล่าวโดย ศาสตราจารย์ Margaret Duffy หนึ่งในผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ อย่างไรก็ดี เธอยังเสริม
ด้วยว่า “ หากคุณใช้ Facebook เพื่อดูชีวิตของคนรู้จักว่าสถานะทางการเงินของเขาเป็นอย่างไร หรือ
ติดตามเรื่องราวความรักของเพื่อนเก่า หรือสิ่งที่ทาให้คุณอิจฉาคนอื่น มันก็จะทาให้เกิดอาการซึมเศร้า ”
ด้านสุขภาพกาย การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบประสาทและกระดูกต้นคอ เมื่อ
ใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานจะทาให้เกิดอาการเจ็บป่วย ที่พบได้บ่อย คืออาการปวดศีรษะ ซึ่งพบใน
ทุกเพศทุกวัย โดยการก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานจะทาให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการเมื่อยล้า หรือ
เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน อาการปวดที่กล้ามเนื้อคอนี้อาจส่งความปวดไปยังส่วนอื่นที่ใกล้เคียง เช่น
ท้ายทอย บริเวณขมับรอบกระบอกตา หรือหน้าผากได้ อาการปวดในลักษณะนี้เป็น “กลุ่มอาการปวดจากกล้ามเนื้อ
เกร็ง” หรือ Myofascial Pain Syndrome (MPS) ไม่เพียงแค่นั้น การก้มหน้าเป็นระยะเวลานานยังส่งผลต่อกระดูก
ต้นคอ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ทางานหนักเป็นพิเศษจากการรับน้าหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่าจึงเกิดภาวะ “กระดูกคอเสื่อม
ก่อนวัย” หรืออาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้ ถ้าโชคร้าย ไปกดทับเส้นประสาทสมอง
ระดับที่ 1-4 ก็อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอยด้านข้างศีรษะ ขมับ กระบอกตา หน้าผาก รวมถึงกลาง
กระหม่อมได้ ทางการแพทย์จะเรียกว่าโรคนี้ว่า “โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ” หรือCervicogenic
Headache
ด้านสุขภาพใจ จิตแพทย์ยืนยันข้อมูลว่า สังคมที่เกิดผ่านหน้าจอ บางครั้งอาจเป็นผลลบต่อสุขภาพใจ เช่น ทาให้รู้สึก
เศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจตนเองได้ หงุดหงิดกังวลใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทางานต่างๆ ที่
ได้รับมอบหมายเสร็จไม่ทัน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง เบื่อหน่ายท้อแท้กับการดาเนินชีวิต รวมไปถึง
4
พฤติกรรม ขี้อิจฉา ซึมเศร้า แทบไม่น่าเชื่อว่าการถ่ายรูปเซลฟี่ธรรมดาๆ จะซ่อนพิษภัยต่อจิตใจหากใช้อย่างไม่มี
ภูมิคุ้มกันดีพอ ถึงขั้นที่สาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ออกมาประกาศว่า อาการเสพติดโซเชียลมีเดียถือเป็นโรคอย่าง
หนึ่ง ในแต่ละปีมีชาวอังกฤษเข้ารับการบาบัดมากกว่า 100 ราย เพราะการเซลฟี่แล้วโพสต์บนโลกออนไลน์ พร้อมกับ
ตั้งความหวังให้คนมากดไลก์ หรือคอมเมนต์ เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งจะส่งผลให้
สูญเสียความมั่นใจได้ในระยะยาว นักจิตวิทยาสหรัฐอเมริกาให้ความเห็นว่า เซลฟี่สามารถกัดกร่อนความมั่นใจ ความ
ภาคภูมิใจในตัวเองได้ หากเกิดจากการกระทาที่มากไปและคาดหวังจดจ่อว่า
จะมีใครเข้าดู เข้ามาแสดงความคิดเห็น ในกรณีของโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลาย ยังเป็นตัวการก่อให้เกิดพฤติกรรมย้าคิด
ย้าทา ให้เราต้องคอยชาเลืองมองหรือคอยเงี่ยหูฟังเสียงแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างๆ เพื่อดูว่ามีใคร
ติดต่อ หรืออัปเดตอะไรบ้าง หากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ เข้า เตรียมนับถอยหลังรอรับโรคโนโมโฟเบียได้เลยทั้งงานวิจัยที่
ชื่อ The World Unplugged Project ยังตอกย้าพฤติกรรมที่ว่าคนในยุคนี้ไม่อาจแยกจากสมาร์ทดีไวซ์ได้เสีย
แล้ว หากต้องทนอยู่ห่างจากเครื่องมือสื่อสารแค่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ก็ทาให้รู้สึกทรมาน สับสน กระวน
กระวาย โกรธ โดดเดี่ยวไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย ตกใจ หงุดหงิด ไม่ต่างกับติดยาเสพติดเลยทีเดียว
โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก หลายคนบอกว่าอยู่ยาก แต่บางส่วนก็บอกว่ามันอยู่ง่ายเกินไป ง่ายจนมักง่าย ง่ายจนเราได้เห็น
ความเปลี่ยนแปลงของผู้คนในโลกโซเชียลที่อาจทาให้เรารู้สึกว่าอันตราย! เพราะโซเชียลมีเดียคือภัยเงียบ ที่หลาย ๆ
คนรู้แต่มีอาการเหมือนไม่รับรู้ ...ใครที่เริ่มรู้ตัวก็ต้องระวังกันไว้บ้างกับพฤติกรรมเหล่านี้
1.แสดงความคิดเห็นแบบลืมตัวว่าอยู่บนบอร์ดสาธารณะ
บนเฟซบุ๊กถ้าเราเปิดเป็นสาธารณะคือทุกคนย่อมเห็น หรือบางคนไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่แค่กด Like เพจอื่น ๆ
อย่างเพจ 18+ แล้วไม่ได้ตั้งค่าแบบไม่ให้คนอื่นเห็น ก็คือได้เปิดเผยตัวตนให้โลกรู้แล้ว ที่ร้ายกาจมากคือการประจาน
การประชด การด่าว่า ใต้คอมเมนต์หรือตั้งสเตตัส ดังนั้นเราควรระมัดระวังในการเพิ่มเพื่อนและในการตั้งสเตตัสที่ไม่
เปิดช่องทางให้ใคร ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ
2.เป็นสังคมก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา
เคยไหม...จะรีบเดินลงบันไดสะพานลอยหรือบันไดเลื่อน ก็พบว่าคนข้างหน้าเดินก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ไปอย่าง
เชื่องช้าไม่หลบ หรือแม้แต่ตอนขับรถอยู่บางคนก็ยังก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์กันอยู่เลย บางคนไม่ได้มองรอบตัวเลยว่ามี
อะไรที่ต้องระวัง เราจะพบกับผู้คนแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกหนทุกแห่ง ซึ่งมันอันตรายนะจะบอกให้
3.พ่อค้าแม่ค้าโกงง่าย ให้ระวังการช้อปปิ้งออนไลน์
การโกงเงินตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักล้านมีอยู่แทบทุกวันในโลกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ใครจะซื้อจะขายต้อง
ระมัดระวัง ตรวจสอบประวัติพ่อค้าแม่ค้าก่อนให้ดี อย่าได้มั่นใจจนยอมโอนเงินจานวนมาก และหากโดนโกงต้องแจ้ง
ความ จะจับได้หรือไม่ได้ก็ควรไปแจ้งไว้ก่อน
4.หาคู่ออนไลน์อย่างไม่ระมัดระวัง
เมื่อโลกที่เจอหน้ากันมันเกิดความสัมพันธ์ได้ยากกว่า เพราะไม่กล้า หลาย ๆ คนก็เลือกการหาคู่ออนไลน์จากทุก
ช่องทางบนสื่อโซเชียล บางคนก็หาคู่นอนชั่วคราว บางคนอยากได้คู่ถาวรแต่กลับโดนหลอกใช้ หลอกเรื่องเงิน เกิดสแก
รมเมอร์ (พวกที่ชอบหลอกลวงผู้อื่นทางอินเทอร์เน็ตอีกแบบหนึ่ง หลอกเงินได้สาเร็จหลายราย
5.ผู้คนใส่หน้ากาเข้าหากันมากขึ้น สร้างภาพออกสื่อ
งานสร้างภาพ ไม่ใช่งานตกแต่งภาพ หรือจะว่าไปก็เกิดขึ้นมาด้วยกันนั่นแหละ หลายคนสร้างภาพออกสื่อจนหลอก
ตัวเองได้สาเร็จ การทาความรู้จักกับใครจากโลกตรงนี้จึงต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเขาอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้
5
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงที่ส่งผลให้วัยรุ่นในยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมรวมถึงมีสุขภาพจิตที่แปลก ไป
2.สารวจตามสภาพแวดล้อมใกล้ตัวว่ามีความเสี่ยงต่อการใช้โซเชียลอย่างผิดๆหรือไม่โดยสารวจจากพฤติกรรมของ
วัยรุ่นใกล้ตัว เพื่อนๆรุ่นเดียวกันรวมถึงตนเองด้วย เพื่อดาเนินการเข้าช่วยเหลือ
3.หาวิธีเล่นโซเชียลอย่างไรให้ปลอดภัย ทาความเข้าใจและทดลองทากับตนเองก่อนหรืออาจจะทากิจกรรมอื่นเพื่อลด
การติดโซเชียล
4.เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีจากตนเองแล้วก็นาไปแนะนาให้คนอื่นได้ลองปฏิบัติโดยเริ่มจากคนใกล้ตัว เช่นเพื่อนสนิท พี่ น้อง
เป็นต้น
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
งบประมาณ
ไม่เกิน300บาท(ค่าอินเตอร์เน็ตหรือค่าโทรศัพท์
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน
1.ช่วยให้วัยรุ่นหันหน้ามาคุยกันทากิจกรรมอื่นๆที่ดีร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
2.ลดอาการคิดในแง่ลบ จนนาไปถึงเกิดอาการวิตกกังวลเครียดจนทาให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมาได้
3.ทาให้มีเวลาในการทาอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากขึ้น
4.ทาให้ลดจานวนคนสายตาสั้นในปัจจุบันเนื่องจากการจ้องมองหน้าจอนานๆ
5.ลดการเสี่ยงต่อการที่จะไปติดการพนัน สารเสพติดหรือเพื่อนที่ชวนไปในทางที่ไม่ดี
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.กลุ่มสาระคอมพิวเตอร์
2.กลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1.http://www.smartteen.net/main/index.php?mode=maincontent&group=90&id=863&date_start=&
date_end=&fbclid=IwAR0rmAWG9l5KV1sdK3g7hMhAMc03PgZaniGcr82npz3I8oc4q4QkYWsILww

More Related Content

Similar to 2562 final-project -2 (1)

Similar to 2562 final-project -2 (1) (20)

Com term2
Com term2Com term2
Com term2
 
2562 final-project1-18-vasaraj
2562 final-project1-18-vasaraj2562 final-project1-18-vasaraj
2562 final-project1-18-vasaraj
 
2561 project -2
2561 project -22561 project -2
2561 project -2
 
AT1
AT1AT1
AT1
 
2562 final-project 39
2562 final-project 392562 final-project 39
2562 final-project 39
 
Project
ProjectProject
Project
 
Great
GreatGreat
Great
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 
Comdaniel
ComdanielComdaniel
Comdaniel
 
W.1
W.1W.1
W.1
 
Pingpong
PingpongPingpong
Pingpong
 
2562 final-project 12-matave
2562 final-project 12-matave2562 final-project 12-matave
2562 final-project 12-matave
 
At22
At22At22
At22
 
Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37
 
2562 final-project
2562 final-project  2562 final-project
2562 final-project
 
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
การทำงานของสมองและกรควบคุมอารมณ์
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
2561 project (21)
2561 project  (21)2561 project  (21)
2561 project (21)
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 

More from RungtiwaWongchai (18)

presentation 3
presentation 3presentation 3
presentation 3
 
presentation 2
presentation 2presentation 2
presentation 2
 
education presentation
education presentationeducation presentation
education presentation
 
3
33
3
 
กิจกรรมที่2 โครงงาน
กิจกรรมที่2 โครงงานกิจกรรมที่2 โครงงาน
กิจกรรมที่2 โครงงาน
 
Power pointhub hand-painted-1-1
Power pointhub hand-painted-1-1Power pointhub hand-painted-1-1
Power pointhub hand-painted-1-1
 
Power pointhub hand-painted-1-1
Power pointhub hand-painted-1-1Power pointhub hand-painted-1-1
Power pointhub hand-painted-1-1
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
Computerfainal
ComputerfainalComputerfainal
Computerfainal
 
Com final
Com finalCom final
Com final
 
Work.1
Work.1Work.1
Work.1
 
Comm 1-final
Comm 1-finalComm 1-final
Comm 1-final
 
2562 final-project 02-rungtiwa-finally
2562 final-project 02-rungtiwa-finally2562 final-project 02-rungtiwa-finally
2562 final-project 02-rungtiwa-finally
 
2562 final-project -1
2562 final-project -12562 final-project -1
2562 final-project -1
 
2562 final-project -1 finally
2562 final-project -1 finally2562 final-project -1 finally
2562 final-project -1 finally
 
Work.1
Work.1Work.1
Work.1
 
Final project 604-37
Final project 604-37Final project 604-37
Final project 604-37
 
2562 final-project 02-rungtiwa
2562 final-project 02-rungtiwa2562 final-project 02-rungtiwa
2562 final-project 02-rungtiwa
 

2562 final-project -2 (1)

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปีการศึกษา 2562 ชื่อโครงงาน โซเชียลมีเดีย สื่อไร้สายมหันตภัยวัยรุ่น ชื่อผู้ทาโครงงาน ชื่อ นางสาวรักษ์สรา ปินคา เลขที่10 ชั้นม.6 ห้อง4 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34 ใบงาน
  • 2. 2 การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม .…… 1.น.ส.รักษ์สรา ปินคา เลขที่10 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) โซเชียลมีเดีย สื่อไร้สายมหันตภัยวัยรุ่น ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Social media Wireless media, teen disaster ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา(Education media) ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวรักษ์สรา ปินคา ชั้นม.6/4 เลขที่10 ชื่อที่ปรึกษา คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1-2 ปีการศึกษา 2562 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสมัยนี้วัยรุ่นมักจะให้ความสนใจแก่โซเชียลมีเดียเป็นอย่างมากและใช้ ชีวิตประจาวันอยู่กับสิ่งนั้นยิ่งสมัยนี้มีสื่อแบบไร้สายออกมามากมายยิ่งพกพาง่ายสะดวกสบายต่อการใช้ งาน ทาให้เด็กรุ่นใหม่มีอาการติดสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนทานข้าว ก็เล่นไปด้วย อาบน้าก็ดูหนังไป ด้วย เป็นต้น ถือว่าขาดสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งการที่อยู่กับสิ่งเหล่านี้มากไปไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องที่ แย่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกันเพราะว่าสื่อสังคมโซเชียลมีเดียบางครั้งถูกน าเสนอออกไปโดยไม่ผ่านการคัด กรองทาให้เด็กมีการลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี ทาให้เด็กเกิดการอยากรู้อยากลอง จึงทาให้น่ากังวล ว่าสังคมวัยรุ่นไทยปัจจุบันเมื่อใช้สื่อชนิดนี้แล้วจะสามารถแยกแยะได้หรือไม่ นับเป็นเรื่องน่าห่วงและ สังคมควรให้ความสนใจหาทางป้องกัน มิฉะนั้นอาจเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในอนาคตได้จึงจัดทา โครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาต่อ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองได้เข้าใจเท่าทันพฤติกรรมวัยรุ่นใน ปัจจุบันและเตรียมตัวรับมือพร้อมดูแลบุตรหลานให้ใช้สื่อเหล่านี้อย่างถูกต้อง พร้อมกับโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ดังนั้นปัจจัยหนึ่งมาจากสื่อออนไลน์ ที่ทาให้เยาวชนสามารถระบายออกทางอารมณ์ได้อย่าง เปิดเผย โดยขาดการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง และไม่มีผู้ใดตักเตือนสถาบันครอบครัวต้องมาดูแลควบคุม พฤติกรรมบุตรหลานให้มากขึ้น ไม่ควรเลี้ยงลูกด้วยสื่อเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อเด็กสามารถ เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่อยู่ในโลกออนไลน์ที่มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ก็อาจทาให้ยิ่งยากเกินกว่าจะควบคุม การ แก้ปัญหาเรื่องนี้ควรเริ่มตั้งแต่ครอบครัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ 1.เพื่อให้ผู้ปกครองได้คอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุตรหลานว่าใช้สื่อในทางที่ควรหรือไม่ 2.เพื่อให้วัยรุ่นใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการรับข่าวสาร และอย่าปักใจเชื่อข้อมูลที่เผยแพร่เข้ามา 3.เพื่อให้วัยรุ่นคิดให้รอบคอบก่อนโพสต์ข้อมูลใดๆ เพราะการโพสต์ข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงก็อาจจะส่งผลร้ายต่อ ตัวเราเองก็เป็นได้ ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน ทาโครงงานเกี่ยวกับผลจากสื่อประเภทต่างๆที่มีต่อวัยรุ่นในปัจจุบันโดยสังเกตจากพฤติกรรมต่างๆ ซึงอาจจะมีทั้งผลในทางที่ดีและในทางที่แย่โดยเริ่มสังเกตผลจากพฤติกรรมของตัวเอง เพื่อนสนิท คนใน ครอบครัวจนไปถึงเพื่อนในห้องเรียน เพื่อรับรองว่าถ้าเราใช้สื่ออย่างถูกวิธีเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมี ความสุขและปลอดภัยได้เมื่ออยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน จากจิตแพทย์ที่มีงานวิจัยต่างประเทศยืนยันว่า หากใช้เวลาไปกับโลกโซเชียลมากไป อาจมีปัญหา เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า วิตกกังวล และขาดความมั่นใจในตัวเอง ตัวอย่างทฤษฎี1 มีผลสารวจของคนวัยหนุ่มสาวที่ทาโดย London-based Royal Society for Public Health พบว่า โซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ซึ่งมักโฟกัสไปที่ลักษณะภายนอกของคน ทาให้ คนวัยหนุ่มสาวมีปัญหาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตัวเองและความมั่นใจ ตัวอย่างทฤษฎี2 งานวิจัยที่ทาเมื่อปี ค.ศ.2015 ที่ทาโดย The University of Missouri พบว่า การ ใช้ Facebook เป็นประจา สามารถนาไปสู่การเกิดอาการของโรคซึมเศร้า หากมันกระตุ้นให้เกิด ความรู้สึกอิจฉาคนอื่น " Facebook สามารถเป็นกิจกรรมที่ทาให้เราสนุก ถ้าผู้ใช้งานฉกฉวยประโยชน์ จากมัน โดยอาจใช้เพื่อติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนเก่า และเพื่อแบ่งปันสิ่งที่สนใจหรือแง่มุมที่ส าคัญ ของชีวิต " กล่าวโดย ศาสตราจารย์ Margaret Duffy หนึ่งในผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ อย่างไรก็ดี เธอยังเสริม ด้วยว่า “ หากคุณใช้ Facebook เพื่อดูชีวิตของคนรู้จักว่าสถานะทางการเงินของเขาเป็นอย่างไร หรือ ติดตามเรื่องราวความรักของเพื่อนเก่า หรือสิ่งที่ทาให้คุณอิจฉาคนอื่น มันก็จะทาให้เกิดอาการซึมเศร้า ” ด้านสุขภาพกาย การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบประสาทและกระดูกต้นคอ เมื่อ ใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานจะทาให้เกิดอาการเจ็บป่วย ที่พบได้บ่อย คืออาการปวดศีรษะ ซึ่งพบใน ทุกเพศทุกวัย โดยการก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานจะทาให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการเมื่อยล้า หรือ เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน อาการปวดที่กล้ามเนื้อคอนี้อาจส่งความปวดไปยังส่วนอื่นที่ใกล้เคียง เช่น ท้ายทอย บริเวณขมับรอบกระบอกตา หรือหน้าผากได้ อาการปวดในลักษณะนี้เป็น “กลุ่มอาการปวดจากกล้ามเนื้อ เกร็ง” หรือ Myofascial Pain Syndrome (MPS) ไม่เพียงแค่นั้น การก้มหน้าเป็นระยะเวลานานยังส่งผลต่อกระดูก ต้นคอ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ทางานหนักเป็นพิเศษจากการรับน้าหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่าจึงเกิดภาวะ “กระดูกคอเสื่อม ก่อนวัย” หรืออาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้ ถ้าโชคร้าย ไปกดทับเส้นประสาทสมอง ระดับที่ 1-4 ก็อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอยด้านข้างศีรษะ ขมับ กระบอกตา หน้าผาก รวมถึงกลาง กระหม่อมได้ ทางการแพทย์จะเรียกว่าโรคนี้ว่า “โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ” หรือCervicogenic Headache ด้านสุขภาพใจ จิตแพทย์ยืนยันข้อมูลว่า สังคมที่เกิดผ่านหน้าจอ บางครั้งอาจเป็นผลลบต่อสุขภาพใจ เช่น ทาให้รู้สึก เศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจตนเองได้ หงุดหงิดกังวลใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทางานต่างๆ ที่ ได้รับมอบหมายเสร็จไม่ทัน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง เบื่อหน่ายท้อแท้กับการดาเนินชีวิต รวมไปถึง
  • 4. 4 พฤติกรรม ขี้อิจฉา ซึมเศร้า แทบไม่น่าเชื่อว่าการถ่ายรูปเซลฟี่ธรรมดาๆ จะซ่อนพิษภัยต่อจิตใจหากใช้อย่างไม่มี ภูมิคุ้มกันดีพอ ถึงขั้นที่สาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ออกมาประกาศว่า อาการเสพติดโซเชียลมีเดียถือเป็นโรคอย่าง หนึ่ง ในแต่ละปีมีชาวอังกฤษเข้ารับการบาบัดมากกว่า 100 ราย เพราะการเซลฟี่แล้วโพสต์บนโลกออนไลน์ พร้อมกับ ตั้งความหวังให้คนมากดไลก์ หรือคอมเมนต์ เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกถึงการขาดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งจะส่งผลให้ สูญเสียความมั่นใจได้ในระยะยาว นักจิตวิทยาสหรัฐอเมริกาให้ความเห็นว่า เซลฟี่สามารถกัดกร่อนความมั่นใจ ความ ภาคภูมิใจในตัวเองได้ หากเกิดจากการกระทาที่มากไปและคาดหวังจดจ่อว่า จะมีใครเข้าดู เข้ามาแสดงความคิดเห็น ในกรณีของโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลาย ยังเป็นตัวการก่อให้เกิดพฤติกรรมย้าคิด ย้าทา ให้เราต้องคอยชาเลืองมองหรือคอยเงี่ยหูฟังเสียงแจ้งเตือนของสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างๆ เพื่อดูว่ามีใคร ติดต่อ หรืออัปเดตอะไรบ้าง หากเป็นเช่นนี้บ่อยๆ เข้า เตรียมนับถอยหลังรอรับโรคโนโมโฟเบียได้เลยทั้งงานวิจัยที่ ชื่อ The World Unplugged Project ยังตอกย้าพฤติกรรมที่ว่าคนในยุคนี้ไม่อาจแยกจากสมาร์ทดีไวซ์ได้เสีย แล้ว หากต้องทนอยู่ห่างจากเครื่องมือสื่อสารแค่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ก็ทาให้รู้สึกทรมาน สับสน กระวน กระวาย โกรธ โดดเดี่ยวไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย ตกใจ หงุดหงิด ไม่ต่างกับติดยาเสพติดเลยทีเดียว โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก หลายคนบอกว่าอยู่ยาก แต่บางส่วนก็บอกว่ามันอยู่ง่ายเกินไป ง่ายจนมักง่าย ง่ายจนเราได้เห็น ความเปลี่ยนแปลงของผู้คนในโลกโซเชียลที่อาจทาให้เรารู้สึกว่าอันตราย! เพราะโซเชียลมีเดียคือภัยเงียบ ที่หลาย ๆ คนรู้แต่มีอาการเหมือนไม่รับรู้ ...ใครที่เริ่มรู้ตัวก็ต้องระวังกันไว้บ้างกับพฤติกรรมเหล่านี้ 1.แสดงความคิดเห็นแบบลืมตัวว่าอยู่บนบอร์ดสาธารณะ บนเฟซบุ๊กถ้าเราเปิดเป็นสาธารณะคือทุกคนย่อมเห็น หรือบางคนไม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่แค่กด Like เพจอื่น ๆ อย่างเพจ 18+ แล้วไม่ได้ตั้งค่าแบบไม่ให้คนอื่นเห็น ก็คือได้เปิดเผยตัวตนให้โลกรู้แล้ว ที่ร้ายกาจมากคือการประจาน การประชด การด่าว่า ใต้คอมเมนต์หรือตั้งสเตตัส ดังนั้นเราควรระมัดระวังในการเพิ่มเพื่อนและในการตั้งสเตตัสที่ไม่ เปิดช่องทางให้ใคร ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ 2.เป็นสังคมก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา เคยไหม...จะรีบเดินลงบันไดสะพานลอยหรือบันไดเลื่อน ก็พบว่าคนข้างหน้าเดินก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ไปอย่าง เชื่องช้าไม่หลบ หรือแม้แต่ตอนขับรถอยู่บางคนก็ยังก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์กันอยู่เลย บางคนไม่ได้มองรอบตัวเลยว่ามี อะไรที่ต้องระวัง เราจะพบกับผู้คนแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกหนทุกแห่ง ซึ่งมันอันตรายนะจะบอกให้ 3.พ่อค้าแม่ค้าโกงง่าย ให้ระวังการช้อปปิ้งออนไลน์ การโกงเงินตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักล้านมีอยู่แทบทุกวันในโลกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ใครจะซื้อจะขายต้อง ระมัดระวัง ตรวจสอบประวัติพ่อค้าแม่ค้าก่อนให้ดี อย่าได้มั่นใจจนยอมโอนเงินจานวนมาก และหากโดนโกงต้องแจ้ง ความ จะจับได้หรือไม่ได้ก็ควรไปแจ้งไว้ก่อน 4.หาคู่ออนไลน์อย่างไม่ระมัดระวัง เมื่อโลกที่เจอหน้ากันมันเกิดความสัมพันธ์ได้ยากกว่า เพราะไม่กล้า หลาย ๆ คนก็เลือกการหาคู่ออนไลน์จากทุก ช่องทางบนสื่อโซเชียล บางคนก็หาคู่นอนชั่วคราว บางคนอยากได้คู่ถาวรแต่กลับโดนหลอกใช้ หลอกเรื่องเงิน เกิดสแก รมเมอร์ (พวกที่ชอบหลอกลวงผู้อื่นทางอินเทอร์เน็ตอีกแบบหนึ่ง หลอกเงินได้สาเร็จหลายราย 5.ผู้คนใส่หน้ากาเข้าหากันมากขึ้น สร้างภาพออกสื่อ งานสร้างภาพ ไม่ใช่งานตกแต่งภาพ หรือจะว่าไปก็เกิดขึ้นมาด้วยกันนั่นแหละ หลายคนสร้างภาพออกสื่อจนหลอก ตัวเองได้สาเร็จ การทาความรู้จักกับใครจากโลกตรงนี้จึงต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเขาอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้
  • 5. 5 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงที่ส่งผลให้วัยรุ่นในยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมรวมถึงมีสุขภาพจิตที่แปลก ไป 2.สารวจตามสภาพแวดล้อมใกล้ตัวว่ามีความเสี่ยงต่อการใช้โซเชียลอย่างผิดๆหรือไม่โดยสารวจจากพฤติกรรมของ วัยรุ่นใกล้ตัว เพื่อนๆรุ่นเดียวกันรวมถึงตนเองด้วย เพื่อดาเนินการเข้าช่วยเหลือ 3.หาวิธีเล่นโซเชียลอย่างไรให้ปลอดภัย ทาความเข้าใจและทดลองทากับตนเองก่อนหรืออาจจะทากิจกรรมอื่นเพื่อลด การติดโซเชียล 4.เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีจากตนเองแล้วก็นาไปแนะนาให้คนอื่นได้ลองปฏิบัติโดยเริ่มจากคนใกล้ตัว เช่นเพื่อนสนิท พี่ น้อง เป็นต้น เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน งบประมาณ ไม่เกิน300บาท(ค่าอินเตอร์เน็ตหรือค่าโทรศัพท์ ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน 1.ช่วยให้วัยรุ่นหันหน้ามาคุยกันทากิจกรรมอื่นๆที่ดีร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน 2.ลดอาการคิดในแง่ลบ จนนาไปถึงเกิดอาการวิตกกังวลเครียดจนทาให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมาได้ 3.ทาให้มีเวลาในการทาอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากขึ้น 4.ทาให้ลดจานวนคนสายตาสั้นในปัจจุบันเนื่องจากการจ้องมองหน้าจอนานๆ 5.ลดการเสี่ยงต่อการที่จะไปติดการพนัน สารเสพติดหรือเพื่อนที่ชวนไปในทางที่ไม่ดี สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย