More Related Content
Similar to ลดหวาน มัน เค็ม ลดอ้วนลดโรค.ppt
Similar to ลดหวาน มัน เค็ม ลดอ้วนลดโรค.ppt (20)
More from พรพจน์ แสงแก้ว (6)
ลดหวาน มัน เค็ม ลดอ้วนลดโรค.ppt
- 4. กินผักลดอ้วน ลดโรค (ต่อ)
กินผักให้ได้วันละ 4 ทัพพีในเด็กวัยเรียน (4 ช้อนกินข้าวต่อมื้อ)
ผู้ใหญ่ 6 ทัพพีต่อวัน (6ช้อนกินข้าวต่อมื้อ)
- 10. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน
เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ใช้ปรุงอาหาร ควรเลือกใช้เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน
หรือติดมันน้อย เช่น เนื้อไก่ ควรเลือกใช้ส่วนที่เป็นส่วนอกหรือ
สันในไก่ และหลีกเลี่ยงการใช้หนังไก่ หนังหมูในการปรุงอาหาร
ควรจากัดการบริโภคเครื่องในสัตว์ต่างๆ และไข่แดงในผู้ที่มี
ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดค่อนข้างสูง การบริโภคเนื้อปลา
ต่างๆ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเนื้อปลาส่วนใหญ่จะให้
โปรตีนคุณภาพดีและไขมันต่า
- 11. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน (ต่อ)
ปรับเปลี่ยนวิธีปรุงอาหารจากการทอดหรือผัดโดยใช้น้ามันมา
เป็นวิธีการต้ม นึ่ง หรือย่าง ก็จะเป็นวิธีการที่ช่วยจากัดปริมาณ
ไขมันในอาหาร
- 12. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน (ต่อ)
ผู้ที่ดื่มนมเป็นประจาอาจเลือกดื่มนมพร่องหรือขาดไขมันได้ เพื่อ
ช่วยจากัดมิให้ระดับไขมันในเลือดสูงเกินปกติ ไม่แนะนาให้งด
ดื่มนมเนื่องจากนมให้โปรตีน แคลเซียมและวิตามินบี 2 ที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกาย
- 13. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน (ต่อ)
ลดการกินอาหารแปรรูปพวกแฮม ไส้กรอก หมูยอ เบคอน กุนเชียง
ซึ่งมีไขมันสูง
- 14. หมูแฮม
หมูแฮม 1ขีด (100กรัม) มี 163 กิโลแคลอรี่ เป็นโปรตีน
16.6 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.83 กรัม
ไขมัน 8.6 กรัม โซเดียม 1.3 กรัม
แคลอรี่จากไขมันจะได้ 77 กิโลแคลอรี่ คิดเป็นพลังงาน
จากไขมัน 47% ของแคลอรี่ทั้งหมด
- 15. ไส้กรอก
ไส้กรอกหมู 1 ขีด (100 กรัม) มี 339 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 19.43
กรัม คาร์โบไฮเดรต กรัม ไขมัน 28.36 กรัม โซเดียม 0.75 กรัม
ไขมันสูงกว่าโบโลนาอีก คิดแคลอรี่จากไขมันได้255.24 กิโลแคลอรี่ คิด
เป็นพลังงานจากไขมัน 75% ของแคลอรี่ทั้งหมด
- 16. เบคอน
เบคอน 1 ขีด (100 กรัม) มี 517 กิโลแคลอรี่ครับ โปรตีน
29.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 0.8 กรัม ไขมัน 44.2 กรัม โซเดียม
1.42 กรัม
ไขมันมากที่สุด คิดแคลอรี่จากไขมันได้ 397.8 กิโลแคลอรี่ คิดเป็น
พลังงานจากไขมัน 77% ของพลังงานทั้งหมด
- 18. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน (ต่อ)
หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เช่น อาหาร เบเกอรี่ที่
ทาจากเนยเทียม เนยขาว และอาหารที่ใช้น้ามันทอดซ้า ได้แก่ ไก่
ทอด คุกกี้ เวเฟอร์ ขนมปัง มันฝรั่งทอด หรือเลือกกินในปริมาณ
น้อยและไม่ซ้าบ่อยๆ และในหนึ่งวันควรรับประทานอาหารพวก
ทอด ผัด หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันไม่เกิน 1 มื้อ
- 20. กิน ไขมัน แค่พอดี ไม่มีอ้วน (ต่อ)
อ่านฉลากก่อนซื้ออาหารทุกครั้งและถ้าเห็นคาว่า มาการีน ครีม
เนย ชีส ชีสซอส ซอสเนย ทอดกรอบ ทาน้ามันระหว่างอบ ให้
หลีกเลี่ยงอย่าซื้อ เพราะนี่แหละคือของแถมที่มากับความอ้วน
- 22. • กิน เกลือ เกิน
วันละ1 ช้อนชา
เสี่ยงต่อภาวะ
ความดันโลหิตสูง
* ลดการ เติมเครื่องปรุงรส
- 24. โซเดียมปานกลาง ปริมาณโซเดียม
(มก.)
ขนมปัง 1 แผ่น (30 กรัม) 120-150
ปลา กุ้ง ปลาหมึก2 ช้อนกินข้าว 120-140
นมสด 1 แก้ว (240 ซี.ซี.) 120-130
เนย/เนยเทียมชนิดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ 120-130
ถั่วอบกรอบ 2 ช้อนกินข้าว 120
ไข่เป็ด/ไข่ไก่ 1 ฟอง 110-120
- 26. โซเดียมสูง ปริมาณโซเดียม
(มก.)
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ 1,150
น้าพริกแกงเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ 750
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ 420-490
ข้าวคลุกกะปิ 1 จาน 1,745
บะหมี่สาเร็จรูป
พร้อมเครื่องปรุง 1 ซอง 1,320
ขนมจีนน้ายา 1 จาน 1,750
- 27. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค
ลดการใช้เครื่องปรุงรสในอาหาร เช่น ผงปรุงรส น้าปลา ซีอิ้ว
เกลือ ซอสปรุงรส เต้าเจี้ยว และผงชูรส
- 29. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค (ต่อ)
เลือกกินอาหารสดหรืออาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อย
ที่สุด เช่น กินเนื้อหมูดีกว่า กินไส้กรอก แฮม หมูยอ กุนเชียง
- 30. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค (ต่อ)
ลดความถี่และปริมาณการกินอาหารที่ใช้น้าจิ้ม เช่น น้าจิ้มสุกี้ หมู
กะทะ และลดการกินน้าพริกและอาหารที่ใส่เครื่องแกงต่างๆ ที่ใส่
เกลือ
- 31. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค (ต่อ)
ลดการกินขนมหวานที่มีเกลือ เช่นข้าวเหนียวกะทิ ข้าวหลาม
ขนมจาก ผลไม้แช่อิ่ม ขนมอบทุกชนิดที่ใส่ผงฟู เช่น เค้ก คุกกี้
โดนัท เป็นต้น
- 32. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค (ต่อ)
หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารสาเร็จรูป
อาหารกระป๋ อง ผงปรุงบะหมี่กึ่งสาเร็จรูปและขนมขบเคี้ยวและควร
อ่านฉลากโภชนาการทุกครั้ง ถ้าจาเป็นเลือกก็เลือกชนิดที่มีโซเดียม
น้อยที่สุด
- 33. ลดเค็ม ลดโซเดียม ลดโรค (ต่อ)
อาหารที่อ่อนเค็มเพิ่มการปรุงรสด้วยสมุนไพร
เครื่องเทศอาจจะใช้รสเปรี้ยวหรือเผ็ดนา
- 35. การบริโภคน้าตาลของคนไทย
๏ คนไทยกินหวานมากเฉลี่ยคนละ 22 ช้อนชาต่อวัน
ตามมาตรฐานโภชนาการไม่ควรเกิน คนละ 6 ช้อนชา
ต่อวัน
๏ น้าตาล 42 % มาจากเครื่องดื่มประเภทน้าอัดลม
รองลงมา ได้แก่ อาหารและขนม 27%
ผลิตภัณฑ์นม21%
๏ ดื่มน้าอัดลม 1 กระป
๋ อง ขนาดบรรจุ 325 มล.
ได้รับน้าตาลประมาณ 32.5-45.5 กรัม
หรือ 8.1-11.4 ช้อนชา
- 40. อาหารที่มีค่าดัชนีน้าตาลปานกลาง 55 – 70
อาหารที่มีค่าดัชนีน้าตาลสูง > 70
น้าอัดลม 63
ข้าวขัดสี 64
ก๋วยเตี๋ยว 61
น้าผึ้ง 55
บะหมี่ 57
ไอศครีม 61
น้าตาลกลูโคส 100
มันฝรั่งบด 85
ข้าวเหนียว 92
โดนัท 76
มันเทศ 61
น้าตาลทราย 68
ขนมปังขาว 70
- 46. 10 วิธีลดความหวาน
1. หยุดเติมน้าตาล เป็นวิธีง่ายที่สุดและเห็นผลในการลดน้าหนักและพลังงาน
เพราะคนเป็นจานวนมากชอบเติมน้าตาลในกาแฟ ชา นมถั่วเหลือง
ก๋วยเตี๋ยว
2. อย่าหลงคารมกับคาว่า “น้าตาลสุขภาพ” เช่น น้าตาลทรายแดง น้าตาลกรวด
ไม่ว่าจะเป็นน้าตาลชนิดใดก็ล้วนแต่ให้พลังงานที่ว่างเปล่า
3. ใช้ความพยายามอย่างจริงจังที่จะลดหรือกาจัดคาร์โบไฮเดรตแปรรูป
จาพวกขนมปังขาวและเบเกอรี และของว่าง-ขบเคี้ยว เพราะส่วนใหญ่ทามา
จากแป้ง ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปเป็นน้าตาลในเลือดได้เร็วพอๆ กับการกิน
กลูโคส นอกจากนี้คาร์โบไฮเดรตที่เหลือใช้จะถูกเก็บสะสมเป็นไตรกลีเซอ
ไรด์ซึ่งเป็นไขมันที่ร่างกายเก็บเป็นเสบียงและทาให้อ้วน
- 47. 4. ระวังของว่างไร้ไขมัน จากความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ถ้าอาหารไร้ไขมันจะไม่ทาให้
อ้วนจริงๆ แล้วก็คืออาหารไร้ไขมันไม่ได้หมายความว่าไร้แคลอรี นอกจากนี้
ส่วนใหญ่ยังมักจะมีน้าตาลมากด้วย
5. เลือกซื้อผักผลไม้ให้หลากหลายสี เพราะสีผักผลไม้จะบ่งบอกถึงสาร
ธรรมชาติที่ให้ผลในการป้องกันโรค
6. ทาตัวเป็นนักสืบอาหาร จงอ่านฉลากอาหารเพื่อค้นหาน้าตาลและไขมันไม่ดี
7. ระวังสารให้ความหวานเทียมหรือสารทดแทนความหวาน ซึ่งอาจทาให้
ร่างกายมีความอยากน้าตาลหรือคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจลด
ระดับโครเมียมที่สะสมในร่างกาย และโครเมี่ยมเป็นแร่ธาตุสาคัญที่เกี่ยวข้อง
กับการรักษาระดับน้าตาลในเลือด