e-book ที่เหมาะกับคนที่สนใจจะเป็นโค้ชผู้บริหารมืออาชีพ จากประสบการณ์การ Mentoring ของโค้ชเกรียงศักดิ์ ที่มีต่อโค้ชสี่คน

1. สี่เสนทางสู

2. โคชมืออาชีพ
บันทึกจากงานสัมมนา เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2557
โคชเกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย, โคชชัยรัตน' วงศ'จินดานนท'
โคชดไนยา ตั้งอุทัยสุข, โคชรงค' จิรายุทัต, โคชศรัณย' จันทพลาบูรณ'

3. 2
สี่เสนทางสู

4. โคชมืออาชีพ
4Pathways to be Executive Coach
13 กันยายน 2557
หอง Lotus Suit 7 โรงแรมเซนทาราแกรนด' เซ็นทรัลเวิลด'

5. งานสัมมนานี เกิดจากความตั งใจทีจะแบ่งปัน
ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ทีต้องการ
เป็นโค้ชผู้บริหาร (Executive Coach) โดยโค้ชเกรียงศักดิ 4นิรัติพัฒนะศัย ได้นำเสนอ 9
เส้นทางของลูกศิษย์ทีได้รับการถ่ายทอดวิชาและโค้ชอย่างใกล้ชิดจนเป็นโค้ชผู้บริหารมือ
อาชีพในปัจ
จุบัน
3
เส้นทางของการเป็นโค้ชผู้บริหาร 9 เส้นทางมี ดังนี
@. โค้ชโจ้ คุณชัยรัตน์ วงศ์จินดานนท์ เป็นโค้ชภายใน D9 ชม.
D. โค้ชหนิง ดร.ดไนยา ตัง อุทัยสุข เป็นโค้ชนักเรียนทุน ECS
F. โค้ชรงค์ คุณรงค์ จิรายุทัต เป็นโค้ชจาก YouTube
9. โค้ชศรัณย์ คุณศรัณย์ จันทพลาบูรณ์ เป็นโค้ชจากเป็ดย่าง

6. 4
สารบัญ
หน้า
ความเป็นมา 5
นิยามของโค้ชผู้บริหาร 8
ภาคแรก: สีเส้นทางสโู่ค้ชมืออาชีพ 11
ภาคสอง: โค้ชกับเคสประทับใจ 36
ภาคสาม: แลกเปลียนเรียนรู้สเู่ส้นทางโค้ชมืออาชีพ 46
ภาคสี: เพือนชวนคุย 51
ขอบคุณผู้ร่วม “Pay it Forward” 66
ประวัติโค้ช 68

7. 5
ความเป็นมา
โค้ชเกรียงศักดิ 4นิรัติพัฒนะศัย
โค้ชผู้บริหาร หรือ Executive Coach เป็นเรืองใหม่ในประเทศไทย มีผู้สนใจจำนวนมาก
ต้องการจะผันตัวมาทำอาชีพนี ในฐานะทีผมเป็นผู้บุกเบิกในเรืองนี โดยผมเรมิให้บริการ
“การโค้ชผู้บริหาร” ครัง แรกเมือปีพ.ศ. 2546 โดยในช่วงเรมิต้นผมยังทำงานควบคู่กับการ
เป็นวิทยากรฝึกอบรมในเรืองภาวะผู้นำ จนกระทังปัจ
จุบันงานผมเกือบทัง หมดเป็นงานโค้ช
ผู้บริหารแบบตัวต่อตัวโดยเลือกรับงานวิทยากรน้อยมาก
12 ปีทีผ่านมาผมทำงานโค้ชแบบลองผิดลองถูก ทีจริงแล้วทำผิดมากกว่าทำถูก เรียกว่าเป็น
การเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าอบรมการเป็นโค้ชจากสถาบันใด ผม
เรียนรู้เสริมด้วยการอ่านหนังสือ ดูยูทูป ถามจากโค้ชเก่งๆ มีทัง ลงทุนจ้างโค้ชขัน เทพให้มา
โค้ชผมเวลามีปัญ
หาเรืองงาน และทีได้เรียนรู้มากจริงๆ คือ การลองโค้ช “โค้ชมือใหม่” แบบ
ตัวต่อตัว
ในสามปีทีผ่านมา ผมมีโอกาสโค้ช “โค้ชมือใหม่” หลายคน แต่มีสีคนทีผมคิดว่าพวกเขา
ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และผมชืนชมว่าพวกเขาเป็นโค้ชมืออาชีพในเวลาอันสัน แต่ละคน
มีวิธีการเรียนรู้ทีน่าสนใจมาก และผมเชือว่าโค้ชมือใหม่ท่านอืนๆ หรือแม้กระทังโค้ชมือ
อาชีพก็ตามสามารถจะเรียนรู้กระบวนการสีเส้นทางทีพวกเขา “ผ่านประสบการณ์” นัน ๆ มา
ได้แน่นอน
เราลองมาดูกันครับว่าเส้นทางของแต่ละคนนั นมากันได้อย่างไร

8. ชัยรัตน์ วงศ์จินดานนท์ เป็นวิทยากรร่วมกับผมสอนเรือง “นำเสนออย่างมีพลังแบบมือ
อาชีพ” มาหกปี เมือสามปีทีแล้ว เขาสนใจอยากเป็นโค้ชผู้บริหาร ผมจึงใช้เวลาประมาณ
24 ชัวโมงในการโค้ชเขา แต่กระจายเวลาในการโค้ชออกไปในช่วงระยะประมาณ 1 ปี ส่วน
ใหญ่เป็นการโค้ชกันทางโทรศัพท์ ประสบการณ์การทำงานเป็นโค้ชมือใหม่โดยมีผมเป็นโค้ช
พีเลีย งให้เขาทำให้เขามีศักยภาพประมาณ 5 ปีหากเทียบกับการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก
ของผมเอง
ดร.ดไนยา ตัง'อุทัยสุข เจ้าของกิจการ SME ในขณะเดียวกันก็มีบริษัทฝึกอบรมและเป็น
วิทยากรทีหลากความสามารถคนหนึง เธอได้เข้าโครงการอบรม Executive Coaching
Scholarship (ECS) ท่านสนใจสามารถจะหาข้อมูลเกียวกับ ECS ได้ทีนี ซึงผมบันทึกการ
สอนหกวันจำนวน 135 ตอน http://www.youtube.com/playlist?list=PLC7439567972EBB20
เธอเป็นโค้ชมือใหม่ทีผมยกให้เธอเป็นทีหนึงในรุ่นในเรืองของความสามารถในการโค้ช
วิทยายุทธ์ทีผมสอนเธอนัน เธอเก็บหมดทุกเม็ด หลังจากจบแล้วเธอก็รับงานโค้ชควบคู่กับ
งานสอนและบริหารธุรกิจส่วนตัวไปด้วย
รงค์ จิรายุทัต สามีของดร.ดไนยา เป็นอดีตผู้บริหารในองค์กร และเป็นนักธุรกิจทีประสบ
ความสำเร็จ ได้ผันตัวออกมาทำงานวิทยากรและโค้ชมาระยะหนึง ในระหว่างทีดร.ดไนยา
มาเรียน ECS คุณรงค์ก็เรียนโดยการดูยูทูปตามไปด้วย เมือจบการดูคลิป 135 ตอนแล้ว
คุณรงค์ก็ลองนำความรู้นัน ไปฝึกฝน และระหว่างทางก็มาขอหารือกับผมบ้างไม่กีครัง แต่ว่า
คุณรงค์สามารถจะนำความรู้ทีได้จากการดูยูทูปไปยกระดับพัฒนาศักยภาพการโค้ชของเขา
เอง ผมลองให้เขาโค้ชผมดูแล้วก็ต้องยอมรับว่าน่าชืนชมมากว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองของ
คุณรงค์จากยูทูปเป็นส่วนใหญ่นัน สามารถพัฒนาไปได้ยอดเยียมจริงๆ
ศรัณย์ จันทพลาบูรณ์ วิทยากรสอนเรืองความคิดสร้างสรรค์ การคิดคร่อมกรอบ
ภาวะผู้นำแบบความคิดสร้างสรรค์ เป็นวิทยากรทีมีสีสันหาตัวจับยากคนหนึงของเมืองไทย
คุณศรัณย์ติดต่อมาให้ผมโค้ชเขาแบบตัวต่อตัวเมือสองปีทีผ่านมา เขาสนใจจะฝึกการเป็น
6

9. โค้ชด้านจุดแข็ง และการโค้ชด้านความคิดสร้างสรรค์แบบตัวต่อตัวและแบบเป็นกลุ่มผมพบ
กับคุณศรัณย์สีครัง แต่ละครัง เราคุยกันครึงวัน โดยคุณศรัณย์จ่ายค่าเล่าเรียนเป็นเป็ดย่าง
ปลาย่าง ก๋วยเตีqยวหมู ฯลฯ และเราโค้ชกันโดยคุยกันทางโทรศัพท์หลายครัง ณ จุดนี
คุณศรัณย์มีศักยภาพและความพร้อมทีจะเป็นโค้ชมืออาชีพของเมืองไทยอีกคนหนึง
ทัง สีคนไม่ได้จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผมเลย แต่ว่าพวกเขาสามารถพัฒนาตนเองขึน มาเป็นโค้ช
มืออาชีพได้ ผมคิดว่าประสบการณ์การเรียนรู้ของพวกเขา น่าจะส่งต่อให้ท่านผู้สนใจอยาก
เป็นโค้ชทีดีและเก่งแบบพวกเขาได้บ้าง
จึงเป็นทีมาของงานสัมมนาเรือง “สีเส้นทางสู่โค้ชมืออาชีพ” - ถอดรหัสของการเรียนรู้การ
เป็นโค้ชมืออาชีพ “จากประสบการณ์” เป็นการสัมมนา 3 ชัวโมงเพือสร้างแรงบันดาลใจ
สำหรับบุคคลทีสนใจทีต้องการเป็นโค้ชมืออาชีพ
7
ท่านสามารถชมการเทปการสัมมนาได้ที
http://www.youtube.com/playlist?list=PLtptBSBkUUIxXyNU{V-fOTOlxxfNILROu

10. 8
นิยามของ “โค้ชผู้บริหาร”
นิยามของคำว่า โค้ชผู้บริหาร คือ เพือนชวนคิด
เพือน หมายถึง ความเสมอกัน
ชวนคิด หมายถึง การชวนคิดโดยการตัง คำถามให้คิด ส่วนใหญ่เป็นเรืองความคิด
ระวังจากคำว่า ชวน หากกลายเป็นคำว่า ช่วย บทบาทจะเปลี0ยนไปเป็น อาจารย์,
วิทยากร,กูรู,ที0ปรึกษา,พี0เลี'ยง

11. 9
ตัวอย่างเปรียบเทียบการบอกและการถามเมื0อคนเกิดปัญหา
ฉากที0หนึ0ง: การแนะนำ
”พีครับ ผมเพงิได้ทีวีรุ่นใหม่จอโค้งมาอยากอวด” โจ้ชวนผมมาทีบ้านเขาเพือโชว์ทีวีใหม่ที
เขาภูมิใจ
เมือผมมาถึงบ้านเขา เราสองคนก็ตรงไปทีห้องโฮมเธียเตอร์ทันที
ห้องโฮมเธียเตอร์บ้านโจ้มีของเต็มไปหมดเป็นทั งห้องหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และเล่น
ดนตรี
“พีครับ ผมหารีโมทไม่เจอครับ”
“โจ้ รูปร่างมันเป็นอย่างไรเดีqยวผมจะช่วยหา”
“เหมือนรีโมทเวลานำเสนอกับโน๊ตบุ๊คเลยครับ เรามาช่วยกันหาละกัน”
แล้วเราสองคนก็รีบตะลุยหารีโมท ผ่านไปครึงชัวโมงก็หาไม่เจอ ปรากฎว่าห้องกระจุย
กระจายไปเหมือนโดนโจรปล้น
“โจ้ เรากลับก่อนละ วันหลังหาเจอแล้วเราค่อยมาดูกันใหม่”
ฉากท0ีสอง: การตัง'คำถาม
”พีครับ ผมเพงิได้ทีวีรุ่นใหม่จอโค้งมาอยากอวด” โจ้ชวนผมมาทีบ้านเขาเพือโชว์ทีวีใหม่ทีเขา
ภูมิใจ
เมือผมมาถึงบ้านเขา เราสองคนก็ตรงไปทีห้องโฮมเธียเตอร์ทันที

12. 10
ห้องโฮมเธียเตอร์บ้านโจ้มีของเต็มไปหมดเป็นทั งห้องหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และเล่น
ดนตรี
“พีครับ ผมหารีโมทไม่เจอครับ”
“ครัง สุดท้ายโจ้ใช้มันเมือไร”
“เมือคืนครับ”
“โจ้ ลองคิดดูซิว่า เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี ไหม”
โจ้หยุดคิดสักครู่
“อ๋อ เคยครับ เครืองก่อนก็เป็นแบบนี เลยครับ ตอนซือ มาใหม่ๆ ลูกชายผมดูเสร็จแล้วหยิบติด
มือไปทิง ไว้ในครัว”
ว่าแล้วเขาก็รีบวิงเข้าครัวแล้ววิงกลับมาพร้อมรีโมทในมือ
หากนึกถึงนิยามของคำว่า “เพื0อนชวนคิด” ก็สามารถนึกถึงกรณีตัวอย่าง รีโมทหาย

13. 11
ภาคแรก
“สี่เสนทางสู

14. โคชมืออาชีพ”

15. 12
เส้นทางที0 1 : โค้ชชัยรัตน์ วงศ์จินดานนท์
ในช่วงแรกนี พวกเราจะมาเล่าให้ฟัง
ว่าเรามาเป็นโค้ชผู้บริหารได้อย่างไรและได้เรียนรู้อะไร
จากประสบการณ์นี กันบ้าง
เวลามีคนถามผมว่ามาเป็นโค้ชผู้บริหารได้อย่างไร ผมก็มักจะบอกว่าถ้าให้ตอบสัน ๆ ก็คือ
“ฟ้าลิขิต” แต่ผมเพงิมารู้จากพีเกรียง (ส่วนตัวผมเรียกโค้ชเกรียงศักดิว4่าพีเกรียง) เมือไม่
นานมานี ว่าในมุมมองของแกเป็นอีกแบบหนึง
ผมเรมิต้นจากการทำงานบริษัทมาก่อนประมาณ 10 ปีครับ อยทูี่ L’Oreal 1 ปี และที Nestle
อีก 9 ปี ครึงหนึงอยู่ในฝ่ายขาย อีกครึงหนึงอยู่ในฝ่ายการตลาด ในปี 2004 ผมได้ลาออกจาก
งานแล้วก็มาเป็น Freelance Trainer โดยรับงานเป็นโปรเจคช่วยบริษัทรุ่นพีชือ คุณธเนศ
ตัง เจริญมันคง และพีธเนศนีล่ะครับก็แนะนำให้รู้จักกับพีเกรียง ในตอนนัน พีเกรียงก็แนะนำ
ให้รู้จัก tool ทีชือ StrengthsFinder ครับ หลังจากนัน เราก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยเป็นเวลา 3-4 ปี
ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ในระหว่างนัน ผมก็เห็นข่าวของพีเกรียงเป็นระยะๆ จากโบรชัวร์ของ
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยเพราะพีเกรียงไปสอนหลักสูตร Presentation Skills ให้ที
นัน
แล้ววันหนึงผมก็ได้รับการติดต่อจากลูกค้าซึงเป็นบริษัทข้ามชาติรายหนึง ลูกค้าท่านนัน
บอกว่า อาจารย์เกรียงศักดิเ4คยช่วยงานเรา ผมก็นึกได้ว่าเรารู้จักนี โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที
จะทำการบ้านเยอะๆ ก่อนไปพบลูกค้า ผมก็เลยโทรไปหาพีเกรียงเพือขอคำแนะนำว่าลูกค้า
รายนี เป็นอย่างไร พีเกรียงก็ยินดีเล่าข้อมูลของลูกค้ารายนี ให้ฟัง
ผมก็เลยถือโอกาสขอไป
observe หลักสูตร Presentation Skills ของพีเกรียงด้วย เพราะช่วงนัน ผมเองก็มีสอนเรืองนี
อยู่พีเกรียงก็บอกว่า “ได้ มาเลย”

16. ตอนนัน พีเกรียงมีสอนเรืองนี ให้แก่หน่วยงานราชการโดยสอนฟรีไม่คิดเงิน ถือเป็นการช่วย
ชาติ ผมก็ไปนัง observe จบไปหนึงวัน พอขึน วันที 2 พีเกรียงก็บอกให้ผมขึน ไปช่วยให้
feedback กับคนทีเข้าเรียนหน่อย ผมก็ขึน ไปทำตามธรรมชาติของผมล่ะครับ พอจบวันพี
เกรียงก็มาคุยกับผมว่า “โจ้..คุณทำได้ดีนะ สนใจจะมาทำงานภายใต้แบรนด์ เดอะโค้ชไหม?”
ตอนนัน ผมก็แปลกใจและดีใจทีผู้ใหญ่เมตตาให้โอกาสเรา ก็เลยรับว่ายินดีครับ
หลังจากนัน เวลามีงานอะไรพีเกรียงก็พาผมไปด้วย ก็ไปช่วยกันสอน ในช่วงนัน เองผมก็มีงาน
ไม่ค่อยเยอะ ผมก็เลยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพีเกรียงว่า ถ้ามีงานอะไรรบกวนพีช่วย
แนะนำผมหน่อยได้ไหมครับ? พีเกรียงก็บอกว่าได้ ถ้ามีงานอะไรทีผมคิดว่าเหมาะกับคุณ
เดีqยวผมจะส่งให้
ช่วงเวลาทีทำงานสอนเรือง Presentation Skills อยดู่้วยกัน 2 ปีนัน ผมก็ได้สังเกตและศึกษา
เรียนรู้วิธีการทำงาน การออกแบบหลักสูตร Design การสอน การ facilitate workshop ทุก
อย่างทีพีเกรียงทำ ผมได้เรียนรู้เยอะมากรวมถึงเคสต่างๆทีพีเกรียงได้เรียนรู้จากการไปโค้ช
ผู้บริหารรายบุคคลด้วย ซึงสำหรับผมตอนนัน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะรู้สึกว่า Executive
Coach มันเป็นเรืองไกลตัว ก็เลยรับแต่ประโยชน์ทีได้จากแง่คิด
แล้ววันหนึงพีเกรียงก็ถามผมว่า โจ้..คุณสนใจเรือง Executive Coach ไหม? ถ้าสนใจเดียqว
ผมจะสอนให้ ถ้าถามผมจริงๆ ตอนนั นผมก็เฉยๆนะครับเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้หรือ
เปล่า แต่ในเมือส้มลอยมาผมก็รับไว้ก่อน เลยตอบว่าสนใจครับ พีเกรียงก็เลยสอนให้แล้วก็
บอกว่า “ก่อนอืนคุณต้อง unlearn หลายอย่าง” ผมก็งง ในใจก็คิดว่า unlearn อะไร? เรา
เรียนรู้มาก็หลายอย่าง ทำไมต้อง unlearn ด้วย? แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็คิดว่าคงเหมือนหนัง
จีนกำลังภายในมัง ทีจะได้ฝึกสุดยอดวิชาต้องทำลายวิทยายุทธ์เดิมก่อน งัน unlearn ก็
unlearn และเชือว่าพีเกรียงคงคิดดีแล้ว แล้วแกก็สอนว่ากระบวนการทำอย่างไร ให้ไปอ่าน
หนังสือเล่มไหน คือเราทำงานด้วยกันเยอะผมก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดและฟังคำแนะนำเยอะครับ
ในปี 2010 หลังจากทีพีเกรียงสอนผมจบ แกก็บอกผมว่า ตอนนี ในเชิงทฤษฎีผมไม่มีอะไรจะ
สอนคุณแล้วล่ะ สงิทีคุณต้องทำคือคุณต้องมีเคสจริงแล้ว แล้วแกก็แนะนำให้ผมไปเจอกับ
CEO ของสถาบันสอนภาษา WallStreet ครับ ซึงเป็นเพือนและหัวหน้าเก่าของพีเกรียงนะ
13

17. ครับ ให้ผมไปเสนอโค้ชผู้บริหารของเขาฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย ผมก็ไปหาCEO ท่านนี ชือ มิเชล
เลอ เกเลค (Michel Le Quellec) เป็นชาวฝรังเศสอายุ 50 กว่าในเวลานัน โดยมารยาทแล้ว
เราจะไม่บอกชือผู้บริหารทีเราไปโค้ช แต่เคสนี เป็นการฝึก และคุณ Michel ก็ยินดีอยากจะให้
แชร์ก็เลยเล่าให้ฟังได้
ตอนทีผมไปเจอคุณมิเชล ผมก็บอกไปว่าผมกำลังฝึกทักษะเรือง Executive Coach อยู่ถ้ามี
ผู้บริหารท่านไหนของแกสนใจ ผมยินดีทีจะโค้ชให้ฟรี ไม่คิดเงิน คุณมิเชลก็บอกว่า “Yes.
Coach me.” ผมก็ตกใจ แต่ก็ถือเป็นโอกาสทีจะได้โค้ชผู้บริหารระดับสูงสุดตัวจริง ผมก็เลย
บอก OK แล้วผมก็ตัง ใจโค้ชตามกระบวนการทีได้รับการสอนมา
วิธีการทำก็คือว่า ทุกครัง ก่อนทีผมจะไปเจอในแต่ละ session ตัง แต่ Chemistry
Readiness Check, 360 องศา Interview การ Debrief แล้วก็การโค้ชในแต่ละครัง ผมจะโทร
หาพีเกรียงก่อนแล้วเล่าว่า วันนี ผมเตรียมตัวมาอย่างนี และจะทำแบบนี นะ พอพีเกรียงให้
ความเห็นเสร็จ ผมก็จะไปทำ พอจบ session ปุ๊บ ไม่พีเขาโทรหาผม ผมก็โทรหาแล้วคุยกัน
ประมาณครึงชัวโมงครับ ผมจะเล่าให้ฟัง
ว่าเกิดอะไรขึ นและได้ทำอะไรไปบ้าง ตรงนี ผมได้
เรียนรู้เยอะมากเลย ซึงเป็นคนละเรืองกับเชิงทฤษฎีเลยนะครับ
และต้องบอกว่าผมอึดอัดมากพอสมควร เพราะว่าผมถนัดการเรียนรู้แบบเห็นตัวอย่าง ถ้ามี
คนทำให้ผมดู แล้วผมทำตามผมจะรู้ว่าควรทำอย่างไร แต่งาน Executive Coach นีมันไม่
เห็นครับ ผมจะขอพีเกรียงไป observe ตอนทำงานก็ไม่ได้ เพราะมัน Private ก็ต้องมาเจอ
จากการทำด้วยตัวเองละครับ
จากทีได้รับ Feedback หลายๆครัง บางครัง ผมคิดว่าผมทำได้ดีแล้ว จบ session นี ผมแฮปปี
รู้สึกว่าทำได้ดี แต่พอได้ฟังการชี แนะของพีเกรียงผมก็พบว่า เออ..ยังมีหลายจุดทีเราพลาดไป
เรา overlook บางเรือง เราไม่ได้ read between the line เรืองนี อะไรหลายอย่าง เราก็ได้
เรียนรู้ บางครั งผมรู้สึกว่า วันนี แย่มากเลย แต่พอมาเล่าให้พีเกรียงฟัง
พีเกรียงบอกว่า
สถานการณ์อย่างนี คุณทำดีแล้ว เพราะนีมันคือจังหวะของสถานการณ์ มันต้องเป็นอย่างนี
แหละแล้วคุณก็ handle ได้ถูกต้องแล้ว ผมก็อ๋อ แล้วจึงเข้าใจมากขึน
14

18. แล้วด้วยความทีผมเป็นคนแบบนี ละครับ ต้องการความชัดเจน มีอยคู่รัง หนึงผมก็ซักไซร้ซะ
จนพีเกรียงก็ตอบจนทนไม่ไหว แล้วบอกว่า “ถ้าคุณต้องการความชัดเจนทุกเรืองก่อนไปโค้ช
เนีย ผมจะเลิกสอนคุณแล้ว” ผมก็อึ งไป ในใจก็คิดว่า เอ..เราทำอะไรผิดวะ เราก็ต้องทำ
การบ้านอย่างดีซะก่อนสิ แต่ผมก็สงบปากสงบคำไม่ได้พูดอะไร 2-3 วันต่อมา พอพีเกรียง
อารมณ์ดีขึ น ก็มาคุยทำความเข้าใจกัน แล้วแกก็สอนผมต่อ ผมก็เลยรู้ว่าไอ้งานนี มันไม่
สามารถจะชัดเจนได้ 1-10 เหมือนเทรนนิงหรืองานอืนๆหรอกครับ โดยธรรมชาติของงานก็
จะเป็นแบบนี
พอหลังจากโค้ชคุณมิเชลได้เกือบปี คุณมิเชลก็แฮปปี พอใจกับผลงาน แล้วบอกผมว่า “ผม
อยากจะจ้างคุณมาโค้ชผู้บริหารของผม” แล้วงานแรกของผมก็เรมิทีนัน ซึงผมเองก็ยังไม่
มันใจทีจะเก็บเงินเขา ก็เลยปรึกษาพีเกรียงๆ ก็บอกว่า ถ้าอย่างงัน คุณก็ลดราคาให้เขาสิ
หลังจากนัน ผมก็พัฒนาตัวเองมาเรือยๆ จนทำเต็มตัวมาถึงตอนนี
เล่ามาถึงตอนนี ก็อยากจะขอขมวดสักนิดหนึงว่า ทีพีเกรียงบอกว่าเป็นโค้ชได้ภายใน 24
ชัวโมง ก็คือการเอาเวลาทีคุยกัน ก่อนและหลังการโค้ชแต่ละ session ตลอด 1 ปีทีผ่านมา
มารวมกันก็ได้ประมาณ 24 ชัวโมง และช่วงฝึกหรือรับงานโค้ชใหม่ๆ ผมก็จะขออนุญาต
ลูกค้าก่อนเสมอว่า จะนำเรืองของเขาไปปรึกษา Master Coach ของผมอีกทีนะ เพราะผมยัง
ไม่เก่ง ผมก็บอกลูกค้าตรงๆ ถ้าลูกค้ารับได้ผมก็รับงาน พีเกรียงก็ทำหน้าทีเหมือนเป็นครู
เป็นโค้ช เป็นพีเลี ยง เป็นพี เป็นหลายๆ อย่าง ผมก็โชคดีมากครับทีผู้ใหญ่ให้ความเมตตา
กรุณา
ถ้าจะดูว่าเรืองทัง หมดทีเล่ามา ส่วนตัวผมได้เรียนรู้อะไร หรือเกิดแง่คิดอะไรจาก
ประสบการณ์นี บ้าง ผมก็สรุปได้ 3 อย่างครับ
เร0ืองแรก เป็นเรืองตอนจังหวะทีผมงานไม่เยอะ แล้วไปขอให้พีเกรียงช่วยเหลือ ตอนนัน
ส่วนตัวผมเองรู้สึกอึดอัดมากนะครับ เพราะปกติแล้วผมไม่ค่อยขอความช่วยเหลือใครในเรือง
สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยงิคนทียังไม่สนิท ตอนทีผมไปเอ่ยปากผมต้องใช้ความพยายาม
พอสมควรทีเดียว แต่ทีกล้าก็เพราะว่ามันมีสัญญาณบางอย่างมาแล้วครับ เช่น ขอคำแนะนำ
15

19. พีเกรียงก็สอน ขอไป observe แกก็ให้ แถมยังชวนเราทำงานด้วยอีก ก็เลยคิดว่ามีโอกาสที
แกจะให้ความเมตตาเรา
การทีผมกล้าเอ่ยปากไป ส่วนหนึงมันก็ช่วยทำให้อัตตาผมลดลง เพราะผมต้อง surrender
ก่อนใช่ไหมครับ ผมถึงจะกล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ พออัตตาผมลดลง กรอบความคิด
บางอย่างของผมก็เปลียนไป ทีผ่านมาผมคิดว่าทุกเรืองต้องทำเองให้สำเร็จถึงจะเก่ง จะดูดี
ต้องเอาชนะทุกอย่างด้วยตัวเอง การขอความช่วยเหลือจะทำให้ตัวเองดูไม่ดี วิธีคิดในเรืองนี
ผมก็ปรับไป
สงิทีเรียนรู้ เร0ืองท0ีสอง ก็คือ ตอนทีพีเกรียงเสนอทีจะสอนเรือง Executive Coach ให้ ทีผ่าน
มาผมก็ยังไม่ทราบนะครับว่าทำไมแกถึงเสนอทีจะสอนให้ผมเอง ก็เลยคิดว่าโชคดีฟ้าลิขิต
ล้วนๆ ผมเพงิมารู้ทีหลังเมือไม่นานมานี เอง พีเกรียงบอกว่า “ถ้าตอนนัน คุณยังทำเรืองทีทำ
อยู่ในปัจ
จุบันได้ไม่ดี (คือการสอนเรือง Presentation Skills) ผมก็จะยังไม่สอนเรืองใหม่
ให้กับคุณ เพราะคุณจะยังไม่พร้อม ศักยภาพของคุณจะยังไม่ได้ แต่เมืองานปัจจุบันคุณทำได้
ดีมากแล้ว แสดงว่าคุณพร้อมทีจะโตต่อ ผมเลยสอนเรืองนี ให้”
เรืองนี ทำให้ผมได้แง่คิดอีกอย่างหนึงว่า ก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือใครเรืองใหม่ๆ เรา
ควรจะทำเรืองทีทำอยู่ในปัจ
จุบันให้ดีซะก่อน ไม่อย่างนั นก็เหมือนกับว่าเรายังไม่ได้พิสูจน์ว่า
เรามีศักยภาพพอทีจะเรียนรู้เรืองทีสูงขึน ถ้านึกย้อนกลับไปตอนทีผมขอให้พีเกรียงช่วยเรือง
งาน พีเกรียงบอกว่าจะช่วยก็เพราะผมเห็นผลงานของคุณจากการทำงานสอนร่วมกันมา คุณ
ทำงานได้ดี ถ้าผมส่งงานให้คุณผมก็ไม่เสียชือแน่ และครัง ทีสองนี ไม่ต้องขอ แกให้เองเลย
เพราะเห็นว่าผมทำเรือง Presentation Skills ได้ดีมากแล้ว เพราะฉะนัน เรืองเส้นทางของผม
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฟ้าลิขิตอย่างเดียวอย่างทีเข้าใจแล้ว แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่เห็นความตัง ใจ
และผลงานของเราด้วย
สงิทีเรียนรู้ เร0ืองท0ีสาม ของผมก็คือ ธรรมชาติของงาน Executive Coach จะคลุมเครือครับ
มันจะไม่มีความชัดเจน ขัน ตอนมันจะชัด แต่ถ้าเราต้องการจะรู้ว่าเราเข้าไปคุยกับลูกค้าหรือ
โค้ชชีครัง นี แล้วทุกอย่างมันจะต้อง 1 2 3 4 ตัง แต่ต้นจนจบนี จะไม่มีทางทีจะเป็นอย่างนัน
16

20. เพราะว่า Conversation จะพาเราไปไหนก็ไม่รู้ สงิทีอยู่ในหัวผู้บริหารเกิดอะไรขึน เราก็ไม่รู้
เพราะฉะนัน เราไม่สามารถทีจะไปกำหนดได้หรอกว่าจะไปช่วยอะไร เป็นขัน เป็นตอน
ล่วงหน้าอย่างไร ธรรมชาติของงานจะไม่มีความชัดเจนเหมือนงานอืน เราต้องอยู่กับ
ธรรมชาติตรงนั นได้ หลังจากทำงานมาความคลุมเครือนั นก็ค่อยๆ ลดลงนะครับ ความอึดอัด
ของผมก็ค่อยๆ ลดลงไปเยอะ แต่ความคลุมเครือก็ยังมีอยู่ หลายครัง ทีคุยกับพีเกรียงๆ ก็
บอกว่าความคลุมเครือก็ยังมีอยู่ทุกวันนี เพราะนันคือธรรมชาติของงาน ทีเล่าตรงนี ให้ฟัง
เพราะอยากให้ทุกคนมีกำลังใจครับว่า บางทีมันเหมือนไม่มีความชัดเจน แต่นีคือธรรมชาติ
ของงานครับไม่ใช่เป็นเพราะว่าเรามองมันไม่ออก
เอาละครับ เรืองของผมน่าจะสรุปไว้ตรงนี ก่อนก็คือ เส้นทางของผมมาโดยการ Close
Supervision เกาะติด ประกบตลอดตัง แต่ต้นจนจบอย่างใกล้ชิดของโค้ชเกรียงศักดิ 4เดียqว
ท่านถัดไปจะมาเล่าให้ฟังว่าสไตล์ทีเธอเรียนรู้มาเป็นอย่างไรครับ
17

21. 18
เส้นทางที0 2 : โค้ช ดร.ดไนยา ตัง'อุทัยสุข
ดร.ดไนยา ตัง อุทัยสุข หรือโค้ชหนิง เจ้าของธุรกิจ SME บริหารธุรกิจมา 18 ปีแล้ว ใน
ขณะเดียวกันก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยด้วย
ตลอดเวลาของการเป็นนักธุรกิจ ต้องการพัฒนาธุรกิจให้ดีขึน เต็มศักยภาพมากขึน มี
ประสิทธิภาพมากขึน หนิงได้พยายามใช้วิชาการทีมีอยมู่าสนับสนุนธุรกิจ สร้างระบบ พัฒนา
งาน ในขณะเดียวกันก็มีความตระหนักว่า เราก็ต้องพัฒนาตัวเราเองในฐานะทีเป็นผู้นำ
องค์กรด้วย จึงได้ไปเรียนรู้หลักสูตรต่างๆทัง ในและต่างประเทศ รวมทัง วิชา NLP (Neuro
Linguistic Programming)
วันหนึงได้อ่านคอลัมน์ของ อาจารย์เกรียงศักดิ 4ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และได้นำความรู้
จากบทความนัน ไปพัฒนาธุรกิจ ... และนีก็เป็นจุดเรมิต้นเส้นทางโค้ชแบบ Executive Coach
เพือให้สะดวกต่อการเรียนรู้ จึงจะขอเล่าเส้นทางสกู่ารเป็นโค้ชมืออาชีพผ่านชือ NING
N : Knowledge ความรู้
I: In Action การลงมือปฏิบัติ การนำไปใช้
N: Natural อย่างเป็นธรรมชาติ
G: Gifts ของขวัญ

22. Knowledge
จุดเริมต้นคือการนำความรู้จากบทความของอาจารย์เกรียงศักดิใ4นหนังสือพิมพ์ไปปรับใช้กับ
ธุรกิจของตัวเอง และพบว่าสามารถใช้ได้ดี จึงเริมชอบวิชา Coaching เพราะรู้สึกว่าทำให้เรา
สามารถพัฒนาใช้ความสามารถของเราได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าทีเคย
จากนัน ก็ตามมาอ่านบทความใน Website ของอาจารย์เกรียงศักดิ 4www.TheCoach.in.th ซึง
ได้จัดเป็นหมวดหมู่ทำให้สามารถเลือกอ่านตามความสนใจและกลับมาอ่านซํ าได้ ในฐานะ
นักวิชาการทีเป็นนักธุรกิจด้วย ชอบบทความลักษณะนี เพราะไม่ใช่ทฤษฎีฝรังเพียวๆ แต่ผ่าน
การนำไปใช้แล้วจึงมาเล่าให้ฟัง
ทำให้เราเข้าใจง่ายขึน นำไปใช้สะดวกขึน
การได้มีโอกาสเป็นนักเรียนทุนในโครงการ ECS (Executive Coaching Scholarship) ซึง
อาจารย์เกรียงศักดิ 4เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทัง หมด ถ่ายทอดทักษะวิชาโค้ชให้นักเรียน
ทัง หมด 9 คน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ และจบด้วยการสอบ ทำให้หนิงได้มีวิชาชีพเป็นโค้ช
ผู้บริหารจนถึงทุกวันนี
ในการเรียนแต่ละครัง อาจารย์จะมี Pre-work ให้ เราก็จะตัง ใจอ่านมาก่อน พอมาถึงในห้องก็
ตัง ใจเรียนเต็มที และเมือเลิกเรียนก็จะกลับไปทบทวนอีกครัง ผ่าน YouTube และทำการบ้าน
ตามทีได้รับมอบหมาย
ย้อนกลับไปตอนเรียนผ่านบทความและหนังสือต่างๆ ของอาจารย์ เรายังสามารถนำความรู้
นัน ไปใช้ได้ตัง มากมาย เมือมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดสดจากตัวจริง เราก็จะไม่พลาดแม้แต่
วินาทีเดียว ตัง ใจเรียนรู้ทุกอย่าง
In action
จากทีมีพืน ฐานเป็น NLP Coach แล้ว เมือต้องการฝึก Executive Coach ก็ไม่ใช่เรืองง่าย
เพราะไม่คุ้นเคยกับกระบวนการ แต่ก็พยายามทำตามทีได้รับการสอนมาจาก อาจารย์เกรียง
ศักดิ 4เช่น เมือตอนทีฝึกโค้ช หรือทีเรียกว่า Pro Bono ก็ทำแบบครบวงจร คือเรมิจาก
19

23. Chemistry Check, 360 Feedback, Coaching session เป็นกระบวนการทียาวและสมบูรณ์
แบบในตัวเอง เมือฝึกบ่อยๆ ก็ชำนาญขึน มันใจมากขึน และไม่ได้เกียงงอนว่าฝึกโค้ชฟรี จะ
ทำให้น้อยกว่ากระบวนการจริง แต่ได้ฝึกทัง กระบวนการตามทีเรียนมา
หลังจากทีเป็น Executive Coach ไปได้ระยะหนึงก็ตัง เป้าหมายว่าอยากโค้ชชาวต่างชาติบ้าง
อยาก go inter จึงไปเรียนหลักสูตรโค้ชแบบ ICF (International Coach Federation) เพิม
และขณะนี ก็เป็นโค้ชผู้บริหารทีได้รับรองในระดับ ACC (Associate Certified Coach) จาก
ICF แล้ว
จากการเรียนมาหลายโรงเรียน ก็ยืนยันว่าการเรียนรู้ทฤษฎีเป็นเรืองสำคัญเพราะทำให้เรามี
กรอบทีจะทำงาน แต่การฝึกฝนนัน สำคัญทีสุด เราจะเป็นโค้ชได้ดีแค่ไหน อยทูี่เราฝึกฝนมาก
แค่ไหน
นอกจากนี การเรียนรู้จาก Feedback ก็สำคัญมาก ตอนทียังเป็นมือใหม่ เมือโค้ชเสร็จจะถาม
ลูกค้าว่าเมือกีน ี เราทำอะไรได้ดีบ้าง เราน่าจะถามอะไรทีช่วยเขาให้คิดได้ดีขึน บ้าง เป็นต้น
ในช่วงทีมีโอกาสไปทำงานพร้อมๆ กับพีรงค์ เราได้ให้ Feedback ซึงกันและกัน ซึงถือเป็น
ช่วงทีเราทำให้เราทัง คู่accelerate การเรียนรู้ของเราได้เร็วขึน อย่างมาก
และปัจ
จุบันนี ทุกครัง ทีโค้ชเสร็จ หนิงจะให้เวลาเพือจะ Feedback ให้แก่ตัวเองทุกครัง ไม่เคย
ขาด คำถามสำคัญก็คือ เมือกีน ี เราทำอะไรได้ดีบ้าง เราทำอย่างไร ถ้าหากย้อนเวลากลับไป
ได้จะมีอะไรทีเราอยากจะทำให้แตกต่างจากเดิมเพือให้เกิดผลลัพธ์ทีดีกว่าเดิม ถ้าวันนัน เรา
ทำได้ดีแล้วก็ชืนชมหรือให้กำลังใจกับตัวเองว่าเราก้าวหน้ามามากแค่ไหนแล้ว แต่ถ้าวันไหน
เราทำหน้าทีโค้ชได้ไม่ดี ก็จะปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ได้ล้มเหลวนะ แต่เราได้
เรียนรู้อะไรมากขึน ไปอีกอย่างหนึงแล้ว
20

24. Natural
โดยธรรมชาติของหนิงทีมีบทบาททัง เป็นนักธุรกิจและเป็นอาจารย์ ทำให้เป็นคนพูดเร็ว ทำ
เร็ว ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน ชอบออกคำสัง ชอบบอกให้ทำ ฯลฯ ซึงไม่ใช่คุณสมบัติที
ดีของโค้ชเลย จึงต้องตัง ใจฝึกทักษะสำคัญของโค้ชซึงเกือบจะเป็นขัว ตรงข้ามของพฤติกรรม
ประจำวันของตัวเอง
21
เนืองจากหนิงมีความเชือว่าการโค้ชไม่ได้เป็นแค่วิชาชีพเท่านัน แต่เป็นทักษะชีวิต จึงต้อง
พยายามให้ทักษะทีสำคัญของโค้ชเข้ามาอยใู่นชีวิตประจำวันของเราให้ได้ ตัง ใจฝึกทักษะ
สำคัญ 3 ประการของโค้ชทุกวัน
1. ฝึกการอยู่กับปัจจุบัน คือให้ความสนใจในงาน ในคน สงิทีอยตู่รงหน้าเท่านัน ไม่เผลอ
ไปคิดเรืองทีผ่านไปแล้วหรือเรืองทียังมาไม่ถึง จดจ่อเรืองทีเราทำอยทูี่ละอย่าง
2. ฝึกการฟังให้ลึกซึ'ง คือฟังเขาโดยไม่พิพากษา ฟังในสิงทีเขาต้องการสือสาร ไม่พูดตัด
บทเมือเขายังพูดไม่จบ ไม่พูดแทรกเมือเขายังพูดอยู่เป็นต้น
3. ฝึกตัง'คำถาม แทนทีจะบอกคำตอบ สังให้ทำ หรือชีช ัดๆให้ทำก็หัดถามมากขึน เป็นต้น
ผลพลอยได้จากการฝึกทักษะเหล่านี ในชีวิตประจำวันคือ ลูกน้องรักมากขึ น รู้สึกว่าเราฟังเขา
มากขึน ให้เขาได้แสดงความรู้ความสามารถมากขึน เราเชือมันในฝีมือเขามากขึน ลูกสาวก็
บอกว่าเราฟังเขามากขึ น เข้าใจเขามากขึ น ถามเขาว่าอยากทำอะไรไม่อยากทำอะไร ไม่ใช่
สังอย่างเดียว
การเขียน reflection ชีวิตประจำวัน ก็เป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านชีวิตประจำวัน
ของเราด้วย หนิงเขียน reflection ลงใน Facebook ของตัวเอง โดยขึน ต้นประโยคว่า “วันนี
เรียนรู้ว่า...” เป็นการเก็บการเรียนรู้จากการโค้ช การทำเทรนนิง การสอนในห้องเรียน

25. กิจกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การฟังเรืองราวของคนอืน เพือการพัฒนา
ตนเอง เป็นคลังความรู้ทีเราสะสมไว้เพือประโยชน์ในการทำงานโค้ชด้วย ส่วนทีเขียนลง FB
ก็เพือแบ่งปันให้เพือนๆ ได้ประโยชน์จากการเรียนรู้ร่วมกัน
Gifts
การได้มาเรียนในโครงการ ECS ถือเป็นของขวัญลํ าค่าทีหนิงได้รับมา เราจึงตอบแทนครู
อาจารย์ด้วยการส่งต่อความรู้นี ให้เป็นของขวัญแก่ผู้ทีสนใจวิชา Executive Coach โดยสงิที
ชาว ECS ได้ทำแล้วคือ การเขียน E-Book Executive Coaching ภาษาไทยเล่มแรกใน
ประเทศไทย เป็นการรวบรวมเนื อหาทีอาจารย์เกรียงศักดิไ4ด้ถ่ายทอดให้พวกเราลงไว้เป็น
ลายลักษณ์อักษร ก็เชิญชวนทุกท่านได้ download กันได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที website ของ
อาจารย์เกรียงศักดิ 4www.TheCoach.in.th
ในการทำงานโค้ช หนิงก็จะทำอย่างตัง ใจทุกครัง เหมือนกับเป็นการส่งมอบของขวัญทีลํ าค่า
ให้แก่ลูกค้าเพือให้เขาได้ไปยืนอยู่ในจุดทีเขาอยากไป ให้เขาประสบความสำเร็จและมี
ความสุขในแบบทีเขาต้องการ เป็นการมอบให้ด้วยความปรารถนาดีและตัง ใจดี
เช่นเดียวกับการทำหน้าที Mentor Coach ให้แก่เพือนๆ ทีอยากเป็นโค้ช ก็จะทำทุก session
อย่างดีราวกับกำลังมอบของขวัญชิน สำคัญให้เขา ด้วยความปรารถนาดีและตัง ใจดีทุกครัง
22
ในช่วงนี ขอสรุปเส้นทางการเป็นโค้ชมืออาชีพของหนิง ดังนี
N – แสวงหาความรู้อย่างจริงจัง
I – นำความรู้ไปสู่การลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง
N – ฝึกทักษะการเป็นโค้ชทุกวันอย่างเป็นธรรมชาติ
G – ทำงานโค้ชทุกครัง ราวกับเป็นของขวัญชิน สำคัญ

26. 23
เส้นทางที0 3 : โค้ชรงค์ จิรายุทัต
การได้มีโอกาสรู้จัก ECS และอาจารย์เกรียงศักดิ 4แม้ว่าเรมิต้นดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์
เล็กๆ แต่กลับเป็นจุดเปลียนครัง สำคัญในชีวิตของผม
ผมก็อาจเหมือนหลายท่านทีเคยเป็นมนุษย์เงินเดือน ผมจบ engineer และ MBA และทำงาน
ในบริษัทนานาชาติเป็นเวลานาน และออกมาทำธุรกิจอยหู่ลายปี ระหว่างทีทำงานอยทูี่บริษัท
เชลล์ฯผมเคยทำหน้าทีโค้ชผู้จัดการภาค และรู้สึกชอบ พอออกมาเลยขวนขวายเรียน
หลักสูตรพัฒนาตนเองอะไรมากมายทัง ในและต่างประเทศ เช่น Quantum Leap Program
ของ T.Harv Eker และ เรียนหลักสูตร NLP จนระดับ Certified Master Practitioner และ
หลักสูตรการโค้ชด้วย NLP
ผมเริมเข้าสู่อาชีพการโค้ชจากการสอนหลักสูตร NLP ในด้านการพัฒนาศักยภาพบุคคล และ
มีลูกศิษย์ขอให้โค้ชเพือปลดล๊อคข้อจำกัดเขาและดึงศักยภาพออกมาใช้อย่างเต็มทีซึงเป็น
โค้ชชงิโปรแกรมยาว 3 -6 เดือน นันเป็นจุดเรมิต้นอาชีพการเป็นโค้ชของผม
ตอนผมมาพบ ECS ผมก็เริมมีงานโค้ชอยู่บ้างแล้วแต่ส่วนใหญ่จะเป็น life coach ให้แก่
เจ้าของธุรกิจ ผมต้องขอบคุณดร.หนิงทีเป็นคนทำให้ผมพบ ECS และอาจารย์เกรียงศักดิ 4
พออาจารย์รับเรา โดยให้เราหนึงทีนัง เราเลยตกลงว่า ดร.หนิงเป็นคนไปเรียนแล้วกลับมา
แชร์กันทีบ้าน สงิทีเกินความคาดหมายคือมี การเรียน ECS มี YouTube ให้ผมดูทุกตอน ได้
มีโอกาสพบอาจารย์เกรียงศักดิห4ลายครัง ได้รับการโค้ชจากอาจารย์เกรียงศักดิร4่วมกับดร.
หนิง นอกจากนัน ผมยังได้เรียนรู้จากอาจารย์ทัง โดยตรงและการโค้ชผ่านดร.หนิงอีกหลาย
ครัง ซึงเป็นสงิทีมีค่ามากมายสำหรับผมอย่างมากและเกินความคาดหมายจริงๆ

27. พอนึกย้อนกลับไป ผมพยายามยามสรุปบทเรียนในการพาตนเองเข้าสู่เส้นทางการเป็นโค้ช
ผู้บริหารมืออาชีพในช่วงทีมารู้จัก ECS ซึงเป็นช่วงทีทำให้ผมสามารถพัฒนาตนเองไปได้
อย่างรวดเร็วในด้าน Executive Coach ผมมีความเชือว่าเราสามารถทำซํ าความสำเร็จได้
ถ้าเราสามารถถอดรหัสความสำเร็จนัน ได้ ดังนัน ในช่วงหลายเดือนทีผ่านมา ผมพยายามทีจะ
ถอดรหัสของความสำเร็จได้ 4 ประเด็น ซึงเป็นประโยชน์กับตัวผมเองและอาจเป็นประโยชน์
กับทุกท่าน ผมจึงขออนุญาตเล่าเส้นทางสกู่ารเป็นโค้ชมืออาชีพในช่วงทีรู้จัก ECS และ
อาจารย์เกรียงศักดิผ4่านรหัสลับทัง 4 ข้อ ดังต่อไปนี ครับ
24
ประการแรก: ผมได้เข้ามาอยใู่นแวดวงของกลุ่มคนทีเป็นโค้ชอาชีพทีประสบความสำเร็จ
จริงๆ แม้ผมไม่ได้เป็น ECS โดยตรง แต่ทุกครัง ทีได้มาร่วมพบปะกัน ผมได้มีโอกาสพูดคุย
สอบถามอาจารย์เกรียงศักดิ4 ครั งแรกอาจารย์เล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดถึงเส้นทางทีเขาพบ
กับความสำเร็จ ผมพบอาจารย์เกรียงศักดิไ4ม่บ่อยนัก แต่ทุกครัง ทีผมจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
และสร้างความเปลียนแปลงบางอย่างให้กับตนเอง
ความรู้ด้าน Executive coach ทีได้จากอาจารย์เป็นประสบการณ์จริงทีอาจารย์สังสมมา
ตลอดสิบกว่าปี ทำให้ผมเอาไปใช้ได้จริงๆทันที เทียบกับทีผมเรียนจากเมืองนอกซึงมักเป็น
ทฤษฎี และอาจต้องปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมของไทยอีกครัง ลูกค้าหลายรายของผมใน
ปัจ
จุบัน ก็เกิดจากการนำเทคนิคจาก ECS มาต่อยอด นอกจากนั นยังได้รับการแนะนำอีก
หลายครัง ทัง ทางตรงและทางอ้อม บนเส้นทางการเป็นโค้ช
สรุปคือ การเอาตัวมาอยใู่นแวดวงของโค้ชทีประสบความสำเร็จแล้วจริงๆ
ประการถัดมา: แม้การเรียนรู้มีหลายวิธี อย่าปฏิเสธโอกาสแม้จะเป็นการเรียนรู้จากสือ
online ผมเรียนหลักสูตรต่างๆจากเมืองนอกมามาก ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการพัฒนา
ศักยภาพหรือการโค้ช ผมพบว่าหลักสูตรการโค้ชนั นแพงมาก แม้ว่าจะเป็นแค่หลักสูตร
online ก็ตาม ดังนัน ผมจึงเห็นคุณค่าอย่างมากจาก ECS แม้ไม่ได้เข้าไปนังใน class ก็ตาม

28. ผมติดตามทุกตอนจนคุณพิมแทบจะโหลดไม่ทันให้ผมดู พอจบ ECS ผมก็ดูจบพร้อมๆกัน
นอกจากนั นยังมีบทความ ข้อเขียน และโพสต์ในเฟสบุ๊ค ซึงเป็นคลังความรู้อันมหาศาลของ
อาจารย์เกรียงศักดิท4ีผมได้เข้าไปดูในขณะนัน ผมสามารถเอามาต่อยอดกับความรู้ทีมีอยู่
และพัฒนาต่ออย่างมากมาย
มาถึงตรงนี ผมมีข้อแนะนำเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ สำหรับการเรียนรู้จากสือ online มาฝาก
ทุกคน
1. มีเป้าหมายชัดเจน การนังดูทาง YouTube คนเดียวโดยปราศจากเป้าหมายนัน จะแห้ง
แล้งมาก มีโอกาสสูงทีเราอาจหมดกำลังใจไปก่อน ตอนนัน ผมมีลูกค้าอยบู่้าง ส่วนใหญ่เป็น
Life Coach และใช้ Model NLP Coaching ดังนั น ผมมีความต้องการเรียนรู้ model ของการ
เป็น Executive Coach และอยากรู้ว่าเราจะได้ลูกค้าการโค้ชแบบผู้บริหารได้อย่างไร ซึงสงิที
ผมเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็น Grow Model หรือการโค้ชจากจุดแข็ง ทำให้มีความความสนุกกับสิง
เหล่านี ตลอดเวลา สงิสำคัญคือผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และผมกำลังมองหาอะไรอยู่ดังนัน
เป้าหมายต้องชัดเจน
2. การเรียนจาก online ต้องมีวินัยความต่อเน0ืองและมีความตัง'ใจ ระหว่างดูนัน ผมไม่
ทำอย่างอืนเลย ผมจะจดประเด็นทีสำคัญไว้ ผมไม่ได้สังเกตแค่เนื อหาแต่ผมพยายามคิดตาม
ว่าทัง ผู้สอน ผู้โค้ชและผู้ถูกโค้ชเขารู้สึกอย่างไร โดยสมมุติว่าหากผมเป็นเขาเหล่านัน ผมจะ
ทำอย่างไร ในศาสตร์ NLP เรียกเทคนิคนี ว่า Modeling Success หรือการโคลนนิง
ความสำเร็จ ผมติดตาม YouTube ทันทีและทบทวนกับดร.หนิงอย่างต่อเนือง ดังนัน เราต้อง
มีวินัยและตัง ใจทำอย่างต่อเนืองด้วยเทคนิคทีเหมาะกับเรา
25
3. หลังจากดู YouTube ผมจะมีการแลกเปล0ียนมุมมองกับดร.หนิง สงินี ทำให้ผมมี
commitment ทีต้องดูให้จบ ดูอย่างตัง ใจและจดคำถามไว้เพือนำมาพูดคุยกัน ดังนัน การมี
เพือนร่วมทางทีมีเป้าหมายเหมือนกันก็ยงิเป็นการสนับสนุนให้เรามีวินัยในการเดินไปสู่

29. จุดหมายร่วมกัน คือหาเพือนร่วมทางทีมีเป้าหมายเดียวกันกับเรา
โดยสรุปคือเปิดใจรับการเรียนรู้ผ่านสือ online ซึงทำให้ฐานการเรียนรู้ของเราขยายกว้างไกล
อย่างไร้ขีดจำกัด เกร็ดความรู้ในการดู YouTube คือ มีเป้าหมายแน่ชัด มีวินัยและตัง ใจทำ
อย่างต่อเนืองด้วยเทคนิคทีเหมาะสม และมีเพือนร่วมทางคอยทบทวน
3. จากการเรียนศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยงิเรืองการโค้ชจากจุดแข็งจากอาจารย์เกรียง
ศักดิ 4ผมรู้ว่าจุดแข็งของผมคือ Learner ซึงสามารถเรียนรู้จากการอ่าน ผมอ่านหนังสือ
ยากๆได้อย่างเข้าใจ และนำมาใช้ได้เลย ผมเป็น Analytical คือนำข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์ต่อ
ยอด เกิดองค์ความรู้ใหม่และผมเป็น Maximizer เวลาตัง ใจทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีทีสุด
ผมใช้เวลาราว 6 เดือนระหว่างและหลังจาก ECS โดยใช้จากจุดแข็งไปอ่านทบทวนข้อมูล
จากหนังสือและ websites ของทุกสำนักทีผมเคยไปรําเรียนมา และลองนำไปใช้งานจริง ทำ
ให้ผมมีการพัฒนาตนเองอย่างมากมายเทียบกับหลายปีทีผ่านมา
ผมยังเอาจุดแข็งไปต่อยอด เรียนรู้การโค้ชในแบบต่างๆ เช่น หลักสูตรการโค้ชชอง ICF จาก
สมาพันธ์การโค้ชนานาชาติ และนำมาโค้ชผู้บริหารในองค์กรต่างๆ และกลับไปสอบจนได้
เป็น Certified ICF coach ในระดับ ACC
สรุปคือ เข้าใจพรสวรรค์ จุดแข็งของตนเองและใช้มันในการบรรลุเป้าหมาย
4. ประการสุดท้าย แต่อาจเป็น last but not least คือ ผมไม่ได้เริ0มต้นการโค้ชจากเงิน
หรือธุรกิจ เพราะผมเคยผ่านทัง สองสงินี มาบ้างแล้ว ปรัชญาเบือ งหลังการเป็นโค้ชของผม
คือผมรู้สึกมีความสุขทีได้ช่วยคน อาชีพโค้ชของผมเรมิต้นจาก passion ไม่ใช่เรมิจากธุรกิจ
ผมตั งใจทีจะปลดล๊อคศักยภาพผู้คน เพือให้เขาทำตามความฝัน
ของเขาได้สำเร็จ ดังนั น
ตลอดเวลา 1 -2 ชัวโมงระหว่างการโค้ชให้โค้ชชีของผม ผมเลยไม่เคยรู้สึกเบือหรือเครียดเลย
ผมกลับรู้สึกดีกับการหาทางเพมิคุณค่าให้กับโค้ชชีของผม นอกจากนัน ในระหว่างเส้นทาง
ของการเป็นโค้ชผมอาจพบกับอุปสรรคบ้าง แต่ผมกลับรู้สึกท้าทายทีจะก้าวข้ามและเดิน
ต่อไป
26

30. สิงสำคัญอีกประการหนึงก็คือ การไม่ได้เน้นธุรกิจมากกว่าผลลัพธ์ทีโค้ชชีควรได้รับซึงเป็นสงิ
ทีโค้ชชีสัมผัสได้จนเกิดการบอกต่อ และได้ลูกค้าเพมิเรือยมา
สรุปคือ ทำด้วยใจรักในการเป็นโค้ช
27
ผมขอสรุปเส้นทางการเป็นโค้ชของผมผ่านรหัสลับ 4 บทเรียน คือ
1. พาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับผู้ประสบความสำเร็จในการเป็นโค้ชจริงๆ
2. เปิดใจหาเทคนิคเรียนรู้จากสือ online ซึงเป็นฐานความรู้อันไร้ขีดจำกัด
3. เข้าใจพรสวรรค์ จุดแข็งของตนเองและใช้มันพาตนเองบรรลุเป้าหมาย
4. ทำด้วยใจรัก
การได้รู้จักอาจารย์เกรียงศักดิ 4และ ECS แม้ดูเหมือนเรมิต้นจะเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ แต่ใน
ทีสุด กลับกลายเป็นจุดเปลียนครัง สำคัญในการเปิดทางให้ผมได้ก้าวสเู่ส้นทางการเป็นโค้ช
ผู้บริหารมืออาชีพอย่างแท้จริง ต้องขอขอบคุณอาจารย์เกรียงศักดิอ4ย่างเป็นทางการ ณ
โอกาสนี ครับ

31. 28
เส้นทางที0 4 : โค้ชศรัณย์ จันทพลาบูรณ์
สวัสดีทุกท่านครับ ผม “ศรัณย์ จันทพลาบูลย์” นีคือชือ-นามสกุล อย่างเป็นทางการ
แต่ชือทีขึน เวทีในวงการหมัดมวยมีฉายาว่า “เป็ดน้อย….ศิษย์เกรียงศักดิX”
ทำไม???!!!!! ถึงเรียกว่า “เป็ดน้อย” อยากรู้ไหมครับ
โค้ชเกรียงศักดิ 4นิรัติพัฒนะศัย ตัง ชือเส้นทางที 4 นี ว่า “โค้ชเป็ดย่าง”
เพราะเวลาทีผมไปรับการโค้ชจากท่าน ผมก็มักจะซือ โน่นนีนัน ติดไม้ติดมือไปฝาก นันแสดง
ว่าท่านอาจารย์ชอบเป็ดย่าง เลยจำ “เป็ดย่าง”.....ได้มากทีสุด
และผมอยากจะชวนพวกเราร่วมสนุกกันด้วยครับ พอผมเล่าเส้นทางที 4 จบแล้ว อยากจะขอ
Vote ว่า “จะตัง ชือเส้นทางที 4 นี ว่าอะไร?”
Choice แรก…….ชือว่า “โค้ชเป็ดย่าง”
Choice ทีสอง…….มีชือว่า “ไอ้หนุ่มหมัดเมา”
และ Choice ทีสาม…….ชือว่า “Pay it Forward”
ก่อนจะเขียนคำตอบในกระดาษ ผมอยากจะชวนทุกท่านนึกถึงหนังกำลังภายใน ซึงผมขอ
เปรียบเทียบเส้นทางของโค้ชแต่ละท่านกับหนังจีนกำลังภายใน
โค้ชโจ้…..ประมาณแบบว่า “ฟ้าลิขิต” เมือชาติทีแล้ว คงเกิดเป็นอาเจ็ก อาเฮีย วิทยายุทธ
ต้องถูกถ่ายทอดคนในตระกูลเดียวกัน ชาตินี ถึงแบบว่าโอ้โห้ โชคดีมาก ซึงโค้ชโจ้
เองแทบจะไม่ได้สนใจเป็นโค้ชเลยน่ะ เดีqยวส้มหล่น ส้มหล่น หล่นมาเป็นเข่งๆ เลย
อย่างนี ขอเรียกว่า “เส้นทางฟ้าลิขิต”

32. โค้ชหนิง..เส้นทางประมาณ “ศิษย์เสีย วลิม ” เธอชอบเข้าเรียนตำรับตำราอยใู่นห้องเรียนตลอด
โค้ชรงค์...เส้นทางของพีรงค์ไม่มีในหนังกำลังภายในครับ เพราะสมัยโน้นยังไม่มี YouTube
ส่วนเส้นทางของผม...โค้ชเกรียงศักดิXพูดว่า “เส้นทางคุณศรัณย์เนีย ผมตัง'ฉายาให้คุณว่า
“ไอ้หนุ่มหมัดเมา”
และ Choice 3 เป็นชือทีผมตัง ขึน เองว่า “Pay it forward”
29
ผมยังจำภาพได้ครับ ตอนอยหู่น้าลิฟท์ของคอนโดอาจารย์เกรียงศักดิ 4ผมถามว่า…..
“อาจารย์ครับ อาจารย์สังสอนผมมา ผมจะทดแทนอะไรอาจารย์ได้บ้างครับ??
ผมอยากทดแทนพระคุณ”
อาจารย์พูดขึน มาว่า “คุณศรัณย์ คุณเคยดูหนังเรือง Pay it forward ไหม?”
ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าเคยดูเปล่า หลังจากนัน ผมก็เลยมาดูหนังเรืองนี ถึงได้รู้ว่าเคยดูแล้ว
คือการทีเราไม่ได้ตอบแทนคืน แต่ตอบแทนไปข้างหน้า
พวกเราคุ้นๆ ไหมครับ หนังเรือง Pay it Forward เป็นหนังทีมีเนื อหาเกียวกับเด็กคนหนึง
เขามีไอเดียขึ นมาว่า แทนทีจะเป็นการตอบแทนกลับ เขาจะตอบแทนไปข้างหน้า จะสร้าง
อะไรดีๆ ให้แก่ 3 คน และ 3 คนนี ก็จะสร้างอะไรดีๆ ต่อไปอีก 3 คน ซึงเป็นการขยายตัวไป
ข้างหน้า อย่างนี เรียกว่า Pay it forward
กว่าจะไปถึงเส้นทางที 4 มีเรืองราว มีแรงบันดาลใจ ระหว่างทาง ซึงผมขอเรียกเป็นการเดิน
ทางผ่านมาในแต่ละสถานีล่ะกัน มีทัง หมด 3 สถานีครับ

33. สถานีแรก “GOAL”
เส้นทางนี ผมสกัดมา ผมมีความรู้สึกว่า….ทีผ่านมา ผมหลุดรอดมาได้ มาถึงทุกวันนี ตรงนี ได้
เป็นเพราะว่า “เป้าหมายผมชัด” ครับ
และเส้นทางของผม….. มันขรุขระมาก ไม่ได้ราบเรียบเหมือนโค้ชโจ้ และโค้ชหนิง
โดนตัดพ้อต่อว่า โดนตำหนิ โดนปฏิเสธ โดน Discredit ทุกอย่างเลย
แต่ด้วยความทีมี GOAL ชัดเจน เลยทำให้ผมแบบว่า “ยืออยู่กับมัน”
อันนี เป็นเส้นทางทีโค้ชเกรียงศักดิ 4เลยเรียกว่า “ไอ้หนุ่มหมัดเมา”
เพราะผมก็แบบว่า….มัวไปเรือย มีความกล้าและมุ่งมันทำไปด้วยความมันใจ!!!!
ถ้างัน มาดูกันว่า GOAL นี'คืออะไร?
ย้อนเวลากลับไป 12 ปีทีแล้วครับ ผมก็เป็นวิทยากรฝึกอบรมด้านความคิดสร้างสรรค์
เรียกว่าประสบความสำเร็จเยอะมาก แต่เป้าหมายมันยังไม่สุดครับ
สอน หรือว่าให้ชวนผู้รับการฝึกอบรมคิดสร้างสรรค์ คิดอะไรใหม่ๆ ได้….สำเร็จครับ…. แต่
พอมาเจอลูกศิษย์ทีหลัง ส่วนใหญ่บอกว่า
“อาจารย์ เอาความรู้ของอาจารย์คืนไปเหอะ”
“ทำไมอ่ะ!!!!!”
“ไปเสนอหัวหน้าแล้ว ไม่เห็นผ่านเลย”
อืม!!!!… แสดงว่า Creative Thinking ไม่พอ ก็เลยมีการคิดต่อยอดขึน มา
มันต้องมี Creative Leadership ขึน มาอีกระดับ
แต่ก็ยังไม่พออีก เพราะว่า…ไอเดียก็ถูกกองๆ ตามแผนกต่างๆ ตามฝ่ายต่างๆ ไม่ถูก
นำไปใช้ ไม่มีระบบทีจะมารองรับความคิดใหม่ๆ พวกนี ต้องขึ นไปอีกระดับหนึง เรียกว่า
Creative Management จะเห็นว่า Creative Management เนีย Training เอาไม่อยู่เพราะ
ยากครับ…ทีจะมี Director และหรือ VP (Vice President) มาเข้าฝึกอบรม เพราะยากครับที
จะชวน CEO และยากครับทีจะชวน MD มาเข้าฝึกอบรมในเรือง Creative Management
30

34. ถ้าอย่างนั นคำตอบคืออะไรครับ??? โค้ชชิง “Coaching” เอาล่ะ นีคือ GOAL นะครับ นีคือ
เป้าหมายทางกลยุทธ์ เพราะฉะนัน ปีนี ผมต้องการพัฒนาทักษะโค้ชชงิให้ได้ โค้ชชงิผู้บริหาร
และนีเป็น GOAL ทีชัดเจน ทีทำให้ผมไม่ยอมเลิกรา
31
สถานีที0 2 “DON’T QUIT” อย่าล้มเลิก
ต้อง Coaching Skill ใช่ไหม “ใครเก่งนะ????!!!!!!”
ยังไง…ต้องหา THE BEST ไว้ก่อน ………ต้องหาสุดยอด ………ต้องหาขัน เทพ
ปรึกษาพีคนหนึงครับ ชือมนตรี
“พีมนตรี ผมอยากขยายความสามารถการโค้ชเนีย พีมีอะไรแนะนำบ้างไหม?”
“โอ้โห เรือง โค้ชเหรอศรัณย์ ต้องอาจารย์เกรียงศักดิ 4นิรัติพัฒนะศัย”
ปรึกษา อาจารย์ไชยยศ ใครเก่งทางด้านโค้ชชิง
“ผมรู้จัก THE BEST เลย”
“ใครพี??!!!”
“อาจารย์เกรียงศักดิ 4นิรัติพัฒนะศัย”
วันดีคืนดีครับ ผมกำลังขับรถอยู่ อยู่บนทางด่วน
ทีมงานโทรมาบอกว่า “ช่วยโทรหาอาจารย์เกรียงศักดิห4น่อย”
“สวัสดีครับอาจารย์เกรียงศักดิค4รับ ผมศรัณย์ครับ”
“คุณคือใคร???” คุณศรัณย์ คุณคือใคร???!!!!!
วันนี ผมได้ยินคนพูดถึงชือคุณ ถึงสามคน คุณคือใคร???!!!!
“ผมเป็นวิทยากรครับอาจารย์ ผมสนใจทีจะเรียนรู้การโค้ชชงิครับ ก็เพราะว่าอาจารย์เป็น
สุดยอด ผมเลยคิดว่าผมอยากจะมาเรียนรู้กับอาจารย์ครับ”

35. “คุณศรัณย์ คุณอย่ามาเลย คุณเป็นวิทยากรวันหนึงคุณทำเงินได้ 6 ชัวโมง คุณเป็นโค้ช วัน
หนึงเต็มทีก็แค่ 2 ชัวโมง เช้าชัวโมง บ่ายชัวโมง รายได้มันจะน้อยนะ อย่ามาเลย ผมเห็นคน
ทีเป็นเทรนเนอร์และอยากจะมาเป็นโค้ชเยอะ ต้องใช้คำว่า Migrate เท่านัน ”
32
“เอ่อ คืออาจารย์ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่อย่างพอเพียงครับ ใช้ตังค์เล็กน้อย
รายได้น้อยก็ไม่เป็นไรครับ ผม ผม ผม ผมโอเค”
“ถ้างัน คุณศรัณย์ คุณไปดู ECS คุณไปดูยูทูป ECS ซึงเป็น Scholarship ครับ พอดูจบแล้ว
คุณไปพบผมทีบางนา ผมจะมีไปบรรยายทีนัน แล้วเรา check เคมีกันก่อน ถ้าเคมีตรงกัน
ผมก็จะถ่ายทอดให้คุณ แต่ถ้าเคมีไม่ตรงกัน เดีqยวให้อาจารย์โจ้ดูแลแทนล่ะกัน”
ผมก็ไปดู ECS ตามทีอาจารย์บอก โอ้โห….. ดีมากเลย อาจารย์ไม่ธรรมดา อยู่ดีๆ ก็รับ
สมัครคน 9 คน มาทีห้องโรงแรมหรูๆ แบบนี 6 สัปดาห์ และก็มาสอนให้ฟรี โหคนนี ไม่
ธรรมดานะเนีย ฟัง
ไป ฟัง
ไป อุ้ยๆๆๆ!!! ดีๆ โหมีเรืองแบบ Auto Pilot บัลโคนี GROW
Model มีเรืองหนึงน่าสนใจ เรือง Talent 34 อย่าง Marcus Buckingham ทีเราชืนชอบด้วย
ก็พยายามฟังไปๆ นะฮะ แต่คุณรู้ไหมกีชัวโมง “36 ชัวโมง” และมีเวลาอีกนิดเดียว ต้องฟัง
ให้
จบก่อนทีไปเจอท่าน…. ทำไงดี!!! โอ้โห….ผมฟังในทุกเสี ยววินาทีทีมีโอกาส บางทีไป
บรรยาย อีก 5 นาทียังไม่บรรยาย ผมก็….ฟัง และ ฟัง….
ตัดไปอย่างรวดเร็วครับ ไปเจอทีบางนา อาจารย์เกรียงศักดิเ4ดินขึน มา
“สวัสดีครับอาจารย์เกรียงครับ ผมศรัณย์ครับ”
“เป็นไง?? ฟัง
ECS จบแล้วหรอ”
“จบแล้วครับอาจารย์”
“โอเค งัน เดียqวค่อยว่ากันนะ”
และท่านก็เดินจากไป…….

36. ผมก็แบบโอ้โห สงสัยเคมีไม่ตรง แห๋งเลย!!!!
คงจริงอ่ะ อาจารย์เขาเป็นคนเรียบร้อยๆ ผมก็เป็นคนแบบนี ทะลึงตึงตังนิดหน่อย
อาจารย์เกรียง เขาก็ขึน เวที ท่านก็พูดว่าเดียqวจะมีการ Demo การโค้ช
ผมก็คิด เดียqวต้องมีอาสาสมัครให้เป็นโค้ชชี ผมก็เตรียมเลย พออาจารย์เกรียงพูด
“ใครต้องการเป็นอาสาสมัคร” ผมรีบยกมือคนแรกเลย และในช่วงนั นนะครับ เป็นช่วงเวลา
เพียง 15 นาที ทีอาจารย์โค้ชผม ช่วงนัน ผมเกิด Insight ในการพัฒนาการทำงานของผม
ขึน มา ผมเลยบอกตัวเองว่า…..เอ้ย!!! การโค้ช….นีมันดีจริงๆ โค้ชสุดยอดเลยอ่ะ!!!
33
แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับไป…….
เช้าวันหนึงครับ…..ผมไปออกกำลังกาย เล่นโยคะ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึน
กรีง กริง กริง ๆๆ……..ตอนนัน เวลา 7.45น.
“สวัสดีครับคุณศรัณย์” นํ าเสียงของอาจารย์หนักแน่น และพูดขึน มาว่า
“คุณศรัณย์ คุณยังสนใจทีจะเป็นโค้ชอยไู่หม?”
“สนใจ สนใจ สนใจครับอาจารย์”
“คุณศรัณย์ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะโค้ชคุณ”
ผมกำลังอึง แล้วพูดไปว่า “อาจารย์ครับ ขอบคุณมากเลยครับ”
อาจารย์ถามว่า “วันพฤหัสบดีนี คุณว่างไหม??”
“ว่างครับ ว่างครับ ว่างครับ”
“นีคุณไม่ดูปฏิทินก่อนเหรอ”
“อ๋อ…..ไม่ต้องดูครับถึงผมไม่ว่าง ผมก็จะไปครับ”
อาจารย์พูดว่า งัน วันพฤหัสบ่ายนะ เจอกันนะ เทียงทานข้าว จะได้โค้ชกัน
โอ้โห….. วันนัน นะ เป็นวันทีดีทีสุดในชีวิตของผมเลย
แล้วอาจารย์ก็โค้ชผม ตัง แต่บ่ายโมง จนถึงบ่ายสีโมง…..ท่านก็ไม่ยอมเก็บตังค์…..
จนกระทัง ครัง ทีหนึง ครัง ทีสอง และทีสาม ผมก็มักจะมีเป็ดย่างไปฝากครับ