More Related Content
Similar to โครงการปันรัก (20)
More from kessara61977 (20)
โครงการปันรัก
- 2. คานา
ราย ง าน ฉ บั บ นี้ เ ป็ น ส่ วน ห นึ่ ง ข อ ง วิช า IS3 (I30903) ชั้ น มัธ ย ม ศึ ก ษ าปี ที่ 6
โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็ นประโยชน์และได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม
ซึ่งในรายงานฉบับนี้มีข้อมูลและเนื้อหาเกี่ยวกับเสื้อที่นามาจาหน่ายเพื่อนากาไรไปสมทบทุนซื้อของบริจาค
ร ว ม ไ ป ถึ ง ข้ อ มู ล ใ น ก า ร รั บ บ ริ จ า ค สิ่ ง ข อ ง เ สื้ อ ผ้ า ห รื อ ข อ ง ใ ช้ อื่ น ๆ
ที่กลุ่มของผู้จัดทาจะเปิ ดรับบริจาคและนาสิ่งของไปให้กับน้อง ๆโรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน
บ้ า น แ ม่ น้ า น้ อ ย อ . ไ ท ร โ ย ค จ . ก า ญ จ น บุ รี
กลุ่มของผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะสามารถเป็นประโยชน์ให้กับบุคคลทั่วไปที่ต้องการข้อมู
ลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด กลุ่มของผู้จัดทาขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทา
- 7. บทที่1
โครงการปันรัก
1.1หลักการและเหตุผล
ใ น ปั จ จุ บั น นี้ โ ล ก เ ร า ทั้ ง ห ล า ย ป ร ะ เ ท ศ ก า ลั ง เ ผ ชิ ญ กับ ภั ย ห น า ว
เช่นประเทศยูเครน,เซอร์เบีย,โปแลนด์ และจีนที่เจอภัยหนาวคุกคาม และยังขาดแคลนอาหาร
รวมถึงยารักษาโรคทาให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศดังกล่าวหลายร้อยคนเพราะภัยหนาวในประเทศไทยของเรา
ก็มีอีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะแถบภาคเหนือ ที่ต้องเจอกับภัยหนาว และผลกระทบอื่นๆที่ตามมา
และยังไม่ได้รับการดูแลที่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่
ดังนั้น กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้จัดทาโครงการนี้ ขึ้นมาเพื่อนาพวกเครื่องกันหนาวไปให้ที่
โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อให้เด็กๆได้มีเสื้อ ผ้าห่ม
เมื่อถึงฤดูหนาว
1.2 การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ค ว า ม พ อ ป ร ะ ม า ณ คื อ
การแจกจ่ายเครื่องกันหนาวให้เด็กที่โรงเรียนเพราะโรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อย
เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีเด็กไม่กี่สิบคนทาให้ไม่เสียเงินซื้อของมากนัก
ค ว า ม มี เ ห ตุ ผ ล คื อ
การตกลงภายในกลุ่มว่าจะไปบริจาคเครื่องกันหนาวให้เด็กๆที่ โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน
บ้านแม่น้าน้อย
การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว คือ การที่ได้ศึกษาข้อมูลสถานที่ไปไว้ก่อน และการติดต่อรถที่จะพาไป
รวมถึงมีความพร้อมในการจัดเตรียมของที่จะไปบริจาค
เงื่อน ไขความรู้ คื อ น าความรู้ทางด้าน ศิลปะมาช่วยใน การออกแบบเสื้ อที่จะขาย
รวมถึงการใช้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์มาคิดว่าเราจะขายเสื้อยังไงให้ได้กาไรเพียงพอที่จะไปซื้อของบริจาค
- 8. เ งื่ อ น ไ ข คุ ณ ธ ร ร ม คื อ
การน าเครื่ อง กัน ห น าวไป บริ จาคใ ห้ กับน้ อง ๆที่ ขาดแค ลน โดยไม่ห วัง สิ่ งตอบ แท น
และ ได้ป ลูกฝั ง ความมีจิต สาธารณ ะ ใ ห้ กับ ทุ กค น ที่ ร่วมกัน ซื้อ เสื้ อ ห รื อร่วมบ ริ จาค
เป็นโครงการที่เน้นให้ประโยชน์กับส่วนรวม
1.3 วัตถุประสงค์ในการทาโครงการ
1.3.1 สามารถขายเสื้อที่จัดทาได้15ตัว
1.3.2 เพื่อนาเครื่องกันหนาวไปมอบให้ที่โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อยไ
1.4 สถานที่ดาเนินงาน
โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
1.6 ระยะเวลาดาเนินงาน
เดือน มิถุนายน-ตุลาคม 2558
1. 7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. 7.1 ทาให้เด็กๆที่โรงเรียนได้มีเสื้อผ้าอุ่นๆใส่
1. 7.2 ทาให้ทุกคนที่ร่วมช่วยซื้อเสื้อมีจิตสาธารณะมากยิ่งขึ้น
- 9. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1 จิตสาธารณะ
การปลูกฝังจิตใจให้บุคคลมีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
เป็นการสร้างคุณธรรมจริยธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากภายใน "จิตสาธารณะ"
เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสาคัญในการปลูกจิตสานึกให้คนรู้จักเสียสละ ร่วมแรงร่วมใจ
มีความร่วมมือในการทาประโยชน์เพื่อส่วนรวม ช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิต
เพื่อเป็นหลักการในการดาเนินชีวิต ช่วยแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม
2.2 ความหมายของจิตสาธารณะ
จิตสารธารณะ (Public mind) หมายถึง จิตสานึกเพื่อส่วนรวม เพราะคาว่า “สาธารณะ” คือ สิ่งที่มิได้
เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด จิตสาธารณะจึงเป็นความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของในสิ่งทีเป็นสาธารณะ
ในสิทธิและหน้าที่ที่จะดูแลและบารุงรักษาร่วมกัน เช่นการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการไม่ทิ้ง
ขยะลงในแหล่งน้า การดูแลรักษาสาธารณะสมบัติ เช่นโทรศัพท์สาธารณะ
หลอดไฟที่ให้แสงสว่างตามถนนหนทาง แม้แต่การประหยัดน้าประปา หรือไฟฟ้า ที่เป็นของส่วนรวม
โดยให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าตลอดจนช่วยดูแลรักษาให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ได้ยาก
หรือผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือเท่าที่จะทาได้ ตลอดจนร่วมมือกระทาเพื่อให้เกิดปัญหาหรือช่วยกันแก้ปัญหา
แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนร่วม
- 10. 2.3 จิตสาธารณะเพื่อส่วนรวม
จิตสานึกเพื่อสวนรวมนั้นสามารถกระทาได้ โดยมีแนวทางเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. โดยการกระทาตนเอง ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและเกิดความเสียหาย
ต่อส่วนรวม
2. มีบทบาทต่อสังคมในการรักษาประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อแก้ปัญหา สร้างสรรค์สังคม ซึ่งถือว่าเป็น
ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
จิตสาธารณะจึงเป็นสิ่งสาคัญในสังคม เยาวชนต้องให้ความสาคัญและตระหนักในสิ่งนี้
2.4 ความรับผิดชอบต่อตนเอง
จิตสานึกในความรับผิดชอบต่อตนเอง นับว่าเป็นพื้นฐานต่อความรับผิดชอบ ต่อสังคม ตัวอย่างความ
รับผิดชอบ ต่อตนเองดังนี้
1. ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนหาความรู้
2. รู้จักการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพให้แข็งแรงสมบรูณ์
3. มีความประหยัดรู้จักความพอดี
4. ประพฤติตัวให้เหมาะสม ละเว้นการกระทาที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย
5. ทางานที่รับมอบหมายให้สาเร็จ
6. มีความรับผิดชอบ ตรงเวลา สามารถพึ่งพาตนเองได้
2.5 ความรับผิดชอบต่อสังคม
เป็นการช่วยเหลือสังคม ไม่ทาให้ผู้อื่นหรือสังคมเดือดร้อนได้รับความ เสียหายเช่น
1. มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว เช่นเชื่อฟังพ่อแม่ช่วยเหลืองานบ้าน ไม่ทาให้พ่อแม่เสียใจ
2. มีความรับผิดชอบต่อโรงเรียน ครูอาจารย์ เช่น ตั้งใจเล่าเรียน เชื่อฟังคาสั่งสอนของครูอาจารย์
ปฏิบัติตามกฎระเบียบวินัยของโรงเรียน ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของโรงเรียน
3.
มีความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่นเช่นให้ความช่วยเหลือให้คาแนะนาไม่เอาเปรียบเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
4. มีความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง เช่นปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม ปฏิบัติตามกฎหมาย รักษา
สมบัติของส่วนรวม ให้ความร่วมมือต่อสังคมในฐานะพลเมืองดี ให้ความช่วยเหลือ
- 11. แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ
การสร้างจิตสาธารณะ เป็นความรับผิดชอบในตนเอง
แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนถ้าใจตนเองไม่ยอมรับ จิตสาธารณะก็ไม่เกิด ฉะนั้นคาว่า
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
จึงมีความสาคัญส่วนหนึ่งในการสร้างจิตสาธารณะถ้าตนเองไม่เห็นความสาคัญแล้วคงไม่มีใครบังคับได้
นอกจากใจของตนเองแล้ว
แนวทางที่สาคัญในการจิตสาธารณะยังมีอีกหลายประการถ้าปฏิบัติได้ก็จะเป็น
2.6 ประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ดังนี้
1. สร้างวินัยในตนเองตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในระบบประชาธิปไตย รู้ถึงขอบเขตของสิทธิ เสรีภาพ
หน้าที่ ความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม
2. ให้ความสาคัญต่อสิ่งแวดล้อม ตระหนักเสมอว่าตนเอง คือส่วนหนึงของสังคมต้องมีความรับผิดชอบ
ในการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องของส่วนรวม ทั้งต่อประเทศชาติ และโลกใบนี้
3. ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคม ให้ถือว่าเป็นปัญหาของตนเอง เช่นกันอย่าง
หลีกเลี่ยง ไม่ได้ ต้องช่วยกันแก้ไข เช่น ช่วยกันดาเนินการให้โรงงานอุตสาหกรรมสร้างบ่อพักน้าทิ้งก่อน
ปล่อยลงสู่แหล่งน้าสาธารณะ
4. ยึดหลักธรรมในการดาเนินชีวิต เพราะหลักธรรมหรือคาสั่งสอนในทุกศาสนาที่นับถือ สอนให้คน
ทาความดีทั้งสิ้น ถ้าปฏิบัติได้จะทาให้ตนเองมีความสุข นอกจานี้ยังก่ิอให้เ้้กิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย
ทาให้เราสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
ตัวอย่างหลักธรรมทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
พระพุทธศาสนา
หลักคาสอนในการช่วยเหลือ หรือพึ่งพาตนเอง ที่พุทธศาสนิกชนได้ยินจากพุทธสุภาษิตอยู่เสมอ คือ
อัตตาหิ อัตตโน นาโถ หรือตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
คริสต์ศาสนา
- 14. ภาพที่ 2.8.2 โรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
บทที่ 3
การดาเนินการ
3. วิธีการดาเนินงาน
3.1 ปรึกษากับสมาชิกในกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องที่จะทา
3.2 หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่
3.3 ติดต่อประสานงานกับทางโรงเรียน
3.4 จัดสั่งทาเสื้อยืดจานวน 15ตัว
3.5 จัดจาหน่ายเสื้อพร้อมจัดตั้งรับกล่องบริจาค
3.6 นากาไรที่ได้จากการขายเสื้อ มาซื้อเครื่องกันหนาว
3.7 เดินทางไปมอบของให้กับทางโรงเรียนตารวจตระเวนชายแดน บ้านแม่น้าน้อย อ.ไทรโยค
จ.กาญจนบุรี
3.8 เขียนโครงการ