More Related Content
Similar to 2562 final-project 17
Similar to 2562 final-project 17 (20)
2562 final-project 17
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาว วชิรญาณ์ รุจนรงศ์ เลขที่ 17 ชั้น ม.6/2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม 1
1. นางสาววชิรญาณ์ รุจนรงศ์ เลขที่ 17
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Gastritis
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาว วชิรญาณ์ รุจนรงศ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองบริเวณ
เยื่อบุภายในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้แบบเฉียบพลันในระยะเวลารวดเร็ว เป็นในระยะสั้น ๆ และ
หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการบ่อยครั้งเป็นระยะเวลานานจนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ทาให้เกิดแผล และ
เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
ทั้งนี้คาว่าโรคกระเพาะ เป็นคาเรียกรวม ๆ ของโรคที่เกิดจากภาวะที่มีแผลในเยื่อบุกระเพาะอาหาร
หรือลาไส้เล็กส่วนต้นถูกทาลาย ซึ่งครอบคลุมหลายโรคด้วยกัน ตั้งแต่แผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ
อาหารชนิดที่ไม่มีแผล โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร รวมไปถึงโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่กล่าวถึง
เนื่องจากเราทุกคนต่างก็ต้องเคยผ่านประสบการณ์ปวดหรือแน่นบริเวณช่องท้องกันมาแล้ว ณ
ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในรูปแบบที่แตกต่างกันไป อาจเป็นการปวดแน่น ปวดเกร็ง ปวดบีบ หรือปวดเบา ๆ
อาการปวดท้องเหล่านี้ ส่งสัญญาณที่บอกถึงปัญหาสุขภาพได้หลายประการ แต่เมื่อเวลามีอารการปวดท้อง
หลายคนมักคิดถึงโรคกระเพาะก่อนเป็นสาเหตุแรก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักคิดว่าไม่รุนแรงแต่ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง
จนเกิดภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยก็อาจเสียชีวิตได้
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
2.เพื่อให้รู้วิธีป้องกันและรักษาโรคอย่างถูกวิธี
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1.โรคกระเพาะอาหารอักเสบ คืออะไร
2.สาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
3.ปัจจัยของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
4.อาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
5.การวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
6.ภาวะแทรกซ้อนโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
7.การรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
8.การป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ คือสภาวะปกติภายในกระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดสูง ทาให้ต้องมี
การสร้างชั้นเยื่อเมือกเคลือบป้องกันกรด ซึ่งเยื่อเมือกที่ว่านี้จะประกอบไปด้วยต่อมที่มีหน้าที่ในการหลั่งกรด
และเอนไซม์ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร แต่เมื่อกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบขึ้นจากหลายสาเหตุ
โดยเฉพาะการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ทาให้กระเพาะอาหารผลิตกรด เอนไซม์ และเมือกที่ช่วยเคลือบป้องกัน
กระเพาะอาหารได้น้อยลง จึงส่งผลต่อการย่อยอาหารนานขึ้น ผิวกระเพาะอาหารเกิดอักเสบได้ง่าย
สาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
ภายในกระเพาะอาหารจะมีการผลิตกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพื่อช่วยในการย่อยอาหารและฆ่า
เชื้อโรคที่ปะปนเข้าไปในอาหารที่รับประทาน ขณะเดียวกันจะมีการสร้างเมือกที่เป็นเยื่อบุบาง ๆ ช่วยป้องกัน
ผนังของกระเพาะอาหารและลาไส้เล็กจากกรด เมื่อเกิดการเสียความสมดุลในกระเพาะอาหาร อาจส่งผลต่อ
การทาลายเยื่อบุบริเวณกระเพาะอาหารได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน
ปัจจัยกระตุ้นการหลั่งของน้าย่อยและกรดในกระเพาะอาหาร
- ระบบประสาทปกติ กระเพาะอาหารจะมีการควบคุมโดยระบบประสาท เมื่อมีอะไรมากระตุ้นจะทาให้
เกิดการหลั่งของกรดมากขึ้น
- อาหารที่ประกอบด้วยไขมัน แป้ง โปรตีน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร
มากขึ้น
- เครื่องดื่มบางชนิด เช่น สุรา กาแฟ มีสารกระตุ้นในการสร้างกรด
- ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน คอติโซน นอกจากมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างกรดแล้วยังมีผล
ทาลายเยื่อบุกระเพาะโดยตรงได้
- การสูบบุหรี่จะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ ทาให้มีกรดในกระเพาะอาหารสูงกว่าปกติ
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจาตัว เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคปวดเรื้อรัง จะมีโอกาสเกิดโรคกระเพาะสูงกว่าปกติ
อาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นโรคไม่ร้ายแรง ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแตกต่างกันหรือไม่พบความ
ผิดปกติใด ๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการเกิดขึ้นเป็นพัก ๆ แล้วหายไป แต่หากเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น
- 4. 4
อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระปนมูกเลือดหรืออุจจาระเป็นสีดา หรือมีอาการในช่วงการรับประทานยาสามัญ
ในกลุ่มยาแก้ปวด โดยเฉพาะยาแอสไพริน ยาระงับอาการปวดข้อ ปวดกระดูกต่าง ๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การวินิจฉัย โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
แพทย์จะวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยเบื้องต้นที่เข้าข่ายการเป็นโรคกระเพาะอาหาร โดยการสอบถามประวัติ
อาการ ประวัติการใช้ยา รวมไปถึงตรวจเพิ่มเติมดังนี้
1.การส่องกล้อง
2. การทดสอบการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร
3. การเอกซเรย์ระบบทางเดินอาหารส่วนบน
ภาวะแทรกซ้อนของ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
โรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือปล่อยให้เกิดจนเรื้อรัง
ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่าง ๆ ขึ้นได
ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบสามารถก่อให้เกิดอาการเลือดไหลเรื้อรังในช่องท้อง ทาให้เกิด
การเสียเลือดมากผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุที่นาไปสู่ภาวะโลหิตจางได้ อาจมีอาการเหนื่อยง่ายร่วมด้วย ในบางราย
อาจพบโลหิตจางร้ายแรง จากการขาดวิตามิน บี 12 เนื่องจากกระเพาะอาหารไม่สามารถผลิตสาร อินทรินซิค
แฟคเตอร์ (Intrinsic Factor) ซึ่งเป็นสารที่จาเป็นในการดูดซึมวิตามิน บี12 ได้เพียงพอ และเมื่อการดูดซึม
วิตามินบี 12 ทาได้น้อยลง จึงส่งผลต่อภาวะโลหิตจางชนิดนี้
นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังมีโอกาสพัฒนาไปสู่การเกิดเนื้องอกหรือมะเร็ง
ภายในกระเพาะอาหารได้ โดยเฉพาะโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร แต่
พบได้น้อยมาก
การรักษา โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
โรคกระเพาะอาหารอักเสบจะรักษาตามสาเหตุและการประคับประคองไปตามอาการของผู้ป่วยเป็น
หลัก ซึ่งแพทย์อาจแนะนาให้ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเบื้องต้น หากอาการไม่ดีขึ้น แพทย์จะให้
การรักษาด้วยการใช้ยาควบคู่ไปด้วย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของยาที่ใช้รักษาได้หลายกลุ่มดังนี้
1.ยาปฏิชีวนะ
2. ยาลดกรด
3.ยายับยั้งการหลั่งกรดและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
3.1ยากลุ่มโปรตอน ปั๊ม อินฮิบิเตอร์
3.2ยาในกลุ่มยับยั้งฮิสทามีนชนิดที่ 2
4.ยาเคลือบกระเพาะอาหาร
5.ยาต้านอาเจียนหรือยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
การป้องกัน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
โรคกระเพาะอาหารอักเสบเกิดได้หลายสาเหตุ อย่างไรก็ตามยังไม่มีของสรุปยืนยันสาเหตุการเกิดโรคที่
แน่ชัด การป้องกันจึงควรหลีกเลี่ยงการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร และระมัดระวังในการรับประทานยาใน
กลุ่มบรรเทาอาการปวด ซึ่งพบได้มากในการเกิดโรคนี้