More Related Content
Similar to 2560 project (20)
More from Aom Nachanok (16)
2560 project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน อนุรักษ์เต่าทะเล
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นางสาวกนิษฐิกา ใหม่เทวินทร์ เลขที่ 41 ชั้น ม.6 ห้อง 10
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1. นางสาวกนิษฐิกา ใหม่เทวินทร์ เลขที่ 41
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อนุรักษ์เต่าทะเล
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Love Sea Love Turtle
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวกนิษฐิกา ใหม่เทวินทร์
ชื่อที่ปรึกษา เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
- เต่าทะเลเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและประโยชน์มากมายหลายประการ อีกทั้งเต่าทะเลยังมีประโยชน์ในเชิง
เศรษฐกิจอีกด้วย และจากสาเหตุนี้เองที่ทาให้ในปัจจุบัน จานวนของเต่าทะเลในธรรมชาติได้ลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว
จนอยู่ในภาวะใกล้จะสูญพันธุ์ แต่ก็ได้หน่วยที่เห็นความสาคัญของเต่าทะเลจึงได้มีการริเริ่มการอนุรักษ์เต่าทะเลขึ้น
เต่าทะเลเป็นสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น ที่มีกระดูกสันหลัง และมีปอดที่ใช้ในการหายใจ ซึ่งเกิดขึ้นในโลกตั้งแต่สมัยดึก
ดาบรรพ์ มีการดารงชีวิตในน้าเป็นส่วนใหญ่ และจะขึ้นบกที่มีหาดทรายเพื่อวางไข่เท่านั้น เต่าทะเลที่พบในโลกมีเพียง
2 วงศ์ รวม 5 สกุล และมีอยู่ 8 ชนิด คือ
1. เต่ากระ
2. เต่าตนุ
3. เต่าตนุหลังแบน
4. เต่าตนุดา
5. เต่าหญ้า
6. เต่าหญ้าแอตแลนติก
7. เต่าหัวฆ้อน
8. เต่ามะเฟือง
จะสามารถพบได้ที่ประเทศไทยถึง 5 ชนิด นั่นก็คือ
เต่ามะเฟือง (Leatherback : Dermochelys coriacea) เต่าตนุ (Green turtle : Chelonia mydas) เต่า
กระ (Hawksbill : Eretmo chelys imbricate) เต่าหญ้าหรือเต่าสังกะสี (Olive ridley : Lepidochelys olivacea)
เต่าหัวฆ้อน (Loggerhead turtle)(ไม่พบการวางไข่ในประเทศไทย และมีจานวนน้อยมาก)
ข้าพเจ้าจึงสนใจเรื่องเต่าทะเลและการอนุรักษ์เต่าทะเล เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ผู้ที่สนใจต่อไป
- 3. 3
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่คนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเต่าทะเล
- เพื่อให้ตระหนักถึงคุณค่า ความสาคัญของเต่าทะเล
ขอบเขตโครงงาน
- ศึกษาเรื่องเต่าทะเล การอนุรักษ์เต่าทะเลในประเทศไทย
หลักการและทฤษฎี
- อันเนื่องมาจากจานวนเต่าทะเลที่ลดน้อยลง ในปี พ.ศ.2512 จึงได้มีการจัดตั้ง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญศึกษาเรื่อง
เต่าทะเลขึ้น เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของ สหพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (The
World Conservation Union : IUCN)
ต่อมาในปี พ.ศ.2518 อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์
(Convention of International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ได้
ประกาศให้เต่าทะเลทุกชนิดพันธุ์เป็นสัตว์สงวนในบัญชีที่ 1 นักวิชาการและนักอนุรักษ์ในประเทศต่าง ๆ ริเริ่มวิธีการ
ต่าง ๆ ที่จะศึกษาให้เข้าใจ ในวิธีการอนุรักษ์และป้องกันการลดจานวนลงของเต่าทะเล โครงการนาร่องที่ริเริ่ม
ดาเนินการในขั้นตอนแรก คือ การเพาะเลี้ยงและอนุบาล แล้วปล่อยลงทะเลเมื่อเต่าทะเลมีอายุหลายเดือนและ
แข็งแรงพอ แม้ว่าจะมีการใช้วิธีอนุรักษ์ในรูปแบบต่าง ๆ แล้ว ก็ยังปรากฏว่า จานวนของเต่าทะเลก็ยังคงลดจานวนลง
อยู่เรื่อย ๆ จนถึงจุดวิกฤติ อันตรายที่เกิดขึ้นนั้น มีเหตุเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์เป็นข้อใหญ่ ทั้งจากการกระทา
โดยเจตนา และเป็นอุบัติเหตุ เช่น การวางอวน การลักลอบขุดไข่เต่าทะเล เกิดจากมลภาวะ และการสูญเสียแหล่ง
วางไข่ ดังนั้น วิธีการเพาะเลี้ยงแล้วนามาอนุบาลก่อนปล่อยนั้น เป็นเรื่องยากที่จะดาเนินการ สาหรับเต่ามะเฟือง ซึ่งยัง
ต้องมีการศึกษาอีกมาก และที่สาคัญ คือ ยังขาดความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเลทุกชนิดในช่วงที่ดารงชีวิตอยู่ใน
ท้องทะเล ส่วนการเพาะเลี้ยงแล้วปล่อยนั้นก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถเพิ่มจานวนการอยู่รอดได้ ปัจจุบันทั่ว
โลก ยังสนับสนุนโครงการอนุรักษ์เต่าทะเลที่ปล่อยลูกเต่าทันทีที่ออกจากรังในประเทศไทย เต่าทะเลมีจานวนลดลง
อย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น ที่บริเวณหาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งชาติเขาลาปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งเป็น
แหล่งวางไข่ของเต่ามะเฟืองและเต่าหญ้า ในปี พ.ศ. 2513-2515 มีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ปีละมากกว่า 400 รัง แต่
ปัจจุบันพบว่า มีเต่ามะเฟืองและเต่าหญ้าขึ้นวางไข่เพียงปีละ 10-40 รังเท่านั้น จะเห็นว่าสองทศวรรษที่ผ่านมาจานวน
การวางไข่ของเต่าทะเลลดลงถึง 10 เท่า จากรายงานของอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งต่าง ๆ ที่มีเต่าทะเลขึ้นมา
วางไข่ และสถาบันวิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จังหวัดภูเก็ต พบว่า จานวนการวางไข่ของเต่าทะเลเป็นไปใน
แนวทางเดียวกัน คือ ลดจานวนลงสาหรับในพื้นที่อนุรักษ์โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ได้มีกิจกรรม
อนุรักษ์เต่าทะเลอย่างเป็นรูปธรรม กล่าวคือ มีกิจกรรมป้องกันการลักลอบขโมยขุดไข่เต่าทะเล ควบคู่กับกลยุทธ์
ประชาสัมพันธ์ การขอความร่วมมือ และการศึกษาปัจจัยด้านกายภาพต่าง ๆ ไข่เต่าทะเลที่ถูกวางไว้ในที่ห่างไกลการ
ดูแลจะถูกนาเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณเพาะฟักที่ปลอดภัย และง่ายแก่การควบคุมดูแล เมื่อลูกเต่าฟักเป็นตัวก็ปล่อยให้
ลงทะเลทันทีตามธรรมชาติ กิจกรรมต่อไป คือ การดูแลรักษาท้องทะเล ชายหาด และแหล่งหญ้าทะเลให้มีความอุดม
สมบูรณ์และไม่เปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิมตามธรรมชาติและมุ่งเน้นให้ไม่มีกิจกรรมเคลื่อนย้ายไข่เต่าทะเลไปเพาะ
ฟักอีก แต่จะปล่อยให้เต่าทะเลเพาะฟักตรงจุดที่ขึ้นมาวางไข่ตามธรรมชาติดังเดิม และที่จะละเลยไม่ได้ ก็คือ การ
บันทึกข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการพัฒนาการอนุรักษ์เต่าทะเลต่อไป
แหล่งอ้างอิง
http://guru.sanook.com/2967/