SlideShare a Scribd company logo
1 of 80
Download to read offline
พ.อ. มารวย ส่งทานินทร์
22 กุมภาพันธ์ 2556
Jo Owen



The Leadership Skills Handbook เป็ นหนังสือเสริมทักษะในการ
เป็ นผูนาที่ดี ไม่เป็ นเพียงแค่ทฤษฎี แต่มีหนทางปฏิบตดวย
้
ั ิ ้
ทักษะที่นาเสนอเป็ นไปอย่างเรียบง่าย ที่ผนาสามารถนาไปใช้ให้
ู้
เกิดประโยชน์ได้ตอไป
่


Jo Owen เคยทางานในบริษัทชั้น
นาหลายแห่งเช่น Accenture,
Apple, Barclays, Merrill Lynch
และ Procter & Gamble
 เขาได้ประพันธ์หนังสือหลายเล่ม
เช่น How to Sell, How to Lead
และ How to Manage
ส่วนประกอบของทักษะ
 ตอนที่ 1: ทักษะในอาชีพ (Career skills)
 ตอนที่ 2: ทักษะเรื่องคน (People skills)
 ตอนที่ 3: ทักษะเมื่อผจญสถานการณ์ (Moment of truth skills)
 ตอนที่ 4: ทักษะด้านเทคนิค (Technical skills)
 ตอนที่ 5: ค่านิยมและพฤติกรรม (Values and behaviors)
Part One: Career skills
01 Understand yourself
02 Understand others
03 Understand how you affect others
04 Discover your rules of success
05 The leadership journey: Key principles
06 Managing your leadership journey: The map
07 Build your career
08 Careers versus careering: Avoiding the death stars
09 How not to get promoted
10 Running the leadership marathon
01การรูจกตนเอง
้ั
 ตาราง MBTI เป็ นการระบุตวตน
ั
ของท่านว่าจัดอยูในบุคคล
่
ประเภทใด ไม่ได้หมายความว่า
เป็ นสิ่งที่ไม่ดี แต่เป็ นการจัดอย่าง
คร่าว ๆ และไม่ได้บอกว่าเป็ น
ผูนาไม่ได้
้
 ถ้าท่านตัดสินใจยากว่าอยูใน
่
ประเภทกลุ่มใด ให้ดที่ขอเสียเป็ น
ู ้
ตัวตัดสิน
02 เข้าใจผูอื่น
้
 เป็ นตัวของตัวเอง
 อย่าปรับเปลี่ยนผูอื่น
้
 มีความอดทน
 มีความระวัง
 หาทางทาให้มีผลงาน
 สร้างทีมที่มีความหลากหลาย

Your Type Their Type How They May See
You

How You Can Adjust

Extroversion
(E)

Introvert

Loudmouth. Does not include
other people.

Give other time to think and to
speak. Ask open questions.

Introversion (I)

Extrovert

Nothing worth saying? Uneasy
networker.

Prepare in advance to have
something to say

Sensing (S)

Intuitive

Dull. Unimaginative.

Take over some of practical
detail that intuitive types
dislike.

Intuitive (N)

Sensing

Flighty, impractical,
unrealistic.

Ask for help on unpractical
things, form alliance with a
sensing person.

Thinking (T)

Feeling

Cold and heartless.

Try to win a friend, not just win
an argument.

Feeling (F)

Thinking

Soft-head, fuzzy thinker,
bleeding heart.

Let the thinker think, then work
the people and the politics.

Judging (J)

Perceiving

Compulsive neat freak.
Uptight, rigid, rule-bound.

Ignore the chaos, quietly focus
on the substantive battles.

Perceiving (P)

Judging

Lazy, messy, aimless and
unreliable.

Clear up the mess on the desk
and make sure the report gets
in on time.
03 ตัวคุณมีผลอย่างไรกับผูอื่น
้

จากการ plot graph จะเห็นความต่าง และวิธีที่จะต้องปรับตัว เพื่อทางานร่วมกันได้
04 ค้นหากฎแห่งความสาเร็จของคุณ
 กฎข้อที่ 1 ศึกษาผูที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตาแหน่ง หรือได้โบนัสก้อน
้
โตว่าเขาทาอย่างไร ไม่ตองสนใจเรื่องการประเมินผล เพราะนั ่น
้
เป็ นของเล่นของฝ่ ายบุคคล
 กฎข้อที่ 2 ชั ่งน้ าหนักของข้อดีขอเสียของการกระทาอย่างนั้น ว่า
้
เราเหมาะสมที่จะทาตามหรือไม่ ถ้าไม่ก็อย่าออกมาตีโพยตีพาย
ยอมรับสภาพ หรือหางานทาใหม่
05 หลักการของเส้นทางสู่ภาวะผูนา
้

การนาสอนกันไม่ได้ แต่คุณสามารถค้นพบจากการสังเกตและจากประสบการณ์
06 การจัดการเส้นทางสู่ภาวะผูนา
้
 คุณไม่ตองเป็ นซุปเปอร์แมนจึง
้
จะเป็ นผูนาได้
้
 นี่คือสิ่งคาดหวัง 5 ลาดับที่ผูนา
้
พึงมีหรือพึงเป็ น
 ซึ่งความสาคัญของแต่ละหัวข้อ
จะต่างกันไปตามลาดับชั้นของ
ผูนา
้
07 การสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ
 อาชีพของคุณเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร จึง
ต้องมีการวางแผนให้ดี
 นั ่นคือการเลือกงาน เลือกบทบาท และเลือกนายทีถกต้อง
่ ู
08 การเลี่ยงทางตัน
 องค์กรที่ไม่เติบโตอีกต่อไป
 โครงการที่ไปไม่รอด
 เจ้านายที่
 แข็งเกินไป (Too strong bosses)

 นิ่มเกินไป (Too weak bosses)
 ไปด้วยกันไม่ได้ (Two wrong taste)

 อยูผิดที่ผิดตาแหน่ง (Wrong menu)
่
09 เพราะเหตุใดจึงไม่ได้เลื่อนขั้น
 โลกนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ
 ถ้าอยากก้าวหน้าให้ทาสิ่งต่อไปนี้
 ขอการเลื่อนขั้น ถ้าไม่ขอก็ไม่ได้อะไร ถ้าขอยังได้หรือไม่ได้
 สร้างชื่อเสียง ให้นายเห็นว่าเป็ นผูที่มีความสามารถ
้

 ทาตัวให้เห็น ทาให้นายเห็นตัวด้วยในเชิงบวก
 ใช้โอกาสให้เป็ น ใช้เวลาที่อยูกบนายเพียงเล็กน้อยให้เกิดประโยชน์มาก
่ ั

ที่สุด
 อย่ารอราชรถมาเกย
10 เกี่ยวกับเวลาที่ใช้ในชีวิต
 จงทางานในสิ่งที่ชอบ หรือชอบในงานทีทา ชีวิตนี้สั้นนัก อย่างมโข่ง
่
ทางานที่ไม่ชอบแล้วมานั ่งเสียใจในภายหลัง
 สร้างสมดุลให้กบชีวิตและงาน อย่าบ้าทางานนัก โปรดอย่าลืมเรื่อง
ั







อาหารการกิน
การออกกาลังกาย
มีความสนุกสนานกับชีวิต
รูจกผ่อนคลาย เมื่อเกิดความเครียด
้ั
นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ช่วงพักผ่อน รูจกปิ ดสวิทช์เสียบ้าง (คอมพิวเตอร์ มือถือ อีเมล์ ฯลฯ)
้ั
Part Two: People skills
01 Delegating
02 Motivating
03 Selling
04 Coaching
05 Managing expectations
06 Managing upwards
07 Flattery
08 Managing professionals
01 การมอบอานาจ
 ทาให้ผนามีเวลาที่ทางานเรื่อง
ู้
สาคัญมากขึ้น
 แสดงความไว้เนื้อเชื่อใจในทีม
 ให้ระบุหน้าที่และเกณฑ์
ความสาเร็จให้ชดเจน
ั
 มีการรายงานผลให้ทราบ
 ให้มั ่นใจว่าบุคคลมีทกษะและ
ั
ทรัพยากรพอเพียงในการทางาน
ให้สาเร็จ
 ชื่นชมเมื่อประสบผลสาเร็จ
02 การสร้างแรงจูงใจ
 มี ทฤษฎี คือ ทฤษฎี X ทฤษฎี Y
 ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าคุณอยากมี
นายประเภทใด
 แล้วคุณนาผูอื่นอย่างไร
้
 จะปรับเปลี่ยนอย่างไร
 ลูกน้องอยากให้คุณนาอย่างไร

Management
Criteria

X-Type Manager

Y-Type Manager

Basis of Power

Formal authority

Authority and
respect

Focus of Control

Process
compliances

Outcomes,
achievement

Communication
Style

One-way, tell and
do

Two-way, tell and
listen

Success Criteria

Make no mistake

Beat targets

Attention to Detail

High

Moderate

Ambiguity
Tolerance

Minimal

Moderate

Political Ability

Moderate

High

Preferred structure

Hierarchy

Network
03 การขายฝัน
 ผูนาที่ดีจะต้องเข้าใจลูกน้อง โดยเข้าไปอยูในจิตใจของพวกเขา
้
่
ว่าพวกเขาต้องการอะไร หรือพวกเขากาลังมีปัญหาอะไร เป็ น
จุดเริมต้น
่
 ถ้าสามารถเข้าถึงความฝันของพวกเขาได้ ผูนาก็จะประสบ
้
ผลสาเร็จ ไม่ใช่เริมจากผูนามีอะไรที่จะให้ได้ เพราะพวกไม่ได้
่
้
สนใจว่าผูนาจะเป็ นอย่างไร แต่สนใจว่าผูนาจะช่วยเขาได้อย่างไร
้
้
 เคล็ดลับคือ ดูตวคุณเองว่าคุณมีกี่ปาก และมีกี่หู ใช้อตราส่วน
ั
ั
เช่นนั้น
04 การฝึ ก
 ศิลปะของการฝึ กคือ ช่วยให้เขาค้นพบศักยภาพและแก้ปัญหาด้วย
ตนเอง ไม่ใช่เป็ นการบอกเล่าว่าเขาควรทาอย่างไร
 มี 5 ขั้นตอนคือ (five Os)
 Objectives วัตถุประสงค์: ต้องการบรรลุอะไร
 Overview สถานการณ์: สาคัญอย่างไร รูได้อย่างไร เกิดผลต่อไป
้
อย่างไร
 Options ทางเลือก: มีอะไรบ้าง ข้อดีขอเสียคืออะไร
้
 Obstacles อุปสรรค: ทาไมจึงทาไม่ได้ จะก้าวข้ามได้อย่างไร
 Outcome ผลลัพธ์: จะทาอย่างไรต่อไป ต้องการให้ช่วยอะไรบ้าง
05 การจัดการความคาดหวัง
 ผูนาไม่ควรคาดหวังว่าทีมงานจะสามารถเข้าใจตนได้โดยไม่ตอง
้
้
บอกกล่าว ผูนาต้องแสดงออกมา
้
 ความคาดหวังต้องมีการถกแถลงกัน ไม่ใช่เพียงทาตามหน้าที่
 ถ้าทีมมีสวนในการตั้งความคาดหวัง เขาจะรูสึกว่าเป็ นหน้าที่ที่
่
้
พวกเขาจะต้องทาให้สาเร็จ
 การตั้งความคาดหวังควรเป็ น 2 ทิศทาง
06 การจัดการในระดับสูงขึ้น
 เป็ นการบริหารเจ้านาย เพื่อความก้าวหน้าของเราเอง
 สิ่งที่นายคาดหวังจากเรามีดงนี้
ั
 ทางานหนัก มีความคิดริเริ่ม ฉลาด ไว้วางใจได้ และมีความ

ทะเยอทะยาน


สิ่งที่นายไม่ชอบคือ
 ไม่ซื่อสัตย์ ทาให้แปลกใจ เก่งเกินนาย ไม่น่าไว้ใจ และไม่เป็ นมืออาชีพ
07 การเอาอกเอาใจ
 ตั้งใจฟั ง ถามแล้วฟั งอย่างคล้อยตาม
 ชมในที่สาธารณะ
 ขอคาแนะนา
 ชมในที่ลบหลัง
ั
 ทีแรกไม่เห็นด้วยแต่มีความเห็นคล้อยตามในภายหลัง
 ไม่ควรชมอย่างเสแสร้งไม่จริงใจ และอย่าทาตัวแข่งขัน
08 บริหารอย่างมืออาชีพ
้ ้
 ตังเปาหมายที่ทาทาย
้
 กาหนดทิศทาง
 ปกปองทีมงาน
้
 ช่วยเหลือทีม ให้ทรัพยากร
 มีการเอาใจใส่
 อย่าทาให้แปลกใจ จะเสียความไว้ใจ
 ให้การยกย่องชื่นชม
 มอบอานาจ
้
 ตังความคาดหวัง
 สั ่งการให้นอยลง วางใจมากขึ้น
้
Part Three: Moment of truth skills
01 Learning to say no
02 Conflict management
03 Crisis management
04 Dealing with bullies
05 Negative feedback
06 Hearing feedback
07 Fighting battles
08 Power
09 Managing adversity
01 เรียนรูที่จะปฏิเสธ
้
 เป็ นการซื้อเวลา โดยตั้งคาถามย้อนกลับ อย่าเพิ่งตกลงใจทันที
เป็ นการปฏิเสธที่ไม่ส่งผลลบ
 หรือจะเป็ นการปฏิเสธที่ไม่ได้บอกปฏิเสธ รูจกหลบเลี่ยงการ
้ั
กล่าวปฏิเสธโดยยกเหตุผลอื่นมาอ้าง เป็ นการแก้ตวโดยไม่กล่าว
ั
ปฏิเสธ
 สุดยอดการปฏิเสธคือ ไม่ตองทาอะไรเลย
้
02 การจัดการข้อขัดแย้ง
 อย่าทาให้เป็ นเรืองส่วนตัว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะไม่เกิดผลดี
่
 ขั้นตอนการจัดการข้อขัดแย้งคือ เอาใจใส่ ให้ตกลงกันว่าอะไรคือ
ปั ญหา หาทางแก้ไข
 ถ้าคุณรูว่าตนเองเป็ นฝ่ ายผิด ให้รูจกกล่าวคาว่า เสียใจ หรือขอ
้
้ั
โทษ ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ รีบตัดไฟเสียแต่ตน
้
ลม
03 การจัดการณ์เหตุการณ์วิกฤต
 1. Prevention ปองกันความเสี่ยง
้
 2. Preparation and Practice มีสายงานตัดสินใจที่แน่ชด มี
ั
แนวทางการสื่อสารที่ชดเจน
ั
 3. Prompt, Professional, Positive and Proactive Response มีการ
ตอบสนองทีรวดเร็ว
่
 มีสติ Don’t Panic
Passive

04 การจัดการกับอันธพาล
 ผูนาที่แข็งกร้าว หรือผูนาที่อ่อนแอ
้
้
ไม่เป็ นผลดี
 ผูนาที่แน่วแน่ (assertive) เป็ นผูที่
้
้
มองโลกในแง่บวก มืออาชีพ และ
ทางานเชิงรุก ทาให้เกิดชนะ-ชนะ
ด้วยกันทั้งสองฝ่ าย






ชัดเจนทุกประเด็น
อธิบาย ชักชวน ไม่สั ่งการ
เข้าใจและเคารพผูอื่น
้
สมดุลทั้งฟั งและพูด
เน้นชนะด้วยกัน

Assertive

Aggressive

characteristics

Allow others to
choose for you,
inhibited, set up
to lose.

Choose for self,
honest, selfrespecting, winwin

Choose for
others, tactless,
self-enhancing,
play to win.

Your Own Feelings

Anxious, ignored,
manipulated.

Confident, selfrespecting, goalfocused.

Superior,
deprecatory,
controlling.

How You Make
Other Feel

Guilty or superior,
frustrated with
you.

Valued and
respected.

Humiliated and
resentful.

How You Are
Seen

Lack of respect,
do not know
where you stand.

Respect, know
where you stand.

Vengeful, fearful,
angry, distrustful.

Outcome

Lose at your
expense.

Negotiated
win/win.

You win at others’
expense.
05 เสียงสะท้อนที่เป็ นลบ
 การแจ้งข่าวไม่ดี ให้ใช้ SPIN Model
 S = Situation and Specifics เลือกสถานการณ์ที่สงบ ระบุเหตุผล
 P = Personal Impact ไม่ตดสินความ แต่ให้บอกเป็ นความรูสึก
ั
้
 I = Insight and Inquiry ถามว่าเขาเข้าใจปั ญหานี้หรือไม่ อย่างไร
 N = Next Step สรุปผล คือหาทางออกทีดีให้ และให้ทาเป็ นลาย
่
ลักษณ์อกษรเพื่อยืนยันความเข้าใจ
ั
06 การรับฟั งเสียงสะท้อน
บุคคลสุดท้ายที่จะได้ยนปั ญหาเรื่องผลงานคือบุคคลที่สร้างปั ญหา
ิ
ดังนั้นควรสังเกตว่า ยังได้รบมอบหมายงานที่สาคัญให้ทาอีก
ั
หรือไม่ ให้รูจกฟั งเสียงทีไม่ได้เปล่งออกมาด้วย และสมมุตตนเองว่า
้ั
่
ิ
เป็ นเจ้านายในการประเมินผลงานของตนเอง
07 การรบ
 ศัตรูภายในน่าเกรงกลัวกว่าศัตรูภายนอก บางครั้งการต่อสูอาจ
้
เลี่ยงไม่ได้
 ซุนวูกล่าวว่า ควรต่อสูเมื่อผลลัพธ์มีความคุมค่า ต่อสูเมื่อเห็นว่ามี
้
้
้
ชัยเท่านั้น และต่อสูเ้ มื่อหมดทางเลี่ยง
08 พลังอานาจ
 การเป็ นคนเก่งและดี (IQ, EQ) ไม่ได้ประกันความก้าวหน้า
บางครั้งต้องอาศัยการเมือง (PQ= Political Quotient)
 การสร้าง PQ ทาได้โดย
 สร้างศรัทธา รักษาคาพูด มีความเห็นร่วม

 สร้างผูตาม โดยการเอาใจใส่ เข้าใจความต้องการ
้
 เน้นผลลัพธ์ มีเปาหมายที่ชดเจน มีผลกระทบสูง
้
ั

 ฯลฯ
09 การจัดการความทุกข์ยาก
 ปฏิกิรยาของผูคนเมื่อเจอกับเหตุการณ์วิกฤต มีการแสดงออกคือ
ิ
้
ปฏิเสธ โกรธ ต่อรอง ซึมเศร้า และยอมรับ ตามลาดับ
 วิธีจดการกับเรืองดังกล่าวคือ การมุ่งเน้นอนาคต ด้วยการ สร้าง
ั
่
ทางเลือก คล่องแคล่วว่องไวในการกาหนดชะตาตนเอง หาความ
สมดุลของชีวิต
 ผูนาส่วนใหญ่เรียนรูจากประสบการณ์และสถานการณ์ทย ่าแย่
้
้
ี่
Part Four: Technical skills
01 Reading
02 Writing
03 Presenting
04 Storytelling
05 Listening
06 Doing numbers
07 Problem solving
08 Decision making in
uncertainty
09 Influencing decisions

10 Negotiations
11 Networking
12 Time management
13 Effective meetings
14 Projects
15 Managing budgets
16 Dealing with advertising
17 Managing change
18 Reorganizing
19 Creating a vision
01 การอ่าน
 เราเป็ นเพื่อนร่วมงานกัน การถกแถลงต้องแยกประเภท
 การอ่าน (ศึกษาพูดคุย) ทางด้านสังคมต่างจากการอ่านด้านธุรกิจ
 การอ่านทางด้านสังคม ผูอ่านให้ผประพันธ์ช้ ีนาได้ แต่การอ่าน
้
ู้
ทางด้านธุรกิจ เราต้องเป็ นผูควบคุม (ถ้าให้ผอื่นชี้นา อาจทาให้
้
ู้
เกิดการหลงผิดได้)
 เราต้องฝึ กการอ่าน เช่นในการประชุม เราต้องอ่านผูพูดอย่างมี
้
ความคิด มีประเด็น และมีความพร้อม
02 การเขียน
 เราไม่จาเป็ นต้องเป็ นยอดกวี จึงจะเขียนได้อย่างดี
 หลักการเขียนคือ
 เขียนเพื่อผูอ่าน ว่าทาไมเขาจึงต้องอ่าน
้
 เขียนเล่าเรื่อง ตรงประเด็น

 เขียนให้เรียบง่าย กระชับ
 เขียนให้น่าอ่าน ไม่ใช่เขียนสารคดี

 เขียนในสิ่งที่เป็ นจริง มีความสาคัญ
03 การนาเสนอ
 เราเคยมีประสบการณ์ในการฟั งการนาเสนอที่น่าเบื่อ ดังนั้นเมื่อ
เรามีโอกาสนาเสนอ ควรนาเสนออย่างน่าตืนเต้น มีความ
่
กระตือรือร้น และมีพลัง
 การนาเสนอเป็ นศิลปะ มีองค์ประกอบคือ
 Logos เหตุผลว่าทาไมพวกเขาจึงต้องฟั ง เกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร เช่น

ปั ญหา โอกาส หรือ มุมมอง ที่พวกเขาอยากรู ้
 Ethos ความน่าเชื่อถือของผูพูด เรื่องที่พูดเป็ นเรื่องจริง มีผูสนับสนุนที่
้
้
น่าเชื่อถือได้
 Pathos สร้างอารมณ์ร่วมกับผูฟัง เพราะเหตุผลอย่างเดียวไม่พอเพียง
้
เป็ นการสร้างอิทธิพลและโน้มน้าวผูฟังให้เห็นคล้อยตาม
้
04 การเล่าเรื่องราว
 เรืองเล่าที่ดีมีลกษณะต่อไปนี้
่
ั
 มีความหมายและเกี่ยวข้องกับผูฟังหรือผูอ่าน
้
้
 เริ่มต้นด้วยความท้าทายที่ผกล้าต้องเผชิญ แต่ยงอย่าพึ่งเฉลย เดี๋ยวเสีย
ู้
ั

รสชาติหมด เล่าถึงอุปสรรคและการฝ่ าฟั น ตอนท้ายสุดคือบทเรียนหรือ
การพลิกสถานการณ์ได้สาเร็จ เรื่องเล่าที่ดีเต็มไปด้วยความลึกลับและ
ความไม่แน่นอน
 การมีอารมณ์ร่วม
 มีความจริงใจ และเป็ นเรื่องจริงที่สร้างความประทับใจ
05 การฟั ง
 การฟั งคืออาวุธลับของผูนา เป็ นการง่ายที่จะบอกให้ผคนว่าต้อง
้
ู้
ทาอย่างไร แต่ควรเป็ นการถามปั ญหาแล้วตั้งใจฟั ง ช่วยให้พวก
เขาค้นพบวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง แล้วเขาจะมุ่งมั ่นในการ
แก้ปัญหานั้น
 วิธีการฟั งที่ดคือ
ี
 การทบทวนคาพูด ว่าเราเข้าใจถูกต้อง
 ถามคาถามปลายเปิ ด
 สรุป ว่าจะต้องทาอะไรต่อไป
06 การยุงกับตัวเลข
่
 ตัวเลขสาคัญไม่ได้อยูมุมขวาล่างสุด
่
 ผูนาควรรูเรืองเกี่ยวกับตัวเลขดังนี้
้
้ ่
 รูจริงเรื่องตัวเลขข้อมูล
้
 ตั้งคาถามตนเองว่า ถ้าเกิด.....

 รูว่าใครเป็ นผูเสนอตัวเลขและทาไม
้
้
07 การแก้ปัญหา
 ไม่ควรแก้ปัญหาตามลาพัง ควรใช้กระบวนการกลุม
่
 รูว่าอะไรคือปั ญหาที่แท้จริง (ใครเป็ นผูรบผิดชอบที่แท้จริง ถ้าไม่
้
้ั
แก้ปัญหาจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อแก้แล้วจะมีผลอะไรตามมา)
 เน้นแก้ที่สาเหตุไม่ใช่อาการ
 มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันแก้ปัญหา
 มีทางเลือกทีครุนคิดดีแล้ว
่ ่
 มีแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบ
08 การตัดสินใจในความไม่แน่นอน
 ไม่มีใครอยากตัดสินใจผิดพลาด การตัดสินใจมีความเสี่ยง ถ้าไม่
เสี่ยงก็สามารถให้โปรแกรมตัดสินใจแทนได้
 หลักการตัดสินใจมีดงนี้
ั
 ใช้ดลยพินิจ
ุ
 เสาะหาคาแนะนา
 ตัดสินตามค่านิยมขององค์กร
 นายของคุณตัดสินใจอย่างไร
 เน้นผลลัพธ์ที่ตามมา

 หาแนวร่วม
09 อิทธิพลที่มีผลต่อการตัดสินใจ
 มีหลักยึดตั้งแต่ตนแล้วค่อยหาคาตอบอื่น ๆ
้
 หาผูสนับสนุ นในองค์กร
้
 ทาซ้ าแล้วซ้ าอีก
 มีการแสดงออกของอารมณ์
 จากัดทางเลือกลง
 ดูความเสี่ยง
 ค่อย ๆ เพิ่มความรับผิดชอบ
 เดินหน้าลุย
10 การเจรจาต่อรอง
 มีหลักการที่สาคัญคือ พยายามเน้นชนะด้วยกัน และเน้นที่จุด
สนใจร่วมกันไม่ใช่จดยืนของแต่ละฝ่ าย
ุ
 เช่นการต่อรองเรืองเพิ่มเงินระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ยังมีเรือง
่
่
อื่นที่สามารถต่อรองกันได้ไม่เพียงแต่เรืองของตัวเงินเท่านั้น เช่น
่
ความก้าวในสายอาชีพ ความสมดุลของชีวิตและการงาน การ
มอบหมายงาน ความเสี่ยงจากการทางาน รางวัล การวัดผล และ
แนวทางการประเมิน ที่ทาให้ทุกฝ่ ายชนะด้วยกันได้
 ชัยชนะที่เลิศที่สุดคือชัยชนะที่ไม่ตองรบ
้
11 เครือข่าย
 เป็ นสิ่งจาเป็ น อาชีพของคุณอาจขึ้นกับเครือข่ายทีคณมีอยูก็ได้
่ ุ
่
 แนวทางการสร้างเครือข่ายมี 3 ประการ (three Es) คือ
 Engage ความผูกพัน ถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา
 Enthuse มีความกระตือรือร้น มีความเป็ นมิตร

 Enquire ถามคาถาม ว่าเขาสนใจเรื่องใด หาจุดสนใจร่วมกัน



การรูจกคนเยอะต่างจากการมีเครือข่ายที่ดี เครือข่ายเกิดจากใจ
้ั
ไม่ได้เกิดจากสมอง
12 การบริหารจัดการเวลา
 ทุกคนมีเวลาเท่ากัน การบริหารเวลาไม่ได้หมายความว่าต้องง่วน
อยูกบงานตลอดเวลา
่ ั
 มีหนทางในการจัดการเวลาที่มีค่าคือ
 ตัดสินใจว่างานใดเป็ นสิ่งจาเป็ นต้องทาด้วยตนเอง
 ระบุสิ่งที่ทาจริง ๆ คืออะไร
 จัดลาดับความสาคัญของงาน แล้วทาตามนั้น
13 การประชุมที่มีประสิทธิผล
 การประชุมมีประสิทธิผลหรือไม่ มีขอทดสอบ 3 ประการคือ
้
 เราได้เรียนรูอะไร
้
 เรามีส่วนร่วมช่วยเหลืออะไรบ้าง
 เราต้องทาอะไรต่อไป



ถ้าผูบริหารไม่รูว่าคาตอบคืออะไร เขาอยูผิดทีผิดตาแหน่ง
้
้
่ ่
14 โครงการ
 การล้มเหลวของโครงการขึ้นกับ
 สิ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา
 ไม่มีผสนับสนุ น
ู้
 จัดทีมผิด

 กระบวนการผิด
15 การจัดการงบประมาณ
 ให้เจรจาต่อรองเรืองงบประมาณตั้งแต่ตนมือ
่
้
 ใช้กฎ 48/52 คือบรรลุเปาหมายร้อยละ 52 ด้วยงบประมาณ
้
ร้อยละ 48 ภายในครึงปี งบประมาณแรก แล้วใช้กฏ 45/52 มา
่
ใช้กบ 2 ไตรมาสแรก จะทาให้เราปฏิบตได้เร็วกว่าเปาหมายที่
ั
ั ิ
้
วางไว้ โดยไม่ตองมาเร่งงานช่วงท้ายปี งบประมาณ
้
16 การจัดการกับการโฆษณา
 ข้อคิดคือไม่ใช่ว่าเราชอบโฆษณาชิ้นนี้หรือไม่ แต่อยูที่ลกค้าจาเรา
่ ู
ได้หรือไม่ และเขาจะซื้อของของเราไหม
 ต้องมีกลยุทธ์ในการโฆษณา ระบุคณค่าที่ให้กบลูกค้า มีเหตุผล
ุ
ั
เป็ นลักษณะเฉพาะยีหอ ถึงกลุมเปาหมาย ใช้สื่อที่เหมาะสม
่ ้
่ ้
ถูกต้องตามกฏหมาย และมีความซื่อสัตย์
17 การบริหารการเปลี่ยนแปลง
 วัฒนธรรมองค์กรคือ ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
 การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา
 ผูนามีบทบาทในการมุ่งเน้นเรืองวิธีแก้ปัญหา และการปฏิบตการ
้
่
ั ิ
โดยระบุความจาเป็ นในการเปลี่ยนแปลง วิสยทัศน์และผลลัพธ์
ั
สุดท้ายที่วางไว้เมื่อเปลี่ยนแปลงสาเร็จ ขึ้นกับความสามารถและ
ความน่าเชื่อถือของผูนา การประสบความสาเร็จในระยะต้นที่
้
ช่วยสร้างขวัญและกาลังใจ ความเสี่ยงและค่าใช้จายในการ
่
เปลี่ยนแปลง
18 การจัดโครงสร้างองค์กรใหม่
 ในทางปฏิบติ ผูนาจัดโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อ
ั ้
 พัฒนาโครงสร้างองค์กร เพื่อจัดความรับผิดชอบใหม่
 จัดสมดุลอานาจ เพื่อการบริหารงานคล่องตัวของผูนา
้
 ตั้งความคาดหวังใหม่ เป็ นการสื่อสารสองทาง



เวลาที่จดโครงสร้างใหม่ที่เหมาะสมคือเมื่อมีการรับตาแหน่งใหม่
ั
 เพื่อจัดทีมทางานที่ถูกต้อง

 เพื่อกาจัดความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัย
 เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักฃองหนทางเดิม ๆ เป็ นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
19 การสร้างวิสยทัศน์
ั
 วิสยทัศน์ควรเกี่ยวข้องกับทุกคนในองค์กร ที่ทุกคนมีส่วนช่วยให้
ั
องค์กรบรรลุวิสยทัศน์ที่ต้งไว้
ั
ั
 วิสยทัศน์ที่ดีมีลกษณะดังนี้ (RUSSIA) R=Relevant, U=Unique, S=
ั
ั
Stretching, S= Simple, I= Individualized, A= Actionable
 ถ้าวิสยทัศน์ไม่เรียบง่าย ไม่มีใครจาได้
ั
Part Five: Values and behaviors
01 Becoming a leader people
want to follow
02 How not to be a good boss
03 Taking control
04 Working to win
05 Learning to be lucky
06 Managing stress
07 Positive leadership
08 Professional leadership

09 Etiquette
10 Honesty
11 Humility
12 Responsibility
13 Living the values
14 Ambition
15 Hard work
16 Learning and renewal
17 Learning to lead
01 เป็ นผูนาที่มีผคนอยากเดินตาม
้
ู้
 ผูคนมองหาคุณสมบัตของผูนาระดับสูงดังนี้
้
ิ
้
 มีวิสยทัศน์ 61%
ั
 ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ 37%
 การตัดสินใจที่เด็ดขาด 47%

 ความสามารถในการบริหารเหตุวิกฤติ 56%
 ความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม 48%
02 เลี่ยงการเป็ นเจ้านายที่ดี
 เจ้านายทาให้เราเรียนรูและพัฒนา ทั้งด้านบวกและด้านลบ
้
 ข้อควรหลีกเลี่ยงของเจ้านายคือ
 ไม่สนใจในทีม
 ไม่มอบอานาจ
 ควบคุมทุกขั้นตอน

 หลงตนเอง
 ไม่ตดสินใจ
ั
 อ่อนการบริหาร
 เป็ นโรคจิต
03 การควบคุม
 การได้เป็ นเจ้านายไม่ได้หมายความว่าคุณควบคุมได้ทุกสิ่ง
 บุคคลจานวนมากสับสนระหว่างตาแหน่งและอานาจ
 ผูนาที่ดีประกอบด้วยความพร้อมทั้ง 3 สิ่งคือ IPM
้
 I = Idea ความคิด ต้องมีความคิดที่จะทาให้ตางจากอดีตและดีกว่าเดิม
่

แล้วแต่จะเรียกว่าเป็ นวิสยทัศน์ หรือยุทธศาสตร์
ั
 P = People ทีมที่ทางานด้วย ถ้ายังมือไม่ถึง ต้องหาคนที่ถูกต้องมาช่วย
 M = Money งบประมาณ ต้องมั ่นใจว่ามีเงินพอเพียงที่จะดาเนินการได้
ตามแผนที่วางไว้ เพื่อการบรรลุเปาประสงค์
้
04 ทางานเพื่อชัยชนะ
 ผูนาและนักกีฬามีอะไรที่คล้ายกันคือ
้
 ใช้จุดแข็ง ว่าตนทาอะไรได้ดีที่สุด
 ฝันถึงความสาเร็จ ว่าผลลัพธ์จะเป็ นเช่นไร
 คิดแบบผูชนะ ว่าได้ทาในสิ่งที่ยงใหญ่
้
ิ่

 หาทีมมาช่วยปิ ดจุดอ่อน



ถ้าผูนาขาดความมั ่นใจและความกระตือรือร้น ผูคนจะขาดความ
้
้
มั ่นใจและกระตือรือร้นในผูนา
้
05 เรียนรูที่จะเป็ นผูโชคดี
้
้
 ผูนามักบอกว่าตนเองเป็ นผูโชคดี ที่จริงเขาได้ทา 4 อย่างคือ
้
้
(4P)
 Practice การฝึ กฝน ทาให้โชคเป็ นเรื่องของทักษะ
 Persistence วิริยะ มีความเพียรไม่ยอมแพ้

 Preparation เตรียมพร้อม สาหรับสิ่งที่ตองการ
้
 Positive Outlook มุมมองเชิงบวก
06 การจัดการกับความเครียด
 มีวิธีจดการกับความเครียด 5 ประการคือ
ั
 คุมสถานการณ์ ถ้าเราคุมอยู่ จะเป็ นเพียงแค่ทางานหนักขึ้นไม่เครียด
 จัดเวลาของชีวิต งานเป็ นงานในที่ทางาน มีเส้นแบ่งกั้น
 หาคนช่วย นั ่นคือการมอบอานาจให้ผอื่น แสดงถึงความไว้วางใจ
ู้

 หาบทบาทที่ถูกต้อง บางบทบาทมีความต้องการสูง เครียด อาจจะมีบาง

คนเหมาะสมกว่าเรา
 จัดชีวิตให้สมดุล ระหว่างงานและครอบครัว ครอบครัวมีความสาคัญ
เช่นกัน แล้วจะมานั ่งเสียใจในภายหลัง
07 ผูนาในเชิงบวก
้
 มองไปในอนาคตไม่ใช่อดีต
 เน้นการปฏิบตไม่ใช่วิเคราะห์
ั ิ
 มองหาความเป็ นไปได้ไม่ใช่มองแต่ปัญหา
 เป็ นผูควบคุมไม่ใช่ถูกควบคุม
้
 สร้างทางเลือกไม่ใช่รบสภาพ
ั
08 ผูนามืออาชีพ
้
 ความเป็ นมืออาชีพเป็ นสิ่งสาคัญ
 ขึ้นกับบริบทของอาชีพนั้น ๆ ที่ควรเห็นพ้องต้องกันถึงการ
ประพฤติปฏิบติ
ั
09 มารยาท
 มีกฏอยูว่า ให้ปฏิบตตอผูอื่น เช่นเดียวกับที่เราอยากให้ผอื่น
่
ั ิ ่ ้
ู้
ปฏิบตตอเรา
ั ิ ่
 Do unto others as you would have them do unto you.
10 ความซื่อสัตย์
 ความซื่อสัตย์ไม่ได้หมายเพียงคุณธรรมหรือจริยธรรมเท่านั้น มัน
หมายถึงความเป็ นความตายเลยทีเดียว
 ความซื่อสัตย์เป็ นการสร้างความไว้วางใจให้กบผูตาม ผูนาต้อง
ั ้
้
แสดงถึงความซื่อสัตย์แม้ว่าจะต้องกล่าวด้วยความเจ็บปวด
11 ความนอบน้อม
 ผูนาที่มีความอ่อนน้อมแสดงถึงการทราบตนเอง ต้องใช้ความ
้
กล้าหาญชาญชัยอย่างแท้จริง จึงสามารถแสดงออกถึงความอ่อน
น้อมได้ว่าตนเองไม่ได้เก่งไปทุกอย่าง
 ผูนาทุกคนมีจดอ่อน แต่แก้ไขได้ดวยการทางานเป็ นทีม
้
ุ
้
12 ความรับผิดชอบ
 ผูนาต้องมีความรับผิดชอบ 3 ประการคือ
้
 คุณมีความรับผิดชอบต่ออาชีพการงานของคุณ
 คุณมีความรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดกับคุณไม่ว่าดีหรือเลว
 คุณมีความรับผิดชอบต่อการแสดงออกอารมณ์ของคุณเอง
13 ค่านิยม
 ผูคนดูค่านิยมของผูนาจากการแสดงออก ไม่ใช่จากสิ่งที่ผนาพูด
้
้
ู้
 ผูนาทาอะไรก็ตาม จะเป็ นที่สนใจของคนในองค์กรเสมอ เสมือน
้
มีกล้องคอยสอดส่องอยูตลอดเวลา ว่าผูนาทาตามค่านิยมที่
่
้
ประกาศไว้หรือไม่
14 ความทะเยอทะยาน
 ผูนาเป็ นผูทมีความทะเยอทะยาน บางครั้งไม่ได้ใช้เหตุผล แต่รบ
้
้ ี่
ั
ฟั งเหตุผลก่อนการตัดสินใจ เพื่อการบรรลุผล
้
 ต่างจากผูจดการ ที่ทุกครังในการตัดสินใจต้องประกอบด้วย
้ั
เหตุผล
15 การทางานหนัก
 การเป็ นผูนาต้องผ่านการทางานหนัก ผูประสบผลสาเร็จมีความ
้
้
มานะพยายามมากกว่าผูทประสบความล้มเหลว
้ ี่
 ผูนาคือผูที่มีความรักในสิงที่ทา มีความมุ่งมั ่นและความแข็งแกร่ง
้
้
่
16 การเรียนรูและปรับตัว
้
 คนเรามักจะติดกับดักในสิ่งที่เราคิดว่าเป็ นสิ่งที่ดีแล้ว จึงไม่คิดจะ
เปลี่ยนแปลง
 ในโลกนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา
่
 ผูนาควรปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
้
 รสนิยมในการฟั งดนตรี บ่งบอกวัยของผูนา เช่นเดียวกับวงรอบปี
้
ของต้นไม้
17 เรียนรูการนา
้
 ภาวะผูนาขึ้นกับบริบท เป็ นสิ่งที่เรียนรูได้
้
้
 ความรูที่เรียนมา ไม่สามารถทาให้เกิดภาวะผูนาได้
้
้
 ในทางปฏิบติ ภาวะผูนาเรียนรูได้จากประสบการณ์ตาง ๆ ที่ผาน
ั
้
้
่
่
มา จากเจ้านาย จากเพื่อน หรือจากบุคคลที่เป็ นแบบอย่างที่ดี
 ขอให้มีความสุขกับการเดินทางของคุณ






ทักษะผูนาแบ่งเป็ นกลุมใหญ่ ๆ ได้ 4 กลุมคือทักษะในอาชีพ
้
่
่
(Career skills) ทักษะเรื่องคน (People skills) ทักษะเมื่อผจญ
สถานการณ์ (Moment of truth skills) ทักษะด้านเทคนิค
(Technical skills) และค่านิยมและพฤติกรรม (Values and
behaviors) ของผูนา
้
ไม่มีสูตรตายตัวในการเป็ นผูนาที่ประสบความสาเร็จ ผูนาจะต้อง
้
้
สร้างสูตรสูความสาเร็จด้วยตนเอง ขึ้นกับบริบทของการงานและ
่
ความเป็ นปั จเจกบุคคล
ภาวะผูนาเป็ นสิ่งที่เรียนรูได้ จากทักษะและค่านิยมของผูนา
้
้
้
ขอขอบคุณ พันเอกหญิง อังคณา สุเมธสิทธิกุล
ที่กรุณาให้หนังสือเล่มนี้ มาศึกษา

More Related Content

What's hot

พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thing
พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thingพิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thing
พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thingmaruay songtanin
 
Organization Boss
Organization BossOrganization Boss
Organization Bosssriphanwong
 
เคมีของทีม Team chemistry
เคมีของทีม Team chemistry เคมีของทีม Team chemistry
เคมีของทีม Team chemistry maruay songtanin
 
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosis
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosisการวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosis
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosismaruay songtanin
 
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last maruay songtanin
 
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2 การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2 maruay songtanin
 
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition maruay songtanin
 

What's hot (10)

พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thing
พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thingพิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thing
พิจารณาให้ดีก่อน Beware the next big thing
 
Organization Boss
Organization BossOrganization Boss
Organization Boss
 
เคมีของทีม Team chemistry
เคมีของทีม Team chemistry เคมีของทีม Team chemistry
เคมีของทีม Team chemistry
 
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosis
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosisการวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosis
การวินิจฉัยองค์กร Organization diagnosis
 
T01 080156
T01 080156T01 080156
T01 080156
 
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last
สร้างองค์กรอย่างยั่งยืน Built to last
 
14321
1432114321
14321
 
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2 การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2
การจูงใจที่เป็นเลิศ ภาคที่สอง Super motivation 2
 
7 q productivity
7 q productivity7 q productivity
7 q productivity
 
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition
กลยุทธ์ กับคำนิยามของผู้บริหาร Strategy definition
 

Viewers also liked

ดีสู่ดีเลิศ Good to great
ดีสู่ดีเลิศ Good to great ดีสู่ดีเลิศ Good to great
ดีสู่ดีเลิศ Good to great maruay songtanin
 
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of 6 key attributes of driving...
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of  6   key attributes of driving...พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of  6   key attributes of driving...
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of 6 key attributes of driving...maruay songtanin
 
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition maruay songtanin
 
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation maruay songtanin
 
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals maruay songtanin
 
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking maruay songtanin
 
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of 6 overcoming resistance to...
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of  6   overcoming resistance to...การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of  6   overcoming resistance to...
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of 6 overcoming resistance to...maruay songtanin
 
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis maruay songtanin
 
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts maruay songtanin
 
การสร้างตราสินค้า Brand building
การสร้างตราสินค้า Brand building การสร้างตราสินค้า Brand building
การสร้างตราสินค้า Brand building maruay songtanin
 
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps maruay songtanin
 
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results maruay songtanin
 
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future maruay songtanin
 
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded Visuals
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded VisualsBreak the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded Visuals
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded VisualsERC Consultants, Inc.
 
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance Excellence
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance ExcellenceEdPEx: Introduction to the Criteria for Performance Excellence
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance ExcellenceSajee Sirikrai
 
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...maruay songtanin
 
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ 10 reasons not to do Baldrige
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ  10 reasons not to do Baldrige 10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ  10 reasons not to do Baldrige
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ 10 reasons not to do Baldrige maruay songtanin
 
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)KMUTT
 
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1 visionary leadership
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1   visionary leadership การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1   visionary leadership
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1 visionary leadership maruay songtanin
 
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศการจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศPrachyanun Nilsook
 

Viewers also liked (20)

ดีสู่ดีเลิศ Good to great
ดีสู่ดีเลิศ Good to great ดีสู่ดีเลิศ Good to great
ดีสู่ดีเลิศ Good to great
 
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of 6 key attributes of driving...
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of  6   key attributes of driving...พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of  6   key attributes of driving...
พฤติกรรมสู่ความเป็นเลิศ Leadership series 1 of 6 key attributes of driving...
 
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition
ทำไมโรงพยาบาลต้องมีการแข่งขัน Health care needs real competition
 
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation
ศาสตร์ด้านอ่อนของการต่อรอง The softer side of negotiation
 
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals
มุมมองโรงพยาบาลกองทัพบกกับ HA - Ha & Army hospitals
 
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking
วิวัฒนาการความคิดการออกแบบ Evolution of design thinking
 
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of 6 overcoming resistance to...
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of  6   overcoming resistance to...การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of  6   overcoming resistance to...
การบริหารความเปลี่ยนแปลง Leadership series 2 of 6 overcoming resistance to...
 
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis
การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า Value chain analysis
 
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts
ค่านิยมและแนวคิดหลัก New core values and concepts
 
การสร้างตราสินค้า Brand building
การสร้างตราสินค้า Brand building การสร้างตราสินค้า Brand building
การสร้างตราสินค้า Brand building
 
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps
ขั้นตอนการสัมภาษณ์ Effective interviewing steps
 
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results
การบูรณาการหัวข้อและผลลัพธ์ Item integration & expected results
 
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future
การสร้างบุคลากรสำหรับอนาคต Building a workforce for the future
 
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded Visuals
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded VisualsBreak the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded Visuals
Break the Habit – 8 Ways to Defeat Overloaded Visuals
 
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance Excellence
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance ExcellenceEdPEx: Introduction to the Criteria for Performance Excellence
EdPEx: Introduction to the Criteria for Performance Excellence
 
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3   organizational and persona...
การเรียนรู้ขององค์กร Baldrige awareness series 3 organizational and persona...
 
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ 10 reasons not to do Baldrige
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ  10 reasons not to do Baldrige 10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ  10 reasons not to do Baldrige
10 เหตุผลที่ไม่ต้องพัฒนาคุณภาพ 10 reasons not to do Baldrige
 
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)
สามารถ (Ability) สมรรถนะ (competency)
 
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1 visionary leadership
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1   visionary leadership การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1   visionary leadership
การนำอย่างมีวิสัยทัศน์ Baldrige awareness series 1 visionary leadership
 
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศการจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 

Similar to ทักษะผู้นำ The leadership skills handbook

Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessment
Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessmentUpper STYLE Personality Decoder: leadership style assessment
Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessmentArthapol Vithayakritsirikul
 
ทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จpyopyo
 
Presentation 2013-01-11 My experience on Coaching
Presentation 2013-01-11 My experience on CoachingPresentation 2013-01-11 My experience on Coaching
Presentation 2013-01-11 My experience on CoachingNopporn Thepsithar
 
PMS for organization effectiveness
PMS for organization effectivenessPMS for organization effectiveness
PMS for organization effectivenessSuntichai Inthornon
 
Howto Succeed
Howto SucceedHowto Succeed
Howto Succeedngumngim
 
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2 ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2 maruay songtanin
 
ผู้บริหารที่ดี.......
ผู้บริหารที่ดี.......ผู้บริหารที่ดี.......
ผู้บริหารที่ดี.......Chalermpon Dondee
 
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณ
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณ
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณตานุ เอ็นเตอร์เทน
 
การทำงานสู่ความเป็นเลิศ
การทำงานสู่ความเป็นเลิศการทำงานสู่ความเป็นเลิศ
การทำงานสู่ความเป็นเลิศsongsri
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allKruKaiNui
 
Organization Behavior
Organization BehaviorOrganization Behavior
Organization Behaviortltutortutor
 

Similar to ทักษะผู้นำ The leadership skills handbook (20)

Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessment
Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessmentUpper STYLE Personality Decoder: leadership style assessment
Upper STYLE Personality Decoder: leadership style assessment
 
Eb chapter2
Eb chapter2Eb chapter2
Eb chapter2
 
Tan
TanTan
Tan
 
ทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จ
 
Presentation 2013-01-11 My experience on Coaching
Presentation 2013-01-11 My experience on CoachingPresentation 2013-01-11 My experience on Coaching
Presentation 2013-01-11 My experience on Coaching
 
Strengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai versionStrengths Quest Thai version
Strengths Quest Thai version
 
How to succeed
How to succeedHow to succeed
How to succeed
 
PMS for organization effectiveness
PMS for organization effectivenessPMS for organization effectiveness
PMS for organization effectiveness
 
Howto Succeed
Howto SucceedHowto Succeed
Howto Succeed
 
7 habits (19 5-2554)
7 habits (19 5-2554)7 habits (19 5-2554)
7 habits (19 5-2554)
 
Kpi 18 1_55
Kpi 18 1_55Kpi 18 1_55
Kpi 18 1_55
 
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2 ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2
ต้องกล้า อย่าอ่อนแอ Decision making 2
 
Work
WorkWork
Work
 
ผู้บริหารที่ดี.......
ผู้บริหารที่ดี.......ผู้บริหารที่ดี.......
ผู้บริหารที่ดี.......
 
รายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomationรายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomation
 
รายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomationรายงาน Life transfomation
รายงาน Life transfomation
 
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณ
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณ
ทักษะ 10 ประการ ที่ใครๆ ก็ต้องการคุณ
 
การทำงานสู่ความเป็นเลิศ
การทำงานสู่ความเป็นเลิศการทำงานสู่ความเป็นเลิศ
การทำงานสู่ความเป็นเลิศ
 
The 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people allThe 7 habits of highly effective people all
The 7 habits of highly effective people all
 
Organization Behavior
Organization BehaviorOrganization Behavior
Organization Behavior
 

More from maruay songtanin

170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
169 อรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
167 สมิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
164 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
162 สันถวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
160 วินีลกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
157 คุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
155 ภัคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
153 สูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

ทักษะผู้นำ The leadership skills handbook

  • 3.   The Leadership Skills Handbook เป็ นหนังสือเสริมทักษะในการ เป็ นผูนาที่ดี ไม่เป็ นเพียงแค่ทฤษฎี แต่มีหนทางปฏิบตดวย ้ ั ิ ้ ทักษะที่นาเสนอเป็ นไปอย่างเรียบง่าย ที่ผนาสามารถนาไปใช้ให้ ู้ เกิดประโยชน์ได้ตอไป ่
  • 4.  Jo Owen เคยทางานในบริษัทชั้น นาหลายแห่งเช่น Accenture, Apple, Barclays, Merrill Lynch และ Procter & Gamble  เขาได้ประพันธ์หนังสือหลายเล่ม เช่น How to Sell, How to Lead และ How to Manage
  • 5. ส่วนประกอบของทักษะ  ตอนที่ 1: ทักษะในอาชีพ (Career skills)  ตอนที่ 2: ทักษะเรื่องคน (People skills)  ตอนที่ 3: ทักษะเมื่อผจญสถานการณ์ (Moment of truth skills)  ตอนที่ 4: ทักษะด้านเทคนิค (Technical skills)  ตอนที่ 5: ค่านิยมและพฤติกรรม (Values and behaviors)
  • 7. 01 Understand yourself 02 Understand others 03 Understand how you affect others 04 Discover your rules of success 05 The leadership journey: Key principles 06 Managing your leadership journey: The map 07 Build your career 08 Careers versus careering: Avoiding the death stars 09 How not to get promoted 10 Running the leadership marathon
  • 8. 01การรูจกตนเอง ้ั  ตาราง MBTI เป็ นการระบุตวตน ั ของท่านว่าจัดอยูในบุคคล ่ ประเภทใด ไม่ได้หมายความว่า เป็ นสิ่งที่ไม่ดี แต่เป็ นการจัดอย่าง คร่าว ๆ และไม่ได้บอกว่าเป็ น ผูนาไม่ได้ ้  ถ้าท่านตัดสินใจยากว่าอยูใน ่ ประเภทกลุ่มใด ให้ดที่ขอเสียเป็ น ู ้ ตัวตัดสิน
  • 9. 02 เข้าใจผูอื่น ้  เป็ นตัวของตัวเอง  อย่าปรับเปลี่ยนผูอื่น ้  มีความอดทน  มีความระวัง  หาทางทาให้มีผลงาน  สร้างทีมที่มีความหลากหลาย Your Type Their Type How They May See You How You Can Adjust Extroversion (E) Introvert Loudmouth. Does not include other people. Give other time to think and to speak. Ask open questions. Introversion (I) Extrovert Nothing worth saying? Uneasy networker. Prepare in advance to have something to say Sensing (S) Intuitive Dull. Unimaginative. Take over some of practical detail that intuitive types dislike. Intuitive (N) Sensing Flighty, impractical, unrealistic. Ask for help on unpractical things, form alliance with a sensing person. Thinking (T) Feeling Cold and heartless. Try to win a friend, not just win an argument. Feeling (F) Thinking Soft-head, fuzzy thinker, bleeding heart. Let the thinker think, then work the people and the politics. Judging (J) Perceiving Compulsive neat freak. Uptight, rigid, rule-bound. Ignore the chaos, quietly focus on the substantive battles. Perceiving (P) Judging Lazy, messy, aimless and unreliable. Clear up the mess on the desk and make sure the report gets in on time.
  • 10. 03 ตัวคุณมีผลอย่างไรกับผูอื่น ้ จากการ plot graph จะเห็นความต่าง และวิธีที่จะต้องปรับตัว เพื่อทางานร่วมกันได้
  • 11. 04 ค้นหากฎแห่งความสาเร็จของคุณ  กฎข้อที่ 1 ศึกษาผูที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตาแหน่ง หรือได้โบนัสก้อน ้ โตว่าเขาทาอย่างไร ไม่ตองสนใจเรื่องการประเมินผล เพราะนั ่น ้ เป็ นของเล่นของฝ่ ายบุคคล  กฎข้อที่ 2 ชั ่งน้ าหนักของข้อดีขอเสียของการกระทาอย่างนั้น ว่า ้ เราเหมาะสมที่จะทาตามหรือไม่ ถ้าไม่ก็อย่าออกมาตีโพยตีพาย ยอมรับสภาพ หรือหางานทาใหม่
  • 13. 06 การจัดการเส้นทางสู่ภาวะผูนา ้  คุณไม่ตองเป็ นซุปเปอร์แมนจึง ้ จะเป็ นผูนาได้ ้  นี่คือสิ่งคาดหวัง 5 ลาดับที่ผูนา ้ พึงมีหรือพึงเป็ น  ซึ่งความสาคัญของแต่ละหัวข้อ จะต่างกันไปตามลาดับชั้นของ ผูนา ้
  • 14. 07 การสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ  อาชีพของคุณเสมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร จึง ต้องมีการวางแผนให้ดี  นั ่นคือการเลือกงาน เลือกบทบาท และเลือกนายทีถกต้อง ่ ู
  • 15. 08 การเลี่ยงทางตัน  องค์กรที่ไม่เติบโตอีกต่อไป  โครงการที่ไปไม่รอด  เจ้านายที่  แข็งเกินไป (Too strong bosses)  นิ่มเกินไป (Too weak bosses)  ไปด้วยกันไม่ได้ (Two wrong taste)  อยูผิดที่ผิดตาแหน่ง (Wrong menu) ่
  • 16. 09 เพราะเหตุใดจึงไม่ได้เลื่อนขั้น  โลกนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ  ถ้าอยากก้าวหน้าให้ทาสิ่งต่อไปนี้  ขอการเลื่อนขั้น ถ้าไม่ขอก็ไม่ได้อะไร ถ้าขอยังได้หรือไม่ได้  สร้างชื่อเสียง ให้นายเห็นว่าเป็ นผูที่มีความสามารถ ้  ทาตัวให้เห็น ทาให้นายเห็นตัวด้วยในเชิงบวก  ใช้โอกาสให้เป็ น ใช้เวลาที่อยูกบนายเพียงเล็กน้อยให้เกิดประโยชน์มาก ่ ั ที่สุด  อย่ารอราชรถมาเกย
  • 17. 10 เกี่ยวกับเวลาที่ใช้ในชีวิต  จงทางานในสิ่งที่ชอบ หรือชอบในงานทีทา ชีวิตนี้สั้นนัก อย่างมโข่ง ่ ทางานที่ไม่ชอบแล้วมานั ่งเสียใจในภายหลัง  สร้างสมดุลให้กบชีวิตและงาน อย่าบ้าทางานนัก โปรดอย่าลืมเรื่อง ั       อาหารการกิน การออกกาลังกาย มีความสนุกสนานกับชีวิต รูจกผ่อนคลาย เมื่อเกิดความเครียด ้ั นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ช่วงพักผ่อน รูจกปิ ดสวิทช์เสียบ้าง (คอมพิวเตอร์ มือถือ อีเมล์ ฯลฯ) ้ั
  • 19. 01 Delegating 02 Motivating 03 Selling 04 Coaching 05 Managing expectations 06 Managing upwards 07 Flattery 08 Managing professionals
  • 20. 01 การมอบอานาจ  ทาให้ผนามีเวลาที่ทางานเรื่อง ู้ สาคัญมากขึ้น  แสดงความไว้เนื้อเชื่อใจในทีม  ให้ระบุหน้าที่และเกณฑ์ ความสาเร็จให้ชดเจน ั  มีการรายงานผลให้ทราบ  ให้มั ่นใจว่าบุคคลมีทกษะและ ั ทรัพยากรพอเพียงในการทางาน ให้สาเร็จ  ชื่นชมเมื่อประสบผลสาเร็จ
  • 21. 02 การสร้างแรงจูงใจ  มี ทฤษฎี คือ ทฤษฎี X ทฤษฎี Y  ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าคุณอยากมี นายประเภทใด  แล้วคุณนาผูอื่นอย่างไร ้  จะปรับเปลี่ยนอย่างไร  ลูกน้องอยากให้คุณนาอย่างไร Management Criteria X-Type Manager Y-Type Manager Basis of Power Formal authority Authority and respect Focus of Control Process compliances Outcomes, achievement Communication Style One-way, tell and do Two-way, tell and listen Success Criteria Make no mistake Beat targets Attention to Detail High Moderate Ambiguity Tolerance Minimal Moderate Political Ability Moderate High Preferred structure Hierarchy Network
  • 22. 03 การขายฝัน  ผูนาที่ดีจะต้องเข้าใจลูกน้อง โดยเข้าไปอยูในจิตใจของพวกเขา ้ ่ ว่าพวกเขาต้องการอะไร หรือพวกเขากาลังมีปัญหาอะไร เป็ น จุดเริมต้น ่  ถ้าสามารถเข้าถึงความฝันของพวกเขาได้ ผูนาก็จะประสบ ้ ผลสาเร็จ ไม่ใช่เริมจากผูนามีอะไรที่จะให้ได้ เพราะพวกไม่ได้ ่ ้ สนใจว่าผูนาจะเป็ นอย่างไร แต่สนใจว่าผูนาจะช่วยเขาได้อย่างไร ้ ้  เคล็ดลับคือ ดูตวคุณเองว่าคุณมีกี่ปาก และมีกี่หู ใช้อตราส่วน ั ั เช่นนั้น
  • 23. 04 การฝึ ก  ศิลปะของการฝึ กคือ ช่วยให้เขาค้นพบศักยภาพและแก้ปัญหาด้วย ตนเอง ไม่ใช่เป็ นการบอกเล่าว่าเขาควรทาอย่างไร  มี 5 ขั้นตอนคือ (five Os)  Objectives วัตถุประสงค์: ต้องการบรรลุอะไร  Overview สถานการณ์: สาคัญอย่างไร รูได้อย่างไร เกิดผลต่อไป ้ อย่างไร  Options ทางเลือก: มีอะไรบ้าง ข้อดีขอเสียคืออะไร ้  Obstacles อุปสรรค: ทาไมจึงทาไม่ได้ จะก้าวข้ามได้อย่างไร  Outcome ผลลัพธ์: จะทาอย่างไรต่อไป ต้องการให้ช่วยอะไรบ้าง
  • 24. 05 การจัดการความคาดหวัง  ผูนาไม่ควรคาดหวังว่าทีมงานจะสามารถเข้าใจตนได้โดยไม่ตอง ้ ้ บอกกล่าว ผูนาต้องแสดงออกมา ้  ความคาดหวังต้องมีการถกแถลงกัน ไม่ใช่เพียงทาตามหน้าที่  ถ้าทีมมีสวนในการตั้งความคาดหวัง เขาจะรูสึกว่าเป็ นหน้าที่ที่ ่ ้ พวกเขาจะต้องทาให้สาเร็จ  การตั้งความคาดหวังควรเป็ น 2 ทิศทาง
  • 25. 06 การจัดการในระดับสูงขึ้น  เป็ นการบริหารเจ้านาย เพื่อความก้าวหน้าของเราเอง  สิ่งที่นายคาดหวังจากเรามีดงนี้ ั  ทางานหนัก มีความคิดริเริ่ม ฉลาด ไว้วางใจได้ และมีความ ทะเยอทะยาน  สิ่งที่นายไม่ชอบคือ  ไม่ซื่อสัตย์ ทาให้แปลกใจ เก่งเกินนาย ไม่น่าไว้ใจ และไม่เป็ นมืออาชีพ
  • 26. 07 การเอาอกเอาใจ  ตั้งใจฟั ง ถามแล้วฟั งอย่างคล้อยตาม  ชมในที่สาธารณะ  ขอคาแนะนา  ชมในที่ลบหลัง ั  ทีแรกไม่เห็นด้วยแต่มีความเห็นคล้อยตามในภายหลัง  ไม่ควรชมอย่างเสแสร้งไม่จริงใจ และอย่าทาตัวแข่งขัน
  • 27. 08 บริหารอย่างมืออาชีพ ้ ้  ตังเปาหมายที่ทาทาย ้  กาหนดทิศทาง  ปกปองทีมงาน ้  ช่วยเหลือทีม ให้ทรัพยากร  มีการเอาใจใส่  อย่าทาให้แปลกใจ จะเสียความไว้ใจ  ให้การยกย่องชื่นชม  มอบอานาจ ้  ตังความคาดหวัง  สั ่งการให้นอยลง วางใจมากขึ้น ้
  • 28. Part Three: Moment of truth skills
  • 29. 01 Learning to say no 02 Conflict management 03 Crisis management 04 Dealing with bullies 05 Negative feedback 06 Hearing feedback 07 Fighting battles 08 Power 09 Managing adversity
  • 30. 01 เรียนรูที่จะปฏิเสธ ้  เป็ นการซื้อเวลา โดยตั้งคาถามย้อนกลับ อย่าเพิ่งตกลงใจทันที เป็ นการปฏิเสธที่ไม่ส่งผลลบ  หรือจะเป็ นการปฏิเสธที่ไม่ได้บอกปฏิเสธ รูจกหลบเลี่ยงการ ้ั กล่าวปฏิเสธโดยยกเหตุผลอื่นมาอ้าง เป็ นการแก้ตวโดยไม่กล่าว ั ปฏิเสธ  สุดยอดการปฏิเสธคือ ไม่ตองทาอะไรเลย ้
  • 31. 02 การจัดการข้อขัดแย้ง  อย่าทาให้เป็ นเรืองส่วนตัว ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะไม่เกิดผลดี ่  ขั้นตอนการจัดการข้อขัดแย้งคือ เอาใจใส่ ให้ตกลงกันว่าอะไรคือ ปั ญหา หาทางแก้ไข  ถ้าคุณรูว่าตนเองเป็ นฝ่ ายผิด ให้รูจกกล่าวคาว่า เสียใจ หรือขอ ้ ้ั โทษ ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ รีบตัดไฟเสียแต่ตน ้ ลม
  • 32. 03 การจัดการณ์เหตุการณ์วิกฤต  1. Prevention ปองกันความเสี่ยง ้  2. Preparation and Practice มีสายงานตัดสินใจที่แน่ชด มี ั แนวทางการสื่อสารที่ชดเจน ั  3. Prompt, Professional, Positive and Proactive Response มีการ ตอบสนองทีรวดเร็ว ่  มีสติ Don’t Panic
  • 33. Passive 04 การจัดการกับอันธพาล  ผูนาที่แข็งกร้าว หรือผูนาที่อ่อนแอ ้ ้ ไม่เป็ นผลดี  ผูนาที่แน่วแน่ (assertive) เป็ นผูที่ ้ ้ มองโลกในแง่บวก มืออาชีพ และ ทางานเชิงรุก ทาให้เกิดชนะ-ชนะ ด้วยกันทั้งสองฝ่ าย      ชัดเจนทุกประเด็น อธิบาย ชักชวน ไม่สั ่งการ เข้าใจและเคารพผูอื่น ้ สมดุลทั้งฟั งและพูด เน้นชนะด้วยกัน Assertive Aggressive characteristics Allow others to choose for you, inhibited, set up to lose. Choose for self, honest, selfrespecting, winwin Choose for others, tactless, self-enhancing, play to win. Your Own Feelings Anxious, ignored, manipulated. Confident, selfrespecting, goalfocused. Superior, deprecatory, controlling. How You Make Other Feel Guilty or superior, frustrated with you. Valued and respected. Humiliated and resentful. How You Are Seen Lack of respect, do not know where you stand. Respect, know where you stand. Vengeful, fearful, angry, distrustful. Outcome Lose at your expense. Negotiated win/win. You win at others’ expense.
  • 34. 05 เสียงสะท้อนที่เป็ นลบ  การแจ้งข่าวไม่ดี ให้ใช้ SPIN Model  S = Situation and Specifics เลือกสถานการณ์ที่สงบ ระบุเหตุผล  P = Personal Impact ไม่ตดสินความ แต่ให้บอกเป็ นความรูสึก ั ้  I = Insight and Inquiry ถามว่าเขาเข้าใจปั ญหานี้หรือไม่ อย่างไร  N = Next Step สรุปผล คือหาทางออกทีดีให้ และให้ทาเป็ นลาย ่ ลักษณ์อกษรเพื่อยืนยันความเข้าใจ ั
  • 35. 06 การรับฟั งเสียงสะท้อน บุคคลสุดท้ายที่จะได้ยนปั ญหาเรื่องผลงานคือบุคคลที่สร้างปั ญหา ิ ดังนั้นควรสังเกตว่า ยังได้รบมอบหมายงานที่สาคัญให้ทาอีก ั หรือไม่ ให้รูจกฟั งเสียงทีไม่ได้เปล่งออกมาด้วย และสมมุตตนเองว่า ้ั ่ ิ เป็ นเจ้านายในการประเมินผลงานของตนเอง
  • 36. 07 การรบ  ศัตรูภายในน่าเกรงกลัวกว่าศัตรูภายนอก บางครั้งการต่อสูอาจ ้ เลี่ยงไม่ได้  ซุนวูกล่าวว่า ควรต่อสูเมื่อผลลัพธ์มีความคุมค่า ต่อสูเมื่อเห็นว่ามี ้ ้ ้ ชัยเท่านั้น และต่อสูเ้ มื่อหมดทางเลี่ยง
  • 37. 08 พลังอานาจ  การเป็ นคนเก่งและดี (IQ, EQ) ไม่ได้ประกันความก้าวหน้า บางครั้งต้องอาศัยการเมือง (PQ= Political Quotient)  การสร้าง PQ ทาได้โดย  สร้างศรัทธา รักษาคาพูด มีความเห็นร่วม  สร้างผูตาม โดยการเอาใจใส่ เข้าใจความต้องการ ้  เน้นผลลัพธ์ มีเปาหมายที่ชดเจน มีผลกระทบสูง ้ ั  ฯลฯ
  • 38. 09 การจัดการความทุกข์ยาก  ปฏิกิรยาของผูคนเมื่อเจอกับเหตุการณ์วิกฤต มีการแสดงออกคือ ิ ้ ปฏิเสธ โกรธ ต่อรอง ซึมเศร้า และยอมรับ ตามลาดับ  วิธีจดการกับเรืองดังกล่าวคือ การมุ่งเน้นอนาคต ด้วยการ สร้าง ั ่ ทางเลือก คล่องแคล่วว่องไวในการกาหนดชะตาตนเอง หาความ สมดุลของชีวิต  ผูนาส่วนใหญ่เรียนรูจากประสบการณ์และสถานการณ์ทย ่าแย่ ้ ้ ี่
  • 40. 01 Reading 02 Writing 03 Presenting 04 Storytelling 05 Listening 06 Doing numbers 07 Problem solving 08 Decision making in uncertainty 09 Influencing decisions 10 Negotiations 11 Networking 12 Time management 13 Effective meetings 14 Projects 15 Managing budgets 16 Dealing with advertising 17 Managing change 18 Reorganizing 19 Creating a vision
  • 41. 01 การอ่าน  เราเป็ นเพื่อนร่วมงานกัน การถกแถลงต้องแยกประเภท  การอ่าน (ศึกษาพูดคุย) ทางด้านสังคมต่างจากการอ่านด้านธุรกิจ  การอ่านทางด้านสังคม ผูอ่านให้ผประพันธ์ช้ ีนาได้ แต่การอ่าน ้ ู้ ทางด้านธุรกิจ เราต้องเป็ นผูควบคุม (ถ้าให้ผอื่นชี้นา อาจทาให้ ้ ู้ เกิดการหลงผิดได้)  เราต้องฝึ กการอ่าน เช่นในการประชุม เราต้องอ่านผูพูดอย่างมี ้ ความคิด มีประเด็น และมีความพร้อม
  • 42. 02 การเขียน  เราไม่จาเป็ นต้องเป็ นยอดกวี จึงจะเขียนได้อย่างดี  หลักการเขียนคือ  เขียนเพื่อผูอ่าน ว่าทาไมเขาจึงต้องอ่าน ้  เขียนเล่าเรื่อง ตรงประเด็น  เขียนให้เรียบง่าย กระชับ  เขียนให้น่าอ่าน ไม่ใช่เขียนสารคดี  เขียนในสิ่งที่เป็ นจริง มีความสาคัญ
  • 43. 03 การนาเสนอ  เราเคยมีประสบการณ์ในการฟั งการนาเสนอที่น่าเบื่อ ดังนั้นเมื่อ เรามีโอกาสนาเสนอ ควรนาเสนออย่างน่าตืนเต้น มีความ ่ กระตือรือร้น และมีพลัง  การนาเสนอเป็ นศิลปะ มีองค์ประกอบคือ  Logos เหตุผลว่าทาไมพวกเขาจึงต้องฟั ง เกี่ยวกับพวกเขาอย่างไร เช่น ปั ญหา โอกาส หรือ มุมมอง ที่พวกเขาอยากรู ้  Ethos ความน่าเชื่อถือของผูพูด เรื่องที่พูดเป็ นเรื่องจริง มีผูสนับสนุนที่ ้ ้ น่าเชื่อถือได้  Pathos สร้างอารมณ์ร่วมกับผูฟัง เพราะเหตุผลอย่างเดียวไม่พอเพียง ้ เป็ นการสร้างอิทธิพลและโน้มน้าวผูฟังให้เห็นคล้อยตาม ้
  • 44. 04 การเล่าเรื่องราว  เรืองเล่าที่ดีมีลกษณะต่อไปนี้ ่ ั  มีความหมายและเกี่ยวข้องกับผูฟังหรือผูอ่าน ้ ้  เริ่มต้นด้วยความท้าทายที่ผกล้าต้องเผชิญ แต่ยงอย่าพึ่งเฉลย เดี๋ยวเสีย ู้ ั รสชาติหมด เล่าถึงอุปสรรคและการฝ่ าฟั น ตอนท้ายสุดคือบทเรียนหรือ การพลิกสถานการณ์ได้สาเร็จ เรื่องเล่าที่ดีเต็มไปด้วยความลึกลับและ ความไม่แน่นอน  การมีอารมณ์ร่วม  มีความจริงใจ และเป็ นเรื่องจริงที่สร้างความประทับใจ
  • 45. 05 การฟั ง  การฟั งคืออาวุธลับของผูนา เป็ นการง่ายที่จะบอกให้ผคนว่าต้อง ้ ู้ ทาอย่างไร แต่ควรเป็ นการถามปั ญหาแล้วตั้งใจฟั ง ช่วยให้พวก เขาค้นพบวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง แล้วเขาจะมุ่งมั ่นในการ แก้ปัญหานั้น  วิธีการฟั งที่ดคือ ี  การทบทวนคาพูด ว่าเราเข้าใจถูกต้อง  ถามคาถามปลายเปิ ด  สรุป ว่าจะต้องทาอะไรต่อไป
  • 46. 06 การยุงกับตัวเลข ่  ตัวเลขสาคัญไม่ได้อยูมุมขวาล่างสุด ่  ผูนาควรรูเรืองเกี่ยวกับตัวเลขดังนี้ ้ ้ ่  รูจริงเรื่องตัวเลขข้อมูล ้  ตั้งคาถามตนเองว่า ถ้าเกิด.....  รูว่าใครเป็ นผูเสนอตัวเลขและทาไม ้ ้
  • 47. 07 การแก้ปัญหา  ไม่ควรแก้ปัญหาตามลาพัง ควรใช้กระบวนการกลุม ่  รูว่าอะไรคือปั ญหาที่แท้จริง (ใครเป็ นผูรบผิดชอบที่แท้จริง ถ้าไม่ ้ ้ั แก้ปัญหาจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อแก้แล้วจะมีผลอะไรตามมา)  เน้นแก้ที่สาเหตุไม่ใช่อาการ  มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันแก้ปัญหา  มีทางเลือกทีครุนคิดดีแล้ว ่ ่  มีแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็ นระบบ
  • 48. 08 การตัดสินใจในความไม่แน่นอน  ไม่มีใครอยากตัดสินใจผิดพลาด การตัดสินใจมีความเสี่ยง ถ้าไม่ เสี่ยงก็สามารถให้โปรแกรมตัดสินใจแทนได้  หลักการตัดสินใจมีดงนี้ ั  ใช้ดลยพินิจ ุ  เสาะหาคาแนะนา  ตัดสินตามค่านิยมขององค์กร  นายของคุณตัดสินใจอย่างไร  เน้นผลลัพธ์ที่ตามมา  หาแนวร่วม
  • 49. 09 อิทธิพลที่มีผลต่อการตัดสินใจ  มีหลักยึดตั้งแต่ตนแล้วค่อยหาคาตอบอื่น ๆ ้  หาผูสนับสนุ นในองค์กร ้  ทาซ้ าแล้วซ้ าอีก  มีการแสดงออกของอารมณ์  จากัดทางเลือกลง  ดูความเสี่ยง  ค่อย ๆ เพิ่มความรับผิดชอบ  เดินหน้าลุย
  • 50. 10 การเจรจาต่อรอง  มีหลักการที่สาคัญคือ พยายามเน้นชนะด้วยกัน และเน้นที่จุด สนใจร่วมกันไม่ใช่จดยืนของแต่ละฝ่ าย ุ  เช่นการต่อรองเรืองเพิ่มเงินระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ยังมีเรือง ่ ่ อื่นที่สามารถต่อรองกันได้ไม่เพียงแต่เรืองของตัวเงินเท่านั้น เช่น ่ ความก้าวในสายอาชีพ ความสมดุลของชีวิตและการงาน การ มอบหมายงาน ความเสี่ยงจากการทางาน รางวัล การวัดผล และ แนวทางการประเมิน ที่ทาให้ทุกฝ่ ายชนะด้วยกันได้  ชัยชนะที่เลิศที่สุดคือชัยชนะที่ไม่ตองรบ ้
  • 51. 11 เครือข่าย  เป็ นสิ่งจาเป็ น อาชีพของคุณอาจขึ้นกับเครือข่ายทีคณมีอยูก็ได้ ่ ุ ่  แนวทางการสร้างเครือข่ายมี 3 ประการ (three Es) คือ  Engage ความผูกพัน ถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา  Enthuse มีความกระตือรือร้น มีความเป็ นมิตร  Enquire ถามคาถาม ว่าเขาสนใจเรื่องใด หาจุดสนใจร่วมกัน  การรูจกคนเยอะต่างจากการมีเครือข่ายที่ดี เครือข่ายเกิดจากใจ ้ั ไม่ได้เกิดจากสมอง
  • 52. 12 การบริหารจัดการเวลา  ทุกคนมีเวลาเท่ากัน การบริหารเวลาไม่ได้หมายความว่าต้องง่วน อยูกบงานตลอดเวลา ่ ั  มีหนทางในการจัดการเวลาที่มีค่าคือ  ตัดสินใจว่างานใดเป็ นสิ่งจาเป็ นต้องทาด้วยตนเอง  ระบุสิ่งที่ทาจริง ๆ คืออะไร  จัดลาดับความสาคัญของงาน แล้วทาตามนั้น
  • 53. 13 การประชุมที่มีประสิทธิผล  การประชุมมีประสิทธิผลหรือไม่ มีขอทดสอบ 3 ประการคือ ้  เราได้เรียนรูอะไร ้  เรามีส่วนร่วมช่วยเหลืออะไรบ้าง  เราต้องทาอะไรต่อไป  ถ้าผูบริหารไม่รูว่าคาตอบคืออะไร เขาอยูผิดทีผิดตาแหน่ง ้ ้ ่ ่
  • 54. 14 โครงการ  การล้มเหลวของโครงการขึ้นกับ  สิ่งนั้นไม่ใช่ปัญหา  ไม่มีผสนับสนุ น ู้  จัดทีมผิด  กระบวนการผิด
  • 55. 15 การจัดการงบประมาณ  ให้เจรจาต่อรองเรืองงบประมาณตั้งแต่ตนมือ ่ ้  ใช้กฎ 48/52 คือบรรลุเปาหมายร้อยละ 52 ด้วยงบประมาณ ้ ร้อยละ 48 ภายในครึงปี งบประมาณแรก แล้วใช้กฏ 45/52 มา ่ ใช้กบ 2 ไตรมาสแรก จะทาให้เราปฏิบตได้เร็วกว่าเปาหมายที่ ั ั ิ ้ วางไว้ โดยไม่ตองมาเร่งงานช่วงท้ายปี งบประมาณ ้
  • 56. 16 การจัดการกับการโฆษณา  ข้อคิดคือไม่ใช่ว่าเราชอบโฆษณาชิ้นนี้หรือไม่ แต่อยูที่ลกค้าจาเรา ่ ู ได้หรือไม่ และเขาจะซื้อของของเราไหม  ต้องมีกลยุทธ์ในการโฆษณา ระบุคณค่าที่ให้กบลูกค้า มีเหตุผล ุ ั เป็ นลักษณะเฉพาะยีหอ ถึงกลุมเปาหมาย ใช้สื่อที่เหมาะสม ่ ้ ่ ้ ถูกต้องตามกฏหมาย และมีความซื่อสัตย์
  • 57. 17 การบริหารการเปลี่ยนแปลง  วัฒนธรรมองค์กรคือ ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง  การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา  ผูนามีบทบาทในการมุ่งเน้นเรืองวิธีแก้ปัญหา และการปฏิบตการ ้ ่ ั ิ โดยระบุความจาเป็ นในการเปลี่ยนแปลง วิสยทัศน์และผลลัพธ์ ั สุดท้ายที่วางไว้เมื่อเปลี่ยนแปลงสาเร็จ ขึ้นกับความสามารถและ ความน่าเชื่อถือของผูนา การประสบความสาเร็จในระยะต้นที่ ้ ช่วยสร้างขวัญและกาลังใจ ความเสี่ยงและค่าใช้จายในการ ่ เปลี่ยนแปลง
  • 58. 18 การจัดโครงสร้างองค์กรใหม่  ในทางปฏิบติ ผูนาจัดโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อ ั ้  พัฒนาโครงสร้างองค์กร เพื่อจัดความรับผิดชอบใหม่  จัดสมดุลอานาจ เพื่อการบริหารงานคล่องตัวของผูนา ้  ตั้งความคาดหวังใหม่ เป็ นการสื่อสารสองทาง  เวลาที่จดโครงสร้างใหม่ที่เหมาะสมคือเมื่อมีการรับตาแหน่งใหม่ ั  เพื่อจัดทีมทางานที่ถูกต้อง  เพื่อกาจัดความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัย  เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักฃองหนทางเดิม ๆ เป็ นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
  • 59. 19 การสร้างวิสยทัศน์ ั  วิสยทัศน์ควรเกี่ยวข้องกับทุกคนในองค์กร ที่ทุกคนมีส่วนช่วยให้ ั องค์กรบรรลุวิสยทัศน์ที่ต้งไว้ ั ั  วิสยทัศน์ที่ดีมีลกษณะดังนี้ (RUSSIA) R=Relevant, U=Unique, S= ั ั Stretching, S= Simple, I= Individualized, A= Actionable  ถ้าวิสยทัศน์ไม่เรียบง่าย ไม่มีใครจาได้ ั
  • 60. Part Five: Values and behaviors
  • 61. 01 Becoming a leader people want to follow 02 How not to be a good boss 03 Taking control 04 Working to win 05 Learning to be lucky 06 Managing stress 07 Positive leadership 08 Professional leadership 09 Etiquette 10 Honesty 11 Humility 12 Responsibility 13 Living the values 14 Ambition 15 Hard work 16 Learning and renewal 17 Learning to lead
  • 62. 01 เป็ นผูนาที่มีผคนอยากเดินตาม ้ ู้  ผูคนมองหาคุณสมบัตของผูนาระดับสูงดังนี้ ้ ิ ้  มีวิสยทัศน์ 61% ั  ความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ 37%  การตัดสินใจที่เด็ดขาด 47%  ความสามารถในการบริหารเหตุวิกฤติ 56%  ความซื่อสัตย์และมีคุณธรรม 48%
  • 63. 02 เลี่ยงการเป็ นเจ้านายที่ดี  เจ้านายทาให้เราเรียนรูและพัฒนา ทั้งด้านบวกและด้านลบ ้  ข้อควรหลีกเลี่ยงของเจ้านายคือ  ไม่สนใจในทีม  ไม่มอบอานาจ  ควบคุมทุกขั้นตอน  หลงตนเอง  ไม่ตดสินใจ ั  อ่อนการบริหาร  เป็ นโรคจิต
  • 64. 03 การควบคุม  การได้เป็ นเจ้านายไม่ได้หมายความว่าคุณควบคุมได้ทุกสิ่ง  บุคคลจานวนมากสับสนระหว่างตาแหน่งและอานาจ  ผูนาที่ดีประกอบด้วยความพร้อมทั้ง 3 สิ่งคือ IPM ้  I = Idea ความคิด ต้องมีความคิดที่จะทาให้ตางจากอดีตและดีกว่าเดิม ่ แล้วแต่จะเรียกว่าเป็ นวิสยทัศน์ หรือยุทธศาสตร์ ั  P = People ทีมที่ทางานด้วย ถ้ายังมือไม่ถึง ต้องหาคนที่ถูกต้องมาช่วย  M = Money งบประมาณ ต้องมั ่นใจว่ามีเงินพอเพียงที่จะดาเนินการได้ ตามแผนที่วางไว้ เพื่อการบรรลุเปาประสงค์ ้
  • 65. 04 ทางานเพื่อชัยชนะ  ผูนาและนักกีฬามีอะไรที่คล้ายกันคือ ้  ใช้จุดแข็ง ว่าตนทาอะไรได้ดีที่สุด  ฝันถึงความสาเร็จ ว่าผลลัพธ์จะเป็ นเช่นไร  คิดแบบผูชนะ ว่าได้ทาในสิ่งที่ยงใหญ่ ้ ิ่  หาทีมมาช่วยปิ ดจุดอ่อน  ถ้าผูนาขาดความมั ่นใจและความกระตือรือร้น ผูคนจะขาดความ ้ ้ มั ่นใจและกระตือรือร้นในผูนา ้
  • 66. 05 เรียนรูที่จะเป็ นผูโชคดี ้ ้  ผูนามักบอกว่าตนเองเป็ นผูโชคดี ที่จริงเขาได้ทา 4 อย่างคือ ้ ้ (4P)  Practice การฝึ กฝน ทาให้โชคเป็ นเรื่องของทักษะ  Persistence วิริยะ มีความเพียรไม่ยอมแพ้  Preparation เตรียมพร้อม สาหรับสิ่งที่ตองการ ้  Positive Outlook มุมมองเชิงบวก
  • 67. 06 การจัดการกับความเครียด  มีวิธีจดการกับความเครียด 5 ประการคือ ั  คุมสถานการณ์ ถ้าเราคุมอยู่ จะเป็ นเพียงแค่ทางานหนักขึ้นไม่เครียด  จัดเวลาของชีวิต งานเป็ นงานในที่ทางาน มีเส้นแบ่งกั้น  หาคนช่วย นั ่นคือการมอบอานาจให้ผอื่น แสดงถึงความไว้วางใจ ู้  หาบทบาทที่ถูกต้อง บางบทบาทมีความต้องการสูง เครียด อาจจะมีบาง คนเหมาะสมกว่าเรา  จัดชีวิตให้สมดุล ระหว่างงานและครอบครัว ครอบครัวมีความสาคัญ เช่นกัน แล้วจะมานั ่งเสียใจในภายหลัง
  • 68. 07 ผูนาในเชิงบวก ้  มองไปในอนาคตไม่ใช่อดีต  เน้นการปฏิบตไม่ใช่วิเคราะห์ ั ิ  มองหาความเป็ นไปได้ไม่ใช่มองแต่ปัญหา  เป็ นผูควบคุมไม่ใช่ถูกควบคุม ้  สร้างทางเลือกไม่ใช่รบสภาพ ั
  • 69. 08 ผูนามืออาชีพ ้  ความเป็ นมืออาชีพเป็ นสิ่งสาคัญ  ขึ้นกับบริบทของอาชีพนั้น ๆ ที่ควรเห็นพ้องต้องกันถึงการ ประพฤติปฏิบติ ั
  • 70. 09 มารยาท  มีกฏอยูว่า ให้ปฏิบตตอผูอื่น เช่นเดียวกับที่เราอยากให้ผอื่น ่ ั ิ ่ ้ ู้ ปฏิบตตอเรา ั ิ ่  Do unto others as you would have them do unto you.
  • 71. 10 ความซื่อสัตย์  ความซื่อสัตย์ไม่ได้หมายเพียงคุณธรรมหรือจริยธรรมเท่านั้น มัน หมายถึงความเป็ นความตายเลยทีเดียว  ความซื่อสัตย์เป็ นการสร้างความไว้วางใจให้กบผูตาม ผูนาต้อง ั ้ ้ แสดงถึงความซื่อสัตย์แม้ว่าจะต้องกล่าวด้วยความเจ็บปวด
  • 72. 11 ความนอบน้อม  ผูนาที่มีความอ่อนน้อมแสดงถึงการทราบตนเอง ต้องใช้ความ ้ กล้าหาญชาญชัยอย่างแท้จริง จึงสามารถแสดงออกถึงความอ่อน น้อมได้ว่าตนเองไม่ได้เก่งไปทุกอย่าง  ผูนาทุกคนมีจดอ่อน แต่แก้ไขได้ดวยการทางานเป็ นทีม ้ ุ ้
  • 73. 12 ความรับผิดชอบ  ผูนาต้องมีความรับผิดชอบ 3 ประการคือ ้  คุณมีความรับผิดชอบต่ออาชีพการงานของคุณ  คุณมีความรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดกับคุณไม่ว่าดีหรือเลว  คุณมีความรับผิดชอบต่อการแสดงออกอารมณ์ของคุณเอง
  • 74. 13 ค่านิยม  ผูคนดูค่านิยมของผูนาจากการแสดงออก ไม่ใช่จากสิ่งที่ผนาพูด ้ ้ ู้  ผูนาทาอะไรก็ตาม จะเป็ นที่สนใจของคนในองค์กรเสมอ เสมือน ้ มีกล้องคอยสอดส่องอยูตลอดเวลา ว่าผูนาทาตามค่านิยมที่ ่ ้ ประกาศไว้หรือไม่
  • 75. 14 ความทะเยอทะยาน  ผูนาเป็ นผูทมีความทะเยอทะยาน บางครั้งไม่ได้ใช้เหตุผล แต่รบ ้ ้ ี่ ั ฟั งเหตุผลก่อนการตัดสินใจ เพื่อการบรรลุผล ้  ต่างจากผูจดการ ที่ทุกครังในการตัดสินใจต้องประกอบด้วย ้ั เหตุผล
  • 76. 15 การทางานหนัก  การเป็ นผูนาต้องผ่านการทางานหนัก ผูประสบผลสาเร็จมีความ ้ ้ มานะพยายามมากกว่าผูทประสบความล้มเหลว ้ ี่  ผูนาคือผูที่มีความรักในสิงที่ทา มีความมุ่งมั ่นและความแข็งแกร่ง ้ ้ ่
  • 77. 16 การเรียนรูและปรับตัว ้  คนเรามักจะติดกับดักในสิ่งที่เราคิดว่าเป็ นสิ่งที่ดีแล้ว จึงไม่คิดจะ เปลี่ยนแปลง  ในโลกนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา ่  ผูนาควรปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ้  รสนิยมในการฟั งดนตรี บ่งบอกวัยของผูนา เช่นเดียวกับวงรอบปี ้ ของต้นไม้
  • 78. 17 เรียนรูการนา ้  ภาวะผูนาขึ้นกับบริบท เป็ นสิ่งที่เรียนรูได้ ้ ้  ความรูที่เรียนมา ไม่สามารถทาให้เกิดภาวะผูนาได้ ้ ้  ในทางปฏิบติ ภาวะผูนาเรียนรูได้จากประสบการณ์ตาง ๆ ที่ผาน ั ้ ้ ่ ่ มา จากเจ้านาย จากเพื่อน หรือจากบุคคลที่เป็ นแบบอย่างที่ดี  ขอให้มีความสุขกับการเดินทางของคุณ
  • 79.    ทักษะผูนาแบ่งเป็ นกลุมใหญ่ ๆ ได้ 4 กลุมคือทักษะในอาชีพ ้ ่ ่ (Career skills) ทักษะเรื่องคน (People skills) ทักษะเมื่อผจญ สถานการณ์ (Moment of truth skills) ทักษะด้านเทคนิค (Technical skills) และค่านิยมและพฤติกรรม (Values and behaviors) ของผูนา ้ ไม่มีสูตรตายตัวในการเป็ นผูนาที่ประสบความสาเร็จ ผูนาจะต้อง ้ ้ สร้างสูตรสูความสาเร็จด้วยตนเอง ขึ้นกับบริบทของการงานและ ่ ความเป็ นปั จเจกบุคคล ภาวะผูนาเป็ นสิ่งที่เรียนรูได้ จากทักษะและค่านิยมของผูนา ้ ้ ้
  • 80. ขอขอบคุณ พันเอกหญิง อังคณา สุเมธสิทธิกุล ที่กรุณาให้หนังสือเล่มนี้ มาศึกษา