SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
คนเข้าทำงานเพราะ  “ องค์กร ” แต่จากไป .... เพราะ   “ หัวหน้า ”   จริงหรือ ?
หลาย ๆ ท่านคงคงเคยได้ยินสำนวนฝรั่งที่ว่า  “ People Organization But Leave Their Boss”   ที่มาของสำนวนนี้เกิดจากหลาย ๆ องค์กร ที่พยายามสรรหาบุคลากรเก่งๆ เข้ามาสู่องค์กร  แต่ไม่สามารถที่จะรักษาคนเหล่านั้นไว้ได้
  ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าการดึงดูด และรักษาคนให้อยู่ทำงานกับองค์กรนั้น ขึ้นอยู่กับเงินหรือค่าตอบแทนที่น่าพึงพอใจ  แต่หากถามว่าเงินคือตัวแปรสำคัญอย่างเดียวหรือไม่  คำตอบคือ  “   ไม่ใช่   ”   เพราะการจากไปของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ
การที่จะค้นหาตำตอบที่แท้จริงว่า พนักงานลาออกจากองค์กรเพราะเหตุใด  ต้องอาศัยระยะเวลาตรวจสอบอย่างใกล้ชิด  เพราะแค่การสัมภาษณ์ตอนลาออก   ( Exit Interview)   และเหตุผลที่เขียนในใบลาออกเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะคำตอบที่พนักงานส่วนใหญ่ตอบ คือ  “ ไปเรียนต่อ  ไปช่วยงานที่บ้าน  ได้งานใหม่ ”  ล้วนแต่เป็นคำตอบเดิม ๆ ที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
การหาโอกาสค้นหาต้นตอของการลาออกด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามพนักงานที่ลาออกจากองค์กรแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง ดูจะได้ผลมากกว่า เพราะคนที่โบยบินไปแล้วมักจะยินดีให้ข้อมูลที่ถูกต้อง กว่า   80 %   ของพนักงานที่ลาออกไปแล้ว  ส่วนใหญ่กลับคำให้การของตัวเอง และค้นพบด้วยว่าสาเหตุหลักของการลาออกนั้นมักมาจากปัญหาที่เกิดจากหัวหน้างาน   สอดคล้องกันกับงานวิจัยของสถาบันด้านการพัฒนาบุคลากร ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า  คนเข้าทำงานเพราะองค์กรแต่จากไปเพราะหัวหน้าได้เป็นอย่างดี
จากการพูดคุยกับผู้จัดการหรือหัวหน้างานในหลากหลายองค์กร  พบว่าไม่ได้มีการเตรียมความให้กับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่มักเลื่อนจากตำแหน่งพนักงานให้มาเป็นหัวหน้าโดยอาศัยเกณฑ์  Technical Skill   มากกว่า  People Skill   หรือมักเลื่อนตำแหน่งจากชิ้นงานมากกว่าการบริหารจัดการคน ความเชื่อเหล่านี้ไม่ถูกต้อง  เพราะหัวหน้าที่ดีต้องมี   People Skill   ประกอบด้วย แต่องค์กรมักมองข้ามข้อนี้ไป มีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่มีการพัฒนาเรื่อง  People Skill   ให้กับ คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า บางองค์กรเลวร้ายกว่านั้นคือไม่มีการพัฒนา   People Skill   ให้กับคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเลย จนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังและส่งผลให้คนดี คนเก่งในองค์กรต้องหลีกหนีหัวหน้างานเหล่านั้นไปเอง
  Marshall Goldsmith  ( Executive Coaching ) ได้บรรยายหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะผู้นำ และทิ้งข้อคิดไว้เตือนสติหัวหน้างานทั้งหลายว่า   ” What got you here, won’t get you there”   หมายความว่า  “ วิธีการที่ท่านใช้ในอดีตและทำให้ท่านประสบความสำเร็จในวันนี้ อาจไม่ใช่วิธีการที่ท่านจะนำไปใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในอนาคต ”
  Peter Drucker   ปรมาจารย์ด้านภาวะผู้นำ กล่าวไว้ว่า  “ พวกเราใช้เวลามากมายในการสอนหัวหน้าว่า พวกเขาควรต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็นหัวหน้าที่ดี  แต่เราไม่ได้ให้เวลามากพอที่จะบอกหัวหน้าว่า  พวกเขาควรหยุดทำอะไรเพื่อที่เป็นหัวหน้าที่ดี ” หัวหน้าจำนวนกว่าครึ่งที่ผมเคยเจอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม   ถ้าเพียงพวกเขารู้จักที่จะหยุดทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำ  พวกเขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นได้ในทันที
1.   รับปากแล้วไม่ทำ  หรือรับปากในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยอำนาจหรือหน้าที่ของตนคนเดียว เช่น รับปากจะขึ้นเงินเดือนให้ หรือจะให้โบนัสต้นปี หรือปรับเลื่อนตำแหน่งให้เพื่อรั้งให้ลูกน้องทำงานให้ต่อไป เป็นต้น  เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธานับถือในเรื่องที่รับปากแล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังในการทำงาน สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ  5   อย่าง
2.   รับชอบแต่ไม่รับผิด  ไม่กางปีกปกป้องลูกน้อง  ดร .  เสรี วงษ์มณฑา เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเป็นหัวหน้าที่ดีคือการรู้จักที่จะใช้มือ ใช้หัว และใช้หน้า หมายถึงการเป็นหัวหน้าต้องรู้จักที่จะใช้มือในการลงมือทำให้ลูกน้องได้เห็น  ใช้หัวเพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ไม่ใช่คอยจับผิดลูกน้อง  และที่สำคัญใช้หน้าเพื่อใช้เอาไว้ยืดหน้ารับความผิดแทนลูกน้อง อย่างคำโบราณว่า  “ รับหน้า ”   ไม่ใช่ทุกอย่างบอกว่า ไม่รู้ มอบหมายให้ลูกน้องทำแล้ว ลูกน้องเป็นคนทำ แล้วจะเรียกว่าหัวหน้าได้อย่างไร สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ  5   อย่าง
  3.   ตัดสินโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือไม่อธิบายเหตุผลใดๆ   เป็นการตัดสินใจโดยยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก อย่าบังคับลูกน้องทำในสิ่งที่เขาลำบากใจ ควรฟังเหตุผลส่วนตัวของลูกน้องบ้างหรือเมื่อตัดสินใจออกมาเบื้องต้นแล้วบอกว่ามันเป็น  “ นโยบาย ”  ซึ่งการอธิบายแค่นี้ไม่สามารถให้ลูกน้องเข้าใจได้กลับยิ่งจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีต่อองค์กรมากขึ้นไปอีก สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ  5   อย่าง
  4.   พูดจาไม่ให้เกียรติลูกน้อง   หัวหน้างานจำนวนหนึ่งมักมีความคิดว่าตัวเองมีความสนิทสนมกับลูกน้องเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดมากนัก โดยเฉพาะลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานยิ่งสนิท  คิดไปเองว่าลูกน้องคงรู้จักนิสัยของตนดีอยู่แล้ว ทำให้หัวหน้าหลายๆคน ไม่ระวังคำพูดและปฏิบัติกับลูกน้องโดยไม่ให้เกียรติกับลูกน้องอยู่บ่อย ๆ สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ  5   อย่าง
  5.  ตำหนิลูกน้องต่อหน้าธารกำนัล  หัวหน้าจำนวนมากไม่ไว้หน้าลูกน้อง ถ้าลูกน้องทำพลาดก็จะตำหนิกันตรงนั้นเลย พูดเสียงดังในสิ่งที่เป็นปมด้อยและความผิดพลาดของลูกน้องต่อหน้าพนักงานแผนกอื่น ทำให้ลูกน้องรู้สึกอายและไม่อยากทำให้งาน และที่สำคัญไม่เคยชมลูกน้อง นัยว่ากลัว ลูกน้องเหลิงอะไรทำนองนั้น   สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ  5   อย่าง
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ ความเสมอภาคเท่าเทียม ความเป็นกลางและความยุติธรรม การให้สิทธิพิเศษกับลูกน้องคนใดคนหนี่งจนทำให้เห็นความแตกต่าง เช่น ลูกน้องบางคนทำดีและทำหน้าที่ของตัวเองไม่มีข้อบกพร่อง ส่วนอีกคนทำผิดระเบียบบ่อยครั้ง แต่ได้รับผลงานและผลตอบแทนเท่ากันหรือดีกว่า ทำให้ลูกน้องอีกคนที่ทำดีอยู่แล้วไม่มีกำลังใจในการทำงานและเสียความรู้สึกได้ คุณควรจะเป็นหัวหน้าที่มีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินมากเกินไป

More Related Content

Similar to Organization Boss

7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
tanarat
 
%A1สุขและสนุกกับงาน
%A1สุขและสนุกกับงาน%A1สุขและสนุกกับงาน
%A1สุขและสนุกกับงาน
anitha rattanatrang
 
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptxหลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
ssuserbed9ab
 
งาน ..
งาน .. งาน ..
งาน ..
i_cavalry
 
Amway vision
Amway visionAmway vision
Amway vision
Dave54826
 
Presentation Km1
Presentation Km1Presentation Km1
Presentation Km1
guest91dee6
 
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
maruay songtanin
 
ทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จ
pyopyo
 
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
maruay songtanin
 
Howto Succeed
Howto SucceedHowto Succeed
Howto Succeed
ngumngim
 

Similar to Organization Boss (20)

I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development
I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional DevelopmentI am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development
I am an OD Consultant: An A-Z Guideline for Professional Development
 
Work hard work_smart_
Work hard work_smart_Work hard work_smart_
Work hard work_smart_
 
Teams work
Teams workTeams work
Teams work
 
Teams work
Teams workTeams work
Teams work
 
Appreciative Inquiry Research A-Z
Appreciative Inquiry Research A-ZAppreciative Inquiry Research A-Z
Appreciative Inquiry Research A-Z
 
การจูงใจในการทำงาน
การจูงใจในการทำงานการจูงใจในการทำงาน
การจูงใจในการทำงาน
 
7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
7+วิธีสร้างความสุขและสนุกกับงาน
 
%A1สุขและสนุกกับงาน
%A1สุขและสนุกกับงาน%A1สุขและสนุกกับงาน
%A1สุขและสนุกกับงาน
 
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptxหลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
หลักสูตร CCCF CCCF CCCF CCCF Thai inter.pptx
 
งาน ..
งาน .. งาน ..
งาน ..
 
หัวหน้างาน ตัวสร้าง หรือ ตัวทำลาย ความภักดีองค์กร
หัวหน้างาน ตัวสร้าง หรือ ตัวทำลาย ความภักดีองค์กรหัวหน้างาน ตัวสร้าง หรือ ตัวทำลาย ความภักดีองค์กร
หัวหน้างาน ตัวสร้าง หรือ ตัวทำลาย ความภักดีองค์กร
 
Amway vision
Amway visionAmway vision
Amway vision
 
Presentation Km1
Presentation Km1Presentation Km1
Presentation Km1
 
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
ผู้นำแบบ Blue Ocean - Blue ocean leadership
 
Account executive
Account executiveAccount executive
Account executive
 
ทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จทัศนคติกับความสำเร็จ
ทัศนคติกับความสำเร็จ
 
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
บทที่ 4 การจัดการองค์การสมัยใหม่
 
Leon thai
Leon thaiLeon thai
Leon thai
 
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
ทำไมองค์กรไม่เรียนรู้ Why organizations don’t learn
 
Howto Succeed
Howto SucceedHowto Succeed
Howto Succeed
 

Organization Boss

  • 1. คนเข้าทำงานเพราะ “ องค์กร ” แต่จากไป .... เพราะ “ หัวหน้า ” จริงหรือ ?
  • 2. หลาย ๆ ท่านคงคงเคยได้ยินสำนวนฝรั่งที่ว่า “ People Organization But Leave Their Boss” ที่มาของสำนวนนี้เกิดจากหลาย ๆ องค์กร ที่พยายามสรรหาบุคลากรเก่งๆ เข้ามาสู่องค์กร แต่ไม่สามารถที่จะรักษาคนเหล่านั้นไว้ได้
  • 3. ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าการดึงดูด และรักษาคนให้อยู่ทำงานกับองค์กรนั้น ขึ้นอยู่กับเงินหรือค่าตอบแทนที่น่าพึงพอใจ แต่หากถามว่าเงินคือตัวแปรสำคัญอย่างเดียวหรือไม่ คำตอบคือ “ ไม่ใช่ ” เพราะการจากไปของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ
  • 4. การที่จะค้นหาตำตอบที่แท้จริงว่า พนักงานลาออกจากองค์กรเพราะเหตุใด ต้องอาศัยระยะเวลาตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะแค่การสัมภาษณ์ตอนลาออก ( Exit Interview) และเหตุผลที่เขียนในใบลาออกเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะคำตอบที่พนักงานส่วนใหญ่ตอบ คือ “ ไปเรียนต่อ ไปช่วยงานที่บ้าน ได้งานใหม่ ” ล้วนแต่เป็นคำตอบเดิม ๆ ที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้
  • 5. การหาโอกาสค้นหาต้นตอของการลาออกด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถามพนักงานที่ลาออกจากองค์กรแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง ดูจะได้ผลมากกว่า เพราะคนที่โบยบินไปแล้วมักจะยินดีให้ข้อมูลที่ถูกต้อง กว่า 80 % ของพนักงานที่ลาออกไปแล้ว ส่วนใหญ่กลับคำให้การของตัวเอง และค้นพบด้วยว่าสาเหตุหลักของการลาออกนั้นมักมาจากปัญหาที่เกิดจากหัวหน้างาน สอดคล้องกันกับงานวิจัยของสถาบันด้านการพัฒนาบุคลากร ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า คนเข้าทำงานเพราะองค์กรแต่จากไปเพราะหัวหน้าได้เป็นอย่างดี
  • 6. จากการพูดคุยกับผู้จัดการหรือหัวหน้างานในหลากหลายองค์กร พบว่าไม่ได้มีการเตรียมความให้กับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่มักเลื่อนจากตำแหน่งพนักงานให้มาเป็นหัวหน้าโดยอาศัยเกณฑ์ Technical Skill มากกว่า People Skill หรือมักเลื่อนตำแหน่งจากชิ้นงานมากกว่าการบริหารจัดการคน ความเชื่อเหล่านี้ไม่ถูกต้อง เพราะหัวหน้าที่ดีต้องมี People Skill ประกอบด้วย แต่องค์กรมักมองข้ามข้อนี้ไป มีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่มีการพัฒนาเรื่อง People Skill ให้กับ คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า บางองค์กรเลวร้ายกว่านั้นคือไม่มีการพัฒนา People Skill ให้กับคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเลย จนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังและส่งผลให้คนดี คนเก่งในองค์กรต้องหลีกหนีหัวหน้างานเหล่านั้นไปเอง
  • 7. Marshall Goldsmith ( Executive Coaching ) ได้บรรยายหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะผู้นำ และทิ้งข้อคิดไว้เตือนสติหัวหน้างานทั้งหลายว่า ” What got you here, won’t get you there” หมายความว่า “ วิธีการที่ท่านใช้ในอดีตและทำให้ท่านประสบความสำเร็จในวันนี้ อาจไม่ใช่วิธีการที่ท่านจะนำไปใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในอนาคต ”
  • 8. Peter Drucker ปรมาจารย์ด้านภาวะผู้นำ กล่าวไว้ว่า “ พวกเราใช้เวลามากมายในการสอนหัวหน้าว่า พวกเขาควรต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็นหัวหน้าที่ดี แต่เราไม่ได้ให้เวลามากพอที่จะบอกหัวหน้าว่า พวกเขาควรหยุดทำอะไรเพื่อที่เป็นหัวหน้าที่ดี ” หัวหน้าจำนวนกว่าครึ่งที่ผมเคยเจอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถ้าเพียงพวกเขารู้จักที่จะหยุดทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำ พวกเขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นได้ในทันที
  • 9. 1. รับปากแล้วไม่ทำ หรือรับปากในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยอำนาจหรือหน้าที่ของตนคนเดียว เช่น รับปากจะขึ้นเงินเดือนให้ หรือจะให้โบนัสต้นปี หรือปรับเลื่อนตำแหน่งให้เพื่อรั้งให้ลูกน้องทำงานให้ต่อไป เป็นต้น เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธานับถือในเรื่องที่รับปากแล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังในการทำงาน สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
  • 10. 2. รับชอบแต่ไม่รับผิด ไม่กางปีกปกป้องลูกน้อง ดร . เสรี วงษ์มณฑา เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเป็นหัวหน้าที่ดีคือการรู้จักที่จะใช้มือ ใช้หัว และใช้หน้า หมายถึงการเป็นหัวหน้าต้องรู้จักที่จะใช้มือในการลงมือทำให้ลูกน้องได้เห็น ใช้หัวเพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ไม่ใช่คอยจับผิดลูกน้อง และที่สำคัญใช้หน้าเพื่อใช้เอาไว้ยืดหน้ารับความผิดแทนลูกน้อง อย่างคำโบราณว่า “ รับหน้า ” ไม่ใช่ทุกอย่างบอกว่า ไม่รู้ มอบหมายให้ลูกน้องทำแล้ว ลูกน้องเป็นคนทำ แล้วจะเรียกว่าหัวหน้าได้อย่างไร สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
  • 11. 3. ตัดสินโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือไม่อธิบายเหตุผลใดๆ เป็นการตัดสินใจโดยยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก อย่าบังคับลูกน้องทำในสิ่งที่เขาลำบากใจ ควรฟังเหตุผลส่วนตัวของลูกน้องบ้างหรือเมื่อตัดสินใจออกมาเบื้องต้นแล้วบอกว่ามันเป็น “ นโยบาย ” ซึ่งการอธิบายแค่นี้ไม่สามารถให้ลูกน้องเข้าใจได้กลับยิ่งจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีต่อองค์กรมากขึ้นไปอีก สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
  • 12. 4. พูดจาไม่ให้เกียรติลูกน้อง หัวหน้างานจำนวนหนึ่งมักมีความคิดว่าตัวเองมีความสนิทสนมกับลูกน้องเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดมากนัก โดยเฉพาะลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานยิ่งสนิท คิดไปเองว่าลูกน้องคงรู้จักนิสัยของตนดีอยู่แล้ว ทำให้หัวหน้าหลายๆคน ไม่ระวังคำพูดและปฏิบัติกับลูกน้องโดยไม่ให้เกียรติกับลูกน้องอยู่บ่อย ๆ สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
  • 13. 5. ตำหนิลูกน้องต่อหน้าธารกำนัล หัวหน้าจำนวนมากไม่ไว้หน้าลูกน้อง ถ้าลูกน้องทำพลาดก็จะตำหนิกันตรงนั้นเลย พูดเสียงดังในสิ่งที่เป็นปมด้อยและความผิดพลาดของลูกน้องต่อหน้าพนักงานแผนกอื่น ทำให้ลูกน้องรู้สึกอายและไม่อยากทำให้งาน และที่สำคัญไม่เคยชมลูกน้อง นัยว่ากลัว ลูกน้องเหลิงอะไรทำนองนั้น สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
  • 14. อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ ความเสมอภาคเท่าเทียม ความเป็นกลางและความยุติธรรม การให้สิทธิพิเศษกับลูกน้องคนใดคนหนี่งจนทำให้เห็นความแตกต่าง เช่น ลูกน้องบางคนทำดีและทำหน้าที่ของตัวเองไม่มีข้อบกพร่อง ส่วนอีกคนทำผิดระเบียบบ่อยครั้ง แต่ได้รับผลงานและผลตอบแทนเท่ากันหรือดีกว่า ทำให้ลูกน้องอีกคนที่ทำดีอยู่แล้วไม่มีกำลังใจในการทำงานและเสียความรู้สึกได้ คุณควรจะเป็นหัวหน้าที่มีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินมากเกินไป