More Related Content
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์ (20)
การกระทำผิดทางอาญา
- 1. การกระทาความผิดลักษณะใดบ้าง จัดเป็นความผิดทางอาญา
ความผิดทางอาญามี 2 ประเภทคือ
1.ความผิดในตัวเอง (ละติน:mala in se) คือความผิดที่คนทั่วไปเห็นชัดเจนว่าเป็นความผิดต่อ
ศีลธรรมอันดีของประชาชน
2.ความผิดเพราะกฎหมายห้าม (ละติน:mala prohibita) คือความผิดที่เกิดจากการที่กฎหมายบัญญัติ
ให้เป็นความผิด โดยอาจมิได้เกี่ยวกับศีลธรรมเลย ซึ่งหากกล่าวถึงทฤษฎีกฎหมายสามยุค ความผิดเพราะ
กฎหมายห้ามอยู่ในยุคกฎหมายเทคนิค
ลักษณะสาคัญของความผิดทางอาญา
(1).เป็นกฎหมายที่ชัดแจ้ง ในขณะที่กระทาความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วอย่างชัดแจ้งว่าการกระทา
นั้นเป็นความผิด เจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายจะสร้างกฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่ประชาชนคนใดคนหนึ่ง
โดยเฉพาะไม่ได้เช่น กฎหมายบัญญัติว่า "การลักทรัพย์เป็นความผิด" ดังนั้น ผู้ใดลักทรัพย์ก็ย่อมมีความผิด
เช่นเดียวกัน
(2).เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ถ้าหากในขณะที่มีการกระทาสิ่งใดยังไม่มีกฎหมายอาญาบัญญัติว่าเป็น
ความผิด แม้ต่อมาภายหลังจะมีกฎหมายบัญญัติว่า การกระทาอย่างเดียวกันนั้นเป็นความผิดก็จะนากฎหมาย
ใหม่มาใช้กับการกระทาครั้งแรกไม่ได้
1. ความผิดต่อแผ่นดิน หมายถึง ความผิดในทางอาญา ซึ่งนอกจากเรื่องนั้นจะมีผลต่อตัวผู้รับผลร้าย
แล้ว ยังมีผลกระทบที่เสียหายต่อสังคมอีกด้วย และรัฐจาเป็นต้องป้องกันสังคมเอาไว้ด้วยการยื่นมือ
เข้ามาเป็นผู้เสียหายเอง ดังนั้นแม้ผู้รับผลร้ายจากการกระทาโดยตรงจะไม่ติดใจเอาความ แต่ก็ยังต้อง
เข้าไปดาเนินคดีฟ้องร้องเอาตัวผู้กระทาผิดมาลงโทษให้ได้
กรณีตัวอย่างที่ 1 นายมังคุดทะเลาะกับนายทุเรียน นายมังคุดบันดาลโทสะใช้ไม้ตีศีรษะนายทุเรียน
แตก นายทุเรียนไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตารวจให้ดาเนินคดีกับนายมังคุดในข้อหาทาร้ายร่างกาย
ผู้อื่น ต่อมานายทุเรียนหายโกรธนายมังคุดก็ไม่ติดใจเอาเรื่องกับนายมังคุด แต่เจ้าหน้าที่ตารวจ
จะต้องดาเนินคดีกับนายทุเรียนต่อไปเพราะเป็นความผิดต่อแผ่นดิน
กรณีตัวอย่างที่ 2 นายแตงโมขับรถยนต์ด้วยความประมาทไปชนเด็กชายแตงไทยถึงแก่ความตาย
เป็นความผิดอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมานายแตงกวาและ
นางแต่งอ่อนบิดามารดาของเด็กชายแตงไทย ได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากนายแตงโมเป็นเงิน
200,000 บาทแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความกับนายแตงโม แต่เจ้าหน้าที่ตารวจจะต้องดาเนินคดีกับ
- 2. นายแตงโมต่อไป เพราะความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเป็น
ความผิดต่อแผ่นดิน
2. ความผิดอันยอมความกันได้หมายถึง ความผิดในทางอาญาซึ่งไม่ได้มีผลร้ายกระทบต่อสังคม
โดยตรง หากตัวผู้รับผลร้ายไม่ติดใจเอาความแล้ว รัฐก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปดาเนินคดีกับผู้กระทา
ความผิดได้และถึงแม้จะดาเนินคดีไปแล้ว เมื่อตัวผู้เสียหายพอใจยุติคดีเพียงใดก็ย่อมทาได้ด้วยการ
ถอนคาร้องทุกข์ถอนฟ้อง หรือยอมความ เช่น ความผิดฐานหมิ่นประมาท ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ
เป็นต้น
กรณีตัวอย่างที่ 1 นายโก๋และนางกี๋ลักลอบได้เสียกัน นายแฉแอบเห็นเข้า จึงได้นาความไปเล่าให้
นายเชยผู้เป็นเพื่อนฟัง การกระทาของนายแฉมีความผิดฐานหมิ่นประมาท เมื่อนายโก๋และนางกี๋รู้เข้า
จึงไปแจ้งความที่สถานีตารวจ นายแฉไปหานายโก๋และนางกี๋ เพื่อขอขมานายโก๋และนางกี๋จึงถอนคา
ร้องทุกข์ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตารวจจึงไม่มีอานาจดาเนินคดีกับนายแฉอีกต่อไป ถือว่าเป็นความผิดอัน
ยอมความกันได้
กรณีตัวอย่างที่ 2 นายตาลึงล่ามโซ่ใส่กุญแจประตูใหญ่บ้านของนายมะกรูด ทาให้นายมะกรูดออก
จากบริเวณบ้านไม่ได้นายมะกรูดต้องปีนกาแพงรั้งกระโดลงมา การกระทาของนายตาลึงเป็น
ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังทาให้ปราศจากเสรีภาพ นายมะกรูดจึงไปแจ้งความยังสถานีตารวจ
นายตาลึงได้ไปหานายมะกรูดยอมรับความผิด และขอร้องไม่ให้นายตาลึงเอาความกับตนเอง นาย
ตาลึงเห็นใจจึงไปถอนคาร้องทุกข์ทางเจ้าหน้าที่ตารวจก็จะดาเนินคดีต่อไปอีกไม่ได้เพราะเป็น
ความผิดอันยอมความกันได้
ความผิดทางอาญา คือ การกระทาที่มีผลกระทบกระเทือนต่อสังคม หรือคนส่วนใหญ่ของประเทศ
หากปล่อยให้ผู้ใดกระทาผิดแล้วมีการลงโทษหรือแก้แค้น ล้างแค้นกันเอง จะทาให้มีการกระทา
ความผิดอาญามากขึ้น บ้านเมืองจะไม่มีความสุข ทุกคนจะหันมาจับอาวุธป้องกันตัวเอง คนที่
แข็งแรงกว่าจะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า กฎหมู่หรือการเล่นพวกจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้น รัฐจึง
จาเป็นต้องยื่นมือเข้ามาลงโทษผู้กระทาผิดเสียเองโดยโทษที่จะลงต้องเป็น โทษที่กฎหมายได้
กาหนดไว้
2. ลักษณะสาคัญของความผิดทางอาญา
(1).เป็นกฎหมายที่ชัดแจ้ง ในขณะที่กระทาความผิดต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วอย่างชัดแจ้งว่า
การกระทานั้นเป็นความผิด เจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายจะสร้างกฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่
ประชาชนคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้เช่น กฎหมายบัญญัติว่า "การลักทรัพย์เป็นความผิด"
- 3. ดังนั้น ผู้ใดลักทรัพย์ก็ย่อมมีความผิดเช่นเดียวกัน
(2).เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ถ้าหากในขณะที่มีการกระทาสิ่งใดยังไม่มีกฎหมายอาญา
บัญญัติว่าเป็นความผิด แม้ต่อมาภายหลังจะมีกฎหมายบัญญัติว่า การกระทาอย่างเดียวกันนั้นเป็น
ความผิดก็จะนากฎหมายใหม่มาใช้กับการกระทาครั้งแรกไม่ได้
3. โทษทางอาญา มีอะไรบ้าง
โทษทางอาญา ที่จะใช้ลงโทษผู้กระทาผิดมีอยู่5 ชนิดเท่านั้น หากผู้ใดกระทาความผิดทางอาญา
เมื่อจะมีลงโทษผู้ลงโทษจะสรรหาวิธีการลงโทษแปลก ๆ มาลงโทษผู้กระทาผิดไม่ได้ต้องใช้โทษ
อย่างใดอย่างหนึ่งที่กฎหมายกาหนดไว้ลงโทษ ซึ่งเรียงจากโทษหนักไปหาโทษเบา คือ
(1) โทษประหารชีวิต ได้แก่ การเอาไปยิงเสียให้ตาย
(2) โทษจาคุก ได้แก่ การเอาตัวไไปขังในเรือนจา
(3) โทษกักขัง ได้แก่ การเอาตัวไปกักขังหรือควบคุมไว้ในสถานที่กักขัง ซึ่งกาหนดไว้อันมิใช่
เรือนจา
(4) โทษปรับ ได้แก่ การลงโทษด้วยการปรับให้ผู้กระทาความ ความผิดจ่ายเงิน ให้แก่รัฐ
(5) ให้ริบทรัพย์สิน ได้แก่ การลงโทษริบเอาข้าของเงินทองของผู้กระทาผิดมาเป็นของรัฐ