Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
Thitaree Samphao
PDF, PPTX
42,697 views
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
ชีววิทยาเพิ่มเติม 3 ระดับชั้น ม.5
Education
◦
Read more
19
Save
Share
Embed
Embed presentation
Download
Download as PDF, PPTX
1
/ 40
2
/ 40
3
/ 40
4
/ 40
5
/ 40
6
/ 40
7
/ 40
8
/ 40
9
/ 40
10
/ 40
11
/ 40
12
/ 40
13
/ 40
14
/ 40
15
/ 40
16
/ 40
17
/ 40
18
/ 40
19
/ 40
20
/ 40
21
/ 40
22
/ 40
23
/ 40
24
/ 40
25
/ 40
26
/ 40
27
/ 40
Most read
28
/ 40
29
/ 40
Most read
30
/ 40
Most read
31
/ 40
32
/ 40
33
/ 40
34
/ 40
35
/ 40
36
/ 40
37
/ 40
38
/ 40
39
/ 40
40
/ 40
More Related Content
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
by
Thitaree Samphao
PDF
การหายใจแสง พืช C4 พืช cam (t)
by
Thitaree Samphao
PDF
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
by
Pinutchaya Nakchumroon
PDF
โครงสร้างและหน้าที่ของลำต้น
by
มัทนา อานามนารถ
PPTX
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
by
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่2กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Wichai Likitponrak
PPTX
13.การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
by
Wichai Likitponrak
PDF
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557
by
Pinutchaya Nakchumroon
การสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้า (T)
by
Thitaree Samphao
การหายใจแสง พืช C4 พืช cam (t)
by
Thitaree Samphao
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช ราก (2)
by
Pinutchaya Nakchumroon
โครงสร้างและหน้าที่ของลำต้น
by
มัทนา อานามนารถ
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
by
Wichai Likitponrak
บทที่2กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Wichai Likitponrak
13.การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
by
Wichai Likitponrak
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช 2557
by
Pinutchaya Nakchumroon
What's hot
PDF
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
by
kanyamadcharoen
PDF
ระบบหมุนเวียนเลือด
by
Wan Ngamwongwan
PDF
แบบทดสอบย่อย เรื่องกล้องจุลทรรศน์
by
Phattarawan Wai
PDF
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
by
Thanyamon Chat.
PDF
ราก (T)
by
Thitaree Samphao
PDF
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
by
dnavaroj
PDF
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
by
Aomiko Wipaporn
PDF
6.ชุด 3 การแพร่
by
เอเดียน คุณาสิทธิ์
PDF
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
by
Wan Ngamwongwan
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
by
sukanya petin
PDF
เนื้อเยื่อพืช (T)
by
Thitaree Samphao
PDF
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
by
Sumarin Sanguanwong
PDF
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
by
Thanyamon Chat.
PDF
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
by
พัน พัน
PDF
Kingdom plantae
by
Thanyamon Chat.
PDF
ม.6 นิเวศ
by
Wichai Likitponrak
PDF
Slชุดฝึกเฉลยแบบฝึกทักษะ
by
krupornpana55
PDF
วัฏจักรน้ำ
by
savokclash
PDF
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
by
Thitaree Samphao
PDF
ใบงานวิทยาศาสตร์ ป.5 ครบ
by
ssuserf8d051
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
by
kanyamadcharoen
ระบบหมุนเวียนเลือด
by
Wan Ngamwongwan
แบบทดสอบย่อย เรื่องกล้องจุลทรรศน์
by
Phattarawan Wai
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
by
Thanyamon Chat.
ราก (T)
by
Thitaree Samphao
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 1
by
dnavaroj
ใบงานที่ 13 การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส
by
Aomiko Wipaporn
6.ชุด 3 การแพร่
by
เอเดียน คุณาสิทธิ์
เฉลยชีววิทยาหน้า52- 59
by
Wan Ngamwongwan
การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
by
sukanya petin
เนื้อเยื่อพืช (T)
by
Thitaree Samphao
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
by
Sumarin Sanguanwong
การลำเลียงน้ำและอาหารของพืช
by
Thanyamon Chat.
ระบบย่อยอาหาร และ การสลายอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน
by
พัน พัน
Kingdom plantae
by
Thanyamon Chat.
ม.6 นิเวศ
by
Wichai Likitponrak
Slชุดฝึกเฉลยแบบฝึกทักษะ
by
krupornpana55
วัฏจักรน้ำ
by
savokclash
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
by
Thitaree Samphao
ใบงานวิทยาศาสตร์ ป.5 ครบ
by
ssuserf8d051
Viewers also liked
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสง Photosynthesis
by
Pat Pataranutaporn
PDF
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
by
Anana Anana
PPTX
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Tiew Yotakong
PPTX
C3 c4-cam
by
Aimie 'owo
PPT
8-2 photosynthesis an overview
by
petruccis
PDF
การถ่ายละอองเรณู (T)
by
Thitaree Samphao
PDF
ประวัติการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Thanyamon Chat.
PDF
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงlight
by
Thanyamon Chat.
PDF
Hormone and response plant
by
Thanyamon Chat.
PDF
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
by
Thanyamon Chat.
PDF
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
by
Thanyamon Chat.
PDF
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
by
Thanyamon Chat.
PDF
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Oui Nuchanart
PDF
ชีววิทยาเรื่องระบบไหลเวียนเลือด circulatory system
by
kasidid20309
PPT
10 photosynthesis
by
kindarspirit
PDF
9. ชุดที่ 6 การสืบพันธุ์ของพืช
by
เอเดียน คุณาสิทธิ์
PDF
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
by
Pinutchaya Nakchumroon
การสังเคราะห์ด้วยแสง Photosynthesis
by
Pat Pataranutaporn
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
by
Anana Anana
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Tiew Yotakong
C3 c4-cam
by
Aimie 'owo
8-2 photosynthesis an overview
by
petruccis
การถ่ายละอองเรณู (T)
by
Thitaree Samphao
ประวัติการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Thanyamon Chat.
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงlight
by
Thanyamon Chat.
Hormone and response plant
by
Thanyamon Chat.
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
by
Thanyamon Chat.
การคายน้ำและการแลกเปลี่ยนแก๊ส
by
Thanyamon Chat.
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
by
Thanyamon Chat.
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Oui Nuchanart
ชีววิทยาเรื่องระบบไหลเวียนเลือด circulatory system
by
kasidid20309
10 photosynthesis
by
kindarspirit
9. ชุดที่ 6 การสืบพันธุ์ของพืช
by
เอเดียน คุณาสิทธิ์
บทที่ 13 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต (1)
by
Pinutchaya Nakchumroon
Similar to กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
PPT
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
nokbiology
PPT
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
nokbiology
PDF
Photosynthetic reaction
by
sukanya petin
PDF
เนื้อหาความเรียงเชิงวิชาการ
by
Hyings
PDF
โครงสร้างคลอโรพลาส
by
Oui Nuchanart
PPT
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Nokko Bio
PDF
ตัวอย่างความเรียงเชิงวิชาการ
by
Hyings
PDF
Photosynthesis
by
อังสนา แสนเยีย
PPTX
Lr
by
Minky Ning
PDF
light reaction
by
Thanyamon Chat.
PDF
Bio3 62 photosyn_1
by
Wichai Likitponrak
PDF
Photosynthesis
by
itualeksuriya
PDF
3 photosyn 1
by
Wichai Likitponrak
PPT
Photosynthesis
by
จิณต์จุฑา ใจหาญ
PDF
การสังเคราะห์ด้วยแสง1
by
Anana Anana
DOCX
สื่อการศึกษาชีวะ
by
Nada Inthanon
PDF
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
by
Pinutchaya Nakchumroon
PDF
Photosynthesis process
by
Miss.Yupawan Triratwitcha
PDF
คลอโรฟิลล์กับการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
dnavaroj
PPT
สรีรวิทยาของพืช
by
Pawida Chumpurat
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
nokbiology
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
nokbiology
Photosynthetic reaction
by
sukanya petin
เนื้อหาความเรียงเชิงวิชาการ
by
Hyings
โครงสร้างคลอโรพลาส
by
Oui Nuchanart
การสังเคราะห์ด้วยแสง
by
Nokko Bio
ตัวอย่างความเรียงเชิงวิชาการ
by
Hyings
Photosynthesis
by
อังสนา แสนเยีย
Lr
by
Minky Ning
light reaction
by
Thanyamon Chat.
Bio3 62 photosyn_1
by
Wichai Likitponrak
Photosynthesis
by
itualeksuriya
3 photosyn 1
by
Wichai Likitponrak
Photosynthesis
by
จิณต์จุฑา ใจหาญ
การสังเคราะห์ด้วยแสง1
by
Anana Anana
สื่อการศึกษาชีวะ
by
Nada Inthanon
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
by
Pinutchaya Nakchumroon
Photosynthesis process
by
Miss.Yupawan Triratwitcha
คลอโรฟิลล์กับการสังเคราะห์ด้วยแสง
by
dnavaroj
สรีรวิทยาของพืช
by
Pawida Chumpurat
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (T)
1.
เรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง รายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม 3 ภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 2559 คุณครูฐิตารีย์ สาเภา โรงเรียนท่ามะกาวิทยาคม สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 8 (กาญจนบุรี-ราชบุรี)
2.
สืบค้นข้อมูล อธิบายและสรุปขั้นตอนที่สาคัญของกระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสง ทดลองและสรุปความสามารถในการดูดกลืนแสงของสารสีชนิดต่างๆ จุดประสงค์การเรียนรู้
3.
เซลล์สาหร่ายหางกระรอก เซลล์เยื่อหอม คาถาม :
เราสามารถพบคลอโรพลาสต์ได้ที่ไหน และคลอโรพลาสต์มีหน้าที่อะไร
4.
โครงสร้างภายในของใบ
5.
ภายในเซลล์พืชสีเขียวมีคลอโรพลาสต์ แหล่งที่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง
6.
โครงสร้างของ CHLOROPLAST Stroma lamella
7.
เยื่อหุ้มชั้นนอก (outer
membrane): เรียบ ประกอบด้วย Phospholipid และ Protein หน้าที่ควบคุมการผ่านของสารใน cytoplasm กับ Chloroplast เยื่อหุ้มชั้นใน (inner membrane): เยื่อหุ้มชั้นถัดเข้ามาจากเยื่อหุ้มชั้นนอก ไทลาคอยด์ (Thylakoid): เนื้อเยื่อส่วนที่พับเหมือนเป็นถุงที่มีลักษณะแบนซ้อนทับ กันเป็นชั้น ภายในมีช่องที่เรียกว่า lumen ซึ่งมีของเหลวและรงควัตถุต่างๆ บรรจุ อยู่ กรานุม (Granum): ส่วนของไทลาคอยด์ที่มีลักษณะคล้ายเหรียญซ้อนทับกันเป็น ชั้นๆ สโตรมา (Stroma): ของเหลวภายในคลอโรพลาสต์ ประกอบด้วยเอนไซม์ต่างๆ ที่ จาเป็นสาหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง สโตรมาลาเมนลา (Stroma lamella): เนื้อเยื่อไทลาคอยด์ส่วนที่ไม่ได้ทับซ้อนกันซึ่ง อยู่ระหว่างกรานุม โครงสร้างของ CHLOROPLAST
8.
มีคลอโรฟิลล์ และสารสีอื่นๆ ติด อยู่ กลุ่มของสารสีระบบแสง
I (P700) และระบบแสง II (P680) แกรนูล : รับพลังงานแสงทาให้ อิเล็กตรอนมีพลังงานสูงขึ้น เป็นที่ อยู่ของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการ ถ่ายทอด e- ในปฏิกิริยาใช้แสง ไทลาคอยด์ (THYLAKOID):
9.
มีเอนไซม์ที่จาเป็นสาหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง มี DNA RNA
และไรโบโซมทาให้คลอโรพลาสต์จาลองตัวเอง และผลิต โปรตีนที่เป็นเอนไซม์ที่ใช้การสังเคราะห์ด้วยแสง สโตรมา (STROMA):
10.
ทดลองสกัดคลอโรฟิลล์และแคโทนอยด์จากใบพืชแล้วผ่านแสงแต่ละสีเข้าไป จากนั้น วัดปริมาณแสงที่คลอโรฟิลล์
และแคโรทีนอยด์ดูดกลืนไว้ สารสีในปฏิกิริยาแสง คลอโรฟิลล์เอ คลอโรฟิลล์บี และแคโรที นอยด์ พบในใบพืชและสามารถดูดกลืน แสงในช่วงความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน คลอโรฟิลล์เอ ดูดกลืนแสงได้ 2 ช่วง คือ ช่วงความยาวคลื่น 450 และ 680 nm แต่ ไม่ดูดกลืนแสงในช่วงความยาวคลื่น 500- 600 nm คลอโรฟิลล์บี และแคโรทีนอยด์ ดูดกลืน แสงได้ในช่วงความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน
11.
การทดลองวัดอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ช่วงความยาวคลื่น 500-600 nm
สารสี 3 ชนิดไม่มีการดูดกลืน แสง แต่พบว่ามีการสังเคราะห์ด้วยแสง แสดงให้เห็นว่าในพืชอาจ มีสารสีชนิดอื่นที่สามารถดูดกลืนแสงและเกิดการสังเคราะห์ด้วย แสงได้
12.
เปรียบเทียบกราฟ อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงเกิดขึ้นได้มากในช่วงที่สารสีชนิดต่างๆ ดูดกลืนแสงได้มาก แสดงว่าการดูดกลืนแสงของสารสีชนิดต่างๆ
น่าจะเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง
13.
สารสีที่พบในสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ
14.
Chlorophyll Carotenoid
Phycobilin Bacteriochlorophyll สารสีในปฏิกิริยาแสง
15.
สารสีเขียว พบในพืช
สาหร่าย และไซยาโนแบคทีเรีย ทาให้พืชสามารถนาพลังงานแสงมาใช้ในกระบวนการ สังเคราะห์แสงได้ ดูดกลืนแสงสีน้าเงินและแสงสีแดงได้ดี Chlorophyll a : สีเขียวแกมน้าเงิน พบในพืช และ สาหร่ายทุกชนิด ดูดกลืนแสงสีม่วงและน้าเงินได้ดีที่สุด รองลงมาคือสีแดง และดูดกลืนแสงสีเขียวได้น้อยที่สุด Chlorophyll b : สีเขียวแกมเหลือง พบในพืช สาหร่าย ยูกลีนา ดูดกลืนแสงสีน้าเงินได้ดีที่สุด รองลงมา คือ แสงสีส้ม ดูดกลืนแสงสีเขียวได้น้อยที่สุด พบอยู่ รวมกัน Chlorophyll a Chlorophyll c : มีสีเขียว พบในสาหร่ายสีน้าตาล ได อะตอม Chlorophyll d : มีสีเขียว พบในสาหร่ายสีแดง และ กรีนแบคทีเรีย CHLOROPHYLL
16.
สารประกอบพวกไขมัน พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่สังเคราะห์แสงได้
ประกอบด้วย 2 ชนิด Carotene : สีแดง/สีส้ม พบในพืชและ สาหร่ายทุกชนิด ถูกสังเคราะห์ต่อเป็นวิตามิน A ในร่างกายสัตว์ Xanthophyll : สารสีเหลือง/สีน้าตาล พบในพืช และสาหร่ายทุกชนิด CAROTENOID
17.
มีเฉพาะสาหร่ายสีแดงและไซยาโน แบคทีเรีย Phycoerythrin
: สีแดงแกมน้าตาล พบ ในสาหร่ายสีแดง ดูดกลืนแสงสีเขียวได้มาก ที่สุด Phycocyanin : สีเขียวแกมน้าเงิน พบใน สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน ดูดกลืนแสงสีเขียว และสีแดงได้มากที่สุด PHYCOBILIN
18.
สารสีเขียว คล้ายคลอโรฟิลล์เอ
มีแคโรทีนอยด์หุ้ม เห็นเป็นสีแดง สีม่วง หรือสีเหลือง ส่วนใหญ่พบใน green bacteria BACTERIOCHLOROPHYLL
19.
สารสีในปฏิกิริยาแสง กลุ่มของสารสีที่ฝังตัวบนเยื่อไทลาคอยด์ในคลอโรพลาสต์ มีหน้าที่รับพลังงานแสง
และส่ง ต่อจนถึงคลอโรฟิลล์เอโมเลกุลพิเศษที่ศูนย์กลางปฏิกิริยา กลุ่มสารสีที่รับและส่งพลังงานแสง เรียกว่า antenna
20.
สารสีในปฏิกิริยาแสง
21.
สารสีมีโครงสร้างโมเลกุลที่ประกอบด้วยอะตอมที่มีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่รอบ นิวเคลียส การเคลื่อนที่ของ
e- มีหลายระดับพลังงาน และสามารถเปลี่ยนระดับ พลังงานได้เมื่อได้รับพลังงานที่เหมาะสม e- ที่เคลื่อนที่อยู่ในระดับพลังงานปกติจะเป็น e- ที่อยู่ในสถานะพื้น (ground state) เมื่อโมเลกุลของสารสีดูดกลืนพลังงานแสง e- จะถูกกระตุ้นให้มีพลังงานสูงขึ้น จนเกิด การเคลื่อนที่สู่ระดับพลังงานที่สูงขึ้นเรียก e- นี้ว่า e-ในสถานะถูกกระตุ้น (excited state) e-ในสถานะถูกกระตุ้น ไม่คงตัว จึงปล่อยพลังงานออกเพื่อกลับสู่สภาวะปกติ พลังงานที่ปล่อยออกมาจะถ่ายทอดจากสารสีโมเลกุลหนึ่งไปสู่สารสีโมเลกุลอื่น และจะ ถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่คลอโรฟิลล์เอโมเลกุลพิเศษซึ่งเป็นศูนย์กลางของปฏิกิริยา ซึ่งเมื่อได้รับพลังงานที่เหมาะสมจะทาให้ e- หลุดออกจากโมเลกุลและมีตัวรับ e- มารับ แล้วถ่ายทอดพลังงานไปยังตัวรับ e- อื่นๆ อีกหลายตัวจนกระทั่งถึงตัวรับ e- ตัวสุดท้าย สารสีในปฏิกิริยาแสง
22.
antenna และ
ศูนย์กลางปฏิกิริยาฝังตัวอยู่ในกลุ่มของโปรตีนที่ thylakoid membrane ซึ่งมีตัวรับ e- รวมอยู่ด้วย กลุ่มของโปรตีน สารสี ตัวรับ e- รวมเรียกว่า ระบบแสง (Photosystem ; PS) พืชชั้นสูงมีระบบแสง 2 ชนิด คือ ระบบแสง I และระบบแสง II ระบบแสง I : รับพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่น 700 nm เรียกว่า p700 ระบบแสง II : รับพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่น 680 nm เรียกว่า P680 สารสีในปฏิกิริยาแสง
23.
ปัจจัยสาคัญในการสังเคราะห์ด้วย แสง คือ
แสง CO2 และ H2O พืชมี organelle ที่สาคัญใน กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงคือ คลอโรพลาสต์ ซึ่งพบในทุกเซลล์ ของอวัยวะพืชที่มีสีเขียว แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ ปฏิกิริยา แสง (light reaction) เกิดที่เยื่อ Thylakoid กับ การตรึง CO2 (carbondioxide fixation) เกิด ที่ stroma กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
24.
การทดลองของอาร์นอน ทาให้ทราบว่า
พืชดูดกลืนพลังงานแสงไว้ในคลอโรพลาสต์ และเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเคมีในรูปของ ATP และ NADPH ที่พืชเอาไป ใช้ต่อได้ เรียกปฏิกิริยานี้ว่า ปฏิกิริยาแสง (light reaction) ปฏิกิริยาแสง (LIGHT REACTION)
25.
บน Thylakoid
membrane มี ระบบแสง I ระบบแสง II และโปรตีนหลายชนิดทา หน้าที่รับและถ่ายทอด e- ปฏิกิริยาแสง (LIGHT REACTION)
26.
การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร (non-cyclic electron
transfer) การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักร (cyclic electron transfer) ถ่ายทอดอิเล็กตรอน
27.
พืชได้รับพลังงานแสง ปฏิกิริยาเริ่มจาก
antenna complex ถ่ายทอด e- ต่อให้กับ reaction center ทั้งใน PSI และ PSII (เกิดพร้อมกัน) PSII เมื่อถูกกระตุ้นโดยพลังงานแสง และ e- ถูกถ่ายทอดไปแล้ว ส่งผลให้มีการดึง e- จาก โมเลกุลน้า โดยปฏิกิริยาแยกโมเลกุลของน้าจากพลังงานแสง หรือ photolysis PSII ส่งต่อ e- ให้ตัวรับเช่น Plastoquinone (Pq), Cytochrome b6f (Cytochrome complex), Plastocyanin (Pc) ในที่สุดก็จะส่งทอด e- ถึง PSI e- จะถูกลาเลียงต่อไปยัง Ferredoxin (Fd) ซึ่งจะให้ e- กับ NADP+ ซึ่งถือเป็นตัวรับ e- ตัวสุดท้าย โดยการเร่งปฏิกิริยาของ เอนไซม์ Ferredoxin-NADP reductase (FNR) NADP+ จะได้รับ 2e- และ 1H+ ทาให้ได้ผลิตภัณฑ์เป็น NADPH เกิดขึ้นใน stroma ของ chloroplast การถ่ายทอด e- ทาให้มีการสะสมโปรตอน (H+) ใน lumen จึงมีการปลดปล่อย H+ จาก lumen สู่ stroma เกิดการ pump H+ เรียกว่า Chemiosmotic gradient ซึ่งจะถูก นาไปใช้สร้าง ATP โดยการเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ ATP synthase การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร
28.
การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร
29.
Photophosphorylation :
การสร้าง ATP จากการเติมหมู่ ฟอสเฟตให้กับ ADP ควบคู่ไปกับการถ่ายทอด อิเล็กตรอน ซึ่งพลังงานแสงทาให้น้าแตกตัว ให้ O2, H+, และ e- โดย e- ถูกส่งไปตามลูกโซ่ในคลอโรพลาสต์ ทาให้เกิดพลังงงาน PSII : ได้รับ e- ทดแทนมาจากน้า PSI : ได้รับ e- ทดแทนมาจาก PSII เนื่องจากสูญเสีย e- ไปให้ NADP+ ได้ผลิตภัณฑ์ เป็น NADPH ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการถ่ายทอด e- แบบไม่เป็นวัฏจักร : ATP, NADPH, และได้ O2 และ H+ จากการแตกตัวของน้า การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร
30.
บางสภาวะ แสงกระตุ้นให้มีการถ่ายทอด
e- ออกจาก reaction center และเคลื่อนย้าย ไปยัง ตัวรับ e- Ferrydoxin ไม่สามารถส่ง e- ไปยัง NADP+ ได้ แต่กลับส่ง e- ให้กับ Cytochrome b6f complex แทน ทาให้เกิดการเคลื่อนย้าย H+ เข้าสู่ lumen และในที่สุดก็จะส่งทอด e- กลับมาที่ reaction center ของ PSI อีก วนเป็นวัฏจักร การสร้าง ATP เกิดจากความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ thylakoid membrane ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการถ่ายทอด e- แบบเป็นวัฏจักร คือ ATP การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักร
31.
การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักร
32.
การถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบเป็นวัฏจักร
33.
รายละเอียด แบบไม่เป็นวัฏจักร แบบเป็นวัฏจักร ระบบที่เกี่ยวข้อง
ทั้ง PS I และ PS II PS I เท่านั้น ความยาวคลื่นแสงที่ เกี่ยวข้อง ตั้ง 680 nm ขึ้นไป (680,700 nm) 700 nm จานวน ATP ต่อ e- 1 คู่ 2 ATP 2 ATP Photolysis เกิด ไม่เกิด O2 เกิด ไม่เกิด NADPH+H+ เกิด ไม่เกิด ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น ATP, NADPH, O2, H+ ATP ตารางสรุปความแตกต่างของการถ่ายทอดอิเล็กตรอน
34.
เกิดขึ้นหลังจากปฏิกิริยาแสง เพื่อนา
CO2 จากสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการสร้าง สารประกอบประเภทคาร์โบไฮเดรต อาศัยพลังงาน ATP และ NADPH ที่ได้จาก ปฏิกิริยาแสง และเกิดขึ้นเป็นวัฏจักร ค้นพบโดย เมลวิน คัลวิน (Melvin Calvin) และ แอนดรู เอ เบนสัน (Andrew A. Benson) ตาแหน่งที่เกิด : Stroma ของ Chloroplast ประกอบด้วยปฏิกิริยา 3 ขั้นตอน คือ (1) carboxylation (2) reduction (3) regeneration การตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 FIXATION)
35.
ปฏิกิริยาการตรึง CO2
: เริ่มจาก CO2 ทาปฏิกิริยากับ ribulose 1,5-bisphosphate หรือ RuBP ซึ่งเป็นน้าตาลที่มี C 5 อะตอม โดยมีเอนไซม์ ribulose 1,5- bisphosphate carboxylase oxygenase หรือ Rubisco เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ผลิตภัณฑ์เป็นสารที่คาร์บอน 6 อะตอม แต่เป็นสารที่ไม่เสถียรจะสลายตัวเป็น phosphoglycerate หรือ PGA ที่มีคาร์บอน 3 อะตอม จานวน 2 โมเลกุล ถ้า CO2 3 โมเลกุล รวมตัวกับ RuBP 3 โมเลกุล ได้เป็น PGA 6 โมเลกุล (1) CARBOXYLATION
36.
PGA จานวน
6 โมเลกุล จะถูกรีดิวซ์โดยรับหมู่ ฟอสเฟตจาก ATP กลายเป็น 1,3- bisphosphoglycerate (1,3 BPG) จากนั้น 1,3-bisphosphoglycerate (1,3 BPG) ถูกรีดิวซ์โดยรับอิเล็กตรอนจาก NADPH ได้เป็นน้าตาลที่มีคาร์บอน 3 อะตอมคือ glyceraldehyde 3-phosphate หรือ G3P หรือ phosphoglyceraldehyde หรือ PGAL หลังจากสิ้นสุดขั้นตอนนี้จะเกิด G3P/PGAL ขึ้น 6 โมเลกุล ซึ่งน้าตาลที่มี C 3 อะตอมนี้ถือเป็น น้าตาลตัวแรกที่เกิดขึ้นในวัฏจักรคัลวิน (2) REDUCTION
37.
เป็นขั้นตอนที่สร้าง RuBP
ขึ้นมาใหม่ เพื่อ กลับไปรับ CO2 เข้าสู่วัฏจักรคัลวินใหม่ โดย G3P ที่เกิดขึ้น 5 โมเลกุล จะถูกนาไปสร้าง RuBP ได้ 3 โมเลกุล ซึ่งจะต้องอาศัย ATP ที่ได้ จากปฏิกิยาแสง น้าตาล G3P ที่เหลือ 1 โมเลกุลจะถูกนาไป สร้างเป็นน้าตาลกลูโคสและน้าตาลไดแซกคาร์ ไรด์ เช่น น้าตาลซูโครส เพื่อลาเลียงไปยังส่วน ต่างๆของพืช หรือสะสมในรูปเม็ดแป้ง ใน Chloroplast หรือนาไปสร้างสารประกอบ อินทรีย์ เช่น กรดไขมัน กรดอะมิโน (3) REGENERATION
38.
CO2 FIXATION สรุป
Calvin Cycle จานวน 1 รอบ ใช้ CO2 3 โมเลกุล RuBP 3 โมเลกุล ATP 9 โมเลกุล NADPH 6 โมเลกุล ได้ ADP+Pi 9 โมเลกุล NADP+ 6 โมเลกุล G3P/PGAL 1 โมเลกุล
Download