กระบวนการ
สัง เคราะห์ด ว ยแสง
             ้
The location and
   structure of
                                 Chloroplast
               LEAF CROSS SECTION            MESOPHYLL CELL
        LEAF

   chloroplasts                       Mesophyll




                   CHLOROPLAST Intermembrane space

                                                       Outer
                                                       membrane


                        Granum                         Inner
                                                       membrane
Grana     Stroma                                  Thylakoid
                             Stroma     Thylakoid compartment
The location and
           structure of
• แหล่ง ทีchloroplastsด ้ว ย
          ่เ กิด การสัง เคราะห์
  แสงในพืช
• ใบของพืช จะเป็น แหล่ง ที่ม ีก าร
  สัง เคราะห์ด ้ว ยแสงมากทีส ุด ใน
                                ่
  พืช
• สีเ ขีย วของใบได้จ ากสีข องคลอ
  โรฟิล ล์แ ล้ว ทำา ให้เ กิด การสร้า ง
  โมเลกุล อาหารในคลอโรพลาสต์
Structure of
        chloroplasts
• ลัก ษณะกลมรี
• Double unit membrane
  – เยื่อ หุ้ม ชั้น ใน (Inner membrane)
    เรีย กว่า Lamella

• Lamella เรีย งตัว พับ ไปมา ลัก ษณะ
  คล้า ยถุง เรีย กว่า Thylakoid
  membrane และส่ว นที่ไ ม่ท ับ ซ้อ นกัน
  อยูเ รีย กว่า Stroma lamella
     ่
• Thylakoid เรีย งซ้อ นกัน เป็น ตั้ง เรีย ก
Structure of
        chloroplasts
• ภายในคลอโรพลาสต์ม ีข องเหลว
  (gelatinous matrix) เรีย กว่า
  Stroma
 – มีเ อนไซม์ท ี่จ ำา เป็น สำา หรับ
 CO2 fixationในการสัง เคราะห์ด ้ว ยแสง
สารสีใ นปฏิก ร ิย าแสง
               ิ
    Photosynthetic
       pigment
• สารสีท ี่ท ำา หน้า ที่ใ นการรับ
  พลัง งานแสง
• โดยดึง พลัง งานแสงและให้
  e- เป็น ผู้น ำา พลัง งานนั้น เข้า สู่
  กระบวนการทางเคมี
Photosynthetic
       pigment
• พืช และสาหร่า ยสีเ ขีย วมี
  คลอโรฟิล ล์ 2 ชนิด
  คลอโรฟิล ล์ เอ และคลอโร
   ฟิล ล์ บี
• นอกจากคลอโรฟิล ล์แ ล้ว ยัง
  มีแ คโรทีน อยด์ และพบว่า
คลอโรฟีล ล์
• เป็น รงควัต ถุส ีเ ขีย ว
• มีธ าตุ C H O N Mg เป็น องค์
  ประกอบ
• มี 4 ชนิด คือ คลอโรฟีล ล์ a,
  คลอโรฟีล ล์ b, คลอโรฟีล ล์ c,
  คลอโรฟีล ล์ d
รงควัต ถุป ระกอบ
           Accessory
           pigments
• เป็น รงควัต ถุท ร ับ พลัง งานแสงได้แ ต่
                    ี่
  สัง เคราะห์พ ลัง งานแสงไม่ไ ด้
• ทำา หน้า ที่ร ับ พลัง งานแสงแล้ว ส่ง ต่อ ให้
  คลอโรฟีล ล์ a นำา ไปสัง เคราะห์ด ้ว ย
  แสง เรีย กว่า แอนเทนนา (antenna)
• ได้แ ก่ แคโรทีน อยด์ และไฟโคบิล น       ิ
แคโรทีน อยด์
ประกอบด้ว ยรงควัต ถุ 2
 ชนิด คือ
แคโรทีน เป็น รงควัต ถุส ีแ ดง
 ส้ม พบในพืช และ
 สาหร่า ยทุก ชนิด
แซนโทฟีล ล์ เป็น รงควัต ถุส ี
 เหลือ ง พบในพืช และ
ไฟโคบิล น
                     ิ
• เป็น รงควัต ถุท ไ ม่พ บในพืช ชั้น สูง แต่
                  ี่
  พบในเฉพาะสาหร่า ยสีแ ดง และ
  สาหร่า ยสีเ ขีย วแกมนำ้า เงิน
• ประกอบด้ว ยรงควัต ถุ 2 ชนิด คือ
  - ไฟโคอีร ีท ริน เป็น รงควัต ถุส ีแ ดง
  พบในสาหร่า ยสีแ ดง รับ แสงสีเ ขีย วได้
  ดี
  - ไฟโคไซยานิน เป็น รงควัต ถุส น ำ้า เงิน
                                     ี
  พบในสาหร่า ยสีเ ขีย วแกมนำ้า เงิน
Photosynthetic Pigments




 embedded in thylakoid membranes
 chlorophyll a and b


    accessory pigments (รงควัตถุประกอบ)
     carotenoids
     phycobilins
ตำา แหน่ง ที่ม ีก ารสัง เคราะห์
ด้ว ยแสงใน Chloroplast
ปฏิกิรยาแสง : Light
       ิ
       reaction
• เกิด ขึ้น บนเยื่อ ไทลาคอยด์
• ต้อ งมีแ สง
• เปลี่ย นพลัง งานแสงไปเป็น
  พลัง งานเคมี
ระบบแสง
1.กลุ่ม ที่ร ับ พลัง งานแสงที่ช ่ว ง
  ความยาวคลื่น 700 nm
• เรีย กกลุ่ม นี้ว ่า ระบบแสง I

 [Photosystem I : PSI, P700]
2. กลุ่ม ที่ร ับ พลัง งานแสงที่ช ่ว ง
 ความยาวคลื่น 680 nm
สารทีท ำา หน้า ที่ร บ และถ่า ย
           ่              ั
อิเ ล็ก ตรอน (electron acceptors)
• NADP+ (Nicotinamine adenine
  dinucleotide phosphate)
• Cytochrome
• Plastoquinone : Pq
• Plastocyanin : Pc
• Ferredoxin : Fd
การถ่ายทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ
           ไม่เ ป็น วัฏ จัก ร
     Non-cyclic or linear
           electron flow
• เกิด ขึ้น โดย e-หลุด ออกไปจาก
 คลอโรฟิล ล์ใ น PSIไม่ย ้อ น
 กลับ เข้า PSI อีก โดยมี NADP+
 มารับ e- ไป แต่ค ลอโรฟิล ล์ใ น
 PSI ก็ร ับ e- จาก PSII ส่ว น
 PSII ก็เ อา e- ทดแทนอีก จาก
 การสลายตัว ของโมเลกุล ของ
Non-cyclic or linear
     electron flow
• การที่โ มเลกุล ของนำ้า จะแตก
    ตัว ให้ e- ได้จ ะต้อ งได้ร ับ
 พลัง งานแสง เกิด ปฏิก ิร ิย าโฟ
  โตลิซ ิส (Photolysis) ทำา ให้
 ได้ e ไปทดแทนใน PSII และ
        -

   ยัง เกิด O2 และเกิด โปรตอน
  (2H+) เพื่อ ส่ง ไปให้ NADP+ ที่
       -
Non-cyclic or linear
     electron flow
• ในระหว่า งทีม ีก ารถ่า ยทอด e-
               ่
จาก PSII ไปยัง PSI จะมีพ ลัง งาน
ที่ถ ่า ยทอดมาจาก e- ซึ่ง พลัง งานนี้
นำา ไปสร้า ง ATP ได้ 2 ATP ต่อ e-
                 1 คู่
การถ่า ยทอดอิเ ลคตรอนแบบไม่
         เป็น วัฏ จัก ร
การถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ
            เป็น วัฏ จัก ร
  Cyclic or linear electron
               flow
• เกิด ที่ PSI โดยพลัง งานแสงที่
  กลุม รงควัต ถุด ูด ซับ ไว้ ถูก ส่ง
      ่
  ผ่า นไปยัง P700 ซึ่ง เป็น
  ศูน ย์ก ลางปฏิก ิร ิย า
• ทำา ให้โ มเลกุล ของ P700 ถูก
  กระตุน จึง ปล่อ ย e- ให้ก ับ
          ้
  โมเลกุล ของสารที่เ ป็น ตัว รับ e-
การถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ
             เป็น วัฏ จัก ร
   Cyclic or linear electron
                 flow
• จากนั้น e จะย้อ นกลับ คืน สู่ PSI
               -

  อีก ครั้ง จนเป็น วัฏ จัก ร
• ในการถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ
  นี้จ ะไม่เ กิด การสลายโมเลกุล
  ของนำ้า ดัง นั้น จึง ไม่เ กิด ก๊า ซ
  ออกซิเ จนอิส ระขึ้น เหมือ นกับ
  การถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบไม่
Chloroplast

         Light
                                                    Stroma

Stack of                       NADP+
thylakoids                       ADP
                                 +P
                   Light                   Calvin
                 reactions                 cycle




                                                        Sugar used for
                                                        •   Cellular respiration
                                                        •   Cellulose
                                                        •   Starch
                                                        •   Other organic compounds
ปฏิก ิร ิย าตรึง
  คาร์บ อนไดออกไซด์ : CO2
              Fixation
• เป็น ปฏิก ิร ย าทีน ำา พลัง งาน
               ิ      ่
  จาก ATP และ NADPH ทีไ ด้       ่
  จาก Light reaction มาใช้
  ในการสร้า งโมเลกุล ของสาร
  อิน ทรีย ์
• เกิด ขึน ใน Stroma ของ
         ้
คำำ ศัพ ท์ท ี่ค วรรู้
• rubisco :
  Ribulose bisphosphate
  carboxylate oxygenase
• RuBP : Ribulose 1,5
  bisphosphate
                          ตัว
• PGA : Phosphoglyceric acid วกัน
                          เดีย
  หรือ Phosphoglycerate
1. Carboxylation
• RuBP เข้ำ รวมกับ CO2 เกิด เป็น
  PGA 2 โมเลกุล
• โดยมีเ อนไซม์ rubisco เป็น
  catalyst
• 6RuBP + 6CO2 น สำร 2O
          PGA เป็ + 6H
       เสถีย รตัว แรกของ
     12 PGA ........(1)
          CO2 Fixation
2. Reduction
  G3P เป็น นำ้ำ ตำลชนิด แรก
    ของ CO2 Fixation

• PGA แต่ล ะโมเลกุล จะรับ หมู่
  ฟอสเฟตจำก ATP กลำยเป็น 1,3
  bisphosphoglycerate
• 1,3 bisphosphoglycerate รับ
  โปรตอนจำก NADPH และถูก
  เปลีย นเป็น G3P
      ่
• 12 PGA +12ATP +12 NADPH
  +12 H+              12
3. Regeneration
• เป็น กำรสร้ำ ง RuBP ขึ้น มำใหม่
  เพื่อ กลับ ไปรับ CO2 ในรอบต่อ ไป
• โดย G3P จะเปลีย นไปเป็น RuBP
                  ่
  โดยใช้พ ลัง งำนจำก ATP
• 10 G3P +6ATP         6 RuBP +
  6 ADP +4Piก ….(3) ล
       G3P อี 2 โมเลกุ
       อำจรวมตัว กัน เป็น
       glucose 1 โมเลกุล
สรุป สมกำรรวม
6 CO2 +18 ATP + 12 NADPH +12 H+ 2G3P + 12
  NADP+ +18 ADP +16 Pi + 6 H2O
ข้อ สัง เกต
1. โดยปกติว ัฏ จัก รคำลวิน จะต้อ งเกิด
   2 รอบจึง จะได้ PGAL 2 โมเลกุล ซึ่ง
   เพีย งพอต่อ กำรสร้ำ งกลูโ คส (6C)
   1 โมเลกุล (เนื่อ งจำกในควำมเป็น
   จริง กำรเกิด 1 รอบจะให้ PGAL
   อิส ระออกมำ 1 โมเลกุล เท่ำ นั้น )
2. ในพืช ทั่ว ๆไป สำรชนิด แรกที่ค งตัว
   ที่ไ ด้จ ำกกำรตรึง CO2 คือ PGA ซึ่ง
   มี 3C จึง เรีย กกำรตรึง CO2 แบบนี้

การสังเคราะห์ด้วยแสง

  • 1.
  • 2.
    The location and structure of Chloroplast LEAF CROSS SECTION MESOPHYLL CELL LEAF chloroplasts Mesophyll CHLOROPLAST Intermembrane space Outer membrane Granum Inner membrane Grana Stroma Thylakoid Stroma Thylakoid compartment
  • 3.
    The location and structure of • แหล่ง ทีchloroplastsด ้ว ย ่เ กิด การสัง เคราะห์ แสงในพืช • ใบของพืช จะเป็น แหล่ง ที่ม ีก าร สัง เคราะห์ด ้ว ยแสงมากทีส ุด ใน ่ พืช • สีเ ขีย วของใบได้จ ากสีข องคลอ โรฟิล ล์แ ล้ว ทำา ให้เ กิด การสร้า ง โมเลกุล อาหารในคลอโรพลาสต์
  • 4.
    Structure of chloroplasts • ลัก ษณะกลมรี • Double unit membrane – เยื่อ หุ้ม ชั้น ใน (Inner membrane) เรีย กว่า Lamella • Lamella เรีย งตัว พับ ไปมา ลัก ษณะ คล้า ยถุง เรีย กว่า Thylakoid membrane และส่ว นที่ไ ม่ท ับ ซ้อ นกัน อยูเ รีย กว่า Stroma lamella ่ • Thylakoid เรีย งซ้อ นกัน เป็น ตั้ง เรีย ก
  • 5.
    Structure of chloroplasts • ภายในคลอโรพลาสต์ม ีข องเหลว (gelatinous matrix) เรีย กว่า Stroma – มีเ อนไซม์ท ี่จ ำา เป็น สำา หรับ CO2 fixationในการสัง เคราะห์ด ้ว ยแสง
  • 6.
    สารสีใ นปฏิก ริย าแสง ิ Photosynthetic pigment • สารสีท ี่ท ำา หน้า ที่ใ นการรับ พลัง งานแสง • โดยดึง พลัง งานแสงและให้ e- เป็น ผู้น ำา พลัง งานนั้น เข้า สู่ กระบวนการทางเคมี
  • 7.
    Photosynthetic pigment • พืช และสาหร่า ยสีเ ขีย วมี คลอโรฟิล ล์ 2 ชนิด คลอโรฟิล ล์ เอ และคลอโร ฟิล ล์ บี • นอกจากคลอโรฟิล ล์แ ล้ว ยัง มีแ คโรทีน อยด์ และพบว่า
  • 8.
    คลอโรฟีล ล์ • เป็นรงควัต ถุส ีเ ขีย ว • มีธ าตุ C H O N Mg เป็น องค์ ประกอบ • มี 4 ชนิด คือ คลอโรฟีล ล์ a, คลอโรฟีล ล์ b, คลอโรฟีล ล์ c, คลอโรฟีล ล์ d
  • 9.
    รงควัต ถุป ระกอบ Accessory pigments • เป็น รงควัต ถุท ร ับ พลัง งานแสงได้แ ต่ ี่ สัง เคราะห์พ ลัง งานแสงไม่ไ ด้ • ทำา หน้า ที่ร ับ พลัง งานแสงแล้ว ส่ง ต่อ ให้ คลอโรฟีล ล์ a นำา ไปสัง เคราะห์ด ้ว ย แสง เรีย กว่า แอนเทนนา (antenna) • ได้แ ก่ แคโรทีน อยด์ และไฟโคบิล น ิ
  • 10.
    แคโรทีน อยด์ ประกอบด้ว ยรงควัตถุ 2 ชนิด คือ แคโรทีน เป็น รงควัต ถุส ีแ ดง ส้ม พบในพืช และ สาหร่า ยทุก ชนิด แซนโทฟีล ล์ เป็น รงควัต ถุส ี เหลือ ง พบในพืช และ
  • 11.
    ไฟโคบิล น ิ • เป็น รงควัต ถุท ไ ม่พ บในพืช ชั้น สูง แต่ ี่ พบในเฉพาะสาหร่า ยสีแ ดง และ สาหร่า ยสีเ ขีย วแกมนำ้า เงิน • ประกอบด้ว ยรงควัต ถุ 2 ชนิด คือ - ไฟโคอีร ีท ริน เป็น รงควัต ถุส ีแ ดง พบในสาหร่า ยสีแ ดง รับ แสงสีเ ขีย วได้ ดี - ไฟโคไซยานิน เป็น รงควัต ถุส น ำ้า เงิน ี พบในสาหร่า ยสีเ ขีย วแกมนำ้า เงิน
  • 12.
    Photosynthetic Pigments  embeddedin thylakoid membranes  chlorophyll a and b  accessory pigments (รงควัตถุประกอบ)  carotenoids  phycobilins
  • 14.
    ตำา แหน่ง ที่มีก ารสัง เคราะห์ ด้ว ยแสงใน Chloroplast
  • 15.
    ปฏิกิรยาแสง : Light ิ reaction • เกิด ขึ้น บนเยื่อ ไทลาคอยด์ • ต้อ งมีแ สง • เปลี่ย นพลัง งานแสงไปเป็น พลัง งานเคมี
  • 16.
    ระบบแสง 1.กลุ่ม ที่ร ับพลัง งานแสงที่ช ่ว ง ความยาวคลื่น 700 nm • เรีย กกลุ่ม นี้ว ่า ระบบแสง I [Photosystem I : PSI, P700] 2. กลุ่ม ที่ร ับ พลัง งานแสงที่ช ่ว ง ความยาวคลื่น 680 nm
  • 17.
    สารทีท ำา หน้าที่ร บ และถ่า ย ่ ั อิเ ล็ก ตรอน (electron acceptors) • NADP+ (Nicotinamine adenine dinucleotide phosphate) • Cytochrome • Plastoquinone : Pq • Plastocyanin : Pc • Ferredoxin : Fd
  • 18.
    การถ่ายทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ ไม่เ ป็น วัฏ จัก ร Non-cyclic or linear electron flow • เกิด ขึ้น โดย e-หลุด ออกไปจาก คลอโรฟิล ล์ใ น PSIไม่ย ้อ น กลับ เข้า PSI อีก โดยมี NADP+ มารับ e- ไป แต่ค ลอโรฟิล ล์ใ น PSI ก็ร ับ e- จาก PSII ส่ว น PSII ก็เ อา e- ทดแทนอีก จาก การสลายตัว ของโมเลกุล ของ
  • 19.
    Non-cyclic or linear electron flow • การที่โ มเลกุล ของนำ้า จะแตก ตัว ให้ e- ได้จ ะต้อ งได้ร ับ พลัง งานแสง เกิด ปฏิก ิร ิย าโฟ โตลิซ ิส (Photolysis) ทำา ให้ ได้ e ไปทดแทนใน PSII และ - ยัง เกิด O2 และเกิด โปรตอน (2H+) เพื่อ ส่ง ไปให้ NADP+ ที่ -
  • 20.
    Non-cyclic or linear electron flow • ในระหว่า งทีม ีก ารถ่า ยทอด e- ่ จาก PSII ไปยัง PSI จะมีพ ลัง งาน ที่ถ ่า ยทอดมาจาก e- ซึ่ง พลัง งานนี้ นำา ไปสร้า ง ATP ได้ 2 ATP ต่อ e- 1 คู่
  • 22.
  • 23.
    การถ่า ยทอดอิเ ล็กตรอนแบบ เป็น วัฏ จัก ร Cyclic or linear electron flow • เกิด ที่ PSI โดยพลัง งานแสงที่ กลุม รงควัต ถุด ูด ซับ ไว้ ถูก ส่ง ่ ผ่า นไปยัง P700 ซึ่ง เป็น ศูน ย์ก ลางปฏิก ิร ิย า • ทำา ให้โ มเลกุล ของ P700 ถูก กระตุน จึง ปล่อ ย e- ให้ก ับ ้ โมเลกุล ของสารที่เ ป็น ตัว รับ e-
  • 24.
    การถ่า ยทอดอิเ ล็กตรอนแบบ เป็น วัฏ จัก ร Cyclic or linear electron flow • จากนั้น e จะย้อ นกลับ คืน สู่ PSI - อีก ครั้ง จนเป็น วัฏ จัก ร • ในการถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบ นี้จ ะไม่เ กิด การสลายโมเลกุล ของนำ้า ดัง นั้น จึง ไม่เ กิด ก๊า ซ ออกซิเ จนอิส ระขึ้น เหมือ นกับ การถ่า ยทอดอิเ ล็ก ตรอนแบบไม่
  • 26.
    Chloroplast Light Stroma Stack of NADP+ thylakoids ADP +P Light Calvin reactions cycle Sugar used for • Cellular respiration • Cellulose • Starch • Other organic compounds
  • 27.
    ปฏิก ิร ิยาตรึง คาร์บ อนไดออกไซด์ : CO2 Fixation • เป็น ปฏิก ิร ย าทีน ำา พลัง งาน ิ ่ จาก ATP และ NADPH ทีไ ด้ ่ จาก Light reaction มาใช้ ในการสร้า งโมเลกุล ของสาร อิน ทรีย ์ • เกิด ขึน ใน Stroma ของ ้
  • 28.
    คำำ ศัพ ท์ที่ค วรรู้ • rubisco : Ribulose bisphosphate carboxylate oxygenase • RuBP : Ribulose 1,5 bisphosphate ตัว • PGA : Phosphoglyceric acid วกัน เดีย หรือ Phosphoglycerate
  • 29.
    1. Carboxylation • RuBPเข้ำ รวมกับ CO2 เกิด เป็น PGA 2 โมเลกุล • โดยมีเ อนไซม์ rubisco เป็น catalyst • 6RuBP + 6CO2 น สำร 2O PGA เป็ + 6H เสถีย รตัว แรกของ 12 PGA ........(1) CO2 Fixation
  • 31.
    2. Reduction G3P เป็น นำ้ำ ตำลชนิด แรก ของ CO2 Fixation • PGA แต่ล ะโมเลกุล จะรับ หมู่ ฟอสเฟตจำก ATP กลำยเป็น 1,3 bisphosphoglycerate • 1,3 bisphosphoglycerate รับ โปรตอนจำก NADPH และถูก เปลีย นเป็น G3P ่ • 12 PGA +12ATP +12 NADPH +12 H+ 12
  • 33.
    3. Regeneration • เป็นกำรสร้ำ ง RuBP ขึ้น มำใหม่ เพื่อ กลับ ไปรับ CO2 ในรอบต่อ ไป • โดย G3P จะเปลีย นไปเป็น RuBP ่ โดยใช้พ ลัง งำนจำก ATP • 10 G3P +6ATP 6 RuBP + 6 ADP +4Piก ….(3) ล G3P อี 2 โมเลกุ อำจรวมตัว กัน เป็น glucose 1 โมเลกุล
  • 35.
    สรุป สมกำรรวม 6 CO2+18 ATP + 12 NADPH +12 H+ 2G3P + 12 NADP+ +18 ADP +16 Pi + 6 H2O
  • 36.
    ข้อ สัง เกต 1.โดยปกติว ัฏ จัก รคำลวิน จะต้อ งเกิด 2 รอบจึง จะได้ PGAL 2 โมเลกุล ซึ่ง เพีย งพอต่อ กำรสร้ำ งกลูโ คส (6C) 1 โมเลกุล (เนื่อ งจำกในควำมเป็น จริง กำรเกิด 1 รอบจะให้ PGAL อิส ระออกมำ 1 โมเลกุล เท่ำ นั้น ) 2. ในพืช ทั่ว ๆไป สำรชนิด แรกที่ค งตัว ที่ไ ด้จ ำกกำรตรึง CO2 คือ PGA ซึ่ง มี 3C จึง เรีย กกำรตรึง CO2 แบบนี้