สมาชิกในกลุ่ม

     1.นาย ณัฐวี มะโน เลขที่ 16
2.นางสาว จุฬาลักษณ์ คาศรี พล เลขที่ 28
3.นางสาว พิจิตตรา ลีโคกกลาง เลขที่ 35
 4.นางสาว ยุพิน ศรี อรัญ เลขที่ 36
 5.นางสาว อมิตตา รัตนลัย เลขที่ 40
อารยธรรมจีน
ประเทศจีน
         ประเทศจีนเป็ นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศ
หนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ท่ี สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้วา่
อารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สาคัญของอารยธรรมจีน
คือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ
เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์ จีนมีท้ งช่วงที่
                                                        ั
เป็ นปึ กแผ่นและแตกเป็ นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็
ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิ พลอย่างสู งต่อ
ชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ซึ่ งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ
อารยธรรมจีนสมัยก่ อนประวัติศาสตร์
             มีแหล่งอารยธรรมที่สาคัญ 2 แหล่ง คือ
 ลุ่มแม่น้ าฮวงโห พบความเจริ ญที่เรี ยกว่า วัฒนธรรมหยางเชา
( Yang Shao Culture ) พบหลักฐานที่เป็ นเครื่ องปั้นดินเผามีลกษณะสาคัญ
                                                               ั
คือ เครื่ องปั้นดินเผาเป็ นลายเขียนสี มักเป็ นลายเรขาคณิ ต พืช นก สัตว์ต่างๆ
และพบใบหน้ามนุษย์ สี ที่ใช้เป็ นสี ดาหรื อสี ม่วงเข้ม นอกจากนี้ยงมีการพิมพ์
                                                                 ั
ลายหรื อขูดสลักลายเป็ นรู ปลายจักสาน ลายเชือกทาบ
ลุ่มนาแยงซี ( Yangtze ) บริ เวณมณฑล
      ้
    ชานตุงพบ วัฒนธรรมหลงซาน ( Lung
    Shan Culture ) พบหลักฐานที่เป็ น
    เครื่ องปั้นดินเผามีลกษณะสาคัญคือ
                          ั
    เครื่ องปั้นดินเผามีเนื้อละเอียดสี ดาขัด
    มันเงา คุณภาพดีเนื้อบางและแกร่ งเป็ น
    ภาชนะ3ขา
สมัยประวัติศาสตร์ ของจีนแบ่ งได้ 4 ยุค
1.ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริ่ มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง สิ้ นสุ ดสมัยราชวงศ์
โจว
2.ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่ มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น จนถึงปลาย
ราชวงศ์ชิงหรื อเช็ง
3.ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่ มปลายราชวงศ์เช็งจนถึง
การปฏิวติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม
        ั
4.ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่ มตั้งแต่จีนปฏิวติเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่
                                            ั
ระบอบสังคมนิยมหรื อคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบน       ั
ราชวงศ์ ของจีน
     ราชวงศ์ ชาง เป็ นราชวงศ์ แรกของจีน
   • มีการปกครองแบบนครรัฐ
   • มีการประดิษฐ์ตวอักษรขึ้นใช้เป็ นครั้ง
                        ั
    แรก พบจารึ กบนกระดองเต่า และ
    กระดูกวัว เรื่ องที่จารึ กส่ วนใหญ่เป็ น
    การทานายโชคชะตาจึงเรี ยกว่า
    “กระดูกเสี่ ยงทาย”
   • มีความเชื่อเรื่ องการบูชาบรรพบุรุษ
ราชวงศ์ โจว
แนวความคิดด้านการปกครอง เชื่อเรื่ องกษัตริ ยเ์ ป็ น “โอรสแห่ งสวรรค์
สวรรค์มอบอานาจให้มาปกครองมนุษย์เรี ยกว่า “อาณัตแห่งสวรรค์
เริ่ มต้นยุคศักดินาของจีน
เกิดลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทาง
เป็ นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม
เน้นความสัมพันธ์และการทาหน้าที่ของผูคนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกบ
                                     ้                               ั
                                        ั
ราษฎร บิดากับบุตร พี่ชายกับน้องชาย สามีกบภรรยา เพือนกับเพื่อน
                                                       ่
เน้นความกตัญํู เคารพผูอาวุโส ให้
                                   ้
ความสาคัญกับครอบครัว
     เน้นความสาคัญของการศึกษา
     เกิดลัทธิเต๋ า โดยเล่าจื๊อ ที่มีแนวทาง
     เน้นการดาเนินชีวิตที่เรี ยบง่าย ไม่ตอง้
       มีระเบียบแบบแผนพิธีรีตองใดใด
     เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ
     ลัทธิน้ ีมีอิทธิพลต่อศิลปิ น กวี และจิตร
       กรจีน
     คาสอนทั้งสองลัทธิเป็ นที่พ่ งทางใจของ
                                      ึ
       ผูคน
         ้
ราชวงศ์ จิ๋นหรือฉิน
       จักรพรรดิที่ยงใหญ่สามารถรวม
                      ิ่
         ดินแดนของจีนให้เป็ นจักรวรรดิ เป็ น
         ครั้งแรกคือ พระเจ้าชิวงตี่ หรื อ จิ๋นซี
                                  ั่
         ฮ่องเต้ เป็ นผูให้สร้าง กาแพงเมืองจีน
                         ้
       มีการใช้เหรี ยญกษาปณ์ มาตราชัง    ่
 ตวง วัด
ราชวงศ์ ฮั่น
                  เป็ นยุคทองด้านการค้าของจีน มีการ
                    ค้าขายกับอาณาจักรโรมัน อาหรับ
                    และอินเดีย โดยเส้นทางการค้าที่
                    เรี ยกว่า เส้นทางสายไหม
                    (Silk Rood)
                  ลัทธิขงจื๊อ คาสอนถูกนามาใช้เป็ นหลัก
การสอบจอหงวน                   ในการปกครองประเทศ
                  มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับ
                    ราชการเรี ยกว่า จอหงวน
ราชวงศ์ สุย
                  เป็ นยุคแตกแยกแบ่งเป็ นสามก๊ก
                  มีการขุดคลองเชื่อมแม่น้ าฮวงโหกับ
                    แม่น้ าแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการ
                    คมนาคม




แม่น ้าแยงซี
ราชวงศ์ ถัง
               ได้ชื่อว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
                นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลก
                ตะวันออกในสมัยนั้น
               พระพุทธศาสนามีความเจริ ญรุ่ งเรื อง
                พระภิกษุ (ถังซาจัง) เดินทางไปศึกษา
                                    ๋
ถังซ่ าจัง
         ๋                  พระไตรปิ ฎก ในชมพูทวีป
               เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคน
                 สาคัญ เช่น หวางเหว่ย หลี่ไป๋ ตูฝู้
                                                ้
               ศิลปะแขนงต่างๆมีความรุ่ งเรื อง
ราชวงศ์ ซ้อง
   มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรื อสาเภา
   รู ้จกการใช้เข็มทิศ
        ั
   รู ้จกการใช้ลูกคิด
          ั
   ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสื อ
   รักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
ราชวงศ์ หยวน
      เป็ นราชวงศ์ชาวมองโกลที่เข้ามา
ปกครองจีน ฮ่องเต้องค์แรกคือ กุบไล
ข่าน หรื อ หงวนสี โจ๊วฮ่องเต้
      ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก
         เช่น มาร์โคโปโล พ่อค้าชาวเมืองเวนีส
         อิตาลี
ราชวงศ์ หมิงหรือเหม็ง
         วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนิยายที่
            ใช้ภาษาพูดมากกว่าการใช้ภาษาเขียน
            มีนวนิยายที่สาคัญ ได้แก่ สามก๊ก
            ไซอิ๋ว
         ส่ งเสริ มการสารวจเส้นทางเดินเรื อทาง
            ทะเล
         สร้างพระราชวังหลวงปักกิ่ง
          (วังต้องห้าม)
ราชวงศ์ ชิงหรือเช็ง
         เป็ นราชวงศ์เผ่าแมนจู เป็ นยุคที่จีน
 เสื่ อมถอยความเจริ ญทุกด้าน
         เริ่ มถูกรุ กรานจากชาติตะวันตก เช่น
              สงครามฝิ่ น ซึ่งจีนรบแพ้องกฤษ ทาให้
                                       ั
              ต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิง
         ปลายยุคราชวงศ์ชิง พระนางซูสีไทเฮา
              เข้ามามีอิทธิพลในการบริ หารประเทศ
              มาก
จีนยุคสาธารณรัฐและยุคคอมมิวนิสต์
• ปลายยุคราชวงศ์ชิง ดร.ซุนยัตเซ็น จัดตั้งสมาคมสันนิบาต เพื่อล้มล้าง
  ราชวงศ์ชิง โดยประกาศ ลัทธิไตรราษฎร์ ประกอบด้วย 1.หลักเอกราช 2.
  หลักแห่งอานาจอธิปไตยของประชาชน 3.หลักความยุติธรรมในการครอง
  ชีพ ส่ วนนโยบายปฏิวติ คือ โค่นล้มราชวงศ์แมนจู และจัดตั้งรัฐบาล
                      ั
  ประชาชน จัดตั้งรัฐบาลตามระบอบสาธารณรัฐ จัดสรรที่ดินให้แก่
  ประชาชน และก่อตั้งพรรคชาตินิยม หรื อ พรรคก๊กมินตัง ขึ้นในที่สุด
                                                     ๋
• ต่อมา ซุนยัตเซ็นได้ร่วมมือกับ ยวน ซีไข ทาการปฏิวติลมราชวงศ์ชิงได้
                                                      ั ้
  สาเร็ จเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ (จักรพรรดิปูยี เป็ น
  กษัตริ ยองค์สุดท้ายของจีน) มีการแย่งชิงอานาจของผูนาทางทหาร
           ์                                           ้
  เรี ยกว่า ยุคขุนศึก
• ซุนยัตเซ็นได้เสนอให้ ยวน ซีไข เป็ นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน
• ยวน ซีไข คิดสถาปนาตนเองเป็ นจักรพรรดิและรื้ อฟื้ นระบบศักดินา
• ดร.ซุนยัตเซ็น ตั้งพรรคก๊กมินตัง  ๋
• เมื่อ ยวน ซีไข เสี ยชีวิตลง ดร.ซุนยัตเซ็นเป็ นประธานาธิบดี แต่เป็ นได้ไม่
  นานก็เสี ยชีวิต
• หลังจาก ดร. ซุนยัตเซ็น เสี ยชีวิต เจียงไคเช็ค ขึ้นเป็ นผูนาพรรคก๊กมินตัง
                                                           ้             ๋
  และผูนาจีน
        ้
• แต่รัฐบาลเจียงไคเช็ค ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บงหลวง กดขี่ราษฎร
                                                    ั
• จีนเกิดการปฏิวติอีกครั้ง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้การนาของ
                   ั
                                        ้ ั
  เหมา เจ๋ อตุง รัฐบาลเจียงไคเช็ค ต่อสูกบพรรคคอมมิวนิสต์แต่แพ้
• เหมา เจ๋ อตุง สถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ปกครองด้วยระบอบ
  คอมมิวนิสต์ มีการจัดระเบียบสังคมใหม่ เรี ยกว่า การปฏิวติทาง ั
  วัฒนธรรม เพื่อต่อต้านจารี ตศักดินาแบ่งชนชั้น
•หลังจาก เหมา เจ๋ อตุง เสี ยชีวิต เติ้ง
                       เสี่ ยวผิงขึ้นเป็ นผูนาจีนแทน ประกาศ
                                            ้
                       พัฒนาประเทศด้วย นโยบายสี่ ทนสมัย ั
                       คือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม
                       การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
                       โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน
                       ภายในประเทศ รวมทั้งผ่อนปรนวิถีการ
                       ดาเนินชีวิตของประชาชนให้คลายความ
อนุสรณ์สถานประธานเหมา เจ๋ อตุง เข้มงวดลง
ศิลปวัฒนธรรมของจีน
              จิตรกรรม
     มีวิวฒนาการมาจากการเขียนตัวอักษรจีนจารึ ก
          ั
       บนกระดูกเสี่ ยงทายเพราะตัวอักษรจีนมี
       ลักษณะเหมือนรู ปภาพ
     สมัยราชวงศ์ซอง จิตรกรรมจัดว่าเด่นมาก
                      ้
                         ั
ภาพวาดมักเป็ นภาพมนุษย์กบธรรมชาติ ทิวทัศน์
ดอกไม้
                                      ู่ ั
     สมัยราชวงศ์ถง มีการพัฒนาการใช้พกนสี และ
                    ั
       กระดาษภาพส่ วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพุทธ
       ศาสนาและลัทธิเต๋ า
ประติมากรรม
                             ส่ วนใหญ่เป็ นเครื่ องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ต้งแต่
                                                                            ั
                                ก่อนประวัติศาสตร์ ทาจากดินสี แดง มีลวดลาย
                                แดง ดา และขาวเป็ นลวดลายเรขาคณิ ต
• สมัยราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาช้าง หิ นอ่อน และหยกตามความเชื่อ
  และความนิยมของชาวจีน ที่เชื่อว่า หยก ทาให้เกิดความเป็ นสิ ริมงคล
• สมัยราชวงศ์ถง มีการพัฒนาเครื่ องเคลือบดินเผาเป็ นเคลือบ 3 สี คือ เหลือง
                    ั
  น้ าเงิน เขียว ส่ วนสี เขียวไข่กามีชื่อเสี ยงมากในสมัยราชวงศ์
•        สมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่ องเคลือบได้พฒนาจนกลายเป็ นสิ นค้าออก คือ
                                                  ั
  เครื่ องลายครามและลายสี แดง ถึงราชวงศ์ชิง เครื่ องเคลือบจะนิยมสี สัน
  สดใส เช่น เขียว แดง ชมพู
สถาปัตยกรรม
• กาแพงเมืองจีน สร้างในสมัยราชวงศ์จิ๋น เพื่อ
  ป้ องกันการรุ กรานของมองโกล
• เมืองปักกิ่ง สร้างในสมัยราชวงศ์หงวน โดย
  กุบไลข่าน ซึ่งได้รับการยกย่องทางด้านการ
  วางผังเมือง ส่ วนพระราชวังปักกิ่งสร้างใน
  สมัยราชวงศ์เหม็ง
• พระราชวังฤดูร้อน สร้างในสมัยราชวงศ์เช็ง
  โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็ นสถาปัตยกรรม
  ที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและจีนโบราณ
วรรณกรรม
  สามก๊ ก สันนิษฐานว่าเขียนใน
     คริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็ นเรื่องราวของ
     ความแตกแยกในจีนตังแต่ปลายสมัย
                              ้
     ราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮน    ั่
  ซ้ องกัง เป็ นเรื่องประท้ วงสังคม เรื่ องราว
          ๋
      ความทุกข์ของผู้คนในมือชนชัน    ้
      ผู้ปกครอง สะท้ อนความทุกข์ของชาว
      จีนภายใต้ การปกครองของพวกมอง
      โกล
ไซอิ๋ว เป็ นเรื่ องราวการเดินทางไปนา
  พระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายัง
  ประเทศจีน
• จินผิงเหมย หรื อดอกบัวทอง แต่งขึ้นใน
  ราวคริ สต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็ นนิยาย
  เกี่ยวกับสังคมและชีวิตครอบครัว
• หงโหลวเมิ่ง หรื อ ความฝันในหอแดง
  เด่นที่สุดในคริ สต์ศตวรรษที่ 18
  เรื่ องราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี
การถ่ ายทอดอารยธรรมจีนสู่ ดนแดนต่ างๆ
                                   ิ
          อารยธรรมจีนแผ่ขยายขอบข่ายออกไปอย่างกว้ างขวางทังใน ้
เอเชียและยุโรป อันเป็ นผลมาจากการติดต่อทางการทูต การค้ า การศึกษา
ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา อย่างไรก็ตามลักษณะการถ่ายทอดแตกต่าง
กันออกไป ดินแดนที่เคยตกอยูภายใต้ การปกครองของจีนเป็ นเวลานาน
                            ่
เช่น เกาหลี และเวียดนาม จะได้ รับอารยธรรมจีนอย่างสมบูรณ์ ทังในด้ าน
                                                           ้
วัฒนธรรม การเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี การสร้ างสรรค์ และการ
แสดงออกทางศิลปะ ทังนี ้เพราะราชสานักจีนจะเป็ นผู้กาหนดนโยบายและ
                       ้
บังคับให้ ประเทศทังสองรับวัฒนธรรมจีนโดยตรง
                  ้
•      ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อารยธรรมจีนได้ รับการยอมรับใน
  ขอบเขตจากัดมาก ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การยอมรับระบบบรรณาการ
  ของจีน
•       ในเอเชียใต้ ประเทศที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีนอย่างใกล้ ชิด คือ
  อินเดีย พระพุทธศาสนามหายานของอินเดียแพร่หลายเข้ ามาในจีน
  จนกระทังเป็ นศาสนาสาคัญที่ชาวจีนนับถือ นอกจากนี ้ศิลปะอินเดียยังมี
           ่
  อิทธิพลต่อการสร้ างสรรค์ศิลปะบางอย่างของจีน เช่น ประติมากรรมที่
  เป็ นพระพุทธรูป
• ส่วนภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางนัน เนื่องจากบริเวณที่
                                               ้
  เส้ นทางการค้ าสานแพรไหมผ่านจึงทาหน้ าที่เป็ นสื่อกลางนาอารยธรรม
  ตะวันตกและจีนมาพบกัน อารยธรรมจีนที่เผยแพร่ไป เช่น การแพทย์ การ
  เลี ้ยงไหม กระดาษ การพิมพ์ และดินปื น เป็ นต้ น ซึงชาวอาหรับจะนาไป
                                                    ่
  เผยแพร่แก่ชาวยุโรปอีกต่อหนึง
                             ่
เอกสารอ้างอิง
เอกราช ทองสุ ข.”อารยธรรมจีน.”อารยธรรมจีน.30 กันยายน 2552
http://202.143.144.83/~skb/computor/ganjana/east_c
hina_data.htm.15 กันยายน 2554

งานนำเสนอ อารยธรรมจีน

  • 1.
    สมาชิกในกลุ่ม 1.นาย ณัฐวี มะโน เลขที่ 16 2.นางสาว จุฬาลักษณ์ คาศรี พล เลขที่ 28 3.นางสาว พิจิตตรา ลีโคกกลาง เลขที่ 35 4.นางสาว ยุพิน ศรี อรัญ เลขที่ 36 5.นางสาว อมิตตา รัตนลัย เลขที่ 40
  • 2.
  • 3.
    ประเทศจีน ประเทศจีนเป็ นประเทศที่มีอารยธรรมยาวนานที่สุดประเทศ หนึ่ง โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ท่ี สามารถค้นคว้าได้บ่งชี้วา่ อารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานที่สาคัญของอารยธรรมจีน คือ การสร้างระบบภาษาเขียน และการพัฒนาแนวคิดลัทธิขงจื๊อ เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตร์ จีนมีท้ งช่วงที่ ั เป็ นปึ กแผ่นและแตกเป็ นหลายอาณาจักรสลับกันไป ในบางครั้งก็ ถูกปกครองโดยชนชาติอื่น วัฒนธรรมของจีนมีอิทธิ พลอย่างสู งต่อ ชาติอื่นๆ ในทวีปเอเชีย ซึ่ งถ่ายทอดไปทั้งการอพยพ
  • 4.
    อารยธรรมจีนสมัยก่ อนประวัติศาสตร์ มีแหล่งอารยธรรมที่สาคัญ 2 แหล่ง คือ  ลุ่มแม่น้ าฮวงโห พบความเจริ ญที่เรี ยกว่า วัฒนธรรมหยางเชา ( Yang Shao Culture ) พบหลักฐานที่เป็ นเครื่ องปั้นดินเผามีลกษณะสาคัญ ั คือ เครื่ องปั้นดินเผาเป็ นลายเขียนสี มักเป็ นลายเรขาคณิ ต พืช นก สัตว์ต่างๆ และพบใบหน้ามนุษย์ สี ที่ใช้เป็ นสี ดาหรื อสี ม่วงเข้ม นอกจากนี้ยงมีการพิมพ์ ั ลายหรื อขูดสลักลายเป็ นรู ปลายจักสาน ลายเชือกทาบ
  • 5.
    ลุ่มนาแยงซี ( Yangtze) บริ เวณมณฑล ้ ชานตุงพบ วัฒนธรรมหลงซาน ( Lung Shan Culture ) พบหลักฐานที่เป็ น เครื่ องปั้นดินเผามีลกษณะสาคัญคือ ั เครื่ องปั้นดินเผามีเนื้อละเอียดสี ดาขัด มันเงา คุณภาพดีเนื้อบางและแกร่ งเป็ น ภาชนะ3ขา
  • 6.
    สมัยประวัติศาสตร์ ของจีนแบ่ งได้4 ยุค 1.ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริ่ มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชาง สิ้ นสุ ดสมัยราชวงศ์ โจว 2.ประวัติศาสตร์สมัยจักรวรรดิ เริ่ มตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น จนถึงปลาย ราชวงศ์ชิงหรื อเช็ง 3.ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่ มปลายราชวงศ์เช็งจนถึง การปฏิวติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม ั 4.ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่ มตั้งแต่จีนปฏิวติเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ ั ระบอบสังคมนิยมหรื อคอมมิวนิสต์จนถึงปัจจุบน ั
  • 7.
    ราชวงศ์ ของจีน ราชวงศ์ ชาง เป็ นราชวงศ์ แรกของจีน • มีการปกครองแบบนครรัฐ • มีการประดิษฐ์ตวอักษรขึ้นใช้เป็ นครั้ง ั แรก พบจารึ กบนกระดองเต่า และ กระดูกวัว เรื่ องที่จารึ กส่ วนใหญ่เป็ น การทานายโชคชะตาจึงเรี ยกว่า “กระดูกเสี่ ยงทาย” • มีความเชื่อเรื่ องการบูชาบรรพบุรุษ
  • 8.
    ราชวงศ์ โจว แนวความคิดด้านการปกครอง เชื่อเรื่องกษัตริ ยเ์ ป็ น “โอรสแห่ งสวรรค์ สวรรค์มอบอานาจให้มาปกครองมนุษย์เรี ยกว่า “อาณัตแห่งสวรรค์ เริ่ มต้นยุคศักดินาของจีน เกิดลัทธิขงจื๊อ ที่มีแนวทาง เป็ นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม เน้นความสัมพันธ์และการทาหน้าที่ของผูคนในสังคม ระหว่างจักรพรรดิกบ ้ ั ั ราษฎร บิดากับบุตร พี่ชายกับน้องชาย สามีกบภรรยา เพือนกับเพื่อน ่
  • 9.
    เน้นความกตัญํู เคารพผูอาวุโส ให้ ้ ความสาคัญกับครอบครัว เน้นความสาคัญของการศึกษา เกิดลัทธิเต๋ า โดยเล่าจื๊อ ที่มีแนวทาง เน้นการดาเนินชีวิตที่เรี ยบง่าย ไม่ตอง้ มีระเบียบแบบแผนพิธีรีตองใดใด เน้นปรับตัวเข้าหาธรรมชาติ ลัทธิน้ ีมีอิทธิพลต่อศิลปิ น กวี และจิตร กรจีน คาสอนทั้งสองลัทธิเป็ นที่พ่ งทางใจของ ึ ผูคน ้
  • 10.
    ราชวงศ์ จิ๋นหรือฉิน จักรพรรดิที่ยงใหญ่สามารถรวม ิ่ ดินแดนของจีนให้เป็ นจักรวรรดิ เป็ น ครั้งแรกคือ พระเจ้าชิวงตี่ หรื อ จิ๋นซี ั่ ฮ่องเต้ เป็ นผูให้สร้าง กาแพงเมืองจีน ้ มีการใช้เหรี ยญกษาปณ์ มาตราชัง ่ ตวง วัด
  • 11.
    ราชวงศ์ ฮั่น เป็ นยุคทองด้านการค้าของจีน มีการ ค้าขายกับอาณาจักรโรมัน อาหรับ และอินเดีย โดยเส้นทางการค้าที่ เรี ยกว่า เส้นทางสายไหม (Silk Rood) ลัทธิขงจื๊อ คาสอนถูกนามาใช้เป็ นหลัก การสอบจอหงวน ในการปกครองประเทศ มีการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับ ราชการเรี ยกว่า จอหงวน
  • 12.
    ราชวงศ์ สุย เป็ นยุคแตกแยกแบ่งเป็ นสามก๊ก มีการขุดคลองเชื่อมแม่น้ าฮวงโหกับ แม่น้ าแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการ คมนาคม แม่น ้าแยงซี
  • 13.
    ราชวงศ์ ถัง ได้ชื่อว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลก ตะวันออกในสมัยนั้น พระพุทธศาสนามีความเจริ ญรุ่ งเรื อง พระภิกษุ (ถังซาจัง) เดินทางไปศึกษา ๋ ถังซ่ าจัง ๋ พระไตรปิ ฎก ในชมพูทวีป เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคน สาคัญ เช่น หวางเหว่ย หลี่ไป๋ ตูฝู้ ้ ศิลปะแขนงต่างๆมีความรุ่ งเรื อง
  • 14.
    ราชวงศ์ ซ้อง มีความก้าวหน้าด้านการเดินเรื อสาเภา รู ้จกการใช้เข็มทิศ ั รู ้จกการใช้ลูกคิด ั ประดิษฐ์แท่นพิมพ์หนังสื อ รักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
  • 15.
    ราชวงศ์ หยวน เป็ นราชวงศ์ชาวมองโกลที่เข้ามา ปกครองจีน ฮ่องเต้องค์แรกคือ กุบไล ข่าน หรื อ หงวนสี โจ๊วฮ่องเต้ ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายมาก เช่น มาร์โคโปโล พ่อค้าชาวเมืองเวนีส อิตาลี
  • 16.
    ราชวงศ์ หมิงหรือเหม็ง วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนิยายที่ ใช้ภาษาพูดมากกว่าการใช้ภาษาเขียน มีนวนิยายที่สาคัญ ได้แก่ สามก๊ก ไซอิ๋ว ส่ งเสริ มการสารวจเส้นทางเดินเรื อทาง ทะเล สร้างพระราชวังหลวงปักกิ่ง (วังต้องห้าม)
  • 17.
    ราชวงศ์ ชิงหรือเช็ง เป็ นราชวงศ์เผ่าแมนจู เป็ นยุคที่จีน เสื่ อมถอยความเจริ ญทุกด้าน เริ่ มถูกรุ กรานจากชาติตะวันตก เช่น สงครามฝิ่ น ซึ่งจีนรบแพ้องกฤษ ทาให้ ั ต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิง ปลายยุคราชวงศ์ชิง พระนางซูสีไทเฮา เข้ามามีอิทธิพลในการบริ หารประเทศ มาก
  • 18.
    จีนยุคสาธารณรัฐและยุคคอมมิวนิสต์ • ปลายยุคราชวงศ์ชิง ดร.ซุนยัตเซ็นจัดตั้งสมาคมสันนิบาต เพื่อล้มล้าง ราชวงศ์ชิง โดยประกาศ ลัทธิไตรราษฎร์ ประกอบด้วย 1.หลักเอกราช 2. หลักแห่งอานาจอธิปไตยของประชาชน 3.หลักความยุติธรรมในการครอง ชีพ ส่ วนนโยบายปฏิวติ คือ โค่นล้มราชวงศ์แมนจู และจัดตั้งรัฐบาล ั ประชาชน จัดตั้งรัฐบาลตามระบอบสาธารณรัฐ จัดสรรที่ดินให้แก่ ประชาชน และก่อตั้งพรรคชาตินิยม หรื อ พรรคก๊กมินตัง ขึ้นในที่สุด ๋
  • 19.
    • ต่อมา ซุนยัตเซ็นได้ร่วมมือกับยวน ซีไข ทาการปฏิวติลมราชวงศ์ชิงได้ ั ้ สาเร็ จเปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ (จักรพรรดิปูยี เป็ น กษัตริ ยองค์สุดท้ายของจีน) มีการแย่งชิงอานาจของผูนาทางทหาร ์ ้ เรี ยกว่า ยุคขุนศึก • ซุนยัตเซ็นได้เสนอให้ ยวน ซีไข เป็ นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐจีน • ยวน ซีไข คิดสถาปนาตนเองเป็ นจักรพรรดิและรื้ อฟื้ นระบบศักดินา • ดร.ซุนยัตเซ็น ตั้งพรรคก๊กมินตัง ๋ • เมื่อ ยวน ซีไข เสี ยชีวิตลง ดร.ซุนยัตเซ็นเป็ นประธานาธิบดี แต่เป็ นได้ไม่ นานก็เสี ยชีวิต
  • 20.
    • หลังจาก ดร.ซุนยัตเซ็น เสี ยชีวิต เจียงไคเช็ค ขึ้นเป็ นผูนาพรรคก๊กมินตัง ้ ๋ และผูนาจีน ้ • แต่รัฐบาลเจียงไคเช็ค ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บงหลวง กดขี่ราษฎร ั • จีนเกิดการปฏิวติอีกครั้ง โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้การนาของ ั ้ ั เหมา เจ๋ อตุง รัฐบาลเจียงไคเช็ค ต่อสูกบพรรคคอมมิวนิสต์แต่แพ้ • เหมา เจ๋ อตุง สถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ปกครองด้วยระบอบ คอมมิวนิสต์ มีการจัดระเบียบสังคมใหม่ เรี ยกว่า การปฏิวติทาง ั วัฒนธรรม เพื่อต่อต้านจารี ตศักดินาแบ่งชนชั้น
  • 21.
    •หลังจาก เหมา เจ๋อตุง เสี ยชีวิต เติ้ง เสี่ ยวผิงขึ้นเป็ นผูนาจีนแทน ประกาศ ้ พัฒนาประเทศด้วย นโยบายสี่ ทนสมัย ั คือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ภายในประเทศ รวมทั้งผ่อนปรนวิถีการ ดาเนินชีวิตของประชาชนให้คลายความ อนุสรณ์สถานประธานเหมา เจ๋ อตุง เข้มงวดลง
  • 22.
    ศิลปวัฒนธรรมของจีน จิตรกรรม มีวิวฒนาการมาจากการเขียนตัวอักษรจีนจารึ ก ั บนกระดูกเสี่ ยงทายเพราะตัวอักษรจีนมี ลักษณะเหมือนรู ปภาพ สมัยราชวงศ์ซอง จิตรกรรมจัดว่าเด่นมาก ้ ั ภาพวาดมักเป็ นภาพมนุษย์กบธรรมชาติ ทิวทัศน์ ดอกไม้ ู่ ั สมัยราชวงศ์ถง มีการพัฒนาการใช้พกนสี และ ั กระดาษภาพส่ วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพุทธ ศาสนาและลัทธิเต๋ า
  • 23.
    ประติมากรรม ส่ วนใหญ่เป็ นเครื่ องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ต้งแต่ ั ก่อนประวัติศาสตร์ ทาจากดินสี แดง มีลวดลาย แดง ดา และขาวเป็ นลวดลายเรขาคณิ ต • สมัยราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาช้าง หิ นอ่อน และหยกตามความเชื่อ และความนิยมของชาวจีน ที่เชื่อว่า หยก ทาให้เกิดความเป็ นสิ ริมงคล • สมัยราชวงศ์ถง มีการพัฒนาเครื่ องเคลือบดินเผาเป็ นเคลือบ 3 สี คือ เหลือง ั น้ าเงิน เขียว ส่ วนสี เขียวไข่กามีชื่อเสี ยงมากในสมัยราชวงศ์ • สมัยราชวงศ์เหม็ง เครื่ องเคลือบได้พฒนาจนกลายเป็ นสิ นค้าออก คือ ั เครื่ องลายครามและลายสี แดง ถึงราชวงศ์ชิง เครื่ องเคลือบจะนิยมสี สัน สดใส เช่น เขียว แดง ชมพู
  • 24.
    สถาปัตยกรรม • กาแพงเมืองจีน สร้างในสมัยราชวงศ์จิ๋นเพื่อ ป้ องกันการรุ กรานของมองโกล • เมืองปักกิ่ง สร้างในสมัยราชวงศ์หงวน โดย กุบไลข่าน ซึ่งได้รับการยกย่องทางด้านการ วางผังเมือง ส่ วนพระราชวังปักกิ่งสร้างใน สมัยราชวงศ์เหม็ง • พระราชวังฤดูร้อน สร้างในสมัยราชวงศ์เช็ง โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็ นสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและจีนโบราณ
  • 25.
    วรรณกรรม สามก๊ก สันนิษฐานว่าเขียนใน คริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็ นเรื่องราวของ ความแตกแยกในจีนตังแต่ปลายสมัย ้ ราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮน ั่ ซ้ องกัง เป็ นเรื่องประท้ วงสังคม เรื่ องราว ๋ ความทุกข์ของผู้คนในมือชนชัน ้ ผู้ปกครอง สะท้ อนความทุกข์ของชาว จีนภายใต้ การปกครองของพวกมอง โกล
  • 26.
    ไซอิ๋ว เป็ นเรื่องราวการเดินทางไปนา พระสูตรจากสวรรค์ทางตะวันตกมายัง ประเทศจีน • จินผิงเหมย หรื อดอกบัวทอง แต่งขึ้นใน ราวคริ สต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็ นนิยาย เกี่ยวกับสังคมและชีวิตครอบครัว • หงโหลวเมิ่ง หรื อ ความฝันในหอแดง เด่นที่สุดในคริ สต์ศตวรรษที่ 18 เรื่ องราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี
  • 27.
    การถ่ ายทอดอารยธรรมจีนสู่ ดนแดนต่างๆ ิ อารยธรรมจีนแผ่ขยายขอบข่ายออกไปอย่างกว้ างขวางทังใน ้ เอเชียและยุโรป อันเป็ นผลมาจากการติดต่อทางการทูต การค้ า การศึกษา ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา อย่างไรก็ตามลักษณะการถ่ายทอดแตกต่าง กันออกไป ดินแดนที่เคยตกอยูภายใต้ การปกครองของจีนเป็ นเวลานาน ่ เช่น เกาหลี และเวียดนาม จะได้ รับอารยธรรมจีนอย่างสมบูรณ์ ทังในด้ าน ้ วัฒนธรรม การเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี การสร้ างสรรค์ และการ แสดงออกทางศิลปะ ทังนี ้เพราะราชสานักจีนจะเป็ นผู้กาหนดนโยบายและ ้ บังคับให้ ประเทศทังสองรับวัฒนธรรมจีนโดยตรง ้
  • 28.
    ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อารยธรรมจีนได้ รับการยอมรับใน ขอบเขตจากัดมาก ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การยอมรับระบบบรรณาการ ของจีน • ในเอเชียใต้ ประเทศที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีนอย่างใกล้ ชิด คือ อินเดีย พระพุทธศาสนามหายานของอินเดียแพร่หลายเข้ ามาในจีน จนกระทังเป็ นศาสนาสาคัญที่ชาวจีนนับถือ นอกจากนี ้ศิลปะอินเดียยังมี ่ อิทธิพลต่อการสร้ างสรรค์ศิลปะบางอย่างของจีน เช่น ประติมากรรมที่ เป็ นพระพุทธรูป
  • 29.
    • ส่วนภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางนัน เนื่องจากบริเวณที่ ้ เส้ นทางการค้ าสานแพรไหมผ่านจึงทาหน้ าที่เป็ นสื่อกลางนาอารยธรรม ตะวันตกและจีนมาพบกัน อารยธรรมจีนที่เผยแพร่ไป เช่น การแพทย์ การ เลี ้ยงไหม กระดาษ การพิมพ์ และดินปื น เป็ นต้ น ซึงชาวอาหรับจะนาไป ่ เผยแพร่แก่ชาวยุโรปอีกต่อหนึง ่
  • 30.
    เอกสารอ้างอิง เอกราช ทองสุ ข.”อารยธรรมจีน.”อารยธรรมจีน.30กันยายน 2552 http://202.143.144.83/~skb/computor/ganjana/east_c hina_data.htm.15 กันยายน 2554