More Related Content Similar to อารยธรรมจีนPdf Similar to อารยธรรมจีนPdf (20) อารยธรรมจีนPdf5. ก่อนประวัติศาสตร์ (3 ล้านปีก่อน – ก่อนคริสศตวรรษที่ 21)
มีการขุดพบซากฟอสซิลโบราณของ
‘มนุษย์อูซาน’ที่มีอายุกว่า 2,000,000 ปี
ที่อําเภออูซานในมณฑลฉงชิ่ง
โครงกระดูกมนุษย์หยวนเหมย มนุษย์
หลันเถียน มนุษย์ปักกิ่ง และ มนุษย์ถ้ํา
เครื่องมือหินกะเทาะแห่งยุคหินเก่า
15. ราชวงศ์ชางหรือยิน (ปี 1766-1028 ก่อน ค.ศ. )
ศูนย์กลางความเจริญอยู่บริเวณแม่น้ําเหลืองในมลฑลเหอหนัน เหอ
เป่ย ซันตุง เรื่องราวของราชวงศ์นี้ได้มาจากอักษรจีนที่จารึกบน
กระดองเต่าและกระดูกวัว มีการแบ่งอาณาเขตเป็นแคว้นขึ้นต่อ
กษัตริย์ การปกครองคล้ายระบบศักดินา มีชนชั้นปกครองที่
เข้มแข็งกองทัพมีประสิทธิภาพ เนื่องจากต้องทําสงครามเผ่าต่าง
ตลอดเวลา และสร้างระบบความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา
เพื่อเสริมสร้างบารมีของกษัตริย์
18. ศิลปวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) ประมาณ 1700 ปีก่อน
คริสตกาล มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณลุ่มน้ําฮวงโห
งานศิลปวัฒนธรรมที่สําคัญ เช่น
-การเขียนตัวอักษรบนกระดูกสัตว์ เพื่อทําเป็นกระดูกเสี่ยงทาย
-การทําเครื่องสําริดโลหะ เช่นอาวุธ ภาชนะ
-การทําเครื่องปั้นดินเผา เครื่องหยก เครื่องเคลือบ
''ติ่ง''4 ขา สมัยซาง ใช้ในการเซ่นไหว้
บรรพบุรุษและบ่งบอกฐานะทางสังคม
มังกรหยกสลักเครื่องประดับสมัยซาง
กระดูกเสี่ยงทาย
ขวานสําริดรูปหน้าสัตว์
20. อารยธรรมจีนสมัยประวัติศาสตร์
ราชวงศ์โจวหรือจิว(1122-221 ปีก่อน ค.ศ.)แบ่งออกเป็น 2 สมัยคือ
-โจวตะวันตก (1122-771 ปีก่อน ค.ศ.) ศูนย์กลางความเจริญอยู่ภาค
ตะวันออกของเมืองซีอาน มลฑลฉ่านซี
-โจวตะวันออก (771-256 ปีก่อน ค.ศ.) ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองลั่ว
หยาง มลฑลเหอหนัน
สมัยนี้มีกษัตริย์ปกครอง 35 องค์ ถือเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยาวนานที่สุด
ทัศนคติเกี่ยวกับอาณัติแห่งสวรรค์(เทียนหมิง) การปกครองแบบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
การปกครองคล้ายระบบศักดินาของยุโรป
23. ศิลปวัฒนธรรมสมัยราชวงศ์โจว (chou
Dynasty) ประมาณ 1,122-200 ปีก่อนคริสตกาล
งานศิลปวัฒนธรรมที่สําคัญ เช่น
-การทําโลหะสําริด
-การทําภาชนะดินเผา
-การทําเครื่องเคลือบ
-การแกะสลักหยก
ประณีต กว่าสมัยราชวงศ์ชาง
ภาชนะใส่เหล้ารูปม้าศึกทําด้วยสําริด
กระเบื้องมุงหลังคาดินเผาที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในสมัยโจวตะวันตก
เครื่องหยกสลักลวดลายมังกร
24. เกิดลัทธิความเชื่อ 2 ลัทธิคือ
1.ลัทธิเต๋า เน้นความสัมพันธ์กับธรรมชาติ ไม่ยึดมั่นใน
กฎระเบียบ ไม่เน้นเหตุผล แต่สอนให้คนรู้จักควบคุมตนเอง
2.ลัทธิขงจื้อ เน้นความมีเหตุผล และยึดมั่นในขนบธรรมเนียม
ประเพณี
นักปรัชญาที่สําคัญ ได้แก่ เม่งจื้อ ขงจื้อ เล่าจื้อ โม่จื้อ
งานด้านวรรณกรรมและปรัชญา
25. เล่าจื๊อ นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงชาวจีนที่สุด
ท่านหนึ่งของชนชาติจีน ที่เชื่อกันว่าอาศัย
อยู่ในช่วง 400 ปี ก่อน ค.ศ. ในช่วงของ
สงครามปรัชญา และสงครามการเมืองยุค
ชุนชิว เล่าจื๊อได้เขียนตําราอันเป็นแบบ
แผนในทางเต๋า นั่นคือ "เต๋าเต็กเก็ง" ซึ่ง
เป็นผลงานทางลัทธิเต๋าที่ยังคงตกทอด
มาถึงยุคปัจจุบันนี้ เล่าจื๊อเป็นนักปราชญ์ที่
เชี่ยวชาญทางเต๋า ประวัติศาสตร์
ภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์
เล่าจื๊อได้ทํางานในราชวงศ์โจว
26. ขงจื้อ ขงฟู่จื่อ ขงจื่อ คงฉิว หรือ คงซ้งนี) เป็น
นักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน
คําสอนของขงจื๊อนั้น ฝังรากอิทธิพลลึกลงไปใน
สังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึง 20
ศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อนั้นเน้นเกี่ยวกับ
ศีลธรรมส่วนตัว และศีลธรรมในการปกครอง
ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ใน
สังคม และ ความยุติธรรมและบริสุทธิ์ใจ
ก่อนสิ้นใจ ขงจื๊อได้ทิ้งท้ายข้อความไว้กับ ซื่อคง
ไว้ว่า "ขุนเขาต้องพังทลาย ขื่อคานแข็งแรงปาน
ใด สุดท้ายต้องพังลงมา เหมือนเช่น บัณฑิตที่
สุดท้ายต้องร่วงโรย"
28. โม่จื้อมีคําสอนอยู่ที่การมองทุกสิ่งทุกอย่าง โดยให้
ถือประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นหลักซึ่งตรงกับ หลัก
อรรถประโยชน์นิยม ดังนั้น โมจื้อจึงเป็นคนต่อต้าน
พิธีกรรมและการสงคราม เป็นผู้นําในด้าน
ตรรกวิทยาพวกแรกของชาติจีน เขาได้กล่าวถึง
ความคิดของเขาอย่างง่ายๆดังต่อไปนี้
1. แหล่งกําเนิดของเหตุผล ควรหาได้จากความ
ชํานาญและศึกษาความคิดของผู้ที่มีความรู้ในอดีต
2. วิธีการที่จะนําไปสู่เหตุผล ควรจะตริตรองหา
ความจริงจากประสบการณ์และชีวิตของประชาชน
3. การนําเหตุผลมาปฏิบัติ ควรทําให้เป็นกฎหมาย
หรือระเบียบของรัฐบาล ควรสืบสวนดูว่าสิ่งเหล่านี้มี
ประโยชน์แก่ประเทศชาติหรือประชาชนมากน้อย
เพียงใด
43. 2.ราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อน ค.ศ.-ค.ศ.220)
เมื่อราชวงศ์จิ๋นถูกโค่นลง หลิวปังได้ปกครองจีน
และตั้งราชวงศ์ใหม่
จักรพรรดิองค์สําคัญคือจักรพรรดิวู่ตี่ ซึ่งได้
ขยายอาณาเขตจีนอย่างกว้างขวางมีความ
เจริญรุ่งเรือง ต่อมาราชวงศ์ฮั่นได้ย้ายเมืองหลวง
ไปอยู่ที่เมืองโลยาง ทางทิศตะวันออก จึงเรียก
สมัยฮั่นตะวันออก
ในระยะนี้มีการติดต่อกับอินเดีย ศาสนาพุทธ
จึงเข้ามายังประเทศจีนตาม เส้นทางสายไหม
(Silk Road)
ฮั่นเกาสูปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น
45. 4.ด้านจิตกรรม ได้รับแรงบัลดาลใจจากลัทธิเต๋าและพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนา
ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 พระพุทธศาสนา เข้ามาในสมัยราชวงศ์ฮั่น
โดยพ่อค้าชาวอินเดียที่เข้ามาติดต่อค้าขาย
ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 มีการส่งทูตไปอินเดีย
ในคริสต์ศตวรรษที่ 3-4 มีพระจีนได้เดินทางไปอินเดียเพื่อศึกษา
พระพุทธศาสนา เช่น พระฟาเหียน
ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 พระเสวียนจัง (พระถังซัมจัง)
พระพุทธศาสนาเจริญสูงสุด ได้เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก
ที่อินเดีย (สมัยราชวงค์ถัง)
ศาสนาพุทธในจีนจะมีลัทธิเต๋าผสมอยู่
47. ศาสนาอิสลาม
ในคริสต์ศตวรรษที่ 8-9 มีผู้เผยแพร่ศาสนาอิสลาม เดินทาง
จีนทางบกเป็นกองคาราวานมาแถบเอเชียกลาง มายังเมือง
กว้างตุ้ง แต่ได้รับการต่อต้าน
ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 พวกมองโกลนําทหารมุสลิมเข้ามา
ช่วยรบในสงครามได้ชัยชนะ ให้อาศัยอยู่ทางภาคตะวันตก
เฉียงเหนือและเฉียงใต้ ศาสนาอิสลามไม่ค่อยได้รับความ
นิยมเพราะมีลัทธิขงจื้อ
49. สามก๊กเป็นยุคสมัยที่เกิดจากสภาพ
การคานอํานาจกันของกองกําลัง
3 ฝ่ายอันได้แก่ ก๊กวุ่ย ก๊กสู และ
ก๊กอู๋ ที่ต่างก็แย่งชิงกันเป็นใหญ่
โดยช่วงปีค.ศ. 220 นั้นเป็นเวลา
ที่วุ่นขึ้นครองอํานาจใหญ่แทน
ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
สมัยสามก๊ก (ค.ศ.220-265)
สมัยนี้นักประวัติศาสตร์ไม่ถือว่า มีบุคคลใดสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฮั่นอย่าง
ถูกต้อง จึงไม่เรียกเป็นสมัยราชวงศ์ แต่เรียกว่าสมัยสามก๊ก สมัยนี้สิ้นสุดลง
โดยการถูกรวมอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์สุย
52. หยางเจียน สุยเหวินตี้ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์สุย
3.ราชวงศ์สุย (ค.ศ.581-618)
เป็นสมัยแห่งการรวมประเทศจีนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จักรพรรดิบุ่นตี่
เป็นผู้ก่อตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ฉางอัน มณฑลสั่นซี ผลงานที่สําคัญ
การสร้างถนน พระราชวัง การขุดคลองหลวงเชื่อมภาคเหนือกับภาคใต้
เข้าด้วยกัน ภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ รูปปั้นพระโพธิสัตว์
56. 4.ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 – 907)
ภาพเขียนฝีมือจิตรกรเอกจางเซเวียน ยุคสมัยนี้นิยม
วาดภาพคนและการดําเนินชีวิตประจําวัน
หลังแผ่นราชวงศ์สุยแผ่นดินจีนเกิดการแตกแยก หลี่หยวน สามารถ
ปราบปรามและรวมแผ่นดินจีนขึ้นใหม่เป็นปฐมกษัตริย์สมัยนี้ได้รับ
การยกย่องให้เป็นสมัยที่มีความเจริญสูงสุดในประวัติศาสตร์
พระพุทธศาสนาและลัทธิขงจื้อได้รับความเจริญควบคู่กันไป
61. นับเป็นบุญ ช่วยหนุนนํา หรือกรรมซัด
สวรรค์จัด ให้กําเนิด เกิดใต้ฟ้า
ฤๅนรก บีฑาคน ดลเธอมา
ลงเป็นข้า พระองค์ ใน ถังไท่จง
เป็นสตรี ถือดีมา กว่าหญิงอื่น
กล้าหยัดยืน ฝืนชะตา ที่ฟ้าส่ง
ขอลิขิต ขีดเส้นทาง อย่างทะนง
เป็นนางหงส์ คงเคียงคู่ หมู่มังกร
66. 5. ราชวงศ์ซ้อง/ซ่ง (ค.ศ.960-1279)
ผู้ก่อตั้งคือจักรพรรดิไถจือ ศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองไคเฟิง
มณฑลเหอหนัน เรียกราชวงศ์ซ้องเหนือ ต่อมาย้ายไปตั้งเมืองหลวง
ใหม่ทางภาคใต้ที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง เรียกราชวงศ์ซ้องใต้
ยุคนี้เป็นยุคที่เศรษฐกิจเจริญสูงสุด ลัทธิขงจื้อใหม่เริ่มปรากฎขึ้น
ภาพ ‚ชิงหมิงซ่างเหอถู‛ สะท้อนภาพวิถีชีวิตชาวเมืองไคเฟิง
ริมฝั่งแม่น้ําในเทศกาลเชงเม็ง ถือเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าแห่งยุค
73. มาร์โค โปโล นักเดินทางชาวอิตาเลียน ซึ่ง
ถือว่าเป็นชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางข้าม
ทวีปเอเชียและเขียนบันทึกการเดินทางถึง
สิ่งที่ได้พบได้ยินเอาไว้ในหนังสือที่ชื่อ The
Travels of Marco Polo
74. ในหนังสือของมาร์โค โปโลมีการบันทึกถึงรูปร่างของ
แผ่นดิน สัตว์ พืชพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ การเล่า
ถึงหินและของเหลวที่ติดไฟได้ (ถ่านหินและน้ํามัน) โดยเขา
ได้พรรณนาถึงอารยธรรมจีนว่ามีความเจริญเหนือกว่า
วัฒนธรรมและเทคโนโลยีของชาวยุโรป และระบุว่าจีนมี
แหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่อยู่ 2 อย่างก็คือ “ดินปืนและ
บะหมี่”
มาร์โค โปโล ใช้เวลาเดินทาง 3 ปี กระทั่งมาถึงประเทศจีน
ด้วยวัย 20 ย่าง 21 ปี โดยเดินทางไปถึงซั่งตู และได้รับ
พระราชทานจัดงานเลี้ยงต้อนรับขึ้นในวังหลวง
75. ราชวงศ์หยวนเป็นราชวงศ์ที่สถาปนาขึ้นโดยชนชาติมอง
โกล มีอายุทั้งสิ้น 97 ปี และมีฮ่องเต้ทั้งหมด 11 พระองค์
(นับจากที่กุบไลข่านสถาปนาราชวงศ์) นับเป็นหนึ่งใน
ราชวงศ์ที่มีอาณาจักรกว้างใหญ่และมีความเข้มแข็งมาก
ราชวงศ์หนึ่ง ทว่าด้วยความแบ่งแยกชนชั้น ความฟุ้งเฟ้อ
การขูดรีดและการกดขี่ชาวฮั่นทําให้ต้องล่มสลายเร็วกว่าที่
ควร ซึ่งความผิดพลาดในครั้งนี้ ได้กลายมาเป็นอุทาหรณ์
ให้กับชนชั้นปกครองของราชวงศ์ชิงในยุคต่อมา
78. ประหารขุนนาง – ยกเลิกเสนาบดี - จัดอํานาจรวมศูนย์
หลังจูหยวนจาง หรือที่ถูกขนานพระนามตามชื่อรัชกาลว่า
ฮ่องเต้หงอู่ขึ้นครองราชย์ ได้ทุ่มเทเพื่อที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม
และผลผลิตในประเทศ โดยด้านหนึ่งพยายามลดภาระของประชาชน
และชาวนา ในขณะที่อีกด้านก็เร่งปฏิรูประบบการปกครองที่ไม่
เหมาะสมรวมทั้งลงโทษขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ผลงานด้านศิลปะที่โดดเด่นคือ
งานศิลปะเครื่องเคลือบ เครื่องลาย
คราม นิยมถักลูกไม้ ทํากระดาษ
ปิดผนัง และการสร้างพระราชวัง
กรุงปักกิ่ง(จักรพรรดิยง เล)
81. 8.ราชวงศ์แมนจูหรือราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911)
ราชวงศ์แมนจู คงใช้ระบบการปกครอง
แบบเก่า โดยทั่วไปแล้วจีนเจริญขึ้น
โดยเฉพาะสมัยพระเจ้าคังฮี ยุงเซ็ง และ
เคียนลุ้ง หลังจากนั้นจีนก็เสื่อมลง
ตามลําดับ
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 จีนต้องประสบ
ปัญหาเศรษฐกิจ การปกครอง ภัย
ธรรมชาติ การเพิ่มประชากร กบฏใน
แคว้นต่างๆ
อิทธิพลการค้าของตะวันตกขยายตัว จีน
พยายามต่อต้านจนทําให้เกิดความ
ขัดแย้งกลายเป็นสงคราม เช่น
หนังสือราชโองการของฮ่องเต้คังซี
88. ค.ศ. 1757หรือในรัชกาลเฉียนหลงปีที่ 22 ก็ได้มีการกาหนดให้เมือง
กว่างโจวเป็นเมืองท่าเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการอนุญาตให้ติดต่อกับชาติ
ต่างชาติ อังกฤษได้นาเข้าใบชา ถ้วยชามเครื่องเคลือบและผ้าไหมจากจีน
เป็นจานวนมาก ในขณะที่มีสินค้าส่งออกให้จีนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทา
ให้อังกฤษเสียเปรียบดุลการค้าให้จีนอย่างมหาศาล
สงครามฝิ่น
ปีค.ศ. 1839 หลินเจ๋อสีว์
ผู้ตรวจการหูกว่าง สมัยฮ่องเต้เต้ากวง
89. ค.ศ. 1773 เพื่อถ่วงดุลการค้าที่เสียเปรียบ อังกฤษได้เริ่มนาเอาฝิ่น
เข้ามาจาหน่ายในเมืองจีน นอกจากอังกฤษแล้ว ยังมีอเมริกา
ฝรั่งเศสและรัสเซียที่ต่างก็พยายามนาเอาฝิ่นจากตุรกี และเอเชีย
กลางมาจาหน่ายในจีนเช่นกัน
การสูบฝิ่นที่เริ่มแพร่ระบาดในสังคมจีน
91. ทางการจีนจาต้องยอมเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง เรียกว่า
“ร่างสนธิสัญญานานกิง” โดยสนธิสัญญาที่ถือว่าเป็นสัญญาอัปยศของจีน
นั้นมีเงื่อนไขโดยสรุปคือ
1. รัฐบาลต้าชิงจะต้องชดใช้เงินเงินทั้งสิ้น 21 ล้านตาลึง โดยแบ่งเป็นค่า
ปฏิกรรมสงคราม 12 ล้านตาลึง ค่าเสียหายให้พ่อค้าอังกฤษ 3 ล้านตาลึง และ
ค่าเสียหายจากฝิ่นอีก 6 ล้านตาลึง โดยจานวนนี้ไม่นับรวมกับ 6 ล้านตาลึงที่
จ่ายไปก่อนหน้า
2. จะต้องยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ
3. เปิดเมืองท่าทั้ง 5 ได้แก่กว่างโจว เซี่ยเหมิน ฝูโจว หนิงปอ และเซี่ยงไฮ้
เป็นเมืองท่าพาณิชย์
4. ภาษีทั้งขาเข้าและขาออกของพ่อค้าอังกฤษให้เป็นไปตามการเจรจา
ของทั้ง 2 ฝ่าย
93. ปฏิรูปร้อยวัน ค.ศ.1898
เกิดจากความคิดของข้าราชการหลังจากที่จีนแพ้สงครามฝิ่นแก่อังกฤษ
ค.ศ. 1482
ในค.ศ.1898 กังยู่ไหว ได้เริ่มแผนการปฏิรูปด้วยการชักชวนชนชั้นสูง
เช่นจักรพรรดิกวางสู เรียกว่า “การปฏิรูปร้อยวัน” ในวันที่ 11 มิถุนายน-
20 กันยายน ค.ศ.1898
เปลี่ยนรูปแบบประเทศจีนให้เป็นประเทศสมัยใหม่ เช่น กฎเกณฑ์
เกี่ยวกับการจัดราชการทหารแห่งชาติ การสอบแข่งขันของข้าราชการพล
เรือน มีการจัดตั้งราชมหาวิทยาลัยเปิดสอนศิลปะและวิชาการของฝ่าย
ตะวันตก สนับสนุนพัฒนาการค้า อุตสาหกรรม การคมนาคม
95. เกิดกบฏนักมวยต่อต้านชาวตะวันตก ค.ศ.1900
เมื่อพระราชชนนี ซูสี เสด็จขึ้นว่าการขบวนการต่อต้านต้านชาติก็เฟื่องฟู
ในขณะนั้นมีสมาคมลับ คือ “สมาคมนักมวย” ซึ่งคอยลอบทาร้าย
มิชชันนารีและชาวตะวันตกที่เข้ามาในจีน
ค.ศ.1900 ทูตชาวเยอรมันและนายเวรสถานทูตญี่ปุ่นถูกลอบฆ่า
มหาอานาจ 8 ประเทศ คือ อเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รุสเซีย ออสเตรีย อิตาลี
เยอรมนี ร่วมกันจัดตั้งกองทัพนานาชาติเพื่อช่วยเหลือพวกตน ทาการ
กวาดล้างพวกนักมวยสาเร็จในปี ค.ศ. 1901
พระราชชนนี ซูสี สวรรคตใน ค.ศ. 1908
98. 9 .สมัยสาธารณรัฐ (ค.ศ.1912-1949)
ยวนชีไข ได้รับตําแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนแรก ต่อมา
มีความทะเยอทะยานคิดจะฟื้นฟูระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นใหม่โดยสถาปนาตัวเองเป็น
จักรพรรดิ
ซุนยัดเซ็น ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
ต่อมาฝ่ายต่อต้านยวนชีไขก่อกบฏ ยวนชีไขถึงแก่
อสัญกรรมใน ค.ศ.1916
99. เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประชาชนเริ่มเสื่อมความนิยมใน พร
รก๊กมินตั๋ง หันมาสนใจพรรคคอมมิวนิสต์
ในค.ศ.1949 พรรคก๊กมินตั๋ง ถูกยึดอานาจ
รัฐบาลก๊กมินตั๋งลี้ภัยไปตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐจีนที่เกาะไต้หวัน ส่วน
พรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
14.สมัยสาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ.1949-ปัจจุบัน)
ค.ศ.1925 ซุนยัดเซ็น ถึงแก่อนิจกรรม เจียงไคเช็คเข้ารับตาแหน่งต่อทา
การขับไล่พวกคอมมิวนิสต์ออกจากพรรคก๊กมินตั๋ง ในค.ศ.1927-1949
รัฐบาลก๊กมินตั๋ง ต้องทาการต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์รวมตัวจากการ
สนับสนุนของรุสเซีย ซึ่งมีเหมา เจ๋อตุง เป็นผู้นาและ ต้องประสบปัญหาจาก
สงคราม ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรียน ในค.ศ. 1931 และสงครามโลกครั้งที่ 2
101. นโยบายก้าวกระโดด (The Great Leap Forward)
นโยบายเศรษฐกิจเพื่อก้าวกระโดด โดยรวมสหกรณ์เข้าด้วยกันเรียกว่า
คอมมูน (Commune)
เน้นการใช้แรงงานมนุษย์ในการผลิตมากกว่าเทคโนโลยี
ผลของนโยบาย
- ไม่ประสบผลสําเร็จ ทําให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนและ
ชาวนา
- ประชาชนอดยาก ขาดแคลนอาหาร 20 ล้านคน