More Related Content
Similar to ความขัดแย้งหลังสงครามเย็น
Similar to ความขัดแย้งหลังสงครามเย็น (16)
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
ความขัดแย้งหลังสงครามเย็น
- 2. 1. สาเหตุด้านเชื้อชาติ ภูมิภาคตะวันออก กลางเป็น
ดินแดนที่มีหลากหลายเชื้อชาติมาตั้งแต่อดีต เชื้อชาติ
สาคัญๆ ในดินแดนแถบนี้ คือ อาหรับ เปอร์เซีย เติร์ก
ที่เหลือเป็น เคิร์ด ยิว และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ
- 3. 2. ความขัดแย้งทางด้านศาสนา ดินแดนภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นแหล่งกาเนิดศาสนาสาคัญของโลก
ถึง 3 ศาสนา คือ ศาสนายิว คริสต์ศาสนา และศาสนาอิสลาม ในสมัยจักรวรรดิอาหรับศาสนาต่างๆ
สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ แต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 เกิดสงครามระหง่างศาสนาคริสต์กับศา
สนราอิสลามในดินแดนปาเลสไตน์ หลังจากพวกออตโตมันเติร์กเข้ายึดครองดินแดนตะวันออกกลาง
ความขัดแย้งทางศาสนาก็ลดลง จนเมื่อลัทธิชาตินิยมแพร่หลายเข้ามาในดินแดนตะวันออกกลางในช่วง
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ชาวอาหรับได้เอาศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจาชาติ ขณะที่ชาวยิวที่ตั้งถิ่น
ฐานในประเทศอิสราเอลที่นับถือศาสนายิว ส่วนชาวเลบานอนนับถือศาสนาคริสต์ ทาให้เกิดเป็นปัญหา
ความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นอีก นอกจากนี้ชาวอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนีก็มีข้อขัดแย้งกับ
ชาวเปอร์เซียทีนับถือนิกายชีอะฮ์ด้วย
- 4. 3. ปัญ หาทางด้า นเศรษฐกิจ ประเทศต่า งๆในภูมิ ภาคตะวั นออกกลางมี ฐานะไม่เ ท่า เทีย มกั น
ทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากแต่ละประเทศมีปริมาณน้ามันสารองไม่เท่ากัน บางประเทศมีปริมาณ
น้ ามั น ส ารองมาก เช่ น ซาอุ ดิ อ าระเบี ย คู เ วต อิ ห ร่ อ น เป็ น ต้ น บางประเทศไม่ มี น้ ามั น เช่ น
อิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ทรัพยากรน้ามันจึงกลายเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง เช่น กรณี
สงครามระหว่างอิรักกับอิหร่าน ซึ่งอิรักเข้ารุกรานอิหร่านก็เนื่องจากต้องการยึดครองบ่อน้ามันของ
อิหร่าน
- 5. 4. ปัญหาทางด้านการเมือง ประเทศต่างๆในภูมิภาคตะวันออกกลางมีระบอบปกครองที่แตกต่างกัน
บางประเทศปกครองในระบอบกษัตริย์ เช่น ซาอุดิอาระเบีย จอร์แดน คูเวต บางประเทสปกครองใน
ระบบเผด็จการ เช่น อิรัก ลิเบีย บางประเทศปกครองในระบอบประชาธิปไตย เช่น อิสราเอล ตุรกี
เป็ น ต้ น หรื อ โดยบางประเทศปกครองโดยในระบอบศาสนาอิ ส ลาม สาธารณรั ฐ อิ ส ลาม เช่ น
สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นต้น ความแตกต่างทางด้านระบอบการปกครองทาให้รัฐบาลประเทศ
ต่างๆ มีความไม่ไว้ว่างใจซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่นรัฐบาลประเทศต่างๆ มีความหวาดระแวงใน
รัฐบาลของอิหร่านซึ่งปกครองโดนการปฏิวัติอิสลามว่าจะเผยพี่อุดมการณ์ปฏิวัติอิสลามเข้ามาใน
ประเทศ
- 7. 1. ความขั ด แย้ ง ในตะวั นออกกลาง ท าให้ ก ลางเมื อ งของโลกตึง เครีย ดขึ้ น
เนื่องจากความขัดแย้งไม่ได้จากัดแต่เพียงคู่กรณีพิพาทเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพัน
กับมหาชาติอานาจให้เข้ามามีส่วนร่วมกับความขัดแย้ง จนถึงขั้นเผชิญหน้ากัน
เช่น สหรัฐอเมริการกับอดีตสหภาพโซเวียตในกรณีความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม
ประเทศอาหรับกับอิสราเอล เป็นต้น
- 8. 2. ความขัด แย้ ง ในภูมิ ภ าคตะวั นออกกลางเปิด โอกาสให้ช าติม หาอ านาจเข้ า มา
แทรกแซงมีอิทธิพลในประเทศต่างๆ ดังเช่น สงครามอิรักบุกยึดครองคูเวตใน ค.ศ.
1990-1991 เปิดโอกาสให้ชาติมหาอ านาจโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา ซึ่ง มี
บทบาทในการขั บ ไล่ อิ รั ก ออกจากคู เ วตได้ ข ยายอิ ท ธิ พ ลเข้ า ไปในกลุ่ ม ประเทศ
ตะวั น ออกกลางจนถึ ง ขั้ น จั ด ตั้ ง ฐานทั พ ในประเทศอิ ส ลามหลายประเทศ เช่ น
ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ เป็นต้น นอกจากสหรัฐอเมริกายังสามารถเข้าไปมีอิทธิพลใน
อุตสาหกรรมน้ามันในประเทศแถบนี้ด้วย
- 10. 4. ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางส่งผลให้เกิดการก่อการร้ายไปทั่ว
โลก ซึ่งการก่อการร้าย คือ วิถีทางการต่อสู้ของผู้อ่อนแอกว่าที่มีต่อผู้เข้มแข็งที่
เห็นได้ชัด เช่น กรณีสงครามที่อิสราเอลมีชัยชนะเหนือประเทศอาหรับและเข้า
ยึด ครองดิ น แดนประเทศต่ า งๆ ทาให้ ผู้ ได้ รั บ ผลกระทบต่ อ การกระท าของ
อิสราเอลรวมตัว กั นเป็นขบวนการก่ อ การร้ายเพื่ อต่อสู้ กั บอิ สราเอลในทุก
วิถีทางในทุกพื้นที่ ซึ่งรวมถึงการต่อสู้และการก่อการร้ายต่อชาติพันธมิตรของ
อิสราเอลด้วย ซึ่งส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียไปเป็นจานวนมาก
- 11. เหตุการณ์วุ่นวายภายหลังการล่มสลาย
ของยูโกสลาเวีย
หลังสงครามอ่าวในปี ค.ศ. 1991
อดีตประเทศยูโกสลาเวียถึงแก่การล่มสลายสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยประกอบ
เป็นยูโกสลาเวียได้ประกาศตนเป็นเอกราช
ชาวเซิรฟ (Serbs) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในโครเอเชียและบอสเนีย ได้เข้ายึดดินแดนหนึ่ง
ในสามของโครเอเชีย และดินแดนสองในสามของบอสเนียแล้วจัดตั้งดินแดนเรียกว่า ” เซอร์เบียใหญ่
(Greater Serbia)” โดยมีระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐเป็นประเทศเพื่อนบ้านของ
เซอร์เบีย
- 14. การแยกตัวของดินแดนในยูโกสลาเวีย
ปี 1980
รัฐบางรัฐในจานวน 6 รัฐ เริ่มแสดงออกถึงความต้องการอานาจเป็นของตนเองมากขึ้น
กระแสชาตินิยมเซอร์เบียเริ่มก่อกระแสขึ้น นาโดย สโลโบดาน มิโลเซวิช ผู้นา
เซอร์เบีย
- 15. ปี 1990 หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย
6 รัฐของยูโกสลาเวียจัดให้มการเลือกตั้งในท้องถิ่นของแต่ละรัฐขึ้นใหม่
ี
ในโครเอเชียและสโลเวเนีย ได้รัฐสภาที่เสียงข้างมากต้องการแยกตัวเป็นอิสระ
ในขณะที่ เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร โหวตเลือกที่จะอยูกบยูโกสลาเวียต่อไป
่ั
- 16. 25 มิถุนายน 1991
• สโลเวเนียและโครเอเชีย ประกาศอิสรภาพ
• มีการต่อสูกันเล็กน้อยกับทหารยูโกสลาเวียในสโลเวเนียก่อนทีกองทัพยูโกสลาเวียจะถอนตัว
้ ่
ออกมา
• ในโครเอเชียเกิดการสู้รบขนานใหญ่ระหว่างโครแอตและเซิร์บ ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกองทัพ
ยูโกสลาเวีย
กันยายน 1991
มาซิโดเนียประกาศแยกตัวเป็นอิสระ ไม่มีการคัดค้านใดๆ จากยูโกสลาเวีย
- 17. พฤศจิกายน 1991
เซิร์บในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา
โหวตเลือกสมาชิกรัฐสภาที่นิยมแนวทางคงอยู่ร่วมในยูโกสลาเวียต่อไป
เรียกร้องให้มการลงประชามติ ผลประชามติแสดงให้เห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการเป็น
ี
อิสระ
5 เมษายน 1992 รัฐบาลบอสเนียประกาศเอกราช ส่งผลให้ส่วนของเซิร์บในบอสเนีย
ต้องประกาศเอกราชตาม เรียกชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า รีพับลิกา เซิร์ฟสกา
- 18. สิงทีเ่ กิดขึนตามมา
่ ้
สงครามบอสเนีย-เซิร์บ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของแนวความคิดรวบรวมดินแดนและชาวเซิร์
บให้อยู่ด้วยกันเป็นผึกแผ่นที่เรียกว่า เกรทเตอร์ เซอร์เบีย
ในวันที่ 14 ธันวาคม 1995
สงครามในบอสเนียยุติลงด้วยข้อตกลงเดย์ตัน โดยกาหนดให้ รีพับลิกา เซิร์ฟสกา เป็น
เขตปกครองตนเองอยู่ภายใต้รัฐบอสเนีย
ยูโกสลาเวียเดิม หลงเหลือเพียง เซอร์เบีย และ
มอนเตเนโกร
ในปี 2003 ชื่อยูโกสลาเวียถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ
3 มิถุนายน 2006 มอนเตเนโกร ประกาศเอกราชหลังมีการลงประชามติ
- 19. เป็นสงครามขัดแย้งทางศาสนาและเชื้อชาติที่ชาวอาหรับผูนับถือศาสนาอิสลามต้องการขับไล่ ชาวยิวหรือชาว
้
อิสราเอลผู้นับถือศาสนายิวให้หมดสิ้นจากดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งเป็นประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่
กลายเป็นสงครามรบพุ่งกันหลายครั้ง
สงครามทีเ่ กิด
สงครามอาหรับ-อิสราเอล (Arab-Israeli War 1948-1949)
สงครามไซนาย-สุเอซ (Sinai-Suez War ค.ศ. 956) องค์การสหประชาชาติและมหาอานาจตะวันตก
ได้เข้ามาเจรจาเพือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับคลองสุเอซ โดยให้อิสราเอลและอียิปต์ถอนทหาร
่
ออกไป กระทั่งเดือนมีนาคม ค.ศ. 1957 ทหารทัง 2 ฝ่ายก็ได้ถอนกาลังาปจากคลองสุเอซ
้
- 21. สงครามอิรัก-อิหร่าน (Iras-Iraq War
ค.ศ. 1980-1988)
ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1980
อิรานจึงส่งกาลังเข้าโต้ตอบ
่
อิรกเข้าโจมตีจังหวัดคูเซสถานของอิหร่าน
ั
สงครามได้ทวีความรุนแรงขึนเรือย ๆและกินเวลาไปนาน
้ ่
มีผลกระทบไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอิหร่านกล่าวหาว่าสหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือแก่อิรัก
สหประชาชาติและประเทศที่เป็นกลางได้พยายามทีจะให้ 2 ประเทศนีไ้ ด้เจรจายุติสงครามกัน เพราะทั้งสองต่างก็เป็น
่
ประเทศที่มีบทบาทต่อการส่งน้ามันออกสู่ตลาดโลกมาก
- 23. ในค.ศ. 1988
อิรักซึ่งได้รับการสนับสนุนกาลังอาวุธจากสหภาพโซเวียตกลับมาสามารถต้านทานและ
ผลักดันกองทัพอิหร่านพ้นชายแดนอิรก
ั
ในที่สุดอายาตุลเลาะห์ โคไมนี ผู้นาอิหร่านต้องยอมรับมติสหประชาชาติ
ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1988
สองฝ่ายต่างหยุดยิง
- 25. ในอิรก
ั
ประชากรส่วนใหญ่ของอิรกเป็นชาวอาหรับพูดภาษาอารบิ
ั
ประชากรบางส่วนเป็นชาวเปอร์เซียนพูดภาษาฟาร์ซี
ในอิหร่าน
ชนชั้นปกครองเป็นชาวเปอร์เซียน พูดภาษาฟาร์ซี
แต่ชนชั้นที่อยูใต้การปกครองกลับกลายเป็นชาวอาหรับ.
่
- 27. ชนกลุมน้อยชาวเคิรด
่ ์
เป็นชนเผ่าอารยันไม่ใช่เปอร์เซียน ไม่มีประเทศของตนเอง
ตั้งหลักแหล่งอยู่ในอิรัก อิหร่าน ตุรกี และสหภาพโซเวียต
ชาวเคิร์ด จะกระทาการทางการเมืองเพื่อแสวงหาอิสรภาพอยู่เสมอ
ความหวังสูงสุดของชาวเคิร์ด คือ การตั้งรัฐอิสระของชาวเคิร์ด
1930 ซึ่งชาวเคิร์ดได้ก่อการจลาจลขึ้นในอิหร่าน
ถูกรัฐบาลอิหร่านทาการปราบปรามการจลาจลอย่างรุนแรง
ชาวเคิร์ดจึงหลบหนีเข้าไปในอิรัก (จะตั้งรัฐอิสระในอิรัก)
1969 พระเจ้าชาร์แห่งอิหร่านให้ความช่วยแก่ชาวเคิร์ดในอิรก
ั
1974 รัฐบาลอิรกตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะแก้ปญหาชาวเคิร์ดให้ได้
ั ั
- 29. ต่างก็นับถือศาสนาอิสลามแต่ต่างนิกายกัน
ชาวอิรกที่เป็นชนชันปกครองนับถือนิกายสุหนี่ (Sunni)
ั ้
ชาวอิหร่านส่วนใหญ่นับถือนิกายชีอะห์
ทัศนคติทางการเมืองของอิรก
ั
ตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นมา ได้จัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงและไม่เคร่งศาสนานัก (สุหนี่)
ทัศนคติทางการเมืองของอิหร่าน
สมัยที่โคไมนี่(อิหร่าน) มีความเชื่อว่า นิกายชีอะห์ เป็นนิกายที่มีความถูกต้องมากที่สุดปฏิเสธ
นิกาย สุหนี่
- 30. ยุคหลังสงครามเย็น(The post-Cold War era) ได้เริ่มต้นขึ้นในขณะที่สหภาพโซเวียต(Soviet
Union) ก็กาลังเริ่มจะแตกแยกออกเป็นสาธารณรัฐต่างๆ
ในปี ค.ศ. 1990 อิรักมีความเชือว่าการสิ้นสุดของสงครามเย็นครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดสุญญากาศทางการ
่
เมืองขึ้นในภูมภาค จึงได้ฉกฉวยโอกาสนี้ยกทัพเข้าไปในคูเวตประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหวังควบคุม
ิ
แหล่งน้ามันของตะวันออกกลาง
- 32. การดาเนินนโยบายเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิม
(status quo) ของอิรักในครั้งนี้กอให้เกิดความตื่นตระหนกแก่บรรดาชาติมหาอานาจตะวันตก
่
(Western powers) ซึ่งมีความเห็นว่าการกระทาของอิรกจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่นๆที่อาจจะนาไป
ั
ปฏิบัติในยุคหลังสงครามเย็นได้ หากปล่อยให้อิรกกระทาโดยไม่มีการลงโทษ
ั
นอกจากนั้นแล้วการกระทาของอิรกก็ยังถูกมองจากชาติมหาอานาจตะวันตกว่าเป็นภัยคุกคามต่อการ
ั
ขนส่งน้ามันไปหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของโลกโดยตรงด้วย
- 34. ครั้นมาตรการคว่าบาตรต่ออิรกนี้ไม่เป็นผลและอิรักไม่ยอมถอนกาลังทหารออกจากคูเวต
ั
ตามเส้นตายของสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรก็จึงใช้แสนยานุภาพอันเกรียงไกรที่หนุนโดย
เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ายิ่งเข้าบดขยีกองทัพของอิรกและขับไล่ออกจากคูเวตได้สาเร็จอย่างง่ายดาย สงคราม
้ ั
ครังนีเ้ รียกว่าสงครามอ่าว (Gulf War) ได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนแก่ชาวโลกเพราะเกรงกลัวว่าจะ
้
ลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ ๓
กองทัพของฝ่ายพันธมิตรมิได้เข้ายึดครองอิรกหรือล้มล้างรัฐบาลอิรกแต่อย่างใด ส่วน
ั ั
ค่าใช้จายในการสงครามคราวนี้มหาอานาจพันธมิตรก็ได้ช่วยกันแบกรับภาระ โดยอังกฤษและฝรั่งเศส
่
ส่งทหารเข้าสมทบในกองกาลังของฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่ญี่ปุ่นและเยอรมนีให้ความช่วยเหลือทางด้าน
การเงิน
- 35. อัฟกานิสถานกับวิกฤตการณ์การเมืองยุคปัจจุบัน
1979-1989 สหภาพโซเวียตรัสเซียบุกเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน
กลุ่มมูจาฮีดีนรุกขึนมาต่อต้าน (ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ )
้
โซเวียตแพ้
อัฟกานิสถานก็แตกเป็นสองกลุ่ม “เกิดสงครามกลางเมือง”
กลุ่มมูจาฮีดีน (รัฐบาลเดิม) และ กลุ่มตาลีบัน(ทหารอิสลาม)
- 36. ในวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2001 สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้ทาสงครามโจมตี
อัฟกานิสถาน
กาจัดรัฐบาล ตาลิบาน (Taleban) ของนายมุลลาห์ โอมาร์(Mullah Omar)
กาจัดเครือข่ายก่อการร้าย อัล กออิดะห์ (Al Qa’ida) ของนายอุซามะห์ บิน ลา
เดน (Usama bin Laden)
ซึ่งสหรัฐอเมริการะบุว่าเป็นผู้บงการเหตุการณ์การก่อวินาศกรรม วันที่ 11
กันยายน ค.ศ. 2001