More Related Content
Similar to การวิเคราะห์และสังเคราะห์สารสนเทศ
Similar to การวิเคราะห์และสังเคราะห์สารสนเทศ (20)
More from Srion Janeprapapong
More from Srion Janeprapapong (20)
การวิเคราะห์และสังเคราะห์สารสนเทศ
- 1. 1
หน่วยที่ 7 การวิเคราะห์และสังเคราะห์สารสนเทศ
โดย อาจารย์ศรีอร เจนประภาพงศ์
2 มีนาคม 2557
ภาคปลาย ปีการศึกษา 2556
ในบทนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการวิเคราะห์สารสนเทศ (Information Analysis) และการสังเคราะห์
สารสนเทศ (Information Synthesis) แต่ก่อนอื่นมาทาความเข้าใจก่อนว่าคาทั้ง 2 คา มีความหมายว่า
อย่างไร
การวิเคราะห์สารสนเทศ (Information Analysis) หมายถึง กระบวนการแยกแยะสารสนเทศที่
สาคัญ และสอดคล้องกับเรื่องที่ต้องการออกเป็นกลุ่มย่อยๆ หรือออกเป็นส่วนๆ โดยให้สารสนเทศที่มี
เนื้อหาเดียวกันอยู่ด้วยกัน ส่วนการสังเคราะห์สารสนเทศ (Information Synthesis) หมายถึง การ
สรุปความสารสนเทศที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วจากทรัพยากรสารสนเทศ 1 รายการ หรือมากกว่า 1 รายการที่มี
เนื้อหาเดียวกัน คล้ายคลึงกัน หรือเกี่ยวข้องกัน นามาสรุปให้เป็นประเด็นเดียว ซึ่งเท่ากับเป็นการนาเสนอ
สารสนเทศในรูปลักษณ์ใหม่ด้วยสานวนภาษาของตนเอง (ฉัตรกมล อนนตะชัย, ม.ป.ป.; วิกิพีเดีย
สารานุกรมเสรี, 2556)
ในการวิเคราะห์และสังเคราะห์สารสนเทศ มีขั้นตอน ดังนี้
1. อ่านเฉพาะเนื้อหาที่สอดคล้องกับประเด็นแนวคิดต่างๆ ที่ต้องการจะศึกษา โดยอ่านเพื่อให้
เข้าใจในภาพรวมของเนื้อหาที่เราจะทาการบันทึกสารสนเทศเก็บไว้
2. อ่านจับใจความสาคัญของเรื่อง มีวิธีการคือ
2.1 อ่านไปทีละย่อหน้า และดูว่าในแต่ละย่อหน้านั้นใจความสาคัญคืออะไร ซึ่งโดย
ปกติใจความสาคัญจะอยู่ต้นย่อหน้าหรือท้ายย่อหน้านั้นๆ จากนั้นก็จดไว้
2.2 พิจารณาว่าในย่อหน้านั้นๆ มีประเด็นย่อยอะไรที่ควรจดไว้หรือไม่ หากมีก็จดไว้
ทาแบบนี้จนกระทั่งอ่านเนื้อหาในประเด็นนั้นๆ จบ จากนั้นก็ทาขั้นตอนที่ 3 ต่อไป
3. เรียบเรียงเนื้อหาขึ้นใหม่จากข้อความที่เป็นใจความสาคัญ และประเด็นย่อยของใจความสาคัญ
ในแต่ละย่อหน้า โดยเขียนขึ้นใหม่ด้วยสานวนภาษาของตนเอง แต่ยังคงแนวคิดเดิมอยู่
4. ในกรณีอ่านพบเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน แต่มีประเด็นบางประเด็นที่ต่างกัน จากหนังสือ หรือ
เอกสารมากกว่า 1 รายการ ก็ให้สรุปรวมเข้าเป็นเนื้อหาเดียวกัน และต้องทารายการอ้างอิงเพื่อบอกถึง
แหล่งที่มาของข้อมูลข้างต้นต่อไป
อนึ่งในการบันทึกและเรียบเรียงสารสนเทศนั้นควรทาอย่างเป็นระบบ ดังนี้
- 2. 2
1. บันทึกสารสนเทศลงกระดาษขนาด A4 โดยกระดาษ 1 แผ่น ใช้บันทึก 1 หัวข้อตามโครงเรื่อง
รายงาน และควรบันทึกเพียงหน้าเดียว
กรณีหัวข้อนั้น เช่น หัวข้อ “ประวัติของการสื่อสารดาวเทียม” มีหนังสือ หรือเอกสารมากกว่า
1 รายการ ให้บันทึกสารสนเทศและแจ้งแหล่งที่มาของข้อมูลทั้งหมดไว้ในแผ่นนั้น (ดูตัวอย่างในหน้า 4)
2. ส่วนประกอบที่ต้องบันทึกไว้ ได้แก่
2.1. แหล่งที่มาของสารสนเทศ พิมพ์ไว้ตอนบนของบัตร โดยบันทึกรายละเอียดต่อไปนี้
2.1.1 รายละเอียดของสิ่งพิมพ์อย่างสั้น ๆ คือ
ก. ชื่อผู้แต่ง/ชื่อผู้เขียนบทความ
ข. ชื่อหนังสือ/ชื่อบทความ
ค. ปี พ.ศ. /ค.ศ.
ถ้าเป็นหนังสือ ใส่ ชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ และปีพิมพ์ หากหนังสือ
ไม่มีชื่อผู้แต่งให้เอาชื่อหนังสือขึ้นต้นเลย และถ้าหนังสือไม่ปรากฏปีพิมพ์ให้พิมพ์คาว่า ม.ป.ป. แทน
ซึ่งย่อมาจากไม่ปรากฏปีพิมพ์
ถ้าเป็นบทความจากวารสาร ใส่ ชื่อผู้เขียนบทความ ชื่อเรื่องของ
บทความ (ไม่ใช่ชื่อวารสาร) และปีพิมพ์ หากบทความนั้นไม่มีชื่อผู้เขียนบทความให้เอาชื่อเรื่อง
บทความขึ้นต้นเลย
ถ้าเป็นเว็บ (ทั้งเว็บเพจและเว็บบล็อก) ใส่ ชื่อผู้จัดทาเว็บ ชื่อเรื่องของ
เว็บ และปีเผยแพร่ หากเว็บไม่มีชื่อผู้จัดทาให้เอาชื่อเรื่องของเว็บขึ้นต้นเลย และถ้าเว็บไม่ปรากฏปี
เผยแพร่ให้พิมพ์คาว่า ม.ป.ป. แทน ซึ่งย่อมาจากไม่ปรากฏปีเผยแพร่
ถ้าเป็นสารานุกรม (ทั้งที่เป็นสารานุกรมฉบับสื่อสิ่งพิมพ์ และสารานุกรม
ออนไลน์) ใส่ ชื่อผู้เขียน ชื่อเรื่องบทความ (เช่น เรือนไทย) และปีพิมพ์หรือปีเผยแพร่ หาก
สารานุกรมไม่มีชื่อผู้เขียนให้เอาชื่อเรื่องบทความขึ้นต้นเลย และถ้าสารานุกรมไม่ปรากฏปีพิมพ์หรือปี
เผยแพร่ให้พิมพ์คาว่า ม.ป.ป. แทน ซึ่งย่อมาจากไม่ปรากฏปีพิมพ์
อนึ่งแหล่งที่มาดังกล่าว (ยกเว้นชื่อหนังสือ/ชื่อบทความ) จะมีประโยชน์ในการ
จัดทารายการอ้างอิงในเนื้อหาต่อไป
2.2. หัวข้อตามโครงเรื่องรายงาน พิมพ์ไว้มุมบนขวาของกระดาษ เพื่อประโยชน์ใน
การเรียบเรียงเนื้อหาในขั้นตอนต่อไป
2.3. รายละเอียดของสารสนเทศ หรือเนื้อหาที่บันทึก
- กรณีเป็นข้อความที่สรุปมา ไม่ต้องพิมพ์เลขหน้ากากับตรงข้อความเหล่านั้น
- กรณีเป็นข้อความที่คัดลอกมา ให้ใส่เครื่องหมายอัญประกาศ (“.........”) กากับ
ข้อความที่คัดลอกมา และระบุหมายเลขหน้ากากับไว้ด้วย เพื่อประโยชน์ในการจัดทารายการอ้างอิงใน
ขั้นตอน ต่อไป
- 3. 3
อนึ่งในการบันทึกเนื้อหาสาหรับแต่ละหัวข้อ ควรค้นคว้าและบันทึกจากหนังสือหรือ
สิ่งพิมพ์หลาย ๆ เล่ม เป็นต้นว่าหัวข้อ “โครงสร้างและการทางานของตัวดาวเทียม” ควรค้นจากหนังสือ
หลายเล่ม ค้นจากบทความ วารสารหรือหนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับ เพราะบางหัวข้อต้องค้นจากหลาย
แหล่งจึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้อง อย่างไรก็ตามบางหัวข้ออาจค้นได้จากแหล่งข้อมูลเพียงแหล่ง
เดียว ในทานองเดียวกันหนังสือแต่ละเล่มอาจใช้ค้นได้เพียงหัวข้อเดียวหรือหลายๆ หัวข้อก็ได้
อนึ่งในการจดบันทึกเนื้อหาส่วนใหญ่จะทา 2 วิธี คือ สรุปความและคัดลอกข้อความ ดังนี้
1. การสรุปความ (Summary Note) คือ การสรุปเอาแต่ใจความสาคัญของข้อความที่อ่าน
และบันทึกด้วยสานวนภาษาของตนเองมากที่สุด
2. การคัดลอกข้อความมาโดยตรง (Quotation Note) ใช้เมื่อข้อความนั้นอย่างน้อยอยู่
ในเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
2.1. เป็นข้อความที่เขียนไว้อย่างดีมาก ถ้อยคาสานวนกะทัดรัดชัดเจน ซึ่งถ้า
จะถอดความเป็นภาษาของผู้เขียนรายงานเองแล้วอาจทาได้ไม่ดีเท่าเดิม เช่น คาจากัดความของ
คาศัพท์
เป็นต้น
2.2 เป็นข้อความที่มีความยาวไม่มากจนเกินไป
ต่อไปจะเป็นตัวอย่างของการบันทึกสารสนเทศแบบสรุปความและแบบคัดลอกข้อความ
- 4. 4
แหล่งที่มาของสารสนเทศ
ตัวอย่างการจดบันทึกแบบสรุปความ
หัวข้อตามโครงเรื่องรายงาน
ประวัติ
ประสิทธิ์ ทีฆพุฒ.ิ การสื่อสารดาวเทียม. 2537.
สมอนงค์ เจริญศรี. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับดาวเทียม. ม.ป.ป.
วันที่ 4 ต.ค. 2500 รัสเซียเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งดาวเทียมดวงแรกของโลกขึ้นโคจรอยู่ใน
อวกาศ ดาวเทียมดวงแรกใช้ชอว่า Sputnik หลังจากนั้นก็มีดาวเทียมอีกจานวนนับร้อยถูกส่งขึ้นไป
ื่
โคจรในอวกาศเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ กัน
การพัฒนาของการสื่อสารทางอวกาศ นับตั้งแต่ก่อนการส่งดาวเทียมดวงแรกจนกระทังหลังจากส่ง
่
อาจสรุปได้ดังนี้
2475 สหรัฐฯ ได้ทาการทดลองวัดสัญญาณรบกวนจากกาแลกซีโดยอาศัยวิทยุดาราศาสตร์
2481 ญี่ปุ่นได้ทาการทดลองวัดสัญญาณรบกวนจากแสงอาทิตย์โดยอาศัยวิทยุดาราศาสตร์
2488 ชาวอังกฤษชื่อ Arthur C. Clark แนะนาโครงสร้างของโครงการสื่อสารดาวเทียมที่ลอยอยู่กับ
ที่ (Stationary Satellite)
2489 สหรัฐฯ ใช้เรดาร์ตรวจจับ Lunar Echo
2500 J. H. Trexler แห่งสหรัฐฯ ใช้ดวงจันทร์เป็นสถานีทบทวนสัญญาณแบบ Passive เป็นการ
สื่อสารโทรคมนาคมระหว่างจุด 2 จุดบนโลก โดยอาศัยการสะท้อนกลับของเสียงเมื่อกระทบพื้นผิวดวง
จันทร์
2500 รัสเซียทดลองระบบวิทยุ โดยผ่านดาวเทียม Sputnik
2501 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ทาการส่งบันทึกเสียงผ่านดาวเทียม
2503 องค์การนาซาของสหรัฐฯ ทาการสารวจอุตุนิยมศาสตร์ผ่านดาวเทียม Tarios I
2503 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ส่ง Passive Relay ของโทรศัพท์และ TV ผ่านดาวเทียม Echo I
2503 กองทัพบกสหรัฐฯ ทาการทดสอบการ Delayed Relay ผ่านดาวเทียม Courier IB
เนื้อหา
- 5. 5
ตัวอย่างการจดบันทึกแบบสรุปความ (ข้อมูลจากเว็บ)
โครงสร้างและการทางานของดาวเทียม--ระบบสายอากาศ
สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตนนทบุรี. การสื่อสารดาวเทียม Satellite Communication. 2553.
ระบบสายอากาศที่ใช้ในตัวดาวเทียมมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่ แบบ Wire, Horn, Reflector
และ Array ที่อยู่ในบริเวณที่สายอากาศของดาวเทียมสามารถให้บริการได้ โดยเรียกว่าพื้นที่
ครอบคลุมโดยที่ขอบเขตของ Zone ถูกกาหนดโดยบริเวณขอบที่ระดับสัญญาณเป็นครึ่งหนึ่งของกาลัง
สัญญาณสูงสุดโดยเรียกว่า 3dB-Beamwidth สาหรับสายอากาศแบบ Wire เช่น ไดโพล หรือโมโน
โพลนั้นใช้กับความถี่ในย่าน VHF และใช้ในส่วนของระบบ TT&C UHF ส่วนสายอากาศแบบ
Horn ใช้ในย่านความถี่ไมโครเวฟซึ่งจะให้บีมแบบกว้าง หรือที่เรียกว่า Global Coverage แต่ว่า
ระบบสายอากาศแบบ Horn นี้สามารถสร้างให้มีอัตราขยายได้สูงสุดประมาณ 23 dB เท่านั้น และ
Beamwidth ก็แคบได้เพียง 10 องศา ถ้าต้องการให้มีอัตราขยายที่สูง และบีมที่แคบลงกว่านี้ก็จะต้อง
ใช้สายอากาศแบบ Reflector หรือ Array
ตัวอย่างการจดบันทึกแบบคัดลอกข้อความมาทั้งหมด
วงโคจรของดาวเทียม
รัชนัย อินทุใส. การสื่อสารดาวเทียม. 2538.
“ดาวเทียมมีช่วงของวงโคจรที่ใหญ่มาก แต่ไม่ได้ใช้ทุกช่วงของวงโคจรสาหรับการสื่อสาร วงโคจร
ที่สาคัญที่ใช้งานกันอยู่จะใช้เวลาในการโคจรรอบหนึ่ง 24 ชั่วโมง ที่ความสูง 35,786 กิโลเมตร จากพื้นผิวโลก ณ
จุดเส้นศูนย์สูตร เป็นวงโคจรที่ใช้มากที่สุดสาหรับดาวเทียมสื่อสาร เช่น ดาวเทียม INTELSAT, EUTELSAT,
INMARSAT เป็นต้น” (หน้า 3)
อนึ่งในการบันทึกสารสนเทศในหัวข้อเดียวกัน (เช่น การประยุกต์ใช้ระบบสื่อสารผ่าน
ดาวเทียมในปัจจุบัน) อาจมีทั้งข้อความที่สรุปมา และคัดลอกมาก็ได้ เพียงแต่ถ้าเป็นข้อความที่คัดลอก
มาให้ใส่เครื่องหมายอัญประกาศกากับไว้เพื่อทาการอ้างอิงต่อไป แต่ถ้าเป็นการบันทึกข้อคิดเห็นของ
ผู้เขียนรายงานในหัวข้อเดียวกันควรแยกบัตรบันทึกต่างหาก ดังตัวอย่าง
- 6. 6
ตัวอย่างการจดบันทึกที่มีทั้งข้อความที่สรุปมาและคัดลอกมาอยู่ในบัตรเดียวกัน
การประยุกต์ใช้ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมในปัจจุบัน
บริษัทสามารถเทลคอม จากัด (มหาชน). เปิดโลกทัศน์สู่การสื่อสารผ่านดาวเทียม. 2542. เล่ม 3.
ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม สามารถนามาประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ คือ
1. ด้านธุรกิจ
2. งานบริการสาธารณะ
3. งานในชีวิตประจาวัน
1. ด้านธุรกิจ ได้แก่
1.1 ธนาคาร
1.2 ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
1.3 ระบบกระจายข่าวสารและข้อมูลผ่านดาวเทียม เช่น ธุรกิจการให้บริการข่าวสาร ระบบ
วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์สาหรับธุรกิจ (Video Conference)
1.4 หนังสือพิมพ์กับเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียม
ธนาคาร
ธุรกิจธนาคารนับเป็นธุรกิจแรกๆ ที่พัฒนาการนาระบบคอมพิวเตอร์ Online มาใช้อย่างจริงจัง
ในประเทศไทย ทาให้การบริหารระบบงานและการทางานของสาขาธนาคารมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
และบริการลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
หน้า 12
" ระบบงานที่ธนาคารนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมมาใช้ ได้แก่
1. ระบบเงินฝาก ถอน โอน ที่สาขา
2. ระบบเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ (Automatic Teller Machine--ATM)
3. ระบบบริหารงานสาขาและสานักงานอัตโนมัติ
4. ระบบตรวจสอบบัตรเครดิต (Credit Card Authorization) "
***********************************
- 7. 7
บรรณานุกรม
คู่มือผู้สอนวิชา 000130 ทักษะการรู้สารสนเทศ (Information Literacy skills). (2551).
สืบค้นจาก www.rtc.ac.th/download/ar250951/130-teachermanual-51.doc
ฉัตรกมล อนนตะชัย. (ม.ป.ป.). บทที่ 6 การประเมิน วิเคราะห์ สังเคราะห์สารสนเทศ (Evaluate, Analysis,
Synthesis) [เพาวเวอร์พอยด์สไลด์]. สืบค้นจาก
http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&frm=1&source=web&cd=8&ved=0CFcQFjAH&url
=http%3A%2F%2Fshypoj.files.wordpress.com%2F2012%2F10%2Fe0b89ae0b897e0b897e0b8b5e0b988
6-e0b881e0b8b2e0b8a3e0b89be0b8a3e0b8b0e0b980e0b8a1e0b8b4e0b899e0b8a7e0b8b4e0b980e0b884e0b8a3e0b8b2.pptx&ei=4_QSU7C_IZGkiQfg0oDoAg&usg=AFQjCNHYrP
V8UT7H72zxQQI_oJtRNi69YA&bvm=bv.62286460,d.aGc
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2556). การวิเคราะห์. สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม 2557, จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/การวิเคราะห์
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2556). การสังเคราะห์. สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม 2557, จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/การสังเคราะห์
เอกสารประกอบการสอนวิชา 00-021-101 การรู้สารสนเทศ (Information Literacy). (2553).
สืบค้นจาก http://dc250.4shared.com/doc/KcmiFpRT/preview.html