More Related Content
Similar to หน่วยที่ 1 ข้อมูลและสารสนเทศ (20)
หน่วยที่ 1 ข้อมูลและสารสนเทศ
- 3. ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลดิบ หรือข้อเท็จจริงของบุคคล สถานที่
สิ่งของต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไป เช่น ชื่อ-นามสกุล วัน
เดือนปี เกิด หรือเงินเดือนของพนักงาน เป็ นต้น อดีตมักนิยม
เก็บข้อมูลในรูปแบบตัวอักษรหรือตัวเลข แต่ปัจจุบันสามารถ
จัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ข้อมูลเสียงจาก
ไมโครโฟน ข้อมูลเพลงจากอินเทอร์เน็ตหรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
เช่น ข้อมูลที่เป็ นภาพถ่ายจากกล้องดิจิตัล ภาพวิดีโอจากกล้อง
ถ่ายวิดีโอ เป็ นต้น
1.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
- 4. หมายถึง ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผล เปรียบเทียบหรือได้เรียงลาดับ
มาแล้ว เช่น กรณีการป้ อนข้อมูลของนักศึกษาจานวนหนึ่ง เข้าสู่
ระบบคอมพิวเตอร์ และเมื่อเขียนคาสั่งให้นับจานวนนักศึกษาทั้งหมดที่
ป้ อนว่ามีจานวนเท่าไร คาตอบที่ได้จากการประมวลผลของคาสั่งนั้น
เรียกว่า สารสนเทศ บางครั้งสารสนเทศที่ได้กลับไปใช้เป็นข้อมูล
นาเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลอื่น ๆ ได้ สารสนเทศที่ได้มักนิยมนาไปใช้
ในการตัดสินใจ การวางแผนกลยุทธ์ในระดับองค์กร
สารสนเทศ
- 13. ไบต์ หมายถึง การนาค่าบิตจานวน 8 บิต มาเรียงต่อกันตาม
มาตรฐานรหัส ASCII จะแทนค่าตัวอักขระได้1ตัวอักษร เช่น
01000001แทนตัวอักษร“A”เป็นต้น แต่ตามมาตรฐาน Unicode จะ
ใช้จานวน 16 บิต
ไบต์
- 15. ระเบียน หมายถึง กลุ่มของเขตข้อมูล ตั้งแต่ 1 เขตข้อมูลขึ้นไป มี
ความสัมพันธ์ประกอบขึ้นมาจากข้อมูลพื้นฐานต่างประเภทกันรวม
ขึ้นมาเป็น 1 ระเบียน ระเบียน ประกอบด้วยเขตข้อมูล ต่างประเภท
กันอยู่รวมกันเป็นชุด เช่น จากตารางที่ 1.1 ประกอบด้วยเขต
ข้อมูล ลาดับที่ รหัสประจาตัว ชื่อ-นามสกุล และเวลาเรียน (คาบ)
เป็นต้น
ระเบียน
- 16. แฟ้ มข้อมูล หมายถึง ตารางสาหรับการจัดเก็บข้อมูลหรือชุดของ
ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน จัดอยู่รวมกันอย่างมีระเบียบ ในรูปแบบ
แถวและสดมภ์ ในแฟ้ มข้อมูลจากภาพที่ แสดงรายชื่อสมาชิกผู้บริจาค
โลหิต แฟ้ มบุคลากร แฟ้ มผู้ป่วย แฟ้ มยา แฟ้ มหอผู้ป่วย เป็นต้น
แฟ้ มข้อมูล
- 19. ในระบบแฟ้ มข้อมูลถ้ามีการแก้ไขโครงสร้างข้อมูลใหม่ ย่อมส่งผล
กระทบถึงคาสั่งที่ได้เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ด้วย เนื่องจากการเรียกใช้
ข้อมูลที่เก็บอยู่ในระบบแฟ้ มข้อมูล ต้องใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาเพื่อ
เรียกข้อมูลในแฟ้ มข้อมูลโดยตรง เช่น เมื่อถ้าต้องการเฉพาะรายชื่อ
นักศึกษาโปรแกรมเมอร์ต้องเขียนคาสั่งเพื่ออ่านข้อมูลจากแฟ้ มข้อมูล
นักศึกษาและพิมพ์รายงานที่แสดงเฉพาะข้อมูลที่ตรงตามเงื่อนไขที่
กาหนด กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของแฟ้ มข้อมูล เช่น เขต
ข้อมูลชื่อ-นามสกุล จากเดิมมีเป็นกลุ่มข้อมูล ถ้าแยกเขตข้อมูลใหม่
เป็น คานาหน้า ชื่อ และนามสกุล
2.แฟ้ มข้อมูลไม่มีความเป็ นอิสระ
- 26. ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล ซึ่งมี 3 ชนิด ดังนี้
1. แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เป็น
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งหนึ่งกับสิ่งหนึ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เช่น
ผู้อานวยการมีหน้าที่บริหารวิทยาลัยเพียงวิทยาลัยเดียวและในวิทยาลัย
นั้น ๆ จะมีผู้อานวยการบริหารงานในขณะนั้นๆ เพียงคนเดียวเช่นกัน
สามารถเขียนเป็นไดอะแกรมได้ดังนี้
1.6 ชนิดของความสัมพันธ์
- 34. บิน บินไปยัง 4 เมืองหรือโหนดลูกจานวน 4 โหนด ได้แก่ ขอนแก่น
หาดใหญ่ ภูเก็ตและเชียงใหม่ ที่โหนด ภูเก็ต เป็นโหนดหนึ่งที่มีโหนดลูก
อีก 3 โหนด
ได้แก่ DD7514 DD7503 และ DD7515 ในเที่ยวบิน
ที่ DD7514 มีโหนดลูกอีก 3 โหนด ได้แก่ ผู้โดยสาร 3 คนที่
ไปกับเที่ยวบินนี้ ปัญหาของโครงสร้างแบบลาดับชั้น คือ เมื่อมีการลบ
โหนดแม่ โหนดลูกจะถูกลบไปด้วย ในขณะเดียวกันจะไม่สามารถเพิ่ม
ข้อมูลจากโหนดลูกก่อนได้ถ้าหากยังไม่มีโหนดแม่ และโหนดลูกจะไม่
สามารถเชื่อมโยงระหว่างโหนดลูกด้วยกันได้
- 36. การจาลองข้อมูลแบบเครือข่าย พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาของการจาลอง
ข้อมูลแบบลาดับชั้น แต่ยังคงยึดหลักการ ความเป็นลาดับชั้นเหมือนเดิม
แต่ได้ปรับปรุงคุณสมบัติการเชื่อมโยงให้โหนดลูกสามารถติดต่อกับโหนด
แม่ได้หลายๆ โหนด ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ แบบกลุ่มต่อกลุ่ม การเชื่อมโยง
ที่เพิ่มขึ้นมานั้นเราเรียกว่า ตัวชี้ การเข้าถึงแต่ละโหนดสามารถเข้าไปได้
หลายทาง เช่น การบันทึกข้อมูลการศึกษาของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
โดยที่นักศึกษาแต่ละคนมีอาจารย์สอนได้หลายๆ คน อาจารย์แต่ละคน
สามารถสอนได้หลายวิชา และนักศึกษาสามารถเรียนได้หลาย
วิชา ฐานข้อมูลแบบเครือข่ายมีความยืดหยุ่นมากกว่าทาให้มี
ประสิทธิภาพสูงกว่าการจาลองข้อมูลแบบลาดับชั้น
2. แบบเครือข่าย
- 41. แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประเภทผู้ใช้คนเดียว ประเภท
ผู้ใช้เป็นกลุ่มและประเภทองค์การขนาดใหญ่
3. แบ่งตามสถานที่ตั้ง
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประเภทศูนย์กลาง และ
ประเภทกระจาย
2. แบ่งโดยใช้ขอบเขตของงาน
- 43. แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ฐานข้อมูลสาหรับงาน
ประจาวัน ฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ และเพื่อเป็นคลังข้อมูล
4.1 ฐานข้อมูลสาหรับงานประจาวัน
เป็นระบบฐานข้อมูลที่ใช้ในงานประจาวันของพนักงานระดับ
ปฏิบัติการป้ อนข้อมูลเข้าสู่ระบบ เช่น งานสินค้าคงคลัง งานระบบ
ซื้อมาขายไป สาหรับร้านสะดวกซื้อ หรือระบบงานขายของร้านค้า
ทั่วไป เป็นต้น ฐานข้อมูลประเภทนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
4.แบ่งตามการใช้งาน
- 53. 1. ภาษาสาหรับการนิยามข้อมูล (Data Definition Language: DDL)
2. ภาษาสาหรับการจัดการข้อมูล (Data Manipulation Language:
DML)
3. ภาษาควบคุม (Control Language)
ภาษาสาหรับการนิยามข้อมูล ประกอบด้วย คาสั่งสาหรับสร้าง
โครงสร้างตารางและกาหนดชนิดของข้อมูล ขนาดของข้อมูลที่จะเก็บ
- 54. ภาษาสาหรับการจัดการข้อมูล ประกอบด้วยคาสั่งสาหรับจัดการ
ข้อมูล เช่น เพื่อแทรกข้อมูลเข้าสู่ตาราง เพื่อต้องการเรียกข้อมูลจาก
ตารางมาแสดงผลที่จอภาพ หรือ เพื่อแก้ไข หรือลบข้อมูลที่ไม่ต้องการ
ภาษาควบคุม จะประกอบด้วยคาสั่งสาหรับการอนุญาตให้ผู้ใช้แต่ละ
คนหรือกลุ่มผู้ใช้กลุ่มใด ๆ มีสิทธิในการใช้คาสั่งใด ๆ ได้บ้าง รวมทั้ง
คาสั่งสาหรับสารองข้อมูลไม่ให้เสียหายและคาสั่งในการกู้คืนข้อมูลใน
กรณีที่ข้อมูลได้รับความเสียหายไปแล้ว เป็นต้น
- 55. องค์ประกอบของระบบฐานข้อมูลหลักๆ มีอยู่ด้วยกัน 5 อย่างด้วยกัน
คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร กระบวนความ และข้อมูล
1. ฮาร์ดแวร์ หมายถึง ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้าง
ที่สามารถมองเห็นได้อาจจะเป็นเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เครื่อง
มินิคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ก็ได้รวมทั้งอุปกรณ์
นาเข้าและอุปกรณ์แสดงผลต่าง ๆ ตลอดจนอุปกรณ์สื่อสารข้อมูลซึ่ง
ในระบบฐานข้อมูลประเภทองค์การขนาดใหญ่ที่มีสาขาในต่างประเทศ
จาเป็นต้องใช้
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูล
- 61. - บริหารฐานข้อมูล
- กาหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลให้ผู้ใช้แต่ละคนหรือเป็นกลุ่มก็ได้
- กาหนดสิทธิ์ให้ผู้ใช้คนใดหรือกลุ่มใดใช้คาสั่งใดได้บ้าง เช่น คาสั่ง
ลบข้อมูล คาสั่งแก้ไขข้อมูลเป็นต้น
- บารุงรักษาฐานข้อมูลให้มีเสถียรภาพ มีประสิทธิภาพสูง เช่น
กรณีที่มีข้อมูลเป็นจานวนมากจะทาให้การเข้าถึงข้อมูลช้า
ผู้บริหารฐานข้อมูลจะต้องปรับแต่งฐานข้อมูลให้ระบบฐานข้อมูล
ทางานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
3.2 ผู้บริหารฐานข้อมูล เป็นผู้ทาหน้าที่
- 71. ปัญหาในการจัดการข้อมูลในอดีต มีหลายปัญหา เช่น ความยุ่งยากใน
การประมวลผลแฟ้ มข้อมูล เนื่องจากต้องใช้คาสั่งของภาษาระดับสูง
จัดการข้อมูลโดยตรงข้อมูลไม่มีความเป็นอิสระ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างข้อมูล ต้องแก้ไขชุดคาสั่งด้วยแฟ้ มข้อมูลมีความซ้าซ้อนมาก
แฟ้ มข้อมูลมีความถูกต้องของข้อมูลน้อยแฟ้ มข้อมูลมีความปลอดภัย
น้อย และแฟ้ มข้อมูลขาดการควบคุมจากส่วนกลาง
- 72. ฐานข้อมูล แบ่งความสัมพันธ์ออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ความสัมพันธ์
แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม และความสัมพันธ์
แบบกลุ่มต่อกลุ่ม นอกจากนี้ฐานข้อมูลได้มีการจาลองข้อมูลเพื่อให้
เข้าใจได้ง่าย ๆ มีการจาลองออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ การ
จาลองแบบลาดับชั้น การจาลองแบบเครือข่าย และการจาลองแบบ
เชิงสัมพันธ์
- 73. ประเภทของฐานข้อมูล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แบ่งตาม
จานวนผู้ใช้มีแบบใช้เพียงคนเดียวและผู้ใช้หลายคน กับแบ่งตาม
ขอบเขตของงาน และแบ่งตามสถานที่ตั้ง และแบ่งตามการใช้งาน เป็น
ต้น หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล มี 7 อย่าง ได้แก่ หน้าที่ใน
การจัดการพจนานุกรมข้อมูล จัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลการเปลี่ยน
รูปแบบ และการแสดงผลข้อมูล จัดการด้านปลอดภัยของข้อมูล
ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน แต่ละกลุ่ม สารองข้อมูล
และการกู้คืนข้อมูลจัดการด้านบูรณภาพของข้อมูล
- 74. ภาษาที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล ใช้ภาษาเอสคิวแอล แบ่ง
ออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ภาษาสาหรับการนิยามข้อมูล
ภาษาสาหรับการจัดการข้อมูล และภาษาในการควบคุม
ในระบบฐานข้อมูลจะต้องสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องด้วยมีทั้งหมด 5 อย่าง
ด้วยกัน ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร กระบวนการ และข้อมูล
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีความสาคัญทั้งนั้น ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้เลย จะ
ทาให้ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถทางานได้อย่างสมบูรณ์