More Related Content
Similar to ผลงานนักเรียนชั้น ม.6/1
Similar to ผลงานนักเรียนชั้น ม.6/1 (20)
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)
ผลงานนักเรียนชั้น ม.6/1
- 2. จัดทาโดย
นางสาวณัฐนรี แก้วศิริ เลขที่ 8
นางวสาวศศิธร ศิรเิ ทพ เลขที่ 13
นางสาวณัฐชนก ชืนใจ
่ เลขที่ 17
นางสาวรัตนาภรณ์ สุปนต๋า ั เลขที่ 21
ชันมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
้
เสนอ
ครูสายพิณ วงษารัตน์
- 4. ลักษณะการปกครองในสมัยสุโขทัย
มีลกษณะสาคัญ 4 ประการคือ
ั
1. รูปแบบราชาธิปไตย หมายถึง ผู้เป็นพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ปกครองสูงสุด
2. รูปแบบบิดาปกครองบุตร หมายถึง พระมหากษัตริย์ทรงมีความใกล้ชิดกับประชาชนมาก
จึงเปรียบเสมือนหัวหน้าครอบครัว หรือ พ่อ จึงมักมีคานาหน้าว่า “พ่อขุน”
3.ลักษณะลดหลันกันลงมาเป็นขันๆ เริมจากหลายครอบครัวรวมกันเป็นบ้าน มีพ่อบ้านเป็น
่ ้ ่
ผู้ปกครอง หลายบ้านรวมกันเป็นเมือง มีพ่อเมืองเป็นผู้ปกครอง หลายเมืองรวมกันเป็นประเทศ
มีพ่อขุนเป็นผู้ปกครอง
4. การยึดหลักธรรมในพระพุทธศาสนาในการบริหารบ้านเมือง คือ “ทศพิธราชธรรม”
- 5. การปกครองสมัยสุโขทัยตอนต้น (พ.ศ. 1792 - 1841)
ในช่วงต้นของการสถาปนากรุงสุโขทัยเริมจาก สมัยพ่อขุนศรีอนทราทิตย์จนสิน
่ ิ ้
สมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช เป็นการปกครองแบบ พ่อปกครองลูก
การปกครองแบบพ่อปกครองลูกนี้ประชาชนทุกคนเสมือนหนึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียว
กัน โดยมีกษัตริย์เป็นหัวหน้าครอบครัว มีอานาจสูงสุดในการปกครอง แต่ก็มิได้ทรงใช้อานาจ
สิทธิ์ขาดในการปกครองแต่เพียงพระองค์เดียว ทรงยินยอมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการ
ปกครองด้วย ประชาชนจึงเรียกกษัตริยว่า “พ่อขุน” เช่น พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุน
์
รามคาแหง เป็นต้น การปกครองลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริยกบ ์ ั
ประชาชนว่า “มีความใกล้ชดกันมาก”
ิ
- 6. กษัตริย์นอกจากจะเป็นผู้ปกครองและเป็นเสมือนพ่อแล้วยังทรงเป็นตุลาการที่เที่ยงธรรมอีก
ด้วย
จากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวไว้ว่า ในสมัยพ่อขุนรามคาแหงพระองค์ทรงให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่
หน้าประตู พระราชวัง เมื่อพ่อขุนทรงทราบเรื่องก็จะออกมาไต่สวนคดีความด้วยพระองค์เอง
นอกจากนั้น ในยามเกิดศึกสงครามพ่อขุนจะทรงเป็นจอมทัพของกองทัพหลวง เมืองขึ้นต่างๆ
จะต้องเกณฑ์ทัพมาร่วมกันต่อสู้ป้องกันราชอาณาจักรและเมื่อยามบ้านเมืองสงบพ่อขุนจะทรงออก
ว่าราชการและดูแลทุกข์สุขของราษฎร เช่น ในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช พระองค์จะทรง
ออกว่าราชการที่ปาตาล โดยประทับบนพระแท่นมนังศิลาบาตรเป็นประจาทุกวัน ยกเว้นในวัน
พระและวันโกน โดยในวันดังกล่าวนี้จะทรงนิมนต์พระเถระให้มาเทศนาสั่งสอนประชาชนเป็นประจา
- 7. การปกครองสมัยสุโขทัยตอนปลาย (พ.ศ. 1841 - 1981)
หลังจากสิ้นสมัยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช แล้ว กษัตริย์องค์ต่อมา คือ
พญาเลอไทย และ พญางั่วนาถม ในช่วงนี้อาณาจักรสุโขทัยเริ่มระส่าระสวยเมืองต่าง ๆ
พากันแยกตัวอิสระไม่ขึ้นต่อกรุงสุโขทัย ภายในบ้านเมืองเกิดความไม่สงบเรียบร้อย มีการแย่งชิง
ราชสมบัติกันอยู่เนื่อง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทาให้ลักษณะการปกครองแบบพ่อปกครองลูกเริมเสือมลง
่ ่
- 8. เมื่อพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 1890 พระองค์ทรงตระหนักถึง
ความไม่สงบเรียบร้อยดังกล่าว และทรงเห็นว่าการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการใช้อานาจทาง
ทหารเพียงอย่างเดียวคง ทาได้ยาก เพราะกาลังทหารของกรุงสุโขทัยในขณะนั้นไม่เข้มแข็ง
พอ พระองค์จงทรงดาเนินนโยบายใหม่ด้วยการนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้เป็น หลัก
ึ
ในการปกครองอาณาจักร พร้อมกับได้ขยายอานาจทางการเมืองออกไป การปกครองที่ใช้
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักนี้ เรียกว่า
การปกครองแบบธรรมราชา กษัตริยผ้ปกครองอยูในฐานะธรรมราชาหรือพระราชาผู้ทรง
์ ู ่
ธรรม ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม
- 9. การจัดระเบียบการปกครองสมัยสุโขทัย
1. เมืองหลวง คือ สุโขทัยเป็นศูนย์กลางการปกครอง
2. เมืองลูกหลวงหรือเมืองหน้าด่าน ตั้งอยู่รอบ ๆ เมืองหลวง มี 4 ทิศ โดยมี
เชื้อพระวงศ์เป็นผู้ปกครอง มีหน้าที่ สะสมเสบียงอาหาร และป้องกันข้าศึกศัตรู
เมืองหน้าด่านทัง 4 ได้แก่
้
- ทิศเหนือ คือ ศรีสชนาลัย
ั
- ทิศใต้ คือ สระหลวง (พิจตร)
ิ
- ทิศตะวันออก คือ สองแคว (พิษณุโลก)
- ทิศตะวันตก คือ ชากังราว (กาแพงเพชร)
3. เมืองพระยามหานคร หรือเมืองชันนอก เป็นหัวเมืองชั้นนอก มีเจ้าเมือง หรือ ขุนนาง
้
ชั้นผู้ใหญ่ปกครอง
4. เมืองประเทศราช เมืองที่อยู่นอกราชอาณาจักรโดยยอมสวามิภักดิ์ต่อสุโขทัย
โดยการส่งเครื่องราชบรรณาการให้ และ มีเจ้าเมืองเดิมปกครอง
- 18. การปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง(พ.ศ.1991 - 2231)
การปกครองเริ่มตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นต้นมา หลังจากที่ได้ผนวกเอา
อาณาจักรสุโขทัยมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร อยุธยา โดยมีลกษณะสาคัญ 2 ประการคือ
ั
1. จัดการรวมอานาจเข้าสูศนย์กลาง
่ ู
2. แยกกิจการฝายพลเรือนกับฝายทหารออกจากกัน
การปกครองส่วนกลาง
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดฯให้มีตาแหน่งสมุหกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร
นอกจากนี้ยังได้ทรงตังหน่วยงานเพิ่มขึนมา อีก 2 กรม คือ
้ ้
กรมมหาดไทย มีพระยาจักรีศรีองครักษ์เป็นสมุหนายก มีฐานะเป็นอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่
ควบคุมกิจการพลเรือนทั่วประเทศ
กรมกลาโหม มีพระยามหาเสนาเป็นสมุหพระกลาโหม มีฐานะเป็นอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่
ควบคุมกิจการทหารทั่วประเทศ
นอกจากนี้ใน 4 กรมจตุสดมภ์ที่มีอยู่แล้ว ทรงให้มการปรับปรุงเสียใหม่ โดยตั้งเสนาบดีขึ้นมา
ี
ควบคุมและรับผิดชอบในแต่ละกรมคือ
กรมเมือง (เวียง) มีพระนครบาลเป็นเสนาบดี
กรม วัง มีพระธรรมาธิกรณ์เป็นเสนาบดี
กรม คลัง มีพระโกษาธิบดีเป็นเสนาบดี
กรม นา มีพระเกษตราธิการเป็นเสนาบดี
- 19. การปกครองส่วนภูมภาค ิ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงยกเลิกการปกครองแบบเดิมทังหมด แล้วจัดระบบใหม่ดังนี้
้
1.หัวเมืองชันใน ยกเลิกเมืองหน้าด่านแล้วเปลี่ยนเป็นเมืองชั้นใน มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้ปกครอง
้
เมืองเหล่านี้เรียกว่า ผู้รั้ง พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้แต่งตั้งขุนนางในกรุงศรีอยุธยา ทาหน้าที่ผ้รั้ง
ู
เมือง ต้องรับคาสั่งจากในราชธานีไปปฏิบัติเท่านั้นไม่มีอานาจในการปกครองโดยตรง
2.หัวเมืองชันนอก (เมืองพระยามหานคร) เป็นหัวเมืองที่อยู่ภายนอกราชธานีออกไป จัดเป็นหัว
้
เมืองชั้นตรี โท เอก ตามขนาดและความสาคัญของหัวเมืองนั้น เมืองเหล่านี้มีฐานะเดียวกันกับหัว
เมืองชั้นใน คือขึ้นอยู่ในการปกครองจากราชธานีเท่านั้น
3.หัวเมืองประเทศราช ยังให้มีการปกครองเหมือนเดิม มีแบบแผนขนบธรรมเนียมเป็นของตนเอง
มีเจ้าเมืองเป็นคนในท้องถิ่นนั้น ส่วนกลางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในด้านการปกครอง แต่ต้องส่ง
เครื่องราชบรรณาการมาถวาย
- 20. การปกครองส่วนท้องถิน แบ่งการปกครองเป็นหน่วยย่อย โดยแบ่งเป็น
่
1) บ้าน หรือหมู่บ้าน มีผ้ใหญ่บ้าน มีผ้ว่าราชการเมืองเป็นหัวหน้า จากการเลือกตั้งจากหลาย
ู ู
บ้าน
2) ตาบลเกิดจากหลายๆ หมู่บ้านรวมกันมีกานันเป็นหัวหน้ามีบรรดาศักดิ์เป็น พัน
3) แขวง เกิดจากหลายๆ ตาบลรวมกัน มีหมื่นแขวงเป็นผู้ปกครอง
4) เมือง เกิดจากหลายๆ แขวงรวมกัน มีผ้รั้งหรือพระยามหานครเป็นผู้ปกครอง
ู
ต่อมาในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้มีการปรับปรุงระเบียบการปกครองทางด้านการทหาร
ได้แก่
1. การจัดทาสารบัญชี (หรือสารบาญชี) เพื่อให้ทราบว่ามีกาลังไพร่พลมากน้อยเพียงใด
2. สร้างตาราพิชยสงคราม ซึ่งเป็นตาราทีว่าด้วยการจัดทัพ การเดินทัพ การตั้งค่าย การจู่โจมและ
ั ่
การตั้งรับ ส่วนหนึ่งของตาราได้มาจากทหารอาสาชาวโปรตุเกส
3. การทาพิธทุกหัวเมือง ซักซ้อมความพร้อมเพรียงเพื่อสารวจจานวนไพร่พล (คล้ายกับพิธีถวาย
ี
สัตย์ปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลในปัจจุบัน)
- 21. การปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย(พ.ศ.1991-2310)
สมัยอยุธยาตอนปลาย เริ่มในสมัยพระเพทราชา สมัยนี้ยึดการปกครองแบบที่สมเด็จพระบรม
ไตรโลกนาถ ทรงปรับปรุงแต่ได้แบ่งแยกอานาจสมุหกลาโหม และ สมุหนายกเสียใหม่ คือ
สมุหกลาโหม ดูแลหัวเมืองฝายใต้ทั้งหมดทั้งที่เป็นฝายทหารและพลเรือน
สมุหนายก ดูแลหัวเมืองฝายเหนือทั้งหมดที่เป็นฝายทหารและพลเรือนรูปแบบ
การปกครองของอยุธยาใช้เรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 5 จึงได้มีการปฏิรูปการปกครองเสียใหม่
ได้แยกกิจการฝายทหารและพลเรือนออกจากกัน แต่การกาหนดอานาจบังคับบัญชาดูแลกิจการ
ทั้งสองฝายตามเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นการถ่วงดุลอานาจของขุนนางด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่เป็นภัยต่อ
ราชบัลลังก์และแบ่งเป็นหัวเมืองฝายต่างๆ ดังนี้
-หัวเมืองฝายเหนือ ขึ้นตรงต่อสมุหนายก
-หัวเมืองฝายใต้ ขึ้นตรงต่อสมุหพระกลาโหม
-หัวเมืองชายทะเลตะวันออก ขึ้นตรงต่อเสนาบดีกรมคลัง
- 24. สมัยกรุงธนบุรี
การปกครองในสมัยกรุงธนบุรียังคงมีรูปแบบเหมือนกับสมัยอยุธยาตอนปลาย พอ
สรุปได้ดังนี้
การปกครองส่วนกลาง หรือ การปกครองในราชธานี พระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด
เปรียบเสมือนสมมุติเทพ มีเจ้าฟ้าอินทรพิทักษ์ดารงดาแหน่งพระมหาอุปราช มีตาแหน่งอัครมหา
เสนาบดีฝายทหารหรือสมุหพระกลาโหม มียศเป็นเจ้าพระยามหาเสนา และอัครมหาเสนาบดีฝาย
พลเรือนหรือสมุหนายก(มหาไทย) มียศเป็นเจ้าพระยาจักรี เป็นหัวหน้าบังคับบัญชาเสนาบดี
จตุสดมภ์ 4 กรมได้แก่
1. กรมเมือง (นครบาล) มีพระยายมราชเป็นผู้บังคับบัญชา ทาหน้าที่เกี่ยวกับการ
ปกครองภายในเขตราชธานี การบาบัดทุกข์บารุงสุขของราษฎรและการปราบโจรผู้ร้าย
2. กรมวัง (ธรรมาธิกรณ์) มีพระยาธรรมาเป็นผู้บังคับบัญชาทาหน้าที่เกี่ยวกับกิจการ
ภายในราช สานักและพิพากษาอรรถคดี
3. กรมพระคลัง (โกษาธิบดี) มีพระยาโกษาธดีเป็นผู้บงคับบัญชาทาหน้าที่เกี่ยวกับการรับ
ั
จ่ายเงินของแผ่น ดิน และติดต่อ ทาการค้ากับต่างประเทศ
4. กรมนา (เกษตราธิการ) มีพระยาพลเทพเป็นผู้บังคับบัญชาทาหน้าที่เกี่ยวกับเรือกสวน
ไร่นาและ เสบียงอาหารตลอดจน ดูแลที่นาหลวง เก็บภาษีค่านา เก็บข้าวขึ้นฉางหลวงและ
พิจารณาคดีความเกี่ยวกับเรื่องโค กระบือ และที่นา
- 25. การปกครองส่วนภูมิภาค หรือ การปกครองหัวเมือง
การปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็น หัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมือง
ประเทศราช
หัวเมืองชั้นใน จัดเป็นเมืองระดับชั้นจัตวา มีขุนนางชั้นผู้น้อยเป็นผู้ดูแลเมือง ไม่มีเจ้า
เมือง ผู้ปกครองเมืองเรียกว่า ผู้รั้ง หรือ จ่าเมือง อานาจในการปกครองขึ้นอยู่กับ
เสนาบดีจัตุสดมภ์ หัวเมืองชั้นในสมัยกรุงธนบุรี ได้แก่ พระประแดง นนทบุรี สาม
โคก(ปทุมธานี)
- 26. หัวเมืองชันนอก หรือเมืองพระยามหานคร เป็นเมืองที่อยู่นอกเขตราชธานีออกไป กาหนด
้
ฐานะเป็นเมืองระดับชั้น เอก โท ตรี จัตวา ตามลาดับ หัวเมืองฝายเหนือขึ้นอยู่กับอัครมหา
เสนาบดี
ฝายสมุหนายก ส่วนหัวเมืองฝายใต้และหัวเมืองชายทะเลภาคตะวันออก ขึ้นอยู่กับกรมท่า
(กรมพระคลัง) ถ้าเป็นเมืองชั้นเอก พระมหากษัตริย์ จะส่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ออกไปเป็น
เจ้าเมืองทาหน้าที่ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณ
หัวเมืองชันนอก ในสมัยกรุงธนบุรี ระดับเมืองชันเอก ได้แก่ พิษณุโลก จันทบุรี
้ ้
หัวเมืองชันนอก ในสมัยกรุงธนบุรี ระดับเมืองชันโท ได้แก่ สวรรคโลก ระยอง เพชรบูรณ์
้ ้
หัวเมืองชันนอก ในสมัยกรุงธนบุรี ระดับเมืองชันตรี ได้แก่ พิจิตร นครสวรรค์
้ ้
หัวเมืองชันนอก ในสมัยกรุงธนบุรี ระดับเมืองชันจัตวาได้แก่ ไชยบาดาล ชลบุรี
้ ้