More Related Content
More from Wichai Likitponrak
More from Wichai Likitponrak (20)
สอบปลายภาคชีวะ51 2
- 1. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 1
โรงเรียนทิวไผ่งาม
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551
วิชาชีววิทยา 2 (ว40242)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1-4/2 คะแนนเต็ม 30 คะแนน
สอบวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13.00 – 14.20 น.
ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาชี้แจง 1. ข้อสอบประกอบด้วย 2 ตอน
- ตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ (ข้อละ 0.5 คะแนน เต็ม 25 คะแนน)
- ตอนที่ 2 อัตนัย จานวน 1 ข้อ ( เต็ม 5 คะแนน)
2. ให้นักเรียนกรอก ชื่อ นามสกุล ชั้น เลขที่สอบ วิชาที่สอบ วันที่สอบ ลงในกระดาษคาตอบให้เรียบร้อย
3. ให้นักเรียนระบาย ทึบสีดาลงในช่องว่างวงกลมโดยใช้ดินสอดา 2B หรือเข้มกว่า 2B ระบายให้เต็มวง
4. เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงคาตอบให้ใช้ยางลบ ลบให้สะอาดก่อนระบายคาตอบใหม่
5. ถ้าข้อสอบไม่มีคาตอบ ให้นักเรียนเลือกตอบข้อ ก. เพียงคาตอบเดียวเท่านั้น
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ผรค. : 3 อธิบายและเขียนภาพโครงสร้างและการทางานของระบบการหมุนเวียนของสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์กันของ
ระบบต่างๆ ที่ทาให้มนุษย์และสัตว์มีการเจริญเติบโต และนาไปใช้ในการดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข ( ปรนัยแบบ 4
ตัวเลือกข้อที่1-30 )
ผรค. : 4 อธิบายและเขียนภาพโครงสร้างและการทางานของระบบการหายใจของสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์กันของ
ระบบต่างๆ ที่ทาให้มนุษย์และสัตว์มีการเจริญเติบโต และนาไปใช้ในการดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข ( ปรนัยแบบ 4
ตัวเลือกข้อที่31-50 ,อัตนัย 1 ข้อ)
คาสั่งตอนที่ 1 ปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 50 ข้อ : จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียวข้อ 1-50
1. ข้อใดกล่าว ผิด เกี่ยวกับหน้าที่ของระบบหมุนเวียนในสิ่งมีชีวิต
ก. ให้สารอาหารจาเป็นแก่เซลล์ต่างๆในร่างกาย ข. ขนส่งก๊าซในกระบวนการหายใจทั้ง CO2 และ O2
ค. ลาเลียงภูมิคุ้มกันและฮอร์โมนทั้งหมดในร่างกาย ง. ควบคุมสมดุลระหว่างน้าและสารอิเล็กโทรไลต์
2. ข้อใดกล่าว ผิด จากความเป็นจริงในการลาเลียงของสัตว์ที่ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด
ก. ฟองน้าจะอาศัยการเคลื่อนที่ของ choanocyte ในร่างกาย
ข.ไฮดราจะเกิดdiffusion ระหว่าง gastrodermis กับสารต่างๆในน้า
ค. พลานาเลียจะใช้ทางเดินอาหารในการลาเลียงโดย diffusion เข้าเซลล์
ง. หนอนตัวกลมจะไม่มีระบบเฉพาะแต่จะอาศัยของเหลวในช่องลาตัวเทียม
3. ข้อใดกล่าว ผิด เกี่ยวกับอวัยวะหมุนเวียนในสัตว์
ก. หัวใจเทียม (pseudoheart) ที่เกิดจากหลอดเลือด4-5 ห่วงพองตัวออก พบได้ในไส้เดือนดิน
ข. ในสัตว์จาพวกหมึกจะพบหัวใจถึง 2 ชนิด คือ gill heart และ systemic heart ซึ่งอยู่แยกกัน
ค. แมลงจะมีเส้นเลือดขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือทางเดินอาหารซึ่งมีลักษณะพองตัวออกเป็นช่วงๆ
ง. สัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีหัวใจแท้2 ห้อง ได้แก่ สัตว์น้าและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้าเกือบทุกชนิด
- 2. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 2
4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนในสิ่งมีชีวิต
ก. พยาธิไส้เดือนเป็นสัตว์พวกแรกมีการหมุนเวียนสารในร่างกายอย่างเป็นระบบ
ข. สัตว์ที่มีระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิดและเปิด ตามลาดับ คือ ไส้เดือนดิน และ เต่า
ค. เลือดของสัตว์ที่เป็น hemocyanin (Cu2+
) และ hemoglobin (Fe2+
) ตามลาดับ คือ กุ้ง และ ม้าน้า
ง. เลือดในระบบหมุนเวียนที่ผ่านหัวใจของปลาและกบจะเป็นเลือดที่ร่างกายใช้แล้วหรือเลือดเสียเท่านั้น
5. คากล่าวในข้อใด ไม่เป็นจริง เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์
ก. เลือดที่มีออกซิเจนสูงจะไม่มีโอกาสปะปนกับเลือดที่มีออกซิเจนต่า
ข. เลือดต้องไหลผ่านหัวใจถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะไปยังอวัยวะอื่นๆในร่างกาย
ค. มนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมมีรูปแบบของระบบหมุนเวียนเลือดคล้ายคลึงกัน
ง. อัตราของเลือดที่ไหลผ่านหัวใจจะเร็วกว่าสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชั้นต่าประมาณ 2 เท่า
6. เหตุใดที่สนับสนุนว่า capillary จึงเป็นแหล่งที่เหมาะสมสาหรับทาหน้าที่แลกเปลี่ยนสารเข้าออกจากเส้นเลือดที่
เหมาะสมที่สุด
ก. เป็นเส้นเลือดที่มีจานวนมาก ขนาดเล็กและมีการไหลหลายทิศทาง
ข. มีพื้นที่หน้าตัดทั้งหมดมากกว่าของเส้นเลือดแดงแต่น้อยกว่าของเส้นเลือดดา
ค. มีผนังบาง ไม่มีกล้ามเนื้อหรือเส้นใยที่ยืดหยุ่นอยู่ที่ผนังเส้นเลือดและมีพื้นที่ผิวมาก
ง. อัตราการไหลของเลือดรวดเร็วและเป็นจังหวะสม่าเสมอตามการบีบ-คลายตัวของหัวใจ
7. เมื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อเยื่อบางๆ ระหว่างนิ้วเท้ากบเพื่อศึกษาเรื่องการไหลเวียนในเส้นเลือดต่างๆ นักเรียน
จะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นเลือดเส้นใดควรเป็นเส้นเลือดดา (vein)
ก. เส้นเลือดที่มีเม็ดเลือดแดงเคลื่อนตามกันมาเป็นแถวเรียงหนึ่ง
ข. เส้นเลือดขนาดเล็กที่แยกมาจากเส้นเลือดที่มีขนาดใหญ่กว่า
ค. เส้นเลือดที่รับเลือดซึ่งไหลมาจากเส้นเลือดที่มีขนาดเล็กกว่า
ง. อัตราการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดเป็นไปตามการบีบตัวของหัวใจ
8. จากรูปแสดงการไหลเวียนโลหิตในมนุษย์หมายเลข (1) , (2) , (3) , (4) คือข้อใด ตามลาดับ
ก. inferior vena cava , tricuspid valve , pulmonary semilunar valve , pulmonary artery
ข. superior vena cava , tricuspid valve , aortic seminar valve , pulmonary artery
ค. inferior vena cava , bicuspid valve , pulmonary semilunar valve , pulmonary vein
ง. superior vena cava , bicuspid valve , aortic seminar valve , pulmonary vein
9. ข้อใดเรียงลาดับจากสูงสุดหรือมากที่สุดไปยังต่าสุดหรือน้อยที่สุด ได้ถูกต้อง
ก. ความดันเลือด : artery ,aorta ,venule ข. ความดันเลือด : arteriole , capillary , vena cava
ค. ปริมาณ O2 : pulmonary artery ,vena cava , vein ง. ปริมาณ O2 : artery ,vein , pulmonary vein
ปอด
หัวใจ (4)
(1)
(2)
(3)
- 3. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 3
10. นาเลือดของทั้ง 3 คนมาปั่นแยกส่วนกัน ทาการทดลองผสมได้ผลดังตาราง
การทดลองที่ น้าเลือด เม็ดเลือดแดง การตกตะกอน
1 X Y +
2 X Z +
3 Y X -
4 Y Z +
5 Z X -
6 Z Y -
ถ้า Y มีหมู่เลือด B แล้ว X และ Z ควรมีหมู่เลือดเป็นอย่างไร ตามลาดับ
ก. A และ AB ข. O และ B ค. O และ A ง. A และ A
11. พ่อแม่คู่ใดมีโอกาสสูงที่จะได้ลูกคนถัดไปเป็นโรค erythroblastosis fatalis
พ่อ แม่ ลูก
ก. Rh+
Rh-
Rh+
ข. Rh-
Rh+
Rh+
ค. Rh+
Rh+
Rh-
ง. Rh-
Rh-
Rh-
12. ลักษณะสาคัญของ erythrocyte (RBC) คือ
ก. สร้างจากตับเมื่อเจริญเต็มที่จะไม่มีนิวเคลียส อายุประมาณ 120 วันแล้วจะถูกทาลายที่ม้าม
ข. สร้างจากตับเมื่อเจริญเต็มที่จะมีนิวเคลียส อายุประมาณ 12 วันแล้วจะถูกทาลายที่ตับอ่อน
ค. สร้างจากไขกระดูกเมื่อเจริญเต็มที่จะไม่มีนิวเคลียส อายุประมาณ 120วันแล้วจะถูกทาลายที่ตับ
ง. สร้างจากไขกระดูกเมื่อเจริญเต็มที่จะมีนิวเคลียสอายุประมาณ 12 วันแล้วจะถูกทาลายที่ตับอ่อน
13. ข้อใดกล่าว ผิด จากความเป็นจริง
ก. ตัวให้จังหวะการเต้นของหัวใจ หรือ pace maker คือ S-A node
ข. ความดันโลหิตที่วัดได้จากคนปกติทั่วไป จะเท่ากับ 120/80 mmHg
ค. อัตราการเต้นของหัวใจในคนปกติทั่วไปมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 75 ครั้ง/วินาที
ง. การตรวจชีพจรวัดได้จากการยืดหดของผนัง vein ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ
14. ข้อใดเป็นความจริงเกี่ยวกับleukocyte (WBC) ที่เจริญเต็มที่ชนิดต่างๆตามภาพ
(1) (2) (3) (4)
ก. (1) สามารถสร้าง antibody ขึ้นมาต่อต้านสิ่งแปลกปลอมหรือสารพิษได้อย่างจาเพาะเจาะจง
ข. (2) มีขนาดใหญ่ที่สุดและทาหน้าที่จับกินสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่ หรือเรียกว่า macrophage
ค. (3) มีจานวนมากที่สุดและทาหน้าที่ทาลายสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคโดยวิธีจับกิน (phagocytosis)
ง. (4) ทาหน้าที่สร้างและหลั่งสาร heparin ป้องกันเลือดแข็งตัวและhistamine ทาให้เกิดการแพ้หรืออักเสบ
- 4. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 4
15. Left ventricle Right atrium Aorta Pulmonary atery Inferior venacava Capillary
เครื่องหมายลูกศรแสดงลาดับความสาคัญของอะไร
ก. ทิศทางการไหลเวียนของเลือด ข. ปริมาณของออกซิเจนในเลือด
ค. ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางโครงสร้าง ง. ความหนาของผนังโครงสร้าง
16. ข้อใด ไม่ ถูกต้อง เมื่อหัวใจทั้งสองข้างบีบเลือดออกจากหัวใจในปริมาณที่เท่ากัน
(1) ความดันหัวใจห้องล่างซ้ายสูงกว่าหัวใจห้องล่างขวา
(2) หัวใจห้องล่างซ้ายมีผนังหนากว่าหัวใจห้องล่างขวา
(3) หัวใจห้องล่างขวาบีบเลือดสู่ระบบท่อที่มีปริมาณออกซิเจนสูงกว่าห้องล่างซ้าย
(4) หัวใจห้องล่างขวาบีบเลือดออกสู่ส่วนอื่นๆของร่างกาย
(5) หัวใจห้องล่างซ้ายบีบเลือดออกสู่ปอดเพื่อทาการฟอก
ก. (1) ,(2) และ (3) ข. (1) ,(4) และ (5) ค. (2) ,(3) และ (4) ง. (3) ,(4) และ (5)
17. บาดแผล เกร็ดเลือด A
C
prothombin B
fibrin การแข็งตัวของเลือด
จากรูปกระบวนการแข็งตัวของเลือด A , B , C , D คือข้อใด ตามลาดับ
ก. thrombin , thromboplastin , Ca2+
, fibrinogen ข. thromboplastin , thrombin , Ca2+
, fibrinogen
ค. thrombin , thromboplastin , fibrinogen , Ca2+
ง. thromboplastin , thrombin , fibrinogen , Ca2+
18. ข้อใดกล่าว ผิด เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์
ก. ภูมิคุ้มกันตั้งแต่กาเนิดเป็นระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จาเพาะ เช่น ผิวหนังขับเหงื่อ , กรดเกลือในกระเพาะ
ข. Passive immunization เป็นภูมิคุ้มกันแบบจาเพาะที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังได้รับการกระตุ้นจาก antigen
ค. ภูมิคุ้มกันแบบเกิดขึ้นภายหลังเป็นระบบภูมิคุ้มกันแบบจาเพาะ เช่น B lymphocyte สร้าง antibody
ง. vaccine และ toxoidจัดเป็นตัวอย่างของ Active immunization เพื่อป้องกันการเกิดโรคในอนาคต
19. จากกราฟ electrocardiogram หมายเลข (1) , (2) , (3) คือข้อใดตามลาดับ
ก. T wave , P wave , ORS complex ข. QRS complex , T wave , P wave
ค. P wave , QRS complex , T wave ง. T wave , QRS complex , P wave
20. ข้อใดกล่าว ผิด เกี่ยวกับระบบหมุนเวียนน้าเหลือง
ก. น้าเหลืองมีลักษณะคล้ายกับเลือดต่างกันตรงที่น้าเหลืองมีโปรตีนขนาดใหญ่น้อยกว่า
ข. ท่อน้าเหลืองเป็นท่อปลายตันแทรกทั่วร่างกายและมีลิ้นกั้นเป็นระยะๆกันการไหลย้อนกลับ
ค. ไข่ดันบวม มีสาเหตุมาจากต่อมน้าเหลืองที่อยู่ระหว่างท่อน้าเหลืองบริเวณโคนขาเกิดการอักเสบ
ง. ม้ามเป็นอวัยวะน้าเหลืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งมีสาคัญอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันในเด็กแรกเกิด
+ D
กระแสไฟฟ้ า
เวลา
(3)
(1)
(2)
- 5. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 5
21. หลักที่ใช้ในการจาแนกหมู่เลือดในระบบ ABO คือข้อใด
ก. ชนิดของสารแอนติบอดีที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดขาวและชนิดของแอนติเจนในน้าเลือด
ข. ชนิดของสารแอนติเจนในน้าเหลืองและชนิดของแอนติบอดีที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดขาว
ค. ชนิดของสารแอนติเจนที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงและชนิดของแอนติบอดีในน้าเลือด
ง. ชนิดของสารแอนติเจนในน้าเลือดและชนิดแอนติบอดีที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดขาว
22. ข้อใดกล่าวผิดไปจากความเป็นจริงเกี่ยวกับระบบน้าเหลือง
ก. ลาเลียงกรดไขมันจากลาไส้เล็กเพื่อเข้าสู่ระบบเลือดในร่างกาย
ข. ระบบน้าเหลืองสามารถรักษาสมดุลน้าและแร่ธาตุภายในร่างกายได้
ค. ท่อน้าเหลืองฝอยมีลักษณะปลายเปิดเชื่อมต่อกันเหมือนกับหลอดเลือดฝอย
ง. ทอนซิลเป็นกลุ่มต่อมน้าเหลืองที่คอยดักจับทาลายสิ่งแปลกปลอมที่มากับอากาศ
23. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์
ก. โรคภูมิแพ้เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้โดยการสร้าง histamine จาก eosinophile
ข. SLE จัดเป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้าง antibody ต่อต้านตนเอง เนื่องจากการติดเชื้อชนิดรุนแรง
ค. anemiaและ polycytemia เป็นความผิดปกติของจานวนเม็ดเลือดแดงที่มากและน้อยกว่าปกติ
ง. leukemia และ AIDS เป็นความผิดปกติของจานวนเม็ดเลือดขาวที่มากและน้อยกว่าปกติ
24. รูปแบบการให้เลือดในข้อใดเป็นการให้และรับเลือดที่มีความปลอดภัยมากที่สุด (ผู้ให้ ผู้รับ)
ก. AB A ข. A O
B O B AB
ค. O A ง. B O
B AB A AB
25. จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ เส้นเลือดแดง (artery) ประกอบด้วยลักษณะดังข้อใด
(1) ประกอบด้วยผนัง 3 ชั้น (2) ผนังชั้นกลางหนาแข็งแรงมาก
(3) มีลิ้นกั้นอยู่ภายในเป็นระยะๆ (4) มีช่องว่างภายในขนาดใหญ่มาก
(5) เกิดการแลกเปลี่ยนสารต่างๆมาก (6) วัดได้ทั้งแรงดัน systolic และ diastolic
ก. (1) (2) (6) ข. (1) (3) (5) ค. (1) (4) (5) (6) ง. (1) (2) (3) (5)
26. ข้อใดเป็นกลไกการทาลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ (nonspecific defense)
(1) การอักเสบของบาดแผลที่ติดเชื้อ (2) การเกิดฟาโกไซโทซิสโดยโมโนไซต์
(3) การสร้างแอนติบอดีโดยลิมโฟไซต์ (4) การหลั่งไลโซไซม์จากต่อมน้าตา
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (4) ค. (1) (2) และ (4) ง. (2) (3) และ (4)
27. เมื่อศึกษาการไหลเวียนของเลือดในหางปลา พบว่า เส้นเลือดขนาดเล็กสานกันเป็นร่างแหอยู่ทั่วไป เส้นเลือดที่สาน
กันเป็นร่างแหนี้ น่าจะมีความสาคัญต่อปลาในแง่ใดมากที่สุด
ก. เลือดไหลเวียนได้ในอัตราที่เร็วขึ้น ข. เลือดไหลเวียนไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วถึง
ค. เลือดสามารถไหลเวียนได้ครบวงจร ง. เลือดจากเส้นเลือดแดงไหลเข้าสู่เส้นเลือดดาได้
28. ถ้า bicuspid valve เกิดการชารุด สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือข้อใด
ก. diastolic pressure มีค่าลดลง ข. diastolic pressure มีค่าเพิ่มขึ้น
ค. systolic pressure มีค่าลดลง ง. systolic pressure มีค่าเพิ่มขึ้น
- 6. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 6
29. นาย ก. มีน้าเลือดที่ทาปฏิกิริยาต่อต้านกับเม็ดเลือดแดงของคนที่มีหมู่เลือด AB นาย ก. ได้รับเลือดหมู่ O จานวน
หลายขวดเป็นเวลาระยะหนึ่ง และต่อมาเขาได้รับเลือดหมู่ O อีก พบว่าเกิดอาการจากปฏิกิริยาทาลายเม็ดเลือดในร่างกาย
ของนาย ก. ถ้านาย ก. จาเป็นต้องได้รับการให้เลือดอีก เลือดที่ให้ควรจะเป็นอย่างไร
ก. เลือดหมู่ O Rh-
ข. เลือดหมู่ O Rh+
ค. เลือดหมู่ A Rh+
ง. เลือดหมู่ B Rh-
30. การที่เราฉีดทอกซอยด์ (toxiod) และเซรุ่ม (serum) ของเชื้อบาดทะยักเข้าไปในร่างกายก็จะไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิด
ภูมิคุ้มกันชนิดใดและเป็นอย่างไร ตามลาดับ
(1) ภูมิคุ้มกันก่อเอง เกิดเร็ว หายเร็ว (2) ภูมิคุ้มกันก่อเอง เกิดช้า อยู่ได้นาน
(3) ภูมิคุ้มกันรับมา เกิดเร็ว หายเร็ว (4) ภูมิคุ้มกันรับมา เกิดช้า อยู่ได้นาน
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (4) และ (1)
31. ข้อใดกล่าวถึงวิธีการแลกเปลี่ยนก๊าซในสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่มีอวัยวะแลกเปลี่ยนก๊าซ ได้ถูกต้อง
ก. ฟองน้าจะอาศัยการไหลเวียนของก๊าซผ่านทางช่องอากาศ ที่อยู่ทั่วลาตัว
ข. โพรโทซัวจะอาศัยกระบวนการออสโมซิสระหว่างเยื่อหุ้มเซลล์กับสิ่งแวดล้อม
ค. ไฮดราจะอาศัยผิวลาตัวที่บางและการไหลเวียนน้าเข้าออกทางช่องว่างกลางลาตัว
ง. พลานาเรียซึ่งมีลาตัวแบนและบางทาให้พื้นผิวสัมผัสกับก๊าซน้อยจึงเกิดการแพร่ได้ดี
32. จากตารางแสดงอวัยวะในการแลกเปลี่ยนก๊าซของสัตว์น้า ข้อใดถูกต้อง
Gill arch Gill and
mantel
Book gill Respiratory
tree
Dermal
branchia
Gill
chamber
Parapodia
ก. ปลา หอย , หมึก แมงดาทะเล ปลิงทะเล ดาวทะเล กุ้ง แม่เพรียง
ข. กุ้ง ปลิงทะเล ปลา ดาวทะเล แม่เพรียง หอย , หมึก แมงดาทะเล
ค. แม่เพรียง ดาวทะเล แมงดาทะเล กุ้ง หอย , หมึก กุ้ง ปลา
ง. ปลา แม่เพรียง ดาวทะเล ปลิงทะเล กุ้ง หอย , หมึก แมงดาทะเล
33. ในปอดของมนุษย์แรงดันที่ทาให้เกิดการแพร่ของ O2 จากอากาศเข้าสู่น้าเลือดคือความแตกต่างของความดัน O2
ระหว่างอากาศกับเลือด ปัจจัยใดที่ทาให้เกิดความแตกต่างในความดันของ O2 อย่างแท้จริง
(1) การหมุนเวียนโลหิต (2) การถ่ายเทอากาศของปอด
(3) ผนังที่บางมากของถุงลม (4) พื้นที่ผิวทั้งหมดของถุงลม
ก. (1) , (2) ข. (1) , (4) ค. (2) , (3) ง. (3) , (4)
34. จากตารางแสดงอวัยวะในการแลกเปลี่ยนก๊าซของสัตว์บก ข้อใดถูกต้อง
ผิวหนัง ปอดเทียม Book lung ระบบท่อลม ปอด
ก. หอยทาก แมลง , กิ้งกือ กบ , นก , เต่า ไส้เดือน , กบ แมงมุม
ข. ไส้เดือน , กบ กบ , นก , เต่า แมงมุม แมลง , กิ้งกือ หอยทาก
ค. หอยทาก แมงมุม แมลง , กิ้งกือ ไส้เดือน , กบ กบ , นก , เต่า
ง. ไส้เดือน , กบ หอยทาก แมงมุม แมลง , กิ้งกือ กบ , นก , เต่า
- 7. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 7
35. นักเรียนใส่ยีสต์ปริมาณเท่ากันลงในขวด 2 ขวด คือ ขวด A และขวดB ในขวดทั้ง 2 นี้มีสารละลายน้าตาลที่มีปริมาณ
เท่ากันด้วย จากนั้นขวด A ปิดด้วยจุกสาลี ส่วนขวด B ปิดด้วยจุกยางหลังจากที่ตั้งทิ้งไว้1 อาทิตย์นักเรียนคิดว่าขวด
ไหนจะมีจานวนเซลล์ของยีสต์มากกว่ากัน เพราะเหตุใด
ก. ขวด A มากกว่า เพราะยีสต์ได้รับก๊าซออกซิเจนกระตุ้นให้มีการแบ่งเซลล์จานวนมาก
ข. ขวด B มากกว่า เพราะแอลกอฮอร์เป็นพิษซึ่งจะกระตุ้นให้เซลล์ยีสต์มีการแบ่งตัวมากขึ้น
ค. ขวด B มากกว่า เพราะเซลล์ยีสต์ขาดก๊าซออกซิเจนจึงต้องรีบมีการแบ่งตัวเพื่อความอยู่รอด
ง. ขวด A มากกว่า เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากขบวนการหายใจกระตุ้นให้มีการแบ่งเซลล์
36. ระดับพลังงานของสารต่างๆในกระบวนการ ETS เป็นอย่างไร ( cty. = cytochrom )
ก. FADH2 NADH+H+
Co Q cyt. b cyt. c cyt. a O2
ข. NADH+H+
FADH2 Co Q cyt. b cyt. c cyt. a O2
ค. FADH2 NADH+H+
cyt. a cyt. b cyt. c Co Q O2
ง. NADH+H+
FADH2 cyt. a cyt. b cyt. c Co Q O2
37. ข้อความต่อไปนี้ข้อใดที่กล่าวไม่ถูกต้อง
ก. นกมีถุงลมทาหน้าที่สาคัญในการแลกเปลี่ยนแก๊สร่วมกับปอดทาให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
ข. การลาเลียงและแลกเปลี่ยนก๊าซโดยการแพร่ (Diffusion) จะสามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ค. เมื่อนักเรียนวิ่งระยะไกลจะมีอาการหอบตามมานั้นก็เพื่อให้กรดแลกติกในกล้ามเนื้อเกิดการสลายตัว
ง. ลาดับทางเดินหายใจของคน คือ จมูกคอหอยหลอดลมคอท่อลมท่อลมย่อยถุงลมปอด
38. ข้อใดเป็นจริงในขณะที่เราหายใจออก และ หายใจเข้า ตามลาดับ
(1) กล้ามเนื้อซี่โครงแถบนอกหดตัว (2) กล้ามเนื้อซี่โครงแถบในหดตัว
(3) กล้ามเนื้อซี่โครงแถบนอกคลายตัว (4) กล้ามเนื้อซี่โครงแถบในคลายตัว
(5) กล้ามเนื้อกะบังลมหดตัว (6) กล้ามเนื้อกะบังลมคลายตัว
(7) ความดันอากาศในปอดลดลง (8) ความดันในปอดเพิ่มขึ้น
ก. (2) , (3) , (6) , (8) และ (1) , (4) , (5) , (7) ข. (1) , (4) , (5) , (7) และ (2) , (3) , (6) , (8)
ค. (1) , (3) , (5) , (8) และ (2) , (4) , (6) , (7) ง. (2) , (4) , (6) , (7) และ (1) , (3) , (5) , (8)
39. จากกราฟแสดงปริมาตรความจุปอดของมนุษย์ ข้อใดกล่าวผิดจากความเป็นจริง
ก. (1) แสดงถึงปริมาตรก๊าซที่เข้า-ออกจากปอดปกติ ข. (2) สามารถมีค่าเป็นศูนย์ได้ถ้าหายใจออกจนสุด
ค. (3) แสดงถึงความจุปอดสูงสุดเมื่อหายใจเข้าจนสุด ง. (1) (2) และ (3) จะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
40. “การแลกเปลี่ยนก๊าซของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เกิดขึ้นได้เพราะโครงสร้างอวัยวะแลกเปลี่ยนแก๊สทั้งหมดมีลักษณะ
พื้นฐานแบบเดียวกัน” ลักษณะพื้นฐานดังกล่าวนั้นคือข้อใด
ก. มีโครงสร้างผนังที่บางและชุ่มชื้นตลอดเวลา
ข. มีร่างแหเส้นเลือดต่างๆมาหล่อเลี้ยงมากตลอดเวลา
ค. มีการขยายตัวของพื้นที่ผิวมากขึ้นขณะแลกเปลี่ยนก๊าซ
ปริมาตรของอากาศ
ในปอด (cm3
)
เวลา
(2)
(1)
(3)
ง. มีพื้นผิวพับซ้อนไปมา ผนังบางและมีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมาก
- 8. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 8
41. การที่เราไม่สามารถกลั้นใจตายได้และสามารถเปลี่ยนแปลงการหายใจได้ตามอารมณ์ถือว่าเป็นการควบคุมจากสมอง
ส่วนใดบ้าง ตามลาดับ
(1) ซีรีบลัมคอเทกซ์ (2) ซีรีเบลลัม (3) พอนส์ (4) เมดัลลา (5) ไฮโพทาลามัส
ก. (4) (3) และ (1) (2) (5) ข. (4) (3) (5) และ (1) (2)
ค. (1) (2) และ (3) (4) (5) ง. (1) (2) (3) และ (4) (5)
42. ปฏิกิริยาเคมีข้อใดแสดงถึงการเกิดในบริเวณเส้นเลือดฝอยที่อวัยวะกล้ามเนื้อ
ก. Hb + O2 → HbO2 และ H+
+ HCO3 → H2CO3 → CO2 + H2O
ข. Hb + O2 → HbO2 และ CO2 + H2O → H2CO3 → HCO3
-
+ H+
ค. HbO2→ Hb + O2และ H+
+ HCO3 → H2CO3 → CO2 + H2O
ง. HbO2→ Hb + O2 และ CO2 + H2O → H2CO3 → HCO3
-
+ H+
43. ข้อใดกล่าวถึงขั้นตอนการสลายสารอาหารประเภทโปรตีนและไขมันเพื่อผลิตพลังงานภายในเซลล์ได้อย่างถูกต้อง
ก. โปรตีน กรดอะมิโน แอซิทิลโคเอนไซม์เอ กรดไพรูวิก วัฏจักรเครบส์
ข. โปรตีน กรดไพรูวิก กรดอะมิโน แอซิทิลโคเอนไซม์เอ วัฏจักรเครบส์
ค. ไขมัน กลีเซอรอล กรดไพรูวิก แอซิทิลโคเอนไซม์เอ วัฏจักรเครบส์
ง. ไขมัน กรดไขมัน กลีเซอรอล แอซิทิลโคเอนไซม์เอ วัฏจักรเครบส์
44. ข้อใดกล่าว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับกระบวนการหายใจระดับเซลล์แบบใช้ออกซิเจน (aerobic respiration)
ก. เมื่อได้รับออกซิเจนเพียงพอ เซลล์สัตว์โดยทั่วไปจะมีกระบวนการสลายลิพิดเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้า
ข. เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อลายจะมีการสร้างพลังงานสุทธิน้อยกว่าเซลล์ร่างกายทั่วไปอยู่จานวน 2 ATP
ค. NADH+H+
และ FADH2 เป็นตัวให้อิเล็กตรอนในการถ่ายทอดอิเล็กตรอน ซึ่งจะได้3 ATP และ 2 ATP ตามลาดับ
ง. glycolysis จะมีการสร้างน้าตาล 3 คาร์บอน จานวน 2 โมเลกุล ซึ่งต้องใช้2 ATP ในการกระตุ้นปฏิกิริยาก่อนเสมอ
45. ส่วนประกอบของเซลล์ที่มีสารประกอบที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการหายใจระดับเซลล์ข้อใดถูกต้อง
ETS
Glycolysis
Acetly CoA
synthesis
Krebs cycle
ก. (4) (2) (3) (1)
ข. (3) (1) (2) (4)
ค. (2) (3) (4) (1)
ง. (3) (1) (4) (2)
46. จากตารางแสดงจานวน ATP ที่เกิดขึ้นจากการสลาย glucose 1 โมเลกุลในเซลล์แบบใช้ออกซิเจน อย่างสมบูรณ์ (เมื่อ
ผ่านกระบวนการ ETS แล้ว) ข้อใด ถูกต้อง
Glycolysis Acetyl CoA synthesis Krebs cycle
ก. 6-8 ATP 8 ATP 22 ATP
ข. 4-6 ATP 6 ATP 24 ATP
ค. 6-8 ATP 6 ATP 24 ATP
ง. 4-6 ATP 8 ATP 22 ATP
(2)
(3) (4)
(1)
- 9. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 9
47. จากแผนภาพ Krebs cycle สาร A B C
D E ควรจะเป็นสารประกอบตามข้อใด
A B C D E
ก. acetyl CoA citric acid oxaloacetic acid CO2 -ketoglutalate
ข. pyruvic acid citric acid oxaloacetic acid ATP acetyl Co A
ค. acetyl CoA oxaloacetic acid citric acid CO2 pyruvic acid
ง. pyruvic acid oxaloacetic acid citric acid ATP -ketoglutalate
48. ข้อใดกล่าว ผิด จากความเป็นจริงเกี่ยวกับการสลายโมเลกุลสารแบบใช้ออกซิเจน
ก. ก๊าซออกซิเจนจะถูกนาไปใช้ทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นภายในไมโทคอนเดรียจนกระทั่งได้น้า
ข. กรดซิตริกเป็นสารที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างสารที่มีคาร์บอน 4 อะตอม กับอะซิทิลโคเอ
ค. การสลายกลูโคสจานวน 1 โมเลกุลจะมี NADH+H+
เกิดขึ้นมากที่สุดในวัฏจักรเครบส์
ง. การสลายโมเลกุลไขมันจะต้องผ่านขั้นตอนเบต้าออกซิเดชั่นก่อนเข้าสู่วัฏจักรเครบส์
49.
กระบวนการ สารที่ทาปฏิกิริยา ผลผลิตที่ได้
(1) glycolysis glucose,NAD+
,ADP+Pi pyruvate, NADH+H+
,ATP
(2) acetyl CoA synthesis pyruvate,co-enzymeA Acetyl CoA,CO2, NADH+H+
(3) Krebs cycle glucose,NAD+
,FAD+
,ADP+Pi NADH+H+
,FADH2,ATP
(4) ETS O2, NADH+H+
,FADH2,ADP+Pi H2O,CO2
จากตารางข้างบน กระบวนการของการหายใจระดับเซลล์ข้อใด ไม่ถูกต้อง
ก. (1) และ (2) ข. (2) และ (3) ค. (3) และ (4) ง. (1) และ (4)
50. ข้อใด กล่าวผิด เกี่ยวกับการหายใจแบบไม่ใช้O2
ก. หลังจากการออกกาลังกาย กล้ามเนื้อลายจะล้าเนื่องจากการสะสมกรดแลกติก
ข. การหมักแอลกอฮอร์จะใช้ยีสต์เปลี่ยนน้าตาลให้กลายเป็นเมทิลแอลกอฮอล์
ค. แบคทีเรียแลกโตบาซิลลัสสามารถเปลี่ยนน้าตาลในนมเป็นกรดแลกติกได้
ง. การหายใจโดยไม่ใช้O2 แต่ละแบบจะให้พลังงานออกมาจานวนเท่ากัน
A
B
C
Succinic
acid
E
D ,NADH+H+
CO2 ,NADH+H+
,ATP
FADH2 ,
NADH+H+
ความสาเร็จเป็นสิ่งที่ต้องทาอย่างต่อเนื่อง
มันคือความก้าวหน้าและพัฒนาการ
ความสาเร็จที่เกิดขึ้นกับสิ่งหนึ่ง
สามารถนาไปเป็นบันได
ไต่สู่ความสาเร็จในสิ่งอื่นต่อไป
จอห์น ซี. แม็กเวลล์
- 10. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 10
ชื่อ-นามสกุล......................................................................................................................ชั้น.......................เลขที่..............
คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตจาเป็นต้องอาศัยพลังงานซึ่งเกิดจากการทางานร่วมกันระหว่างระบบหมุนเวียน
และระบบหายใจ ร่างกายจึงจะสามารถเผาผลาญสารอาหารที่ดูดซึมไปใช้ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าทั้งระบบหมุนเวียนและ
ระบบหายใจต้องทางานร่วมกันเพื่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต” นักเรียนเห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย
พร้อมยกเหตุผล ตัวอย่างและวาดรูปประกอบชัดเจน( 5 คะแนน )
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
…………………………………………………………………………………………………………..............................
...............................................................................................................................................................…………………..
- 11. ม.4/1-4/2(ว40242) โรงเรียนทิวไผ่งาม หน้า 11
เฉลย
คาสั่งตอนที่ 2 อัตนัย 1 ข้อ : จง เขียนอธิบายให้ถูกต้องสมบูรณ์
1. “กระบวนการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตจาเป็นต้องอาศัยพลังงานซึ่งเกิดจากการทางานร่วมกันระหว่างระบบหมุนเวียน
และระบบหายใจ ร่างกายจึงจะสามารถเผาผลาญสารอาหารที่ดูดซึมไปใช้ได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าทั้งระบบหมุนเวียนและ
ระบบหายใจต้องทางานร่วมกันเพื่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต” นักเรียนเห็นด้วยกับประโยคข้างต้นหรือไม่ จงอธิบาย
พร้อมยกเหตุผลและตัวอย่างชัดเจน วาดรูปประกอบได้( 5 คะแนน )
...ระบบไหลเวียนเลือด มีหน้าที่นาออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญอาหารทาให้เกิดพลังงาน
คาร์บอนไดออกไซด์ และน้า คาร์บอนไดออกไซด์จะถูกนาออกนอกร่างกายโดยจะถูกลาเลียง มายังปอดและส่งออกทาง
ลมหายใจออก
ระบบหายใจ มนุษย์ทุกคนต้องหายใจเพื่อมีชีวิตอยู่ การหายใจเข้า อากาศผ่านไปตามอวัยวะของระบบหายใจ
ตามลาดับเพื่อจุดประสงค์สาคัญในการผลิตพลังงานจากสารอาหารหรือที่เรียกว่ากระบวนการหายใจระดับเซลล์
โดยสารอาหารที่ร่างกายได้รับต้องผ่านกระบวนการย่อย ดูดซึมและลาเลียงผ่านเข้ามาโดยระบบไหลเวียนเลือดสู่เซลล์
การแพร่อย่างเดียวไม่เพียงพอสาหรับการขนส่งสารเคมีไปบนระยะทางไกลๆ ในตัวสัตว์ ตัวอย่างเช่น การ
ขนส่งกลูโคสจากลาไส้ หรือว่าการขนส่งออกซิเจนจากปอดไปยังสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สาหรับการแพร่ของ
สารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งนั้น เวลาที่ใช้แปรตามกับกาลังสองของระยะทางที่สารเคมีนั้นต้องเดินทาง ตัวอย่างเช่น ถ้า
กลูโคสจานวนหนึ่งใช้เวลา 1 วินาทีในการแพร่ไประยะ 100ไมโครเมตร กลูโคสจานวนนั้นก็จะใช้เวลาถึง 100วินาทีใน
การแพร่ไปเป็นระยะทางเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ระบบหมุนเวียนมาแก้ปัญหาความล่าช้านี้โดยการรับประกันว่าจะไม่มีสาร
ใดที่ต้องแพร่ไกลเกินกว่าเหตุในการเข้าหรือออกจากเซลล์ ด้วยการขนส่งของไหลไปทั่วร่างกาย โดยหน้าที่มันจึง
เชื่อมต่อสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยน้าของร่างกายไปยังอวัยวะที่แลกเปลี่ยนก๊าซ ดูดซึมอาหาร และกาจัดของเสีย
ตัวอย่างเช่น ในปอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ออกซิเจนจากอากาศที่หานใจเข้าไปแพร่ผ่าน epithelium บางๆ และเข้าไป
ในเลือด ในขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์แพร่ในทิศทางตรงกันข้าม จากนั้นระบบหมุนเวียนก็จะขนส่งเลือดที่มีออกซิเจน
สูงไปยังทุกส่วนของร่างกาย ในขณะที่เลือดไหลผ่านเนื้อเยื่อภายในหลอดเลือดเล็กๆ ที่เรียกว่า capillary สารเคมีก็
ลาเลียงไปมาระหว่างเลือดและ interstitial fluid ซึ่งอาบเซลล์ไว้โดยตรงการลาเลียงสารเคมีภายในร่างกายและการ
แลกเปลี่ยนก๊าซมีความสัมพันธ์กันโดยหน้าที่
รูปแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระบบหมุนเวียนเลือดกับระบบหายใจในมนุษย์