วิชา ชีววิทยา ม.4

1. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

2. แบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้
 น้า 65 %
 โปรตีน 18 %
 ไขมัน 10 %
 คาร์โบไฮเดรต 5 %
 อื่นๆ 2 %

3. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

4. เป็นสารโมเลกุลเล็ก ไม่ซับซ้อน เช่น น้า แร่ธาตุแก๊สออกซิเจน

5.  สารโมเลกุลใหญ่ โครงสร้างซับซ้อน
 เช่น แป้ง น้าตาล โปรตีน ลิปิด วิตามิน กรดนิวคลีอิก

6. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

7. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

8. น้า(Water)
มีสูตรคือH2O โดยHและO ยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะโควาเลนต์
 เป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้องเพราะระหว่างโมเลกุลยึดเหนี่ยวด้วยพันธะไฮโดรเจน

9. ด้วยคุณสมบัติที่มีขั้วและแสดงได้ทั้ง๒ ขั้ว ของน้า
จึงทาให้น้ามีสมบัติเป็นตัวทาละลายที่ดีนั่นเอง

11. น้า(Water)

12. น้า(Water)

13. การสร้างพันธะไฮโดรเจน

14. สารที่ละลายน้าได้ดี( ชอบน้า) เรียกว่าไฮโดรฟิลิก(Hydrophillic)
สารที่ไม่ละลายน้า(ไม่ชอบน้า) เรียกว่า ไฮโดรโฟบิก (Hydrophobic)

15. เป็นส่วนประกอบของเซลล์และไซโตพลาสซึม
 ช่วยในการลาเลียง
 เป็นตัวกลางให้สารทาปฏิกริยาเคมี
ช่วยควบคุมอุณหภูมิ
 ช่วยขับถ่ายกากอาหารและของเสีย

18. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

19. นาไปใช้เป็นส่วนประกอบของสารอินทรีย์
จะอยู่ในรูปแบบของไอออนพืชจึงนาแร่ธาตุเหล่านี้เข้าเซลล์ โดยผ่านน้า
 เช่น โซเดียมไอออน, โพแทสเซียมไอออน

20. การเป็นส่วนประกอบของกระดูกฟันและกล้ามเนื้อ
รักษาดุลยภาพของกรดเบส
รักษาดุลยภาพของไอออน
#แร่ธาตุเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการน้อย แต่ขาดไม่ได้

21. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

22.  ประกอบด้วยคาร์บอน และไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ
 และอาจพบธาตุอื่น เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และกามะถัน

23. สารอินทรีย์จะอยู่ในรูปของหมู่ฟังก์ชัน ที่จับอยู่กับ ไฮโดรคาร์บอน
ลักษณะของหมู่ฟังก์ชัน จะทาให้สารอินทรีย์มีลักษณะแตกต่างกันไป

25. R O H
R C H
O
R C H
O
O
R C R’
O
R N H
H
R S H
R O O
O
P
O

27. เป็นสารอาหารที่ให้พลังงาน และต้องการในปริมาณที่มาก
เรียกอีกอย่างว่า แซคคาร์ไรด์(Saccharide)ประกอบด้วยธาตุ C,H, O

28. อัตราส่วนระหว่างอะตอมของไฮโดรเจน และออกซิเจน= 2 : 1
สูตรอย่างง่ายคือ (CH2O)n โดยn มีค่าตั้งแต่3 ขึ้นไป
ที่พบได้ทั่วไปคือ แป้ง และน้าตาล

29. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

30. เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดเล็กที่สุด มีรสหวาน ละลายน้าได้
ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนตั้งแต่3-7โมเลกุล
เช่น กลูโคส กาแล็กโตส ฟรุกโตส ไรโบส(5)

31. มอโนแซ็กคาไรด์(Monosaccharide)

32. คือมอโนแซ็คคาร์ไรด์ ตั้งแต่2-10โมเลกุล
จับกันด้วยพันธะไกลโคซิดิก(Glycosidic Bond)
การรวมกันของมอโนแซ็คคาร์ไรด์ 2โมเลกุลจะได้น้า1 โมเลกุล

33. ไดแซคคาร์ไรด์

34. ไดแซคคาร์ไรด์

35. โดย..ครูปินัชยา นาคจารูญ

36.  คือน้าตาลที่ใช้ประกอบอาหาร ประกอบด้วยกลูโคส และฟรุกโทส
พบได้ทั่วไปในผลไม้และพืชต่างๆ เช่น น้าตาลจากอ้อย มะพร้าว ตาล

37. พบในข้าวมอลต์ และเกิดจากการย่อยแป้ง
ประกอบด้วยกลูโคส2 โมเลกุล

38. พบในน้านม เป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
พบแลกโทสในน้านมแม่ถึงร้อยละ70 แต่ไม่พบแลกโทสในพืช
ประกอบด้วยกลูโคส และกาแลกโทส

39. ไดแซคคาร์ไรด์ที่สาคัญ

40. คือมอโนแซ็คคาร์ไรด์ ตั้งแต่11 – 1,000โมเลกุล
เรียงตัวแตกต่างกันตามชนิดบางชนิดเป็นสายยาวตรง บางชนิดเป็นกิ่งก้าน
ได้แก่เซลลูโลส แป้งและไกลโคเจน

41. 3.1เซลลูโลส (Cellulose)
เป็นสารอินทรีย์ที่พบมากที่สุดในโลก เป็นโครงสร้างหลักของผนังเซลล์ในพืช
 ประกอบด้วยกลูโคสที่มาเรียงต่อกัน (แบบไม่แตกแขนง)

42. 3.1เซลลูโลส (Cellulose)

43. 3.1เซลลูโลส (Cellulose)

44.  เก็บสะสมอยู่ในเซลล์พืช ประกอบด้วยกลูโคลเรียงต่อกัน
 แบ่งเป็น2แบบคืออะไมโลส ไม่แตกแขนงและอะไมโลเพคตินแตกแขนง

46. 3.2แป้ง (Starch)

47. 3.2แป้ง (Starch)

48.  พบในเซลล์ของสัตว์ (ในกล้ามเนื้อ)
 ประกอบด้วยกลูโคสที่มีการแตกแขนงกิ่งก้านจานวนมาก(แตกแขนงมากที่สุด)

49. 3.3 ไกลโคเจน (Glycogen)

50. เป็นแหล่งพลังงานในเซลล์ เช่น กลูโคส
เป็นแหล่งอาหารสะสมในสัตว์และพืช เช่น แป้งไกลโคเจน
เป็นส่วนประกอบของเซลล์และโครงสร้างของเซลล์ เช่น เซลลูโลส