ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์
Type of Computer Instruction
ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์
บทเรียนคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภทตามความคิดเห็นของนักการศึกษาที่พยายามคิดค้นรูปแบบของบทเรียนให้
สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน โดยยึดหลักการเรียนรู้ตามทฤษฎีการศึกษา โดยสรุปจะแบ่งออกได้ 5 ประเภท ดังนี้
1. แบบศึกษาเนื้อหาใหม่ (Tutorial)
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบศึกษาเนื้อหาใหม่มีดังนี้
1. บทนา (Introductory Section)
2. การนาเสนอเนื้อหา (Present Information)
3. คาถามและคาตอบ (Question and Response)
4. ตัดสินคาตอบ (Judge Response)
5. ตรวจปรับหรือแก้ไข (Feedback or Remediation)
6. จบบทเรียน (Closing)
การนาเสนอเนื้อหาบทนา คาถามและคาตอบ
จบบทเรียน ตรวจปรับหรือแก้ไข ตัดสินคาตอบ
2. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบฝึกทบทวน (Drill and Practice)
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบฝึกทบทวน มีดังนี้
1. บทนำ (Introductory Section)
2. เลือกข้อคำถำม (Select Item)
3. คำถำมและคำตอบ (Question and Response)
4. ตัดสินคำตอบ (Judge Response)
5. ตรวจปรับ (Feedback)
6. จบบทเรียน (Closing)
เลือกข้อคำถำมบทนำ คำถำมและคำตอบ
จบบทเรียน ตรวจปรับ ตัดสินคำตอบ
3. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์ (Simulation)
บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์จำแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. กำรจำลองสถำนกำรณ์ทำงกำยภำพ (Physical Simulations)
2. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของขั้นตอนกำรทำงำน (Procedural Simulations)
3. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของเหตุกำรณ์ (Situation Simulations)
4. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของกระบวนกำร (Process Simulations)
รูปแบบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์
รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
1. แบบเชิงเส้น (Linear Type)
เริ่มต้น
เหตุกำรณ์ที่
1
เหตุกำรณ์ที่
2
เหตุกำรณ์ที่
3
สิ้นสุด
เริ่มต้น
เหตุกำรณ์
ใหม่
กำรกระทำ
สิ้นสุด
กำร
ตัดสินใจ
2. แบบวนรอบ (Loop Type)
3. แบบซับซ้อน (Complex Type)
เริ่มต้น
ตัวเลือก
เหตุกำรณ์ที่
3
สิ้นสุด
กำร
ตัดสินใจ
เหตุกำรณ์ที่
1
เหตุกำรณ์ที่
2
เหตุกำรณ์ที่
4
เหตุกำรณ์ที่
5
4. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน (Instructional Game)
ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน จำแนกออกตำมลักษณะของเกมได้
10 ประเภทดังนี้
1. แบบเกมผจญภัย (Adventure Game) เช่น เกม Adventure ต่ำง ๆ
2. แบบเกมตำมศูนย์กำรค้ำ (Arcade-type Game) เช่น Pinball เกมแข่งรถ
3. แบบเกมกระดำน (Board Game) เช่น เกมหมำกรุก เกมกู้ระเบิด เกมทำยตัวเลข
4. แบบเกมไพ่หรือเกมกำรพนัน (Card or Gambling Game) เช่น เกมไพ่Poker
5. แบบเกมกำรต่อสู้ (Combat Game) เช่น เกม Fighter ต่ำง ๆ
6. แบบเกมตรรกะ (Logic Game) เช่น เกมยิงเรือ และ เกมยิงรถถัง สำหรับกำรฝึกหำตำแหน่งโคออดิ
เนต (Coordinate Point)
7. แบบเกมฝึกทักษะ (Psychomotor Game) เช่น เกม Typewriter สำหรับฝึกทักษะกำรใช้แป้ นพิมพ์
8. แบบเกมสวมบทบำท (Role-playing Game) เช่น เกม Sim City
9. เกมคำถำมทำงโทรทัศน์ (TV Quiz Game) เช่น เกม Hugo สำหรับฝึกควำมเร็วและกำรกด
แป้ นพิมพ์
10. เกมคำศัพท์ (Word Game) เช่น เกม Hangman และ เกม Wordzap สำหรับฝึกกำรสร้ำงคำศัพท์
ภำษำอังกฤษจำกตัวอักษรที่กำหนดให้
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน จะมีโครงสร้ำงพื้นฐำนคล้ำยกับบทเรียนคอมพิวเตอร์
แบบจำลองสถำนกำรณ์ ประกอบด้วยส่วนต่ำง ๆ ดังนี้
1. บทนำ (Introductory Section)
2. นำเสนอสถำนกำรณ์ (Present Scenario)
3. กำรกระทำที่ต้องกำร (Action Required)
4. กำรกระทำของผู้เรียน (Student Act)
5. กำรกระทำตรงข้ำม (Opponent Reacts)
6. กำรปรับระบบ (System Updates)
7. จบบทเรียน (Closing)
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน เริ่มต้นด้วยบทนำที่กล่ำวถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับหัวข้อ
บทเรียนและกำรนำเสนอบทเรียนแบบเกม หลังจำกนั้นจะเข้ำสู่ส่วนของกำรนำเสนอสถำนกำรณ์ คล้ำยกับบทเรียนคอมพิวเตอร์
แบบจำลองสถำนกำรณ์ ได้แก่ กำรนำเสนอกำรกระทำที่ต้องกำร และรอคอยกำรให้มีกำรปฏิสัมพันธ์จำกผู้เรียน (Student Acts)
หรือกำรตอบสนองตรงข้ำม (Opponent Reacts) จำกผู้เรียน หลังจำกนั้นบทเรียนจะทำกำรปรับระบบซึ่งเป็นกำรตรวจปรับตำม
กำรกระทำของผู้เรียนที่มีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน โดยบทเรียนจะนำเสนอสถำนกำรณ์วนซ้ำลักษณะเช่นนี้จนจบบทเรียน กำร
เรียนรู้เกิดขึ้นได้เนื่องจำกผู้เรียนได้ศึกษำกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน และบทเรียนแสดงผลสรุปของกำรกระทำนั้น ๆ ในลักษณะ
ของเกมกำรสอน
นาเสนอ
สถานการณ์
บทนา
การกระทาที่
ต้องการ
จบบทเรียน การปรับระบบ
การกระทาของผู้เรียน
การกระทาตรงข้าม
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมการสอน
5. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบใช้ทดสอบ (Test)
บทเรียนประเภทนี้เรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ แบบค้นพบ (Discovery) เป็นกำรใช้คอมพิวเตอร์ในกำรสร้ำง
แบบทดสอบ ซึ่งจัดว่ำ เป็นประเภทหนึ่ง ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ เนื่องจำกผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ในกำรทำแบบทดสอบ กำร
ทดสอบนับว่ำเป็นส่วนสำคัญที่สุดในกระบวนกำรเรียนกำรสอนที่จะประเมินผลผู้เรียนว่ำบรรลุตำมวัตถุประสงค์หรือไม่เพียงใด
ซึ่งสำมำรถทำได้ทุกขั้นตอนทั้งก่อนเริ่มเรียน ระหว่ำงกำรเรียน และหลังกำรเรียน
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบใช้ทดสอบ มีดังนี้
1. บทนำ (Introductory Section)
2. กำรเลือกข้อสอบ (Selection)
3. กำรนำเสนอข้อสอบ (Present Test)
4. กำรกระทำของผู้เรียน (Student Act)
5. กำรตัดสินคำตอบ (Judge Response)
6. จบบทเรียน (Closing)
กำรเลือกข้อสอบบทนำ
กำรนำเสนอ
ข้อสอบ
จบบทเรียน กำรตัดสินคำตอบ
กำรกระทำของ
ผู้เรียน
ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์
บทเรียนคอมพิวเตอร์ ได้ประยุกต์หลักการมาจากบทเรียนสาเร็จรูปแต่เพิ่มเทคนิควิธีการนาเสนอ และส่วนประกอบ
อื่น ๆ อันเป็นลักษณะคุณสมบัติเฉพาะของคอมพิวเตอร์เข้าไป ทาให้กลายเป็นบทเรียนที่สร้างความสนใจได้สูงส่วนประกอบของบทเรียน
บทเรียนคอมพิวเตอร์จึงอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันกับบทเรียนสาเร็จรูป ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. บทนาเรื่อง (Title)
2. คาชี้แจงบทเรียน (Instruction)
3. วัตถุประสงค์บทเรียน (Objective)
4. รายการให้เลือก (Menu)
5. แบบทดสอบก่อนบทเรียน (Pretest)
6. เนื้อหาบทเรียน (Information)
7. แบบทดสอบหลังบทเรียน (Posttest)
8. บทสรุปและการนาไปใช้งาน (Summary and Application)
รูปแบบการนาเสนอบทเรียนคอมพิวเตอร์
รูปแบบของการนาเสนอบทเรียนคอมพิวเตอร์ตามลักษณะเนื้อหาบทเรียน จาแนกออกเป็น3 รูปแบบ ดังนี้
1. แบบเนื้อหาอิสระไม่สัมพันธ์กัน
2. แบบเนื้อหาต่อเนื่องหรือสัมพันธ์กัน
3. แบบเนื้อหาทั่วไปไม่เน้นรูปแบบการเรียนการสอน
รายละเอียดแต่ละรูปแบบ มีดังนี้
คาชี้แจงบทเรียน
วัตถุประสงค์บทเรียน
เนื้อหาบทเรียน 2
รายการให้
เลือก
บทนาเรื่อง
บททดสอบก่อนเรียน
เนื้อหาบทเรียน 1 เนื้อหาบทเรียน 3
แบบทดสอบหลัง
บทเรียน
บทสรุปและการนาไปใช้
รูปแบบการนาเสนอเนื้อหาบทเรียนแบบเนื้อหาอิสระไม่สัมพันธ์กัน
บุคลากรทางด้านบทเรียนคอมพิวเตอร์
กล่าวกันว่าผู้ที่จะสามารถพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีนั้นควรจะเป็นนักการศึกษาที่มีความรู้ด้านการโปรแกรมเป็น
เป็นอย่างดี ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์โดยตรง เนื่องจากโปรแกรมเมอร์จะมีความถนัดทางด้านการโปรแกรมมากกว่าการออกแบบบทเรียน
บทเรียน อย่างไรก็ตามกระบวนการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพนั้น จะต้องประกอบด้วยบุคลากรด้านต่าง ๆ เพื่อ
เพื่อออกแบบและพัฒนาบทเรียนกัน ดังนี้
1. ผู้เขียน (Author) หรือผู้สอน
2. ผู้ออกแบบระบบการสอน (ISD : Instructional System Designer)
3. ช่างศิลป์ (Graphic Artist)
4. โปรแกรมเมอร์ประยุกต์ (Application Programmer)
5. ผู้จัดการโครงการ (Project Manager)
นอกจากนี้ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบนั้น ควรอยู่ภายใต้คาปรึกษาแนะนาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเรียกว่า
ซึ่งเรียกว่า Subject Matter Experts (SME) ได้แก่
1. ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและเนื้อหาเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านการออกแบบหลักสูตร
หลักสูตร และการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงการกาหนดเป้ าหมายและทิศทางของหลักสูตรวัตถุประสงค์ระดับการเรียนรู้ของผู้เรียน
ขอบข่ายของเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน ขอบข่ายรายละเอียดของเนื้อหาวิชา ตลอดจนวิธีการวัดและประเมินผลบทเรียน บุคคล
บุคคลกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่สามารถให้คาแนะนาและให้คาปรึกษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นทรัพยากรบุคคลทางด้านหลักสูตร
2 ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรสอน บุคคลกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ที่หน้ำที่ในกำรเสนอในเนื้อหำวิชำใดวิชำหนึ่งโดยเฉพำะ เป็นผู้ที่มี
ควำมรู้ควำมชำนำญ มีประสบกำรณ์ และมีควำมสำเร็จในด้ำนกำรเรียนกำรสอนเป็นอย่ำงดี เป็นต้น ว่ำมีควำมรู้ ในเนื้อหำอย่ำง
ลึกซึ้ง สำมำรถจัดลำดับควำมยำกง่ำยควำมสัมพันธ์และควำมต่อเนื่องของเนื้อหำได้ รู้เทคนิควิธีกำรนำ เสนอเนื้อหำหรือวิธีกำร
สอนออกแบบและสร้ำงบทเรียนได้ ตลอดจนวิธีกำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอย่ำงดีบุคคลกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่
ช่วยทำให้กำรออกแบบบทเรียนมีคุณภำพและน่ำสนใจมำกยิ่งขึ้น
3. ผู้เชี่ยวชำญด้ำนสื่อและวัสดุกำรสอน ผู้เชี่ยวชำญด้ำนสื่อกำรสอน จะช่วยทำหน้ำที่ให้คำปรึกษำในกำรออกแบบ
และวำงแผนกำรพัฒนำบทเรียน ประกอบด้วย กำรออกแบบและกำรจัดองค์ประกอบ กำรจัดวำงรูปแบบ กำรออกแบบ
หน้ำจอภำพ กำรออกแบบเฟรม กำรเลือกและวิธีกำรใช้ตัวอักษร กรำฟิก แผนภำพ แผนภูมิ รูปภำพ สี แสง เสียง กำรจัดทำ
รำยงำน และกำรแนะนำกำรใช้สื่อกำรเรียนกำรสอนอื่น ๆ ที่จะทำให้บทเรียนมีควำมสวยงำมและน่ำสนใจมำกยิ่งขึ้น
4. ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ บุคลำกรในกลุ่มนี้นับว่ำมีควำมสำคัญยิ่งที่จะทำให้ได้บทเรียน
คอมพิวเตอร์ทำงำนถูกต้องและสมบูรณ์ เป็นกลุ่มบุคคลที่มีควำมชำนำญทำงซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์หรือเป็ นโปรแกรมเมอร์
โดยตรง ทำหน้ำที่สร้ำงสรรค์ผลงำนในรูปของบทเรียนคอมพิวเตอร์หรือให้คำปรึกษำเกี่ยวกับกำรเลือกใช้ระบบนิพนธ์บทเรียน
กำรใช้อุปกรณ์ประกอบ และกำรแก้ไขโปรแกรม รวมทั้งกำรทำเอกสำรประกอบบทเรียน
Customer Project Manager
Instructional
System Designer
Subject Matter
Experts (SME)
Author
Graphic Artist
Application
Programmer
บุคลากรทางด้านบทเรียน
คอมพิวเตอร์
ระบบนิพนธ์บทเรียน (Authoring System)
ระบบนิพนธ์บทเรียน (Authoring System) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปที่ใช้พัฒนำบทเรียน
คอมพิวเตอร์หรืองำนมัลติมีเดีย ระบบนิพนธ์บทเรียนจึงสัมพันธ์กับส่วนอื่น ๆ นับตั้งแต่ขั้นตอนกำรออกแบบซึ่งเกี่ยวข้องกับ
เครื่องมือต่ำง ๆ สิ่งอำนวยควำมสะดวกและบทบำทหน้ำที่จนถึงขั้นกำรผลิตบทเรียนที่จะเก็บบันทึกไว้ในฐำนข้อมูล เพื่อนำไปใช้
กับผู้เรียนต่อไป ระบบนิพนธ์บทเรียนจะต้องมีหน้ำที่หลัก 4 ด้ำนสำคัญ ดังนี้
1. เตรียมข้อมูลเพื่อใช้ในกำรสร้ำงบทเรียน (Preparation)
2. สร้ำงตัวบทเรียน รวมทั้งสร้ำงข้อสอบ (Coureware Executor)
3. สร้ำงส่วนของกำรจัดกำรของบทเรียน (Management)
4. นำส่งบทเรียนไปยังผู้เรียน (Delivery)
คุณสมบัติและองค์ประกอบของระบบนิพนธ์บทเรียน จะต้องมีควำมสำมำรถดังนี้
1. ระบบควบคุมอินพุท/เอำท์พุท (I/O Control) ประกอบด้วย
1.1 กำรใช้ไฟล์ข้อมูล เช่น กำรเก็บบันทึก กำรนำเข้ำ กำรแสดงผล
1.2 มีระบบกรำฟิกรูปแบบต่ำง ๆ เช่น กำรสร้ำงรูปทรงเรขำคณิต
1.3 มีระบบกำรใช้ภำพและเสียงรูปแบบต่ำง ๆ ทั้งภำพนิ่งและภำพเคลื่อนไหว
1.4 สภำพแวดล้อมของระบบ (System Environment) ได้แก่ ระบบปฏิบัติกำรที่ใช้
1.5 มีระบบกำรสร้ำงแบบทดสอบ ข้อสอบ และคำถำม
1.6 สำมำรถสร้ำงระบบกำรจำลองสถำนกำรณ์ได้
1.7 มีระบบกำรเชื่อมต่อ (Interface System) ที่เป็นมำตรฐำน
1.8 ระบบกำรแสดงภำพออกทำงจอภำพลักษณะ WYSIWYG
1.9 ระบบกำรทดสอบและตรวจสอบกำรทำงำนของโปรแกรม
1.10 สนับสนุนกำรทำงำนในระบบเครือข่ำย
2. ระบบกำรสร้ำงบทเรียน (Authoring) ประกอบด้วย
2.1 ระบบควบคุมโมดูลของบทเรียนแบบต่อเนื่อง
2.2 ระบบควบคุมเฟรมเนื้อหำบทเรียนแบบต่อเนื่อง
2.3 สำมำรถสร้ำงเฟรมและข้อควำมแบบปฏิสัมพันธ์ได้
2.4 สำมำรถสร้ำงรูปแบบตัวอักษรแบบต่ำง ๆ และขนำดต่ำง ๆ ได้
2.5 สำมำรถสร้ำงพจนำนุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ได้
2.6 สำมำรถสร้ำงกรำฟิกเป็นรูปแบบ (Pattern) ต่ำง ๆ ได้
2.7 สำมำรถทำงำนร่วมกับโปรแกรมต่ำง ๆ ได้
2.8 สำมำรถสร้ำงบทเรียนประเภทต่ำง ๆ ได้
2.9 มีระบบที่สำมำรถสร้ำงเครื่องมือต่ำง ๆ ของบทเรียน
2.10 มีรูปแบบของกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนหลำยรูปแบบ
2.11 สำมำรถเขียนโปรแกรมกำรจัดกำรบทเรียนได้
3. ระบบฟังก์ชันพิเศษแลเครื่องมือ (Special Functions and Tools) ประกอบด้วย
3.1 มีฟังก์ชันและโปรแกรมย่อยให้เรียกใช้งำน
3.2 มีระบบกำรจัดเตรียมหน้ำจอภำพ กำรจัดเฟรมบทเรียน
3.3 มีระบบไฮเปอร์ลิงค์เพื่อกำรเชื่อมโยงข้อมูลหรือภำพ
3.4 มีระบบช่วยอำนวยควำมสะดวกต่ำง ๆ
4. ระบบกำรจัดกำรบทเรียน (Courseware Executor) ประกอบด้วย
4.1 สำมำรถจัดลำดับบทเรียนได้เช่น รำยวิชำ หน่วยกำรเรียน โมดูล หรือเฟรม
4.2 สำมำรถจัดกำรเกี่ยวกับระเบียนของผู้เรียน เช่น รหัส และชื่อผู้เรียน
4.3 สำมำรถจัดเก็บข้อมูลและผลกำรเรียนได้
4.4 มีระบบนำส่งบทเรียน (Delivery System) ไปยังผู้เรียน
4.5 มีระบบกำรจัดกำรในส่วนของคำแนะนำกำรเรียน กำรทำแบบฝึกหัด และคู่มือกำรใช้งำน เป็นต้น
ระบบนิพนธ์บทเรียน
(Authoring Functions)
ฐานข้อมูลบทเรียน
(Courseware Database)
บทบาทและหน้าที่
(Authoring Functions)
การผลิตบทเรียน
(Courseware Construction)
สิ่งอานวยความสะดวก
(Authoring Utilities)
ระบบการจัดบทเรียน
(CMI)
เครื่องมือต่าง ๆ
(Authoring Tools)
ผู้สร้างบทเรียน
(Author)
บทเรียน/ผลผลิต
(Delivery System)
บทเรียน
(Lesson)
ผู้เรียน
(Student)
การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยใช้ระบบนิพนธ์บทเรียน
จำกคุณสมบัติดังกล่ำว สำมำรถกำหนดเป็นเกณฑ์พิจำรณำเลือกระบบนิพนธ์บทเรียน เพื่อใช้พัฒนำบทเรียน
คอมพิวเตอร์ดังนี้
1. ควำมง่ำยในกำรใช้งำน
2. ควำมสำมำรถในกำรนำเสนอผลงำนหลังจำกพัฒนำบทเรียนเสร็จแล้ว
3. ควำมสำมำรถในกำรติดต่อกับผู้ใช้
4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ตัวแปรและฟังก์ชันในกำรคำนวณและประมวลผล
5. ควำมสำมำรถในกำรใช้งำนร่วมกับซอฟท์แวร์อื่น ๆ
6. มีลักษณะและรูปแบบกำรทำงำนเป็นแบบโมดูล
7. ควำมสำมำรถด้ำนมัลติมีเดีย
8. ควำมสำมำรถในกำรสนับสนุนด้ำนกำรทำเอกสำรประกอบบทเรียนคอมพิวเตอร์
9. ควำมสำมำรถในกำรส่งบทเรียน (Delivery) ที่พัฒนำแล้วไปให้ผู้เรียน
10. ควำมสำมำรถในกำรนำบทเรียนที่พัฒนำแล้วไปใช้งำนกับคอมพิวเตอร์
11. ควำมสำมำรถในกำรใช้งำนทั้งแบบโดยลำพังและบนเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต
12. ควำมสำมำรถในกำรพัฒนำโปรแกรมเพิ่ม
13. ค่ำใช้จ่ำยของระบบนิพนธ์บทเรียน
Authorware
ระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware มีคุณสมบัติเด่น 3 ประกำร ที่สนับสนุนกำรพัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ระบบมัลติมีเดีย
รวมทั้งกำรกระจำยบทเรียนที่พัฒนำแล้วไปยังผู้ใช้ได้แก่
1. Object Authoring กำรออกแบบโปรแกรมด้วยเทคนิคนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับกำรออกแบบโปรแกรมหรือผู้ที่ไม่มี
ประสบกำรณ์มำก่อนสำมำรถทุ่มเทควำมสนใจไปยังรำยละเอียดของเนื้อหำบทเรียนและวิธีกำรโต้ตอบของผู้ใช้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกำร
เขียนโปรแกรม โดยกำรใช้สัญลักษณ์รูป (Icon) แทนคำสั่งทำให้ผู้ใช้สำมำรถสร้ำงโปรแกรมที่มีคุณภำพสูงได้อย่ำงง่ำย
2. Multimedia Tools โปรแกรม Authorware ประกอบด้วยเครื่องมือด้ำนมัลติมีเดียอย่ำงสมบูรณ์ ผู้ใช้สำมำรถสร้ำงบทเรียนที่
ประกอบด้วยข้อควำม รูปภำพ เสียง ภำพเคลื่อนไหว และวีดิทัศน์เขำด้วยกันทำให้ได้บทเรียนที่มีประสิทธิภำพในกำรใช้เพื่อเรียนกำรสอนและ
กำรฝึกอบรม ตลอดจนกำรประยุกต์ใช้งำนด้ำนอื่น ๆ เช่น กำรจำลองกำรทำงำน กำรนำเสนอสินค้ำและกำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ได้เป็นอย่ำง
ดี
3. Multi-Plateform กำรออกแบบโปรแกรมให้สำมำรถใช้ได้หลำยเพลทฟอร์มทำให้ผู้ใช้ได้รับควำมสะดวก ไม่ว่ำจะเป็นบนแมค
อินทอชหรือเครื่องไอบีเอ็มพีซี มีกำรทำงำนที่คล้ำยคลึงกันนอกจำกนี้ยังสำมำรถติดต่อไปยังภำยนอกระบบ ไม่ว่ำจะเป็นกำรใช้ระบบฐำนข้อมูล
หรือระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ คำสั่งในกำรทำงำนต่ำง ๆ ทั้งสองเพลทฟอร์มจะไม่แตกต่ำงกันมำก
สิ่งที่สำคัญประกำรหนึ่งที่ทำให้ระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware ได้รับควำมนิยมอย่ำงแพร่หลำยก็คือเป็นโปรแกรมทำใช้ง่ำย
เช่น กำรที่ออกแบบคำสั่งต่ำง ๆ ในรูปของสัญรูป กำรสร้ำงโปรแกรมด้วยกำรวำงสัญรูปไปเรียงไว้บนเส้นโฟลว์ (Flow Line) และโปรแกรม
สำมำรถทำงำนได้อย่ำงถูกต้องอีกทั้งยังสนับสนุนวิธีกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนหลำยวิธี ปัจจัยต่ำง ๆ ดังกล่ำวนี้จึงไมมี่ควำมจำเป็นต้องเรียนรู้
กำรใช้คำสั่งต่ำง ๆ ในลักษณะภำษำคอมพิวเตอร์แต่อย่ำงใด
Multimedia Toolbooks
Multimedia Toolbooks เป็นระบบนิพนธ์บทเรียนอีกระบบหนึ่งที่มีชื่อเสียงแพร่หลำยไม่น้อยกว่ำระบบนิพนธ์บทเรียน
Authorware โดยเป็นโปรแกรมประเภทไฮเปอร์กำร์ด ออกแบบขึ้นมำเพื่อใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์และงำนมัลติมีเดียในครั้งแรกได้
พัฒนำขึ้นเพื่อใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์บนเพลทฟอรม์ แมคอินทอช ต่อมำได้ปรับเปลี่ยนให้สำมำรถใช้งำนกับเครื่องไอบีเอ็มพีซีได้อีกเพลท
ฟอร์มหนึ่ง
คุณลักษณะของ Multimedia Toolbooks มีดังนี้
1. ลักษณะของกำรจัดกำรบทเรียน
2. จุดด้อยของโปรแกรมส่วนหนึ่งก็คือ กำรสร้ำงภำพเคลื่อนไหว
3. จุดเด่นของโปรแกรมอีกส่วนหนึ่งก็คือควำมสำมำรถด้ำนไฮเปอร์เท็กซ์
4. ด้ำนมัลติมีเดีย Toolbooks
5. กำรควบคุมวัตถุหลำยอย่ำง
สรุปได้ว่ำ ระบบนิพนธ์บทเรียน Multimedia Toolbooks เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีอีก
โปรแกรมหนึ่ง ตัวโปรแกรมสนับสนุนกำรทำงำนระบบมัลติมีเดียได้อย่ำงสมบูรณ์ แม้จะมีข้อด้อยบำงประกำรเกี่ยวกับกำรสร้ำงภำพเคลื่อนไหว
และควำมเร็วในกำรประมวลผล โดยจะต้องใช้เครื่องที่หน่วยประมวลผลกลำงมีควำมสำมำรถสูง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบนิพนธ์บทเรียน
Authorware เนื่องจำกควำมจุของตัวโปรแกรมมีมำกกว่ำ แต่ข้อดีของโปรแกรมก็คือ ควำมยืดหยุ่นในกำรทำงำน ทำให้สำมำรถพัฒนำบทเรียน
ในรูปของไฮเปอร์เท็กซ์ได้ดี รวมทั้งควำมสำมำรถพัฒนำระบบฐำนข้อมูลเพื่อใช้ในบทเรียน และโครงสร้ำงบทเรียนที่มีลักษณะของกำรโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ ซึ่งเหมำะสำหรับผู้ที่มีควำมรู้ด้ำนกำรโปรแกรมมำก่อน
Icon Author
ระบบนิพนธ์บทเรียน Icon Author เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปอีกโปรแกรมหนึ่งที่มีลักษณะกำรใช้งำนคล้ำยกับ
Authorware และ Multimedia Toolbooks เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท AimTechแห่งประเทศสหรัฐอเมริกำ เป็นระบบนิพนธ์
บทเรียนที่ได้รับกำรยอมรับว่ำสำมำรถใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีเช่นกัน
กำรพัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรม Icon Author จะมีวิธีกำรเช่นเดียวกันกับระบบนิพนธ์บทเรียน
Authorware โดยใช้สัญลักษณ์รูปที่มีอยู่ใน สครอลบำร์ แล้วจับมำวำงไว้บนผังงำนที่หน้ำจอภำพทำให้ผู้ที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ก็
สำมำรถใช้งำนได้ สัญรูปมีให้เลือกใช้งำนหลำยกลุ่มเพื่อป้ องกันควำมสับสนในกำรใช้งำน สัญรูปที่ดึงไปใช้บนผังงำน สำมำรถ
แทรกเพิ่มเติมหรือลบทิ้งได้โดยนำไปทิ้งลงในถังขยะ พร้อมทั้งมีระบบอำนวยควำมสะดวก ได้แก่ มี Ribbon ซึ่ง
จุดเด่นอีกประกำรหนึ่งของ Icon Author ก็คือ ควำมสำมำรถในกำรทำงำนร่วมกับข้อมูลและโปรแกรมภำยนอก
ผ่ำนทำงสัญรูป DDE ซึ่งใช้สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโปรแกรมอื่น ๆ หรือต่อเชื่อมเข้ำกับ DLL เพื่อใช้ฟังก์ชันพิเศษ นอกจำกนี้
ยังสำมำรถเรียกใช้โปรแกรมอื่น ๆ ให้ทำงำนร่วมกันได้ นับว่ำเป็นจุดเด่นที่สำคัญของโปรแกรม Icon Author ซึ่งทั้งระบบนิพนธ์
บทเรียนMacromedia Authorware และ Multimedia Toolbooks จะไม่มีฟังก์ชันในส่วนนี้กำรเชื่อมต่อเข้ำกับระบบภำยนอก
ผู้พัฒนำบทเรียนจะต้องเขียนโปรแกรม DLL เชื่อมโยงข้อมูลที่ต้องกำรเอง แต่กำรที่โปรแกรมมีส่วนสนับสนุนกำรใช้งำนมำกมำย
ทำให้กำรใช้โปรแกรมมีควำมยุ่งยำกกว่ำระบบนิพนธ์บทเรียนทั้งสองที่ผ่ำนมำ โดยเฉพำะกำรใช้เสียงประกอบ แม้ว่ำจะมีสัญรูป
สนับสนุนกำรใช้เสียงทั้งไฟล .wav และ .mid ก็ตำม แต่ก็ยุ่งยำกในกำรค้นหำไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ก่อนหน้ำนั้น
บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์

บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์

  • 1.
  • 2.
    ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภทตามความคิดเห็นของนักการศึกษาที่พยายามคิดค้นรูปแบบของบทเรียนให้ สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน โดยยึดหลักการเรียนรู้ตามทฤษฎีการศึกษาโดยสรุปจะแบ่งออกได้ 5 ประเภท ดังนี้ 1. แบบศึกษาเนื้อหาใหม่ (Tutorial) ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบศึกษาเนื้อหาใหม่มีดังนี้ 1. บทนา (Introductory Section) 2. การนาเสนอเนื้อหา (Present Information) 3. คาถามและคาตอบ (Question and Response) 4. ตัดสินคาตอบ (Judge Response) 5. ตรวจปรับหรือแก้ไข (Feedback or Remediation) 6. จบบทเรียน (Closing) การนาเสนอเนื้อหาบทนา คาถามและคาตอบ จบบทเรียน ตรวจปรับหรือแก้ไข ตัดสินคาตอบ
  • 3.
    2. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบฝึกทบทวน (Drilland Practice) ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบฝึกทบทวน มีดังนี้ 1. บทนำ (Introductory Section) 2. เลือกข้อคำถำม (Select Item) 3. คำถำมและคำตอบ (Question and Response) 4. ตัดสินคำตอบ (Judge Response) 5. ตรวจปรับ (Feedback) 6. จบบทเรียน (Closing) เลือกข้อคำถำมบทนำ คำถำมและคำตอบ จบบทเรียน ตรวจปรับ ตัดสินคำตอบ
  • 4.
    3. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์ (Simulation) บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์จำแนกออกเป็น4 ประเภท ดังนี้ 1. กำรจำลองสถำนกำรณ์ทำงกำยภำพ (Physical Simulations) 2. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของขั้นตอนกำรทำงำน (Procedural Simulations) 3. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของเหตุกำรณ์ (Situation Simulations) 4. กำรจำลองสถำนกำรณ์ของกระบวนกำร (Process Simulations) รูปแบบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์ รูปแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบจำลองสถำนกำรณ์ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้ 1. แบบเชิงเส้น (Linear Type) เริ่มต้น เหตุกำรณ์ที่ 1 เหตุกำรณ์ที่ 2 เหตุกำรณ์ที่ 3 สิ้นสุด เริ่มต้น เหตุกำรณ์ ใหม่ กำรกระทำ สิ้นสุด กำร ตัดสินใจ
  • 5.
    2. แบบวนรอบ (LoopType) 3. แบบซับซ้อน (Complex Type) เริ่มต้น ตัวเลือก เหตุกำรณ์ที่ 3 สิ้นสุด กำร ตัดสินใจ เหตุกำรณ์ที่ 1 เหตุกำรณ์ที่ 2 เหตุกำรณ์ที่ 4 เหตุกำรณ์ที่ 5
  • 6.
    4. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน (InstructionalGame) ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน จำแนกออกตำมลักษณะของเกมได้ 10 ประเภทดังนี้ 1. แบบเกมผจญภัย (Adventure Game) เช่น เกม Adventure ต่ำง ๆ 2. แบบเกมตำมศูนย์กำรค้ำ (Arcade-type Game) เช่น Pinball เกมแข่งรถ 3. แบบเกมกระดำน (Board Game) เช่น เกมหมำกรุก เกมกู้ระเบิด เกมทำยตัวเลข 4. แบบเกมไพ่หรือเกมกำรพนัน (Card or Gambling Game) เช่น เกมไพ่Poker 5. แบบเกมกำรต่อสู้ (Combat Game) เช่น เกม Fighter ต่ำง ๆ 6. แบบเกมตรรกะ (Logic Game) เช่น เกมยิงเรือ และ เกมยิงรถถัง สำหรับกำรฝึกหำตำแหน่งโคออดิ เนต (Coordinate Point) 7. แบบเกมฝึกทักษะ (Psychomotor Game) เช่น เกม Typewriter สำหรับฝึกทักษะกำรใช้แป้ นพิมพ์ 8. แบบเกมสวมบทบำท (Role-playing Game) เช่น เกม Sim City 9. เกมคำถำมทำงโทรทัศน์ (TV Quiz Game) เช่น เกม Hugo สำหรับฝึกควำมเร็วและกำรกด แป้ นพิมพ์ 10. เกมคำศัพท์ (Word Game) เช่น เกม Hangman และ เกม Wordzap สำหรับฝึกกำรสร้ำงคำศัพท์ ภำษำอังกฤษจำกตัวอักษรที่กำหนดให้
  • 7.
    ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน จะมีโครงสร้ำงพื้นฐำนคล้ำยกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ แบบจำลองสถำนกำรณ์ ประกอบด้วยส่วนต่ำงๆ ดังนี้ 1. บทนำ (Introductory Section) 2. นำเสนอสถำนกำรณ์ (Present Scenario) 3. กำรกระทำที่ต้องกำร (Action Required) 4. กำรกระทำของผู้เรียน (Student Act) 5. กำรกระทำตรงข้ำม (Opponent Reacts) 6. กำรปรับระบบ (System Updates) 7. จบบทเรียน (Closing) ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบเกมกำรสอน เริ่มต้นด้วยบทนำที่กล่ำวถึงเรื่องทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับหัวข้อ บทเรียนและกำรนำเสนอบทเรียนแบบเกม หลังจำกนั้นจะเข้ำสู่ส่วนของกำรนำเสนอสถำนกำรณ์ คล้ำยกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ แบบจำลองสถำนกำรณ์ ได้แก่ กำรนำเสนอกำรกระทำที่ต้องกำร และรอคอยกำรให้มีกำรปฏิสัมพันธ์จำกผู้เรียน (Student Acts) หรือกำรตอบสนองตรงข้ำม (Opponent Reacts) จำกผู้เรียน หลังจำกนั้นบทเรียนจะทำกำรปรับระบบซึ่งเป็นกำรตรวจปรับตำม กำรกระทำของผู้เรียนที่มีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน โดยบทเรียนจะนำเสนอสถำนกำรณ์วนซ้ำลักษณะเช่นนี้จนจบบทเรียน กำร เรียนรู้เกิดขึ้นได้เนื่องจำกผู้เรียนได้ศึกษำกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน และบทเรียนแสดงผลสรุปของกำรกระทำนั้น ๆ ในลักษณะ ของเกมกำรสอน
  • 8.
  • 9.
    5. บทเรียนคอมพิวเตอร์แบบใช้ทดสอบ (Test) บทเรียนประเภทนี้เรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำแบบค้นพบ (Discovery) เป็นกำรใช้คอมพิวเตอร์ในกำรสร้ำง แบบทดสอบ ซึ่งจัดว่ำ เป็นประเภทหนึ่ง ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ เนื่องจำกผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ในกำรทำแบบทดสอบ กำร ทดสอบนับว่ำเป็นส่วนสำคัญที่สุดในกระบวนกำรเรียนกำรสอนที่จะประเมินผลผู้เรียนว่ำบรรลุตำมวัตถุประสงค์หรือไม่เพียงใด ซึ่งสำมำรถทำได้ทุกขั้นตอนทั้งก่อนเริ่มเรียน ระหว่ำงกำรเรียน และหลังกำรเรียน ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์แบบใช้ทดสอบ มีดังนี้ 1. บทนำ (Introductory Section) 2. กำรเลือกข้อสอบ (Selection) 3. กำรนำเสนอข้อสอบ (Present Test) 4. กำรกระทำของผู้เรียน (Student Act) 5. กำรตัดสินคำตอบ (Judge Response) 6. จบบทเรียน (Closing) กำรเลือกข้อสอบบทนำ กำรนำเสนอ ข้อสอบ จบบทเรียน กำรตัดสินคำตอบ กำรกระทำของ ผู้เรียน
  • 10.
    ส่วนประกอบของบทเรียนคอมพิวเตอร์ บทเรียนคอมพิวเตอร์ ได้ประยุกต์หลักการมาจากบทเรียนสาเร็จรูปแต่เพิ่มเทคนิควิธีการนาเสนอ และส่วนประกอบ อื่นๆ อันเป็นลักษณะคุณสมบัติเฉพาะของคอมพิวเตอร์เข้าไป ทาให้กลายเป็นบทเรียนที่สร้างความสนใจได้สูงส่วนประกอบของบทเรียน บทเรียนคอมพิวเตอร์จึงอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันกับบทเรียนสาเร็จรูป ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 1. บทนาเรื่อง (Title) 2. คาชี้แจงบทเรียน (Instruction) 3. วัตถุประสงค์บทเรียน (Objective) 4. รายการให้เลือก (Menu) 5. แบบทดสอบก่อนบทเรียน (Pretest) 6. เนื้อหาบทเรียน (Information) 7. แบบทดสอบหลังบทเรียน (Posttest) 8. บทสรุปและการนาไปใช้งาน (Summary and Application)
  • 11.
    รูปแบบการนาเสนอบทเรียนคอมพิวเตอร์ รูปแบบของการนาเสนอบทเรียนคอมพิวเตอร์ตามลักษณะเนื้อหาบทเรียน จาแนกออกเป็น3 รูปแบบดังนี้ 1. แบบเนื้อหาอิสระไม่สัมพันธ์กัน 2. แบบเนื้อหาต่อเนื่องหรือสัมพันธ์กัน 3. แบบเนื้อหาทั่วไปไม่เน้นรูปแบบการเรียนการสอน รายละเอียดแต่ละรูปแบบ มีดังนี้
  • 12.
    คาชี้แจงบทเรียน วัตถุประสงค์บทเรียน เนื้อหาบทเรียน 2 รายการให้ เลือก บทนาเรื่อง บททดสอบก่อนเรียน เนื้อหาบทเรียน 1เนื้อหาบทเรียน 3 แบบทดสอบหลัง บทเรียน บทสรุปและการนาไปใช้ รูปแบบการนาเสนอเนื้อหาบทเรียนแบบเนื้อหาอิสระไม่สัมพันธ์กัน
  • 13.
    บุคลากรทางด้านบทเรียนคอมพิวเตอร์ กล่าวกันว่าผู้ที่จะสามารถพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีนั้นควรจะเป็นนักการศึกษาที่มีความรู้ด้านการโปรแกรมเป็น เป็นอย่างดี ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์โดยตรง เนื่องจากโปรแกรมเมอร์จะมีความถนัดทางด้านการโปรแกรมมากกว่าการออกแบบบทเรียน บทเรียนอย่างไรก็ตามกระบวนการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพนั้น จะต้องประกอบด้วยบุคลากรด้านต่าง ๆ เพื่อ เพื่อออกแบบและพัฒนาบทเรียนกัน ดังนี้ 1. ผู้เขียน (Author) หรือผู้สอน 2. ผู้ออกแบบระบบการสอน (ISD : Instructional System Designer) 3. ช่างศิลป์ (Graphic Artist) 4. โปรแกรมเมอร์ประยุกต์ (Application Programmer) 5. ผู้จัดการโครงการ (Project Manager) นอกจากนี้ การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบนั้น ควรอยู่ภายใต้คาปรึกษาแนะนาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเรียกว่า ซึ่งเรียกว่า Subject Matter Experts (SME) ได้แก่ 1. ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและเนื้อหาเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางด้านการออกแบบหลักสูตร หลักสูตร และการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงการกาหนดเป้ าหมายและทิศทางของหลักสูตรวัตถุประสงค์ระดับการเรียนรู้ของผู้เรียน ขอบข่ายของเนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน ขอบข่ายรายละเอียดของเนื้อหาวิชา ตลอดจนวิธีการวัดและประเมินผลบทเรียน บุคคล บุคคลกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่สามารถให้คาแนะนาและให้คาปรึกษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นทรัพยากรบุคคลทางด้านหลักสูตร
  • 14.
    2 ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรสอน บุคคลกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ที่หน้ำที่ในกำรเสนอในเนื้อหำวิชำใดวิชำหนึ่งโดยเฉพำะเป็นผู้ที่มี ควำมรู้ควำมชำนำญ มีประสบกำรณ์ และมีควำมสำเร็จในด้ำนกำรเรียนกำรสอนเป็นอย่ำงดี เป็นต้น ว่ำมีควำมรู้ ในเนื้อหำอย่ำง ลึกซึ้ง สำมำรถจัดลำดับควำมยำกง่ำยควำมสัมพันธ์และควำมต่อเนื่องของเนื้อหำได้ รู้เทคนิควิธีกำรนำ เสนอเนื้อหำหรือวิธีกำร สอนออกแบบและสร้ำงบทเรียนได้ ตลอดจนวิธีกำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นอย่ำงดีบุคคลกลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ ช่วยทำให้กำรออกแบบบทเรียนมีคุณภำพและน่ำสนใจมำกยิ่งขึ้น 3. ผู้เชี่ยวชำญด้ำนสื่อและวัสดุกำรสอน ผู้เชี่ยวชำญด้ำนสื่อกำรสอน จะช่วยทำหน้ำที่ให้คำปรึกษำในกำรออกแบบ และวำงแผนกำรพัฒนำบทเรียน ประกอบด้วย กำรออกแบบและกำรจัดองค์ประกอบ กำรจัดวำงรูปแบบ กำรออกแบบ หน้ำจอภำพ กำรออกแบบเฟรม กำรเลือกและวิธีกำรใช้ตัวอักษร กรำฟิก แผนภำพ แผนภูมิ รูปภำพ สี แสง เสียง กำรจัดทำ รำยงำน และกำรแนะนำกำรใช้สื่อกำรเรียนกำรสอนอื่น ๆ ที่จะทำให้บทเรียนมีควำมสวยงำมและน่ำสนใจมำกยิ่งขึ้น 4. ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ บุคลำกรในกลุ่มนี้นับว่ำมีควำมสำคัญยิ่งที่จะทำให้ได้บทเรียน คอมพิวเตอร์ทำงำนถูกต้องและสมบูรณ์ เป็นกลุ่มบุคคลที่มีควำมชำนำญทำงซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์หรือเป็ นโปรแกรมเมอร์ โดยตรง ทำหน้ำที่สร้ำงสรรค์ผลงำนในรูปของบทเรียนคอมพิวเตอร์หรือให้คำปรึกษำเกี่ยวกับกำรเลือกใช้ระบบนิพนธ์บทเรียน กำรใช้อุปกรณ์ประกอบ และกำรแก้ไขโปรแกรม รวมทั้งกำรทำเอกสำรประกอบบทเรียน
  • 15.
    Customer Project Manager Instructional SystemDesigner Subject Matter Experts (SME) Author Graphic Artist Application Programmer บุคลากรทางด้านบทเรียน คอมพิวเตอร์
  • 16.
    ระบบนิพนธ์บทเรียน (Authoring System) ระบบนิพนธ์บทเรียน(Authoring System) เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปที่ใช้พัฒนำบทเรียน คอมพิวเตอร์หรืองำนมัลติมีเดีย ระบบนิพนธ์บทเรียนจึงสัมพันธ์กับส่วนอื่น ๆ นับตั้งแต่ขั้นตอนกำรออกแบบซึ่งเกี่ยวข้องกับ เครื่องมือต่ำง ๆ สิ่งอำนวยควำมสะดวกและบทบำทหน้ำที่จนถึงขั้นกำรผลิตบทเรียนที่จะเก็บบันทึกไว้ในฐำนข้อมูล เพื่อนำไปใช้ กับผู้เรียนต่อไป ระบบนิพนธ์บทเรียนจะต้องมีหน้ำที่หลัก 4 ด้ำนสำคัญ ดังนี้ 1. เตรียมข้อมูลเพื่อใช้ในกำรสร้ำงบทเรียน (Preparation) 2. สร้ำงตัวบทเรียน รวมทั้งสร้ำงข้อสอบ (Coureware Executor) 3. สร้ำงส่วนของกำรจัดกำรของบทเรียน (Management) 4. นำส่งบทเรียนไปยังผู้เรียน (Delivery) คุณสมบัติและองค์ประกอบของระบบนิพนธ์บทเรียน จะต้องมีควำมสำมำรถดังนี้ 1. ระบบควบคุมอินพุท/เอำท์พุท (I/O Control) ประกอบด้วย 1.1 กำรใช้ไฟล์ข้อมูล เช่น กำรเก็บบันทึก กำรนำเข้ำ กำรแสดงผล 1.2 มีระบบกรำฟิกรูปแบบต่ำง ๆ เช่น กำรสร้ำงรูปทรงเรขำคณิต 1.3 มีระบบกำรใช้ภำพและเสียงรูปแบบต่ำง ๆ ทั้งภำพนิ่งและภำพเคลื่อนไหว 1.4 สภำพแวดล้อมของระบบ (System Environment) ได้แก่ ระบบปฏิบัติกำรที่ใช้ 1.5 มีระบบกำรสร้ำงแบบทดสอบ ข้อสอบ และคำถำม 1.6 สำมำรถสร้ำงระบบกำรจำลองสถำนกำรณ์ได้ 1.7 มีระบบกำรเชื่อมต่อ (Interface System) ที่เป็นมำตรฐำน 1.8 ระบบกำรแสดงภำพออกทำงจอภำพลักษณะ WYSIWYG 1.9 ระบบกำรทดสอบและตรวจสอบกำรทำงำนของโปรแกรม 1.10 สนับสนุนกำรทำงำนในระบบเครือข่ำย
  • 17.
    2. ระบบกำรสร้ำงบทเรียน (Authoring)ประกอบด้วย 2.1 ระบบควบคุมโมดูลของบทเรียนแบบต่อเนื่อง 2.2 ระบบควบคุมเฟรมเนื้อหำบทเรียนแบบต่อเนื่อง 2.3 สำมำรถสร้ำงเฟรมและข้อควำมแบบปฏิสัมพันธ์ได้ 2.4 สำมำรถสร้ำงรูปแบบตัวอักษรแบบต่ำง ๆ และขนำดต่ำง ๆ ได้ 2.5 สำมำรถสร้ำงพจนำนุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ได้ 2.6 สำมำรถสร้ำงกรำฟิกเป็นรูปแบบ (Pattern) ต่ำง ๆ ได้ 2.7 สำมำรถทำงำนร่วมกับโปรแกรมต่ำง ๆ ได้ 2.8 สำมำรถสร้ำงบทเรียนประเภทต่ำง ๆ ได้ 2.9 มีระบบที่สำมำรถสร้ำงเครื่องมือต่ำง ๆ ของบทเรียน 2.10 มีรูปแบบของกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนหลำยรูปแบบ 2.11 สำมำรถเขียนโปรแกรมกำรจัดกำรบทเรียนได้ 3. ระบบฟังก์ชันพิเศษแลเครื่องมือ (Special Functions and Tools) ประกอบด้วย 3.1 มีฟังก์ชันและโปรแกรมย่อยให้เรียกใช้งำน 3.2 มีระบบกำรจัดเตรียมหน้ำจอภำพ กำรจัดเฟรมบทเรียน 3.3 มีระบบไฮเปอร์ลิงค์เพื่อกำรเชื่อมโยงข้อมูลหรือภำพ 3.4 มีระบบช่วยอำนวยควำมสะดวกต่ำง ๆ
  • 18.
    4. ระบบกำรจัดกำรบทเรียน (CoursewareExecutor) ประกอบด้วย 4.1 สำมำรถจัดลำดับบทเรียนได้เช่น รำยวิชำ หน่วยกำรเรียน โมดูล หรือเฟรม 4.2 สำมำรถจัดกำรเกี่ยวกับระเบียนของผู้เรียน เช่น รหัส และชื่อผู้เรียน 4.3 สำมำรถจัดเก็บข้อมูลและผลกำรเรียนได้ 4.4 มีระบบนำส่งบทเรียน (Delivery System) ไปยังผู้เรียน 4.5 มีระบบกำรจัดกำรในส่วนของคำแนะนำกำรเรียน กำรทำแบบฝึกหัด และคู่มือกำรใช้งำน เป็นต้น
  • 19.
    ระบบนิพนธ์บทเรียน (Authoring Functions) ฐานข้อมูลบทเรียน (Courseware Database) บทบาทและหน้าที่ (AuthoringFunctions) การผลิตบทเรียน (Courseware Construction) สิ่งอานวยความสะดวก (Authoring Utilities) ระบบการจัดบทเรียน (CMI) เครื่องมือต่าง ๆ (Authoring Tools) ผู้สร้างบทเรียน (Author) บทเรียน/ผลผลิต (Delivery System) บทเรียน (Lesson) ผู้เรียน (Student) การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยใช้ระบบนิพนธ์บทเรียน
  • 20.
    จำกคุณสมบัติดังกล่ำว สำมำรถกำหนดเป็นเกณฑ์พิจำรณำเลือกระบบนิพนธ์บทเรียน เพื่อใช้พัฒนำบทเรียน คอมพิวเตอร์ดังนี้ 1.ควำมง่ำยในกำรใช้งำน 2. ควำมสำมำรถในกำรนำเสนอผลงำนหลังจำกพัฒนำบทเรียนเสร็จแล้ว 3. ควำมสำมำรถในกำรติดต่อกับผู้ใช้ 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ตัวแปรและฟังก์ชันในกำรคำนวณและประมวลผล 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้งำนร่วมกับซอฟท์แวร์อื่น ๆ 6. มีลักษณะและรูปแบบกำรทำงำนเป็นแบบโมดูล 7. ควำมสำมำรถด้ำนมัลติมีเดีย 8. ควำมสำมำรถในกำรสนับสนุนด้ำนกำรทำเอกสำรประกอบบทเรียนคอมพิวเตอร์ 9. ควำมสำมำรถในกำรส่งบทเรียน (Delivery) ที่พัฒนำแล้วไปให้ผู้เรียน 10. ควำมสำมำรถในกำรนำบทเรียนที่พัฒนำแล้วไปใช้งำนกับคอมพิวเตอร์ 11. ควำมสำมำรถในกำรใช้งำนทั้งแบบโดยลำพังและบนเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต 12. ควำมสำมำรถในกำรพัฒนำโปรแกรมเพิ่ม 13. ค่ำใช้จ่ำยของระบบนิพนธ์บทเรียน
  • 21.
    Authorware ระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware มีคุณสมบัติเด่น3 ประกำร ที่สนับสนุนกำรพัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ระบบมัลติมีเดีย รวมทั้งกำรกระจำยบทเรียนที่พัฒนำแล้วไปยังผู้ใช้ได้แก่ 1. Object Authoring กำรออกแบบโปรแกรมด้วยเทคนิคนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับกำรออกแบบโปรแกรมหรือผู้ที่ไม่มี ประสบกำรณ์มำก่อนสำมำรถทุ่มเทควำมสนใจไปยังรำยละเอียดของเนื้อหำบทเรียนและวิธีกำรโต้ตอบของผู้ใช้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกำร เขียนโปรแกรม โดยกำรใช้สัญลักษณ์รูป (Icon) แทนคำสั่งทำให้ผู้ใช้สำมำรถสร้ำงโปรแกรมที่มีคุณภำพสูงได้อย่ำงง่ำย 2. Multimedia Tools โปรแกรม Authorware ประกอบด้วยเครื่องมือด้ำนมัลติมีเดียอย่ำงสมบูรณ์ ผู้ใช้สำมำรถสร้ำงบทเรียนที่ ประกอบด้วยข้อควำม รูปภำพ เสียง ภำพเคลื่อนไหว และวีดิทัศน์เขำด้วยกันทำให้ได้บทเรียนที่มีประสิทธิภำพในกำรใช้เพื่อเรียนกำรสอนและ กำรฝึกอบรม ตลอดจนกำรประยุกต์ใช้งำนด้ำนอื่น ๆ เช่น กำรจำลองกำรทำงำน กำรนำเสนอสินค้ำและกำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ได้เป็นอย่ำง ดี 3. Multi-Plateform กำรออกแบบโปรแกรมให้สำมำรถใช้ได้หลำยเพลทฟอร์มทำให้ผู้ใช้ได้รับควำมสะดวก ไม่ว่ำจะเป็นบนแมค อินทอชหรือเครื่องไอบีเอ็มพีซี มีกำรทำงำนที่คล้ำยคลึงกันนอกจำกนี้ยังสำมำรถติดต่อไปยังภำยนอกระบบ ไม่ว่ำจะเป็นกำรใช้ระบบฐำนข้อมูล หรือระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ คำสั่งในกำรทำงำนต่ำง ๆ ทั้งสองเพลทฟอร์มจะไม่แตกต่ำงกันมำก สิ่งที่สำคัญประกำรหนึ่งที่ทำให้ระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware ได้รับควำมนิยมอย่ำงแพร่หลำยก็คือเป็นโปรแกรมทำใช้ง่ำย เช่น กำรที่ออกแบบคำสั่งต่ำง ๆ ในรูปของสัญรูป กำรสร้ำงโปรแกรมด้วยกำรวำงสัญรูปไปเรียงไว้บนเส้นโฟลว์ (Flow Line) และโปรแกรม สำมำรถทำงำนได้อย่ำงถูกต้องอีกทั้งยังสนับสนุนวิธีกำรปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนหลำยวิธี ปัจจัยต่ำง ๆ ดังกล่ำวนี้จึงไมมี่ควำมจำเป็นต้องเรียนรู้ กำรใช้คำสั่งต่ำง ๆ ในลักษณะภำษำคอมพิวเตอร์แต่อย่ำงใด
  • 22.
    Multimedia Toolbooks Multimedia Toolbooksเป็นระบบนิพนธ์บทเรียนอีกระบบหนึ่งที่มีชื่อเสียงแพร่หลำยไม่น้อยกว่ำระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware โดยเป็นโปรแกรมประเภทไฮเปอร์กำร์ด ออกแบบขึ้นมำเพื่อใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์และงำนมัลติมีเดียในครั้งแรกได้ พัฒนำขึ้นเพื่อใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์บนเพลทฟอรม์ แมคอินทอช ต่อมำได้ปรับเปลี่ยนให้สำมำรถใช้งำนกับเครื่องไอบีเอ็มพีซีได้อีกเพลท ฟอร์มหนึ่ง คุณลักษณะของ Multimedia Toolbooks มีดังนี้ 1. ลักษณะของกำรจัดกำรบทเรียน 2. จุดด้อยของโปรแกรมส่วนหนึ่งก็คือ กำรสร้ำงภำพเคลื่อนไหว 3. จุดเด่นของโปรแกรมอีกส่วนหนึ่งก็คือควำมสำมำรถด้ำนไฮเปอร์เท็กซ์ 4. ด้ำนมัลติมีเดีย Toolbooks 5. กำรควบคุมวัตถุหลำยอย่ำง สรุปได้ว่ำ ระบบนิพนธ์บทเรียน Multimedia Toolbooks เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีอีก โปรแกรมหนึ่ง ตัวโปรแกรมสนับสนุนกำรทำงำนระบบมัลติมีเดียได้อย่ำงสมบูรณ์ แม้จะมีข้อด้อยบำงประกำรเกี่ยวกับกำรสร้ำงภำพเคลื่อนไหว และควำมเร็วในกำรประมวลผล โดยจะต้องใช้เครื่องที่หน่วยประมวลผลกลำงมีควำมสำมำรถสูง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware เนื่องจำกควำมจุของตัวโปรแกรมมีมำกกว่ำ แต่ข้อดีของโปรแกรมก็คือ ควำมยืดหยุ่นในกำรทำงำน ทำให้สำมำรถพัฒนำบทเรียน ในรูปของไฮเปอร์เท็กซ์ได้ดี รวมทั้งควำมสำมำรถพัฒนำระบบฐำนข้อมูลเพื่อใช้ในบทเรียน และโครงสร้ำงบทเรียนที่มีลักษณะของกำรโปรแกรม คอมพิวเตอร์ ซึ่งเหมำะสำหรับผู้ที่มีควำมรู้ด้ำนกำรโปรแกรมมำก่อน
  • 23.
    Icon Author ระบบนิพนธ์บทเรียน IconAuthor เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปอีกโปรแกรมหนึ่งที่มีลักษณะกำรใช้งำนคล้ำยกับ Authorware และ Multimedia Toolbooks เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท AimTechแห่งประเทศสหรัฐอเมริกำ เป็นระบบนิพนธ์ บทเรียนที่ได้รับกำรยอมรับว่ำสำมำรถใช้พัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดีเช่นกัน กำรพัฒนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรม Icon Author จะมีวิธีกำรเช่นเดียวกันกับระบบนิพนธ์บทเรียน Authorware โดยใช้สัญลักษณ์รูปที่มีอยู่ใน สครอลบำร์ แล้วจับมำวำงไว้บนผังงำนที่หน้ำจอภำพทำให้ผู้ที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ก็ สำมำรถใช้งำนได้ สัญรูปมีให้เลือกใช้งำนหลำยกลุ่มเพื่อป้ องกันควำมสับสนในกำรใช้งำน สัญรูปที่ดึงไปใช้บนผังงำน สำมำรถ แทรกเพิ่มเติมหรือลบทิ้งได้โดยนำไปทิ้งลงในถังขยะ พร้อมทั้งมีระบบอำนวยควำมสะดวก ได้แก่ มี Ribbon ซึ่ง จุดเด่นอีกประกำรหนึ่งของ Icon Author ก็คือ ควำมสำมำรถในกำรทำงำนร่วมกับข้อมูลและโปรแกรมภำยนอก ผ่ำนทำงสัญรูป DDE ซึ่งใช้สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโปรแกรมอื่น ๆ หรือต่อเชื่อมเข้ำกับ DLL เพื่อใช้ฟังก์ชันพิเศษ นอกจำกนี้ ยังสำมำรถเรียกใช้โปรแกรมอื่น ๆ ให้ทำงำนร่วมกันได้ นับว่ำเป็นจุดเด่นที่สำคัญของโปรแกรม Icon Author ซึ่งทั้งระบบนิพนธ์ บทเรียนMacromedia Authorware และ Multimedia Toolbooks จะไม่มีฟังก์ชันในส่วนนี้กำรเชื่อมต่อเข้ำกับระบบภำยนอก ผู้พัฒนำบทเรียนจะต้องเขียนโปรแกรม DLL เชื่อมโยงข้อมูลที่ต้องกำรเอง แต่กำรที่โปรแกรมมีส่วนสนับสนุนกำรใช้งำนมำกมำย ทำให้กำรใช้โปรแกรมมีควำมยุ่งยำกกว่ำระบบนิพนธ์บทเรียนทั้งสองที่ผ่ำนมำ โดยเฉพำะกำรใช้เสียงประกอบ แม้ว่ำจะมีสัญรูป สนับสนุนกำรใช้เสียงทั้งไฟล .wav และ .mid ก็ตำม แต่ก็ยุ่งยำกในกำรค้นหำไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ก่อนหน้ำนั้น