11. ถ้า A เป็นเมตริกซ์ที่มี มิติ 33 ทรานสโพสของเมตริกซ์ A
เกิดจากการเปลี่ยนที่จากแถวเป็นหลักของเมตริกซ์ A
สัญลักษณ์ At
แทน ทรานสโพสของเมตริกซ์ A
นั่นคือ A = [aij] มีมิติ m n
At
= [aji] มีมิติ n m
ตัวอย่าง A =
At
=
การเท่ากันของเมตริกซ์ เมตริกซ์ใด ๆ จะเป็นเมตริกซ์เท่ากันภายใต้เงื่อนไข
1. เมตริกซ์จะต้องมีมิติเท่ากัน
2. สมาชิกในแต่ละตาแหน่งเท่ากัน
เช่น
A= B =
A = B
การบวกและการลบเมตริกซ์
การบวกและการลบเมตริกซ์สองเมตริกซ์ใด ๆ สามารถกระทาได้ภายใต้เงื่อนไข
1. เมตริกซ์ ทั้งสองต้องมีมิติเท่ากัน
2. นาสมาชิกที่อยู่ตาแหน่งเดียวกันบวกหรือลบกัน
นิยาม ให้ A = [a1j]mn และ B= [bij]mn จะได้
(1) A + B =C = [c1j]mn โดยที่ Cij = Aij + Bij
(2) A - B =C = [c1j]mn โดยที่ Cij = Aij - Bij
1 2 -1
0 3 5
[ ]23
[
1 0
2 3
-1 5 ]32
1 2 -2
0.5 4 -1
[ ]
1
4
8
-2
2
1
16 -1
[ ]
12. ตัวอย่าง กาหนดให้ A = B = C =
A + B = =
สมบัติของการบวก
ถ้า A , B , C เป็นเมตริกซ์มิติ mn
1. A + B เป็นเมตริกซ์มิติ mn (คุณสมบัติปิด)
2. A + B = B + A (คุณสมบัติสลับที่)
3. A + (B + C) = (A + B ) + C (คุณสมบัติเปลี่ยนกลุ่มได้)
4. นเอกลักาณ์การบวกคือ 0 + A = A + 0 = A
5 วอร์สการบวกของเมตริกซ์ A คือ -A โดยที่ A + (-A) = 0
การคูณเมตริกซ์ ด้วย สเกลาร์
กาหนด k เป็นสเกลาร์ ใด ๆแล้ว
kA = k =
การคูณเมตริกซ์ ด้วยเมตริกซ์
เมตริกซ์ จะคูณกันได้ก็ต่อเมื่อ
จานวนหลักของเมตริกซ์ตัวตั้งเท่ากับจานวนแถวของเมตริกซ์ตัวคูณ
ถ้า A , B ,C เป็นเมตริกซ์
A มีมิติ m n
B มีมิติ n p และ
AB = C แล้ว C มีมิติ m p
1 2
2 7[ ] -3 5
6 -2
[ ]
[ 1+(-5) 2 + 5
2 + 6 7 +(-2)
] -3 7
8 -5
[ ]
3 -8
4 1[ ]
a b c
x y z
[ ]
ka kb kc
kx ky kz
[ ]
Amn Bnp = Cmp
13. การคูณตามผังที่แสดงกล่าวคือ แถวของตัวตั้งไปคูณกับหลักของตัวคูณ
โดยคูณสมาชิกที่สมนัยกันเป็นคู่ ทาเช่นนี้เรื่อย ๆ จนครบทุกหลักและเริ่มที่แถวที่สองต่อไป ตามผัง
22เป็นตัวอย่าง
ตัวอย่าง กาหนด A = B =
วิธีทา AB =
AB =
ดีเทอร์มิแนนท์ (Determinant) เป็นค่าที่ได้จากการคานวณจากเมตริกซ์ที่กาหนดให้
A เป็น nn เมตริกซ์ ดีเทอร์มิแนนท์ของเมตริกซ์ A เขียนแทนด้วย det(A) หรือ A
ดังนี้
A =
1 2
3 4[ ]
-2 -1
-4 -3
[ ]
[ ] ]-2 -1
-4 -3
[1 2
3 4
= 1(-2) + 2(-4) = –2– 8 = -10
1 2
[ ][-2 -1
-4 -3
]
[ ][-2 -1 ]
[ ][-2 -1
-4 -3
]
1 2
[ ][
-2 -1
-4 -3
]
= 1(-1) + 2(-3) = - 1 –6 = -7
= 3(-2) + 4(-3) = -6 –16 = -22
= 3(-1) + 4(-3) = -3 -12 = -15
-10 -7
-22 -15
[ ]
a b
c d
[ ]
-
+
จะได้ det(A) = ad - bc
a b
c d
[ ] ,