More Related Content
Similar to หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเพาะปลูกพืช (15)
More from lukhamhan school (9)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเพาะปลูกพืช
- 2. จัดทาโดย
1.นายภูมินทร์ มุ่งซ่อนกลาง เลขที่ 2
2.นายชินวัตร ทักษิณกานนท์ เลขที่ 7
3.นายทักษิณ ทักษิณกานนท์ เลขที่ 8
4.นายกฤติมา นาคามูล เลขที่ 12
5.นายจิระพงษ์ ส่งเสริม เลขที่ 14
6.นายตะวัน ตรุณจันทร์ เลขที่ 16
7.นางสาวภคณัฐ เลขะสันต์ เลขที่ 31
8.นางสาวศุภธิดา ทองลาด เลขที่ 32
9.นางสาวอาทิตติยา คุณสมบัติ เลขที่ 33
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7
- 4. 1.ดิน
หมายถึง วัตถุที่เกิดจากการรวมตัวตามธรรมชาติของเศษหินและแร่ธาตุต่างๆที่สลายตัว เป็นชิ้นเล็กๆกับอินทรีย์วัตุที่เน่าเปื่อยผุพังรวมตัวกันเป็นชั้นๆห่อหุ้มโลก
ความสาคัญ
- ดินเป็นรากฐานสาหรับการเจริญเติบโตของพืชและเป็นที่ยึดเหนี่ยวของรากพืช
- ดินเป็นแหล่งน้าและอากาศให้รากพืชดูดไปใช้ประโยชน์
-.ดินเป็นแหล่งธาตุอาหารที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
- ดินเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ชนิดที่เป็นประโยชน์ของพืช
ส่วนประกอบของดิน คือ แร่ธาตุหรืออนินทรีย์วัตถุ อินทรียวัตถุ น้า อากาศ
ประเภทของดิน โดยทั่วไปแบ่งได้3ประเภท คือดินเหนียว ที่มีขนาดเล็กที่สุด ถัดมาคือดินร่วน มีขนาดตั้งแต่ 0.002-0.05 มิลลิเมตร และดินทราย มีขนาดตั้งแต่ 0.05-2.0
การปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของ
1.ดินด่าง ใส่ปุ๋ ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ ยหมัก ปุ๋ ยคอก เพื่อลดปฎิกิริยาทางเคมีของดิน การทดน้าเข้าแปลงปลูกพืชและกักไว้ช่วยลดความเจือจางของด่าง
การไถพลิกหน้าดินด้านบนและด้านล่างและใส่ปุ๋ ยที่มีฤทธิ์ตกค้างเป็นกรด เช่น ปุ๋ ยแอมโมเนียซัลเฟต
2.ดินกรด ใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ลหรือขี้เถ้าแกลบลงในดิน
2.น้า
น้าเป็นสิ่งที่จาเป็นต่อการดารงชีวิตและการเจริญเติบโตของพืช ดังนี้
1.เป็นตัวช่วยละลายธาตุอาหารพืชที่อยู่ในดินให้อยู่ในรูปแบบของสารละลาย
2.เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสงของพืช
3.ทาให้เซลล์พืชเต่งตึง
4.ช่วยลาเลียงแร่ธาตุ
5.ช่วยปรับระดับอุณหภูมิภายในต้นพืชด้วยการคายน้า
2.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของพืช
- 5. 3.อุณหภูมิ
โดยทั่วไปสามารถแบ่งพืชออกเป็น2 ประเภทดังนี้
1.พืชเมืองหนาว เป็นพืชที่มีความต้องการอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15-20 องศาเซลเซียส เช่น แอปเปิล ข้าวบาร์เลย์สตอเบอร์รี่ เป็นต้น แต่ถ้านา
พืชเหล่านี้มาปลูกในที่ที่มีอากาศร้อนจะทาให้ใบของพืชไหม้ เนื่องจากมีการคายน้ามาก
2.พืชเมืองร้อน เป็นพืชที่มีความต้องการอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20-40 องศาเซลเซียส เช่น ข้าวโพด มังคุดเงาะ ข้าว เป็นต้น แต่ถ้านาพืช
เหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ากว่านี้มากๆก้จะทาให้พืชชักการเจริญเติบโตหรือตายได้
4.แสงสว่าง
ความสาคัญ
1.แสงมีความสาคัญต่อพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดพืชแต่ละชนิดมีความต้องการแสงสว่างไม่เท่ากัน การงอกของเมล็ดจะไม่ใช้แสงสว่างแต่
เมื่อเจริญเติบโตจึงจะใช้แสงต่างกัน
2.แสงมีอิทธิพลต่อการสร้างผลผลิตพืช แบ่งตามการตอบสนองของแสงได้3 ประเภทดังนี้
2.1 พืชวันสั้น ต้องการแสงประมาณ 10-14 ชั่วโมงต่อวัน หรือน้อยกว่าจึงจะออกดอก เช่น มันเทศ คริสต์มาส เป็นต้น
2.2 พืชวันยาว ต้องการแสงประมาณ 14-16 ชั่วโมงต่อวัน หรือมากกว่านี้ เช่น แครอต ข้าวโอ๊ต พุดซ้อน เป็นต้น
2.3พืชที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อช่วงแสงคือแสงไม่มีผลต่อการออกดอกของพืช เช่น แตงกวา มะเขือเทศ พริกไทย เป็นต้น
3.คุณภาพของแสง
3.1 แสงสีแดง จะช่วยส่งเสริมให้เมล็ดพืชงอกได้เร็วขึ้นรวมทั้งการเจริญเติบโตของต้นกล้าและการผลิตดอก
3.2 แสงสีน้าเงิน ทาให้เซลล์พืชแก่เร็วและช่วยกระตุ้นการสร้างคลอโรฟิลล์ในพืชมากยิ่งขึ้น
4.ความเข้มของแสง สามารถจาแนกพืชออกตามความต้องการความเข้มของแสงได้ดังนี้
4.1 พืชในร่ม เป็นพืชที่ต้องการความเข้มของแสงต่าควรปลูกในที่ร่มมีแสงราไร เช่น เฟิร์นต่างๆ บอนสี เป็นต้น
4.2พืชกลางแจ้งเป็นพืชที่ต้องการความเข้มของแสงสูงควรปลูกกลางแจ้งให้ถูกแดดจัดทั้งวันเช่น ดาวกระจาย เข็ม เป็นต้น
- 8. 2.หลักการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการปลูกพืช หลักการใช้เครื่องมือมีดังนี้
2.1 ศึกษาวิธีการใช้เครื่องมือจากคู่มือการใช้งานของชนิดนั้นๆ
2.2 ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับงาน
2.3 ขณะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการปฏิบัติงานไม่ควรหยอกล้อ
2.4 เมื่อปฏิบัติงานเสร็จแล้วหรืออยู่ในระหว่างพักงานควรเก็บเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบในที่จัดเก็บ
2.5 ผู้ปฏิบัติงานควรแต่งกายให้รัดกุมและเหมาะสมกับงานนั้นๆ
3.หลักการเก็บรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ในการปลูกพืชควรปฏิบัติ ดังนี้
3.1 เครื่องมือทุกชนิดควรเก็บไว้ในโรงเรือนให้มิดชิด
3.2 เครื่องมือที่มีชิ้นส่วนเป็นโลหะควรชะโลมด้วยน้ามันกันสนิมหลังการใช้งานทุกครั้ง
3.3ควรอัดจารบีหล่อลื่นในชิ้นส่วนที่มีความเคลื่อนไหวและเสียดสีกันของโลหะ
3.4 เครื่องมือที่มีจานวนมากละชิ้นเล็กควรวางบนแผ่นใส่เครื่องมือให้เรียบร้อย
3.5 ควรดูแลเครื่องมืออุปกรณ์ที่ผู้อื่นหยิบยืมไปใช้ ซึ่งอาจจะมีการสึกหรอหรือเสียหายเกิดขึ้น
- 9. 4.การเตรียมดินปลูกพืช
โดยทั่วไปการเตรียมดินปลูกพืชมี 3 ลักษณะ ดังนี้
1.การเตรียมดินเพาะเมล็ดหรือเพาะกล้าในภาชนะ อาจใช้ดินผสมซึ่งมีอยู่หลายชนิดหรือหลายสูตรด้วยกัน ดังนี้
สูตรที่ 1 ดินร่วน 3 ส่วน ปุ๋ ยหมัก 1 ส่วน ปุ๋ ยคอก 1 ส่วน
สูตรที่ 2 ดินร่วน 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ปุ๋ ยหมัก 1 ส่วน ปุ๋ ยคอก 1 ส่วน
สูตรที่ 3 ดินร่วน 6 ส่วน ปุ๋ ยหมักหรือปุ๋ ยคอก 2 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน
วิธีการผสมดินคือนาส่วนผสมที่มีน้าหนักมากไว้ล่างสุด โดยใช้จอบหรือพลั่วพลิกส่วนผสมของดินและวัสดุอื่นๆ จาก
ข้างล่างขึ้นข้างบนกลับไปกลับมาจนส่วนผสมเข้ากัน แล้วจึงนามาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้เกลี่ยหน้าดินให้เรียบแล้วโรยเมล็ด
2.การเตรียมดินเพาะเมล็ดในแปลงเพาะ มีขั้นตอนในการเตรียม ดังนี้
2.1 กาจัดวัชพืชและวัสดุอื่นๆ เช่น ก้อนหิน กรวด กิ่งไม้ขยะ ออกจากบริเวณแปลงเพาะให้หมด
2.2 ใช้จอบขุด โดยขุดดินให้ลึกอย่างน้อยหน้าจอบหรือลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร และพลิกดินชั้นล่างขึ้นมาข้างบน
2.3 ย่อยดินให้ละเอียดและเก็บเศษวัชพืชออกอีกครั้ง
2.4 ขนาดของแปลงเพาะควรกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ปริมาณต้นกล้าที่ใช้ขอบแปลงสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพื่อ
ระบายน้าได้ดียิ่งขึ้น
2.5 แปลงเพาะควรมีหลังคาที่ทาด้วยใบจากหรือทางมะพร้าวหรือตาข่ายกรองแสง เพื่อป้องกันแสงแดด ลมและฝน
- 10. 3.การเตรียมดินปลูกพืชเฉพาะอย่าง แต่ละชนิดจะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป ดังนี้
การเตรียมดินปลูกพืชผักสวนครัว โดยทั่วไปพื้นที่ปลูกจะมีขนาด 1*4 เมตร มีวิธีการปลูก ดังนี้
-กาจัดวัชพืชและวัสดุอื่นๆ
- ใช้ไม้ปักเพื่อกาหนดขนาดของแปลงที่ปลูกทั้ง4 มุม
- ใช้จอบขุดพลิกหน้าดินชั้นล่างมาชั้นบนให้ลึก 15-30 เซนติเมตร ตากให้แห้ง 2-3 วัน
- ใช้เสียมย่อยดินในแปลงให้ร่วนและเก็บวัชพืชออกอีกครั้ง
- ใส่ปุ๋ ยคอกหรือปุ๋ ยหมัก ปริมาณ 4-5 ปิ๊ป ต่อพื้นที่ 4 ตารางเมตร และผสมให้เข้ากัน
- ปรับตกแต่งแปลงปลูกให้สวยงาม
การเตรียมดินปลูกไม้กระถาง
คุณสมบัติของดินที่ใช้ปลูก คือ มีน้าหนักเบา ลักษณะโปร่ง มีธาตุอาหารเพียงพอตามความต้องการของพืช ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างจัดและหา
ง่ายมีราคาถูก
ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูก คือ ดินร่วน อินทรียวัตถุ ปุ๋ ยคอก และทรายหยาบ อย่างละ1 ส่วนโดยปริมาตร
วิธีการผสมดิน ทาได้โดยนาเอาส่วนผสมทั้ง 4 ส่วน มากองรวมกันเป็นชั้นๆและจัดให้วัตถุที่หนักอยู่ชั้นบนสุดแล้วใช้พลั่วตักส่วนผสมออกจาก
ชั้นล่างขึ้นชั้นบน พลิกกองวัสดุจนกว่าส่วนผสมจะเข้ากัน
การปลูกไม้ยืนต้น สามารถทาได้ดังนี้
-ขุดหลุมปลูกไม้ยืนต้นมีความกว้าง ความยาวและความลึก 1เมตร
- การขุดควรแยกหน้าดินชั้นบนและดินชั้นล่างไว้คนละข้างของปากหลุม
- เมื่อขุดแล้วควรตากดินไว้ประมาณ10-15 เซนติเมตร เพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ใช้หญ้าแห้งหรือฟางแห้งรองที่บริเวณก้นหลุม ให้หนาประมาณ 50 เซนติเมตร
- ใส่ปุ๋ ยคอกแห้งประมาณ 1-2 ปิ๊ป ผสมกับดินนั้นบนในหลุมและใส่ดินผสมคือ ดินร่วน 2 ส่วนและปุ๋ ยหมัก 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เต็มหลุม
- 11. 5.การเตรียมพันธุ์พืช
1.วัตถุประสงค์ของการเตรียมพันธุ์ มีดังนี้
1.1 เพื่อให้ได้ต้นพืชที่ปลูกถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ปลูก
1.2 เพื่อให้ได้ต้นพืชที่ดี
1.3 เพื่อให้ได้ต้นพืชที่ให้ผลผลิตสูงทั้งปริมาณและคุณภาพ
1.4 เพื่อให้ได้พันธุ์พืชในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการที่จะปลูก
1.5 การเตรียมต้นพันธุ์ที่มีอายุเท่าๆกันจะทาให้ผู้ปลูกได้รับผลผลิตพร้อมกันทั้งแปลง
2.หลักการคัดเลือกพันธุ์
2.1 ควรเป็นพันธุ์พืชที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของผู้ปลูก
2.2 ควรเป็นพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตสูงและดีที่สุด
2.3 ควรเป็นพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชในท้องถิ่น
2.4 ควรเป็นพันธุ์พืชที่ตรงกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
3.แหล่งที่มาของพันธุ์ สามารถทาได้หลายวิธี ดังนี้
3.1 การเก็บรวบรวมพันธุ์พืชไว้ใช้เอง
3.2 การจัดซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้
3.3 การจัดซื้อหรือติดต่อขอรับจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
4.วิธีการเตรียมพันธุ์พืช มี 2 ทาได้ลักษณะ ดังนี้
4.1 การเตรียมพันธุ์พืชจากเมล็ด คือ ผลที่ได้รับจากการผสมพันธุ์ระหว่างเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย เมล็ดที่แก่เต็มที่สามารถนาไป
เพาะปลูกเป็นพืชต้นใหม่ได้เช่น ถั่ว ผักกาด ผักบุ้ง เป็นต้น
4.2 การเตรียมพันธุ์จากส่วนต่างๆของพืช เช่น ราก ลาต้น ใบ กิ่งหรือยอดอ่อน สามารถทาได้หลายวิธี เช่น การปักชา การตอนกิ่ง การติดตา
การทาบกิ่ง การต่อกิ่งหรือการเสียบยอด เป็นต้น