More Related Content
Similar to Lesson 2 sovereignty
Similar to Lesson 2 sovereignty (20)
Lesson 2 sovereignty
- 1. Lesson 2
Theory of Sovereignty
and Right / Liberty
Asst. Prof. Ating Capt.KATAWUT PONKHOT, Ph.D.
Bachelor of Political Science Program
NRRU
- 9. แนวคิดทฤษฎีว่าด้วยอํานาจสูงสุดเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
ของสันตะปาปา ของกษัตริย์
• ด้วยความมุ่งหมายว่า จะสร้างฐานแห่งอํานาจ ของฝ่าย ศาสนจักรเหนือ
ฝ่ายอาณาจักรโดยเด็ดขาด โดยอ้างว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นบริสุทธิเทพ จึง
ไม่อาจมาข้องแวะหรือบงการมนุษย์ได้ทุกคน ในทุกเวลาและในทุกสถานที
จึงได้เลือกให้พระบุตร หรือพระเยซู (Jesus Christ) มาไถ่บาปมนุษย์
แทน เพือต่อจากนันไปมนุษย์จะได้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์อิสระของตนได้
ต่อมาพระบุตรได้เลือกสาวกคนสําคัญคือ นักบุญปีเตอร์(Saint Peter)
ให้เป็นผู้ปกครองดูแลคริสศาสนิกชนทังหลายในโลกสืบต่อจากพระองค์ ซึง
ในทีสุด นักบุญปีเตอร์ได้มอบอํานาจให้พระสันตะปาปาองค์ต่อๆ มา
รับภาระนีสืบต่อไปอย่างไม่ขาดสาย ดังนันพระสันตะปาปาจึงเป็นผู้มีอํานาจ
สูงสุดทางฝ่ายศาสนจักร
- 10. • ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที 15-16
• พระมหากษัตริย์ของฝรังเศสก็เข้มแข็งขึนทังกษัตริย์ได้ต่อสู้ขับเคียวกับ
อํานาจของผู้นําทางศาสนจักร เพือฟืนฟูถึงอํานาจทางการเมืองของ
กษัตริย์ให้กลับคืนมาก็เกิดมีทฤษฎีใหม่ทีนิยมในขณะนันคือทฤษฎีว่า
ด้วยความมีอํานาจสูงสุดของกษัตริย์(The Supremacy of
King)
• “อํานาจอธิปไตย” แทนคําว่า “อํานาจสูงสุด” เป็นครังแรกโดยถือ
ว่ากษัตริย์ เป็นรัฎฐาธิปัตย์(Sovereign) หรือผู้มีอํานาจสูงสุดในรัฐ
แต่ละรัฐ เป็นผู้ใช้อํานาจอธิปไตยซึงเป็นของรัฐ
- 11. แนวความคิดเห็นของนักทฤษฎีทางการเมือง
ฌ็อง โบแดง (Jean Bodin: ค.ศ.1530-1596)
อํานาจอธิปไตย ปรากฏในหนังสือชือ “สาธารณรัฐใน 6
บรรพ” ว่า “สาธารณรัฐ (Res Publica)” คือสิทธิในการ
ปกครองกลุ่มบุคคลหลายๆ กลุ่ม และทีเป็นส่วนร่วมของกลุ่มบุคคล
เหล่านีคือ “อํานาจอธิปไตย (Puissance Souveraine)”
- 13. แนวความคิดเห็นของนักทฤษฎีทางการเมือง
โทมัส ฮอปส์ (Thomas Hobbes: ค.ศ.1588-1677)
มนุษย์เห็นแก่ตัว และโหดร้าย สังคมเกิดจากการขัดแย้ง และ
ต้องการให้มีผู้ตัดสินคุ้มครองคนแต่ละคน ดังนันสังคมจึงเป็นสิงที
มนุษย์ได้ร่วมกันสร้างขึน ไม่ใช่สิงทีมีมาตามธรรมชาติ รัฐเกิด ขึนก็
เพือจะปกป้องคนโดยแต่ละคนต่างได้ทําสัญญายอมสละเสรีภาพเพือ
ความสงบไม่ต้องรบราฆ่าฟันกันเมือคนทําสัญญากันเช่นนี คนแต่ละคน
ต้องเคารพสัญญาของสังคมนัน และต้องเคารพรัฐซึงเป็นผู้รับมอบ
อํานาจไปจากคน ฮอปส์เรียกสัญญาเช่นนีว่า Leviathan
- 15. แนวความคิดเห็นของนักทฤษฎีทางการเมือง
จอห์น ล๊อค (John Locke: ค.ศ.1632-1704)
• หนังสือ “Secone Treaties of Civil Government” เมือ
ปี ค.ศ.1690
• มนุษย์และสังคมจะแยกจากกันไม่ได้ เพราะสังคมประกอบขึนจากมนุษย์
สังคมจึงมีวัตถุประสงค์สุดท้ายคือ ความผาสุกและความสงบของมนุษย์ซึง
เป็นสมาชิก ดังนันจึงต้องปล่อยให้กลไกทางสังคมและเศรษฐกิจ ดําเนินไป
เองตามสภาพของมัน เพราะกฎเกณฑ์แห่งความพอเหมาะของธรรมชาติ
จะชักจูงให้มนุษย์ ผลิตและปรับปรุงผลผลิต ให้ตรงกับความต้องการของ
มนุษย์เอง
- 16. จอห์น ล๊อค (John Locke: ค.ศ.1632-1704)
• อํานาจอธิปไตยออกเป็น 3 อํานาจ
• 1. อํานาจในการบัญญัติกฎหมาย (อํานาจนิติบัญญัติ) ซึงล๊อคเห็นว่า
ต้องไม่ใช่เป็นแบบถาวรเพราะกฎหมายจะจํากัดเสรีภาพของมนุษย์
• 2. อํานาจในการบริหาร หรือในการบังคับใช้กฎหมาย ซึงเป็นการ
ปฏิบัติโดยฝ่ายปกครองและศาล
• 3. อํานาจในความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
• ล๊อค เป็นผู้ให้กําเนิดแก่ ปัจเจกชนนิยม และเสรีภาพคนแรก
- 17. แนวคิดทฤษฎีว่าด้วยอํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
ฌ๊องจ๊าค รุสโซ (Jean Jaque Rousseau: ค.ศ.1721-1778)
ซึงเป็นผู้ทีเขียนหนังสือ “The Social Contract” หรือสัญญา
ประชาคม
สังคมตามธรรมชาติของมนุษย์นันก็คือมนุษย์เกิดมามีอิสระและเท่าเทียมกัน
สภาพธรรมชาติของมนุษย์จะมีสภาพคล้ายสัตว์ และมีความต้องการน้อยมากในยุค
นัน เรืองของกรรมสิทธิก็ยังไม่มี จนภายหลัง เมือการมีกรรมสิทธิของมนุษย์แต่ละ
คนเกิดขึนรุสโซจึงเชือว่ากรรมสิทธิก่อให้เกิดความชัวร้าย เพราะเหตุกรรมสิทธิได้
ก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ความจําเป็นทีจะต้องมีการ
คุ้มครองป้องกันกรรมสิทธิของตน ทําให้มนุษย์ในยุคโบราณ ดําเนินการจัดรูปแบบ
การปกครองของตนขึน
- 24. ทฤษฎีการแบ่งแยกอํานาจ
มองตสกิเออ (Montesquieu: ค.ศ.1689-1755)
รัฐบาลทีดีทีสุด ต้องเป็นรัฐบาลทีอํานาจแต่ละอํานาจ ใช้โดย
องค์กรแต่ละองค์กรทีต่างกัน เมือบุคคลคนเดียว หรือองค์กรเดียวมี
การรวมอํานาจนิติบัญญัติและบริหารไว้ด้วยกันเสรีภาพจะเกิดขึนไม่ได้
และความยุติธรรมก็จะไม่บังเกิดถ้าอํานาจในการตัดสินคดีไม่ได้แยก
ออกจากอํานาจนิติบัญญัติ หรือบริหาร ความมุ่งหมายสูงสุดของมอง
เตสกิเออ ในการแยกอํานาจ ก็เพือทีจะคุ้มครองและให้หลักประกัน
เกียวกับสิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน
- 27. ประเภทของอํานาจอธิปไตย
1. อํานาจอธิปไตยทางกฎหมาย (Legal Sovereignty)
2. อํานาจอธิปไตยทางการเมือง (Political Sovereignty )
3. อํานาจอธิปไตยตามข้อเท็จจริง ( De Facto Sovereignty)
4. อํานาจอธิปไตยตามนิตินัย (De Jure Sovereignty )
5. อํานาจอธิปไตยภายนอก (External Sovereignty)
- 31. สิทธิเสรีภาพ (Right / Liberty)
• สิทธิ (Right) หมายถึง อํานาจ หรือประโยชน์อันมีกฎหมายรับรอง
และคุ้มครองให้
• สิทธิ มีความเป็ น 2 นัย คือ สิทธิทางกฎหมาย (Positive
Rights) ได้แก่ อํานาจ หรือประโยชน์กฎหมายสามารถรับรองและ
คุ้มครอง
• สิทธิทางศีลธรรม (Moral Rights) ได้แก่ สิทธิทีเกิดจาก
ความรู้สึกนึกคิดของคนทัวไปว่า วิถีทางทีถูกต้อง และเป็นธรรม
- 32. สิทธิเสรีภาพ (Right / Liberty)
• เสรีภาพ (Liberty) หมายถึง
• ความมีอิสระทีจะกระทําการ หรือ งดเว้นกระทําการใดๆ นันเอง
- 36. สิทธิมนุษยชน (Human right)
• สิทธิมนุษยชน (Human right) เป็นพืนฐานทีถือว่ามนุษย์ทุกคน
ต้องมี
• เกิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (United
Nations Universal Declaration of Human
Rights - UDHR) ขึนซึงสมัชชาสหประชาชาติลงมติยอมรับ
และประกาศใช้เมือ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 จวบจนถึงปี ค.ศ.
2002
- 37. การแบ่งประเภทของสิทธิมนุษยชนตามหลักกฎหมาย
ระหว่างประเทศ
1. สิทธิพลเมือง (civil rights) ทางด้านการเมือง เช่น สิทธิทีจะมีชีวิต
อันปราศจาก จากการถูกทรมาน หรือ จากการถูกบังคับใช้แรงงาน
หรือ จากการลงโทษทีเกินเหตุ และโหดร้าย สิทธิทีจะได้รับการ
พิพากษาอย่างเป็นธรรม การมีเสรีภาพทีจะแสดงความคิดเห็น เป็นต้น
2. สิทธิคุณภาพชีวิต ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น สิทธิ
ทีจะได้รับการบริการสาธารณสุข และได้รับการศึกษาอย่างพอเพียง
ตลอดจนมีมาตรฐานความเป็นอยู่ทีดี